เพิ่งเริ่มหยุดจ่ายหนี้เดือนแรก

123ปลาฉลามขึ้นบก เขียน: วันนี้ ไปรษณีย์มาส่งที่บริษัท ทะแม่งๆ เอกสารซองสีน้ำตาล ลงทะเบียนด้วย จ่าหน้าซองถึง กรรมการบริษัทกันเลยทีเดียว

โชคดีที่เป็นผมไป้เซ็นต์รับพอดี แต่มาสะดุดตรงหมายศาลลำพูน เลยแกะอ่านซะเลย

โดนอายัดเงินเดือนสมใจแระทีนี้ 555+

จากบริษัท อยุธยาแคปปิตอล น่าจะเป็นของบัตรเฟิร์สช้อยส์ เครือ กรุงศรี
เพราะผมมีเจ้านี้ 2 ตัว ดรีมโลน กับ เฟิร์สช้อยบัตรกดเงินสด

แต่ยังฟ้องมาแค่ที่เดียวก่อน

เรียงคิวกันมาเลยนะคร๊าาาาา เจ้าหนี้ทุกท่าน ...แหม่

แต่บ่่องตง ยังไปไม่ถูก งงๆ มึนๆ ขอไปรื้อตำรามาอ่านอีกแป้ป

รอ อายัดเงินเดือน เพราะว่าศาลพิพากษาแล้วเช่นกัน

หลังจากได้ไปศึกษาเรื่องอายัดเงินเดือนมา

ที่ทำงานผมเค้าให้ดำเนินการเองเลย เพราะฝ่ายบุคคลเค้าไม่เป็น...


ผมได้ข้อมูลจากพี่ที่ทำงานว่า เคยมีเคสแบบนี้ด้วย
พี่เค้าบอกว่าให้ขอหนังสือรับรองเงินเดือน
เตรียมใบเสร็จ ค่าที่พัก
ค่าเลี้ยงดู พ่อ +แม่ ไรประมาณนี้
เพื่อขอความเมตตาจากศาล แนบไปกับจดหมาย

แล้วพี่เค้าก็ขอได้จิง โดนเหลือประมาณ 20% จากเงินเดือน
อยู่ที่ประมาณ 2000 บาทต่อเดือน

ผมกำลังเตรียมเอกสาร แต่ยังไม่ได้โทรไปที่ ฝ่ายอายัดของศาล


ใครเคยทีเคสแบบนี้บ้างครับ
เอามาแชร์มาบอกกกันหน่อยนะครับ

...อายัดเจ้าแรก ตื่นเต้นมว๊ากกกก

อัพเดตครับ....
เมื่อกี้โทรไปถามเจ้าหน้าที่ศาล ฝ่ายอายัดเงินเดือนมา
เค้าบอกว่า ทำได้ลดเหลือเต็มที่ 15% แต่ให้ไปเขียนคำร้องที่ศาลจังหวัดที่อยู่ปัจจุบันมาก็ได้

123ปลาฉลามขึ้นบก เขียน: หลังจากได้ไปศึกษาเรื่องอายัดเงินเดือนมา

ที่ทำงานผมเค้าให้ดำเนินการเองเลย เพราะฝ่ายบุคคลเค้าไม่เป็น...


ผมได้ข้อมูลจากพี่ที่ทำงานว่า เคยมีเคสแบบนี้ด้วย
พี่เค้าบอกว่าให้ขอหนังสือรับรองเงินเดือน
เตรียมใบเสร็จ ค่าที่พัก
ค่าเลี้ยงดู พ่อ +แม่ ไรประมาณนี้
เพื่อขอความเมตตาจากศาล แนบไปกับจดหมาย

ผมกำลังเตรียมเอกสาร แต่ยังไม่ได้โทรไปที่ ฝ่ายอายัดของศาล

เมื่อกี้โทรไปถามเจ้าหน้าที่ศาล ฝ่ายอายัดเงินเดือนมา
เค้าบอกว่า ทำได้ลดเหลือเต็มที่ 15% แต่ให้ไปเขียนคำร้องที่ศาลจังหวัดที่อยู่ปัจจุบันมาก็ได้

การอายัดเงินเดือน

ไม่ใช่หน้าที่ของศาล

แต่เป็นหน้าที่ของ"เจ้าพนักงานบังคับคดี"

