สอบถามเรื่องขึ้นศาลค่ะ

ได้ไปขึ้นศาลคดียูโอบี แล้วตกลงดรื่องการชำระไม่ได้ จึงแจ้งขอสู้คดีในนัดต่อไป แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนใจ ไม่อยากสู้คดีแล้ว เราต้องทำยังงัยบ้างคะ ถ้าถึงวันนัดศาลแล้วเราไม่มใบคำรเองสู้คดีของทนายไปยื่นจะเป็นอะไรรึเปล่าคะ

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64


ถ้าไม่ไปศาลรอบ 2 เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ขอความเห็น
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=5&id=4826&Itemid=64&view=topic

ขอบคุณคุณอานกนระจอกเทศนะคะ จริงๆหนูเปิดอ่านหลายรอบแล้วละค่ะ แต่พอเจอกับตัวจริงก็เกิดอาการ นอยด์ คิดไม่ตกว่าจะไปทางไหนดี เมื่อวานนี้ไปศาลมาแล้วค่ะแจ้งขอให้ศาลตัดสินเลย ไม่ขอสู้คดี แล้วเนื่องจากหนูไม่พร้อมหลายๆอย่างรวมทั้งไม่มีเงินพอสำหรับค่าทนายด้วย(เคยเจรจาไกล่เกลี่ยแล้วแต่uobเคี่ยวมากค่ะ กะว่าจะผ่อนชำระเหมือนของแบงค์อื่นที่เคยขึ้นมาก่อนหน้านี้ ของuobนี่เล่นคิดดอกรวมมาในยอดฟ้องเยอะแล้ว แล้วยังจะให้เราชำระพร้อมคิดดอกอีก13% เลยไม่ตกลงค่ะ) แต่พอกลับมาก็ต้องมานั่งลุ้นว่าศาลท่านจะเมตตาช่วยลดดอกให้หนูบ้างรึเปล่า คือสงสัยอ่ะค่ะ เพราะหลังจากแจ้งขอให้ศาลตัดสินเลย เจ้าหน้าที่ศาลเค้าก็เรียกใหัหนูไปเซ็นชื่อแล้วก็บอกให้กลับได้เลย เดี๋ยวทางเจ้าโจทย์เค้าจะส่งคำตัดสินมาให้ที่บ้าน คือหนูสงสัยว่าแล้วศาลท่านจะทราบอยู่ใช่มั้ยคะ ว่าที่เราให้ท่านตัดสินให้เพราะเราอยากให้ท่านช่วยเรื่องลดดอกเบี้ย เพราะเราไม่มีโอกาสได้สื่อสารกับศาลเลย

จากประสพการณ์ถ้าศาลตัดสินดอก 10% ครับ

ไม่สู้คดีศาลก็ตัดสินตามมูลหนี้ตามฟ้องครับ บวกดอกอีก 15% หลังจกาตัดสิน ก้ต้องเจรจากะเจ้าหนี้ว่าจะผ่อนอย่างไร

แล้วหลังจากศาลตัดสินแล้ว เราจำเป็นต้องจ่ายให้แบงค์คืนเป็นเงินก้อนเลยมั้ยคะ เพราะทนายของuobเค้าเคยบอกไว้ว่าต้องจ่ายคืนเป็นก้อน พร้อมดอกที่ศาลท่านตัดสิน คือว่ายังเก็บเงินไม่ได้เลยค่ะ ที่จริงตั้งใจจะขอผ่อนจ่าย แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ uobเคี่ยวจริงไรจริง คิดดอกทบซะบานเลย

ก่อนเข้าสู่การพิจารณาคดี ทางแบงก์จะยื่นเงื่อนไขการผ่อนให้เราพิจารณาก่อน ว่ายอดหนี้เรา เค้าจะให้ผ่อนกี่เดือน เดือนละกี่บาท เค้าเรียกว่าการยอมความหน้าศาล ถ้าเราตกลงในเงือ่นไขที่เค้าเสนอ ก็เซ็นต์ใบยอมรับที่เค้าเสนอมา เค้าก็จะเอาใบนั้นไปยื่นให้ศาลรับทราบ อันนี้เป็นทางออกครับ เพราะถ้าปล่อยให้ศาลตัดสินแล้วคุย จะคุยยากกว่าครับ อาจต้องชำระทั้งก้อนหรือเท่าไหร่ตามแบงกืยื่นเงื่อนไขให้ แล้วเราอาจไม่มีทางเลือกเพราะต้องจ่ายตามคำสั่งศาลครับ

