.
เอกสารที่คุณได้รับฉบับนี้ มันคือ"
คำบังคับ
"(คำพิพากษา)อย่างเป็นทางการของศาล
(ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการพิพากษาด้วยวาจาไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30/พ.ค./2558 ที่ผ่านมา) โดยให้มีผลบังคับใช้ในทางกฎหมาย
นับตั้งแต่วันที่ 8/พ.ย./2558 เป็นต้นไป(วันที่มีคำพิพากษาฉบับนี้ มาปิดที่หน้าบ้านคุณนั่นแหละ)...ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. บังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นจำนวนเงิน 45,983.15 บาท
2. บังคับให้จำเลยต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินร้อยละ 12ต่อปี(12% ต่อปี) โดยดอกเบี้ยนี้ ให้คิดคำนวณจากเงินต้นที่ 33,027 บาท และให้มีการคิดดอกเบี้ยที่ว่านี้"
ย้อนหลัง"อีกด้วย โดยให้เริ่มคิดดอกเบี้ยย้อนหลัง นับจากวันที่โดนฟ้องเป็นต้นไป
(ฟ้องวันที่ 20/เมษายน2558)...และดอกเบี้ยจำนวนนี้ จะเดินตามตูดลูกหนี้ทุกวัน
(มีการคิดดอกเบี้ยไปเรื่อยๆทุกวัน) จนกว่าจะชำระหนี้ให้หมด
3. บังคับให้จำเลยต้องจ่าย
ค่าฤชาธรรมเนียมศาล(ประมาณสี่พันถึงห้าพันบาท) ถ้าอยากรู้ว่าค่าฤชาธรรมเนียมที่แท้จริงเป็นเงินเท่าไหร?...ก็ต้องไปขอเช็คที่ศาลเอาเอง
4. บังคับให้จำเลยต้องจ่ายค่าจ้างทนายความของฝ่ายโจทก์ เป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท
5. ส่วนคำลงท้ายที่ศาลสั่งว่า
ให้จำเลยต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15วัน(โดยให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 8/พ.ย./2558 เป็นต้นไป เพราะเป็นวันที่ศาลเอาคำสั่งฉบับนี้มาแปะไว้ที่หน้าบ้าน)...หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าว จะต้องถูกยึดทรัพย์หรือถูกจับและจำขัง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น
*** มันเ้ป็นคำลงท้ายที่เป็นมาตราฐานโดยทั่วๆไปของศาล ที่ศาลจะต้องกล่าวลงท้ายไว้เป็นเช่นนี้...ไม่ว่าจะเป็นคดีอะไรก็ตาม จะเป็นคดีเล็กๆน้อยๆ หรือเป็นคดีประเภทขี้หมูรา-ขี้หมาแห้ง หากมีการพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว ศาลก็ต้องกล่าวลงท้าย(กล่าวปิดท้าย)ไว้เป็นเช่นนี้ทุกคดีด้วยกันทั้งนั้น ***
แต่ว่า...เนื่องจากว่าคดีนี้ เป็นเพียงแค่คดีแพ่งเท่านั้น
(คดีที่ฟ้องร้องกันว่าด้วยเรื่อง"หนี้เงิน"เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น จึงไม่มีบทลงโทษในทางกฎหมายให้ลูกหนี้ต้องติดคุกติดตะรางแต่อย่างใด
(ถึงแม้ศาลจะกล่าวลงท้ายเอาไว้ว่า"ต้องถูกจับและจำขัง"ก็ตาม) เนื่องจากในคดีแพ่งไม่ได้มีบทบัญญัติให้ลูกหนี้ต้องติดคุกแทนการใช้หนี้...แต่...ก็มีบทบัญญัติเอาไว้ว่า
ให้เจ้าหนี้สามารถทำการ"ยึดทรัพย์"หรือ"อายัดเงินเดือน"ของลูกหนี้เพื่อนำไปชำระหนี้แทนได้
ซึ่งเป็นบทลงโทษที่สูงที่สุดแล้ว สำหรับในคดีแพ่ง
สรุปก็คือ...เรื่องการฟ้องศาลของคุณกับเจ้าหนี้ในคดีนี้ มันได้จบลงไปแล้ว และไม่สามารถย้อนกลับไปทำการแก้ไขที่ชั้นศาลได้อีกแล้ว เพราะศาลได้ทำหน้าที่พิพากษาไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว
โดยคุณต้องปฏิบัติตามที่ศาลสั่งภายในไม่เกิน 15วัน(นับตั้งแต่วันที่ 8/พ.ย./58 เป็นต้นไป) หากคุณไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ยื่นเรื่องของคุณไปที่"
กรมบังคับคดี" เพื่อให้ทำการ
ยึดทรัพย์/อายัดเงินเดือนของคุณต่อไป
ลองไปหาอ่านความรู้จากในกระทู้อื่นๆบ้างนะครับ จะได้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น
ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64
ไขข้อข้องใจ “การอายัดเงินเดือน”
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=28147&Itemid=64
กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64
สอบถามเรื่องขึ้นศาลค่ะ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40812&Itemid=64#47926
ตอนนนี้บริษัทที่โทรมาทวงบอกว่าศาลตัดสินแล้ว ทั้งที่เราไม่เคยไปขึ้นศาลเลยต้องทำยังไงคะ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=43715&Itemid=64#76378
หากลูกหนี้(จำเลย)ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สิน...จะเป็นอย่างไร?
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=8746&Itemid=64
เป็นหนี้บัตรเครดิตติดคุกหรือไม่