ฝ่ายสำนักงานบังคับคดี


อ้างอิงข้อมูลจาก
ไขข้อข้องใจ “การอายัดเงินเดือน”
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=28147&Itemid=64#28147




ข้อกฏหมายที่ต้องจำ

ศาลไม่มีหน้าที่ไปอายัดหรือยึดทรัพย์ใดๆของลูกหนี้

หน้าที่ในการอายัดหรือยึดทรัพย์ของจำเลย เป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดีเท่านั้น...ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์...แม้กระทั่งตัวของเจ้าหนี้เอง...ก็ไม่มีสิทธิ์

โดยกระบวนการอายัดหรือยึดทรัพย์ดังกล่าว จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
ต้องจบสิ้นคดีในการฟ้องร้องต่อศาลแล้ว โดยศาลได้มีคำสั่งให้ลูกหนี้ต้องจ่ายหนี้ ตามคำพิพากษาที่ศาลสั่ง

หากลูกหนี้ยังคงเพิกเฉย ไม่ยอมปฎิบัติตามคำพิพากษาของศาลอีก
เจ้าหนี้ก็จะเอาคำพิพากษาของศาลในคดีดังกล่าว ไปยื่นคำร้องต่อ"กรมบังคับคดี"
เพื่อให้ทางกรมบังคับคดีเป็นผู้ออกคำสั่ง ยึด/อายัด (หมายบังคับคดี)
โดยเจ้าหน้าที่บังคับคดีจะเป็นผู้ดำเนินการ ในการยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือนของลูกหนี้ (ซึ่งเจ้าหนี้มีอำนาจในการยื่นคำร้อง ให้ยึดทรัพย์และอายัดเงินเดือน พร้อมๆเลยกันก็ได้)
เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลต่อไป

อ้างอิงข้อมูลจาก
ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64

ขอบคุณท่านนกกระจอกเทศนะครับ

กรมบังคับคดี นี่เราสามารถไปเขียนคำร้องขอที่เราอยู่ปัจจุบันได้ใช่มั้ยครับ
เช่น ฟ้องที่ศาลลำพูน แต่เรามาขอคัดคำร้องที่ สมุทรปราการ ที่ทำงานอยู่ปัจจุบัน


แล้วเอกสารตัวจริงต้องเอาไปยื่นเองที่ศาลจังหวัดลำพูนใช่มั้ยครับ
ถ้าไปไม่ได้ มอบอำนาจให้ญาติไปยื่นแทนให้ได้มั้ยครับ

อีกคำถาม พอดีพี่ที่ฝ่ายบุคคลที่ทำงานผม เค้าทำอายัดไม่เป็น
บอกให้ผมดำเนินการเองเลย จะได้มั้ยครับ

เพราะผมโทรไปถามเจ้าหน้าที่แล้วบอกไม่ได้ ต้องให้ผู้มีอำนาจเป็นตัวแทนของบริษัทดำเนินการแทนเท่านั้น


แต่ที่ผมคุยกะพี่ที่มีเคสแแบนี้ เค้าบอกลูกหนี้ไปทำเองก็ได้ แต่เค้าเป็นคนจังหวัดสมุทรปราการพอดี ก็เลยทำได้.....แล้วแต่ศาลกระมัง

123ปลาฉลามขึ้นบก เขียน: กรมบังคับคดี นี่เราสามารถไปเขียนคำร้องขอที่เราอยู่ปัจจุบันได้ใช่มั้ยครับ

ไม่ได้...หมายบังคับคดีถูกส่งมาจากสำนักงานบังคับคดีของจังหวัดไหน ก็ต้องไปทำเรื่องที่จังหวัดนั้น

123ปลาฉลามขึ้นบก เขียน: แล้วเอกสารตัวจริงต้องเอาไปยื่นเองที่ศาลจังหวัดลำพูนใช่มั้ยครับ

ถูกหมายอายัดที่ไหน ก็ต้องไปทำเรื่องที่นั่น

เหมือนกับกรณีของ"หมายศาล"นั่นแหละครับ โดนฟ้องที่ไหน ก็ต้องไปขึ้นศาลที่นั่น

123ปลาฉลามขึ้นบก เขียน: ถ้าไปไม่ได้ มอบอำนาจให้ญาติไปยื่นแทนให้ได้มั้ยครับ

ไม่ได้...เพราะเจ้าหนี้ที่"นิติกร"อาจต้องขอสัมภาษณ์(ซักถาม)ตัวของจำเลย ในการขอลดหย่อนด้วย