ตอนนี้ของเรา อยู่ในช่วงระหว่างรอคำตัดสินแล้วอ่ะค่ะ เพราะได้เซ็นตกลงๆไม่ขอสู้คดีและรอให้ศาลตัดสินคดีไปแล้ว เพราะเงื่อนไขที่ทางuobเค้ายื่นให้มาช่างโหดร้ายอ่ะค่ะ ยอดฟ้อง7หมื่นกว่า ให้ผ่อนจ่ายให้หมดใน1ปี โดยคิดดอกเบี้ยด้วยอีกร้อยละ13 เราไม่ไหวจริงๆอ่ะค่ะ เพราะมีภาระอื่นอีกเยอะ ตอนแรกจะขอสู้คดีให้มันรูดำรู้แดงกันไปเลย แต่ก็เกิดป๊อดขึ้นมากลัวถ้าแพ้ จะได้ไม่คุ้มเสีย เลยต้องมานั่งลุ้นรอคำตัดสินของศาลท่านจะเห็นใจลดดอกเบี้ยให้บ้างรึเปล่า แต่เมื่อวานได้เข้าไปอ่านของคุณnaieak เรื่อง2คดีที่คุณอา ประพัฒน์ช่วยดำเนินการให้จนชนะคดีแล้ว ได้จ่ายน้อยกว่ายอดที่ฟ้องอีก เราเลยอยากจะเปลี่ยนมาสู้คดีบ้างจัง อย่างกรณีของเรายังพอทำได้อยู่รึเปล่าคะ รึว่าสายไปแล้ว

น่าจะสายแล้วนะครับ ไม่สู้คดีศาลก็ตัดสินตามมูลหนี้ตามฟ้องครับ บวกดอกอีก 15%หรือเท่าไหร่รอลุ้นตามศาลสั่ง หลังจากตัดสิน ก้ต้องเจรจากะเจ้าหนี้ว่าจะผ่อนอย่างไร (เจรจายากกว่าก่อนตัดสินอีกครับ เพราะเค้าถือว่ามีคำสั่งศาลแล้ว)

ตามประสบการณ์ ผมว่ามันน่าจะแก้อะไรไม่ได้แล้วนะ

สอบถามค่ะเมื่อกี้เจ้าหน้าที่ยูโอบีโทรมาค่ะ(หลังจากเราขึ้นศาลมา1เดือนพอดี) บอกว่าคำตัดสินจากศาลออกแล้ว ให้เราโทรไปถาม เพราะไม่งั้นถือว่าเราไม่ใส่ใจ พอครบกำหนด เค้าจะต้องอายัด เงินเดือน เลยสงสัยว่า จริงๆแล้วเราต้องเป็นคนโทรไปถามเองเหรอคะ เพราะตอนแรกเข้าใจว่าเดี๋ยวทางทนายของยูโอบีต้องส่งมาให้เรา แล้วถ้าเราได้รับรู้แล้ว ภายใน15วัน ถ้าเรายังเพิกเฉย ศาลถึงจะสั่งบังคับอายัดเงินได้ (ปล
ที่เรายังไม่ไปถามเพราะอยากยื้อเวลาให้นานต่อไปอีกสักพักเพื่อเก็บเงิน เราสามารถทำยั่งงั้นได้เปล่าคะ)

kwangtun เขียน: สอบถามค่ะเมื่อกี้เจ้าหน้าที่ยูโอบีโทรมาค่ะ(หลังจากเราขึ้นศาลมา1เดือนพอดี) บอกว่าคำตัดสินจากศาลออกแล้ว ให้เราโทรไปถาม เพราะไม่งั้นถือว่าเราไม่ใส่ใจ พอครบกำหนด เค้าจะต้องอายัด เงินเดือน เลยสงสัยว่า จริงๆแล้วเราต้องเป็นคนโทรไปถามเองเหรอคะ เพราะตอนแรกเข้าใจว่าเดี๋ยวทางทนายของยูโอบีต้องส่งมาให้เรา แล้วถ้าเราได้รับรู้แล้ว ภายใน15วัน ถ้าเรายังเพิกเฉย ศาลถึงจะสั่งบังคับอายัดเงินได้ (ปล
ที่เรายังไม่ไปถามเพราะอยากยื้อเวลาให้นานต่อไปอีกสักพักเพื่อเก็บเงิน เราสามารถทำยั่งงั้นได้เปล่าคะ)

รอให้เขาส่งคำบังคับคดีมาให้ครับ แล้วจึงจะไปต่อรองเรื่องการจ่ายกับคนดูแลบัญชี มีความสามารถในการผ่อนจ่ายเท่าไหร่ก็เจรจาต่อรองได้ครับ

การพิจารณาของศาลไม่ได้มีสูตรสำเร็จว่าหากไม่สู้คดีแล้ว ศาลจะตัดสินตามมูลฟ้องเสมอไปนะครับ ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาลด้วยแต่ขอให้ไปศาลทุกครั้งที่นัดเพื่อแสดงเจตนาว่าเราไม่ได้หนีไปไหน

มีอยู่ 1เจ้าผมไม่ได้สู้คดีแต่ศาลท่านตัดสินจากยอด ณ.เดือนที่หยุดและบวกดอกเบี้ย 15% ต่อปี(ซึ่งผมหยุดมาครบ 1ปี จึงโดนฟ้อง)

ขอให้ทำใจเย็น อย่ากังวลและหาวางแผนหาแนวทางการชำระหนี้คืนครับ

kwangtun เขียน: สอบถามค่ะเมื่อกี้เจ้าหน้าที่ยูโอบีโทรมาค่ะ(หลังจากเราขึ้นศาลมา1เดือนพอดี) บอกว่าคำตัดสินจากศาลออกแล้ว ให้เราโทรไปถาม เพราะไม่งั้นถือว่าเราไม่ใส่ใจ พอครบกำหนด เค้าจะต้องอายัด เงินเดือน เลยสงสัยว่า จริงๆแล้วเราต้องเป็นคนโทรไปถามเองเหรอคะ เพราะตอนแรกเข้าใจว่าเดี๋ยวทางทนายของยูโอบีต้องส่งมาให้เรา แล้วถ้าเราได้รับรู้แล้ว ภายใน15วัน ถ้าเรายังเพิกเฉย ศาลถึงจะสั่งบังคับอายัดเงินได้

เคยอธิบายไปแล้วครับ

mamypoko
ถาม : วันนี้ไปศาลมาค่ะ บัตรกรุงไทยและสินเชื่อฟ้องรวมกันสามบัญขี ยอดฟ้อง 2xx,xxx บาท ที่ศาลมีนบุรีค่ะ
ไปถึงประมาณแปดโมงก็ไปดูรายชื่อและห้องพิจารณาคดีของเรา แวะกินข้าว แล้วก็มานั่งรอหน้าห้องประมาณแปดโมงครึ่ง สักครู่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นทนายของแบงก์ก็เข้ามาแสดงตัว เออลืมบอกไปเผอิญของเรามีบัตรเสริมเป้นชื่อสามีด้วย ทนายก็ถามว่าจำเลยที่สองไม่มาเหรอ เราก็บอกติดธุระมาไม่ได้ เขาก็บอกว่าอ้าวยังงี้ก็ทำยอมความไม่ได้นะ เพราะต้องเซ็นต์สองคน เราก็บอกไม่เป้นไรค่ะ เพราะว่าตั้งใจจะพบศาลและให้ศาลตัดสินแล้วจะคุยกับแบงก์อีกทีค่ะ เขาก็เออ เออ พอประมาณเก้าโมงก็เรียกเราเข้าไปในห้องพิจารณาคดี อืมบรรยากาศดีกว่าที่คิดนะ และวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ คนไม่เยอะมาก เราก็นั่งรอ ทนายแบงก์ก็บอก จะกลับเลยก็ได้นะครับเพราะกว่าศาลจะลงก็คงเกือบสิบโมง เราก็บอกไม่เป้นไรค่ะ รอได้ เขาก็เลยเลิกสนใจเราเขาก็ทำงานของเขาไป เราก็นั่งรอ วันนี้ห้องที่เราอยู่นี่มีทั้งหมด 8 คดี เป็นของกรุงไทย 5 คดี แม่เจ้า เยอะจริงๆ แต่มีจำเลยมาแค่สองคนคือเรากับผู้ชายอีก คน นอกนั้นไม่มาค่ะ