123ปลาฉลามขึ้นบก เขียน: อีกคำถาม พอดีพี่ที่ฝ่ายบุคคลที่ทำงานผม เค้าทำอายัดไม่เป็น
บอกให้ผมดำเนินการเองเลย จะได้มั้ยครับ

เพราะผมโทรไปถามเจ้าหน้าที่แล้วบอกไม่ได้ ต้องให้ผู้มีอำนาจเป็นตัวแทนของบริษัทดำเนินการแทนเท่านั้น

แล้วที่ผมทำ Link ไป...ทำไมคุณถึงไม่อ่านล่ะครับ

ถาม : ผมทำงานเป็นพนักงานของบริษัท A ครับ
หากมีหมายอายัดเงินเดือนมาส่งที่บริษัทแล้ว ผมจะขอส่งเงินอายัดด้วยตนเองได้ไหมครับ เพราะไม่อยากให้ทางบริษัทต้องยุ่งยาก

ตอบ : ในอดีต...เคยมีกฏหมายที่อนุโลมให้“ลูกจ้าง”ที่เป็นจำเลย(ลูกหนี้)ตามคำพิพากษา สามารถนำส่งเงินเดือนที่อายัดตนเองได้
ในอดีตที่ผ่านๆมา จึงมีจำเลย(ลูกจ้าง)ตามคำพิพากษา ที่หักเงินเดือนของตัวเองและนำส่งโดยถูกต้อง
ตามกฏหมายเพียง 2% เท่านั้น
ส่วนอีก 3% ส่งไม่ครบตามจำนวนที่กฏหมายกำหนด หรือ ส่งบ้าง-ไม่ส่งบ้าง

และอีก 95% ไม่ส่งเลยสักบาท

ดังนั้น ในปัจจุบันจึงได้มีการแก้ไขกฏหมาย เพื่อทำการบังคับ“นายจ้าง”ให้เป็นผู้หักและนำส่งเงินเดือนที่อายัดจากลูกจ้างผู้นั้น ตามหมายอายัดของกรมบังคับคดี

หาก“นายจ้าง”ไม่ยอมปฎิบัติตาม นายจ้างอาจถูกฟ้องให้ต้องเป็นผู้ชดใช้หนี้แทนลูกจ้างผู้นั้น ตามมาตรา 312


อ้างอิงข้อมูลจาก

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=6893&Itemid=52#6916

test.led.go.th/faqn/sara.asp?nomod=d&page=6

อ้างอิงข้อมูลจาก
ไขข้อข้องใจ “การอายัดเงินเดือน”
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=28147&Itemid=64#28149




ถ้าบริษัทไม่อายัดเงินเดือนตามคำสั่งกรมบังคับคดี บริษัทจะมีความผิดตามกฎหมายอะไร

ตอบ บริษัทที่ได้รับคำสั่งอายัดแล้วไม่ปฏิบัติ อาจต้องรับผิดเสมือนเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา โดยจพค.จะรายงานศาลไต่สวนเหตุที่ไม่ส่งเงิน หากไม่มีเหตุที่จะอ้างได้โดยชอบ ศาลก็จะออกหมายบังคับคดีแก่บุคคลภายนอกนั้นตาม ป.วิแพ่ง ม.312

อ้างอิงข้อมูลจาก เว็ปไซด์ของกรมบังคับคดี
test.led.go.th/faqn/sara.asp?nomod=d&page=6

กระจ่างเบย ขอบพระคุณครับท่านพี่

สรุป 6,000 บาทต่อเดือนสินะงั้น


เพราะผมไปที่บ้านไม่ได้แน่นอน......



มองโลกสวยจะได้หมดไวไว แล้วกันยอดไหลไป 43,000 กว่าๆ

มีคำถามอีกแล้วครับวันนี้
สิ้นเดือนนี้ผมจะถูกอายัดเงินเดือนไปแล้วเป็นเดือนแรกของ เฟิร์สช้อยส์
แต่ตามที่เรียนไปแต่แรกว่าผมมีของอิสลามด้วย


เจ้านี้ทำแรงมั้กๆ เล่นส่งจดหมายไปที่อยู่ตามทะเบียนทั้ง ผู้กู้และผู้ค้ำเลย ทางบ้านโทรมา ทั้งแฟนเก่าอีก หูชาเบย.....
ประเด็นคือ ผมจะทำไงให้ผู้ค้ำไม่โดนแบบนี้อีกครับและเค้าจะโดนเจ้าหน้าที่ หรือมีจดหมายแบบนี้ไปอีกมั้ย
และจะโดนอายัดเงินเดือนมั้ยครับ

เพราะผู้ค้ำก็คือแฟนผมเอง และได้เลิกรากันไปแล้ว ไม่ได้จดทะเบียนสมรสนะครับ

ใครมีวิธีแนะนำ หรือมีเคสแบบผมแชร์ให้หน่อยครับ
ถือว่าเป็นวิทยาทานนนะครับ

123ปลาฉลามขึ้นบก เขียน: มีคำถามอีกแล้วครับวันนี้
สิ้นเดือนนี้ผมจะถูกอายัดเงินเดือนไปแล้วเป็นเดือนแรกของ เฟิร์สช้อยส์
แต่ตามที่เรียนไปแต่แรกว่าผมมีของอิสลามด้วย


เจ้านี้ทำแรงมั้กๆ เล่นส่งจดหมายไปที่อยู่ตามทะเบียนทั้ง ผู้กู้และผู้ค้ำเลย ทางบ้านโทรมา ทั้งแฟนเก่าอีก หูชาเบย.....
ประเด็นคือ ผมจะทำไงให้ผู้ค้ำไม่โดนแบบนี้อีกครับและเค้าจะโดนเจ้าหน้าที่ หรือมีจดหมายแบบนี้ไปอีกมั้ย
และจะโดนอายัดเงินเดือนมั้ยครับ

เพราะผู้ค้ำก็คือแฟนผมเอง และได้เลิกรากันไปแล้ว ไม่ได้จดทะเบียนสมรสนะครับ

ใครมีวิธีแนะนำ หรือมีเคสแบบผมแชร์ให้หน่อยครับ
ถือว่าเป็นวิทยาทานนนะครับ

แล้วคำสั่งของศาล(คำพิพากษาของศาล) ท่านพิพากษาไว้ว่าอย่างไรล่ะครับ?

อิสลามแค่จดหมายขู่น่ะครับพี่นก....


แต่ผมไม่อยากให้เจ้าหนี้ไปราวี ทางผู้ค้ำ

เพราะตามที่ผมอ่านมา ถ้าโดนอายัดแล้วของเฟิร์สช้อยส์ เจ้าหนี้ก็ต้องรอทีละเจ้า หมดแล้วค่อยต่อแถวเข้ามาเก็บหนี้

แต่รอบนี้โดนอายัดแล้ว ทำไมยังไปวุ่นวายกับผู้คำอีก เค้าก็น่าจะสืบได้ ว่าผมโดนอายัดเงินเดือนเจ้าอื่นอยู่ตอนนี้

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 680 อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ค้ำประกัน ยอมผูกพันตนต่อเจ้าหนี้เพื่อชำระหนี้เอง หากลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้คืน

มาตรา 686 หากลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด กฎหมายกำหนดให้เจ้าหนี้ สามารถที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้นั้นๆได้

ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดจนสิ้นเชิงเช่นเดียวกับลูกหนี้ทุกอย่าง เมื่อทำสัญญาค้ำประกันแล้ว ผู้ค้ำประกันต้องผูกพันตามสัญญานั้น เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องหรือฟ้องให้รับผิดได้ เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนด

การเป็นผู้ค้ำประกันนั้นมีแต่เสีย ตามคำพังเพยที่ว่าเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง มีแต่เอากระดูกมาแขวนคอ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเซ็นชื่อในสัญญาค้ำประกัน ต้องพิจารณาตัวลูกหนี้ซึ่งผู้ค้ำประกัน จะชำระหนี้แทนให้ดี ว่ามีความสามารถชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้แค่ไหน และมี ความซื่อสัตย์สุจริตเพียงใด ทั้งต้องพิจารณาข้อความในสัญญาให้รอบคอบ บางทีกำหนดให้ผู้ค้ำประกันรับผิดหนักขึ้น หรือสละสิทธิบางอย่างอันอาจทำให้ไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ไม่ได้ เมื่อเข้าใจข้อความ ในสัญญาดีแล้ว จึงค่อยลงชื่อในสัญญาค้ำประกัน

เมื่อเซ็นชื่อในสัญญาแล้วผู้ค้ำประกันก็มีภาระจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ จนกว่าหนี้ของลูกหนี้จะระงับไป ตราบใดที่หนี้ของลูกหนี้ยังมีอยู่ ผู้ค้ำประกันก็ไม่พ้นความรับผิด


รู้เรื่องกฎหมาย ตอน ผู้ค้ำประกัน [/size]





ตัวอย่าง โดนอายัดบ้านจากคดีบัตรเครดิต วงเงิน 25,000 (ทั้งๆที่ลูกหนี้ถูกอายัดเงินเดือนอยู่)

www.debtclub.consumerthai.org/odebt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=0&func=view&id=9039&view=flat&catid=2

www.debtclub.consumerthai.org/odebt/index.php?option=com_fireboard&func=view&id=9039&view=flat&catid=2&limitstart=6

ขอบคุณพี่นกมากๆครับ กระจ่างเบย

งานงอกเลยทีนี้
ทำไงต่อไปดีล่ะเนี่ย ต้องจ่ายอิสลามเท่านั้นเลย
โดนอายัดก็โดนอีก เข้าใจผิดมาตลอดว่า ต่อคิวมาทีละเจ้า
กระทู้ตามลิ้งค์พี่นก ผมพลาดที่ไม่ได้อ่านถึงจริงๆ เพราะตอนนั้น ปีกว่าๆ ไม่คิดว่าจะให้เรื่องถึงอายัดเงินเดือน คิดว่าทำแฮร์คัตไหว............T-T


พอมีหนทางแนะนำมั้ยครับงั้น
ผมเงินเดือน 2 หมื่น อายัด 30 ก็ 6พันแล้ว
อิสลามจ่ายเดือนละ 4 พัน

ครั้งแรกว่าจะไปขอลดอายัดเหลือที่ 10-15 ก็คงไม่ได้ไปแล้ว เพราะต้องกลับบ้านต่างจังหวัด และไปก็ไม่รู้ว่าจะได้ลดป่าวอีก ......


จะรอดมั้ยเนี่ย....

ตามที่บอกไปว่าผมโดนกำลังจะโดนอายัดเงินเดือนเดือนนี้
ของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ( อีกตัวเป็นของดรีมโลน)

ตามหมายศาลจากยอดเงินต้น 36,819.85
รวมดอกเบี้ย พุ่งไปที่ 42,296.18

ตอนนี้ผมได้อานิสงค์จากคนช่วยเหลือว่าจะช่วยปิดซักตัวแบบงวดเดียวจบ
จริงๆแล้วเรียกว่ายืมดีกว่า สุดท้ายก็ต้องคืนเพราะเป็นบุญคุณ แต่ไม่่มีดอก ไม่มีระยะเวลา อยู่ที่สำนึกในการคืนมากกว่า เพราะเค้าอนาถากับผมเหลือเกิน เงินก็ไม่พอกิน ยังต้องมาโดนอายัดเงินเดือนอีก

คือตามที่ผมคิด ถึงจะปิดเจ้าที่อายัดไป ....เจ้าใหม่มันก็ต่อคิวมาอยู่ดี หรือจะเอาตัวรอดไปก่อน เก็บเงินก่อนที่มันจะอายัดเจ้าใหม่ดี...... สับสน มึนงงไปหมด

ขอคำแนะนำพี่ๆ ว่าควรทำยังไงดีครับ.........

คืออายัดเงินเดือนผมทำใจไว้แล้วโดนก็โดน 30% ก็เดือนละ 6 พัน

แต่มันติดตรงธนาคารอิสลามมากกว่า ต้องกลับมาจ่ายอีกเดือนละ 4,000 เพื่อที่จะไม่ให้มันไปวุ่นวายกะผู้ค้ำ

เรื่องราวต่อไปนี้ไม่ได้เกี่ยวกับหนี้นะครับ
แค่เป็นอุทาหรณ์ไว้แล้วกัน ...แม้ไม่มีใครฟังแต่อย่างน้อยผมขอระบายกับชีวิตผมที่มันแย่ๆ ถึงแย่มากๆจริง

หลังจากที่บอกไปว่าพ่อผมพิการ ขาขวาขาดตั้งแต่เข่าลงมา เมื่อเดือนที่แล้วเป็นแผลที่แขนซ้าย แล้วไม่รักษาดูแลตัวเอง ปล่อยมันลามจนเชื่อเข้ากระแสเลือด หมอลงความเห็นว่าต้องตัดทิ้ง ตั้งแต่ศอกลงไป

ผมต้องกลับบ้านนอกไปเฝ้าที่โรงพยาบาล ประมาณ 4 คืน 5 วัน หลังจากนั้นแม่ผมก็มาเฝ้าต่อ อีกเกือบ 1 เดือนเต็มๆ หมอถึงให้ออกจากโรงพยาบาล... บรรยากาศ รวมทั้งค่าใช้จ่าย มันแย่ขนาดไหน กับโรงพยาบาลที่มีแต่คนป่วย...คงไม่ต้องบอกนะครับ.......

บ่องตงตังค์ไม่เหลือ ไม่มีเก็บ แล้วจะเอาอะไรไปใช้ แม่ผมจึงตัดสินใจจะขายบ้านที่พ่ออยู่ทิ้งไปโดยขายให้กับน้าๆ กันนันแล่ะ เพราะตอนพ่อผมเข้าโรงพยาบาลแม่ไปหาหยิบยืมมาทั่วแล่ะครับ พึ่งผมก็ไม่มีให้อีก ... ชั่วจิงๆ เลยผม .....พ่อผม คนลำปาง แม่ผมคนลำพูน ก็คงไปอยู่ที่ลำพูนกันหมด สถานะพ่อผมตอนนี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ครับ และต้องไปล้างแผลที่โรงพยาบาลทุกวัน ค่ารถ ค่าล้างแผล ก็มีค่าใช้จ่าย แม่ผมไม่ไหวแล้วครับ ......

ส่วนผมหนี้ก็เต็มกบาล เพราะเจ้าหนี้ส่งจดหมายไปบ้าน แม่ผมก็บอกว่า ถ้าจะหาเงินส่งให้แม่โดยการไปกู้ยืมใครอีก อย่าทำ....แค่หนี้ของลูกที่แม่รับรู้นี่ แม่ก็ปวดหัวใจมากพอแล้ว ..... น้ำตาผมไหลโดยไม่รู้ตัวครับ

นี่ก็เป็นหนึ่งอย่างที่ผมเสียไป และรักษามันไม่ได้......

มาอย่างที่สองที่ผมกำลังจะเสียไป รักษามันไว้ไม่ได้.....
แฟนคนปัจจุบัน คบกันมา 6-7 ปี รัก ...เลิก ..สุข ..ทุกข์.. ดีใจ ..เสียใจ....เราสองคนผ่านเกินเลยคำว่ารักไปแล้วครับ .... สเตตัสตอนนี้แยกกันอยู่ แต่ก็แยกกันมาหลายครั้งหลายคราแล้วนะครับ...

หอใหม่ทีผมแยกกันอยู่ เธอก็เป็นคนมาส่ง ช่วยจัด และช่วยออกค่าห้องให้ตอนแรก เพราะผมโดนอายัดเงินเดือนไปแล้ว ...แต่สิ่งที่เจ็บปวดจนพุดไม่ออก คือ ตอนนี้ เธอไปเป็นเมียน้อยคนอื่น เธอบอกที่ทำไป เพราะความทะเยอทะยานของเธอด้วย เหตุการณ์มันบังคับด้วย ....บอกก่อนนะครับ เธอเป็นแม่ม่ายลูกติด มีลุกชายคนนึงประมาณ 11 ขวบ เธอค้างค่างวดรถ ค่าส่งทางบ้าน คือเอาง่ายๆ เป็นเสาหลักของบ้านเลย หลายอย่างครับ ที่นาพ่อก็ติดจำนอง แม่ก็จะผ่าเข่าใช้เงินโขอยู่ ลูกก็โตจะเข้ามัธยมแล้ว ส่วนผมช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้เลย ... ซำยังไปขอให้เธอช่วยซะด้วยซ้ำไป

ไอ้คนใหม่มีลูกและเมียอยู่แล้ว มีบริษัทอยู่ต่างจังหวัด บินมากรุงเทพเดือนละ 2-3 ครั้ง ...มันรวย บอกกับเธอว่าจะขอดูแลเธอได้มั้ย ตอนนีี้ก็ซื้อคอนโดให้เธอโดยการผ่อนเอา ... ค่ารถก็จะจ่ายให้ คือตอนนี้เธอมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ยังถามผมด้วยซ้ำว่า เงินพอใช้มั้ย ไม่มีบอกนะ (ถ้าผมเอาก็หมาแล้วครับ) ....แต่เธอก็ช่วยมันโดยการทำเอกสารให้ เป็นการตอบแทน ไม่ใช่นอนให้ซั่มอย่างเดียว เหมื่อนเมียน้้อยคนอื่นๆ


เธอบอกยังรัก และเป็นห่วงผม สงสารผม เพราะหัวใจเธอให้ผมไปหมดแล้ว ที่เธอทำแบบนี้เพื่ออะไร เพราะอะไร ...เพราะอยู่ด้วยกันต่อไปแบบนี้ ตายทั้งคู่ ....ผมเข้าใจ มันพูดไม่ออก จุกอก และยอมรับสภาพมากกว่า ....เธอร้องไห้ตลอดนะครับ ตอนที่คุยโทรศัพท์กันมะวาน ผมก็ยังดีใจที่เธอยังกล้าบอก เพราะผมเห็นเธออัฟเฟซ คอนโดใหม่ เลยโทรไปคุย

ก่อนหน้านี้มีข้อแม้เดียวที่ผมจะกลับไปได้ คือต้องเอาผู้ใหญ่ไปสู่ขอ ผมเคยบอกกับพ่อแม่เค้าไว้ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้แบบที่พูด ...เธอให้โอกาสและรอผมมาหลายครั้งหลายหนแล้ว แต่ลูกและทางบ้านเค้ารอไม่ได้

ชีวิตผมไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง สั้นๆคือเป็นที่พึ่งไม่ได้แล่ะครับ ...ได้แต่ทำใจ
ความรักมันกินไม่ได้หรอก อันนี้ผมเห็นด้วยอย่างแรง เพราะตอนนี้โดนกับตัวเองเต็มๆ

สุดท้ายผมขอโทษที่ระบายตรงนี้ อาจทำให้กระทู้ดีๆ ของท่านอื่นตกลงไป เพราะผมไม่มีรู้จะทำไงต่อไป มันแป้กไปหมด ยอมรับว่าตอนนี้กินแต่เหล้าทุกวันครับ เข้าใจว่ามันไม่มีประโยชน์แต่ ขอเวลาให้ผมซักพักเถอะ .... วันนี้เย็นๆ เธอจะเข้ามาผม บอกว่าจะเอาุถุงเท้ามาให้ เพราะเคยซื้อให้ตลอด

ผมก็ไม่รู้จะเรียกเธอว่าอะไรดี เธอก็บอกนะ ว่าผมจะโกรธหรือเกลียด เธอก็ได้ เธอยอมรับว่าเธอเลว แต่ขอให้เข้าใจเธอด้วย ...ถ้าผมจะไปมีคนใหม่ เธอก็ไม่ว่า แต่อย่าทำในสิ่งที่ผ่านมาเหมือนอยู่กับเธอ ทำอะไรๆ ก็คิดเยอะๆ กว่านี้

เฮ้อ ...เหนื่อยใจเว้ยยย....

วันนี้โชคดีเข้ามาชมรมแต่เช้า
เจอมู้ เจอมู้ของคุณเก่งพอดี......


เรื่องการหักคอจ่าย หลังจากที่ถูกศาลพิพากษาแล้ว โดนหักเงินเดือน 30%
ตรงกับของผมพอดี ซึ่งยอดไปที่ 4 หมื่นกว่าบาท จาก 3หมื่นกว่าบาท
หยุดจ่ายไปประมาณปีกว่าๆ

ผมได้หมายจากกรมบังคับคดี สิ้นเดือนนี้ก็เป็นเดือนที่ 4 ตามที่จดหมายกำหนดแล้ว
ปัญหาคือ ผมยังไม่มีตังค์พอจ่ายกับ 30%

อ่านมู้เจอของท่านเก่งก็เลยคิดว่าจะจ่ายเข้าไปเดือนละ 2พัน โดยไม่สนใจกรมบังคับคดี หรือ ศาลพิพากษาจะได้มั้ยครับ.....

แล้วหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ คงจะโทรมา หรือ เจรจา เพื่อขอ แฮร์คัทในภายหลังก็ว่าไป
เพราะตอนนี้ ติดอิสลามด้วยเพราะต้องจ่ายเข้าไปเดือนละ 2พัน เพื่อไม่ให้ไปกวนผู้ค้ำ ซึ่งเรื่องที่สำนักกฏหมายรอฟ้องไปแล้ว และผมได้โทรไปคุยกะเจ้าหน้าที่เองเมื่ออาทิตย์ก่อน


ขอคำแนะนำด้วยนะครับ

ปล.เงินเดือนผม 2 หมื่นบาท ก่อนหักประกันสังคม หมายความว่าต้องจ่ายเดือนละ 6000 + อิสลามอีก 2000 ไม่ไหวแน่ๆครับ

หลังจากที่ผมโดนอายัดเงินเดือนไปแล้ว 2 เดือนผ่าน

สิ้นปีนี้ จะโดนหักโบนัสอีก 50%
และจากเงินเดือนอีก 30%


ในส่วนของโบนัส เราไม่ยอมส่งได้มั้ยครับ แล้วเค้าจะทราบมั้ยครับ?
ขอคำแนะนำด้วยครับ......

ลืมบอกข้อแม้อีกข้อครับ
มีพี่ที่ทำงานก็โดนอายัดเหมือนกันและเค้า ขอส่วนลดส่งที่ 15% ต่อเดือนเท่านั้นเอง
ในส่วนของโบนัสน่าจะส่ง 50%
ของเค้าโดนศาลสมุทรปราการ

ส่วนผมศาลลำพูน

วันนี้หมานศาลอิสลามมาที่บ้านแล้ว เหอๆๆ
นัดไปไกล่เกลี่ย วันที่ 12 มกรา

จากที่ผมได้อ่านในเว็บ อายัดเงินเดือนได้ทีละเจ้า
แล้วตอนนี้ผมโดนอายัดของเฟิร์สช้อยส์อยู่

คำถามคือในส่วนของอิสลามคือ คนค้ำจะโดนอายัดมั้ยครับ

123ปลาฉลามขึ้นบก เขียน: คำถามคือในส่วนของอิสลามคือ คนค้ำจะโดนอายัดมั้ยครับ

มันขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของศาลครับ ว่าท่านสั่งพิพากษาเอาไว้อย่างไร?

ขอบคุณครับท่านประธาน

กำ ....ว่าจะไม่ไปศาล ....ต้องไปเหรอเนี่ย

ธนาคารอิสลาม

ตามที่ผมโดนหมายศาลครั้งแรกเพื่อไปไกล่เกลี่ยกับเจ้าหน้าที่ที่ ศาลต่างจังหวัด วันที่ 12/1/2558
เมื่อกี้ผมได้โทรไปหาเจ้าหน้าที่อิสลาม

ก่อนหน้านี้เดือน 9 ผมบอกเค้าว่าจะจ่ายเข้าไปเดือนละ 2 พัน ( จากปกติเดือนละ 4 พัน) เพื่อขอไม่ให้สำนักงานกฎหมายส่งเรื่องไปถึงศาล เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าจะชะลอไว้ให้ แต่เขาจะดูการจ่ายเข้ามาก่อน 3-6 เดือน จึงจะนัดไปทำประนอมหนี้ ว่าจ่ายไหวแค่ เดือนละ 2 พันบาท

เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกว่า เรื่องมันถึงศาลแล้วไม่ทัน ต้องรอคำพิพากษาออกมา และจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในทางกฏหมาย เป็นเงินสด 2 หมื่นบาท เพื่อทำสัญญาใหม่ ในวันที่นัดมาทำที่ธนาคารอิสลาม ก็น่าจะประมาณ 2 เดือนหลังจากนี้


อยากได้คำแนะนำจากพี่ๆ ว่าผมต้องทำยังไงดีครับ ผมโดนอายัดเงินเดือนไปแล้วของเฟิร์สช้อยส์ ที่มาคุยกะอิสลามเนี่ย เพราะไม่อยากให้เค้าไปอายัดเงินเดือนผู้ค้ำประกันเท่านั้นเอง แล้วเรื่องหาเงิน 2 หมื่นมาจ่ายให้่สำนักงานกฏหมายนี่มันยากเลย.....เพราะผมว่าจะไม่ไปศาล แล้วรอให้ศาลตัดสินไปเลย เพราะคุยกะเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าขอจ่ายแค่เดือนละ 2 พัน

ที่แปลกใจและตกใจ คือ เค้าบอกว่า ต้องจ่าย 2 หมื่นมาก่อน ค่าสำนักงานกฏหมายนี่แล่ะ จะไปหามากจากไหนน้อ