ประมาณเก้าโมงสี่สิบศาลก็มาค่ะ เป็นผู้พิพากษาหญิง หน้าใสปิ้ง ยังเด็กๆอยู่เลยค่ะ เห้นเจ้าหน้าที่ศาลบอกว่าเพิ่งได้รับการโปรดเกล้า ยังไม่ได้ประจำที่ศาลไหน แต่ก็ดูใจดีค่ะ ท่านก็ถามเราว่าคุยอะไรกับแบงก์หรือยัง จะทำยอมความไหม ทนายโจทก์ก็บอกว่าจำเลยให้ท่านตัดสินเลยครับ ศาลก็ถามเรา เราก็บอกค่ะ หใ้ท่านตัดสินให้เลย แต่เนื่องจากจำเลยเองก็ไม่มีความรู้ในเรื่องดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าปรับต่างที่แบงก์แจ้งมาว่ามันถูกต้องหรือไม่ก็อยากจะให้ศาลช่วยพิจาณณาให้หน่อยว่ามีตรงไหนที่จะลดหย่อนได้บ้าง และจำเลยก็จะคุยกับทางแบงก์ในเรื่องการผ่อนชำระอีกที ท่านก็อืม ถ้าให้ศาลตัดสินศาลก็จะออกคำบังคับวันนี้เลยนะ เราก็ ค่ะ ( แต่ก็งงๆว่าคำบังคับนี่มันคืออะไร ) ศาลก็บอกทนายว่าเดี๋ยวถ้าคำพิพากษาออกแล้วทนายก็ส่งไปให้จำเลยเขาด้วยนะ ศาลท่านก็บอกว่าศาลจะให้โจทก์ส่งเอกสารหลักฐาน แทนการสืบพยาน จำเลยขาดการส่งคำให้การ พอเสร็จก็ให้เราเสร็จกระดาษแผ่นหนึ่ง ที่มีข้อความเหมือนกับที่ท่านอ่านให้เราฟัง เราก็เซ็นต์ และทนายก็ให้เราเซ็นต์ในปึกใหญ่ที่เป็นสำนวนฟ้องด้วย ทนายบอกว่าให้เราอยู่รอคุยกับตัวแทนแบงก์ แต่ก็ตามหาตัวไม่พบ เจ้าหน้าที่ศาลบอกให้เรากลับได้ เราก็เลยกลับค่ะ มีคำถามดังนี้ค่ะ

-ไอ้ที่ว่าคำบังคับออกวันนี้เลยหมายความว่าอย่างไรคะ

-ในปึกใหญ่ๆที่เป็นสำนวนฟ้องที่ทนายให้เราเซ็นต์มันมีข้อความที่ประทับว่าให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน อันนี้หมายถึง 15 วัน นับจากวันที่ตัดสิน หรือว่านับจากวันที่คำพิพากษาจะออกและส่งให้เราคะ

-ถ้าเราต้องการจะขอคัดคำพิพากษาจะมาขอคัดได้ภายหลังจากที่ตัดสินกี่วันคะ

-เราถามทนายโจทก์ว่าเมื่อไหร่ที่คำพิพากษาจะส่งไปถึงเรา เขาก็บอกว่ากว่าจะพิมพ์เสร็จก็ประมาณสองเดือน จริงหรือเปล่าคะ

รบกวนคำแนะนำด้วยนะคะ

ก็ขอฝากให้กำลังใจเพื่อนๆที่จะไปศาลด้วยค่ะ ว่ามันไม่น่ากลัวจริงๆ ค่ะ เพื่อสิทธิของเรา สู้ๆนะคะ

mamypoko

---

ถาม : ไอ้ที่ว่าคำบังคับออกวันนี้เลยหมายความว่าอย่างไรคะ

ตอบ : ก็หมายความว่า "จะพิพากษาวันนี้เลยนะ"...ยังไงล่ะ

ถาม : ในปึกใหญ่ๆที่เป็นสำนวนฟ้องที่ทนายให้เราเซ็นต์มันมีข้อความที่ประทับว่าให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน อันนี้หมายถึง 15 วัน นับจากวันที่ตัดสิน หรือว่านับจากวันที่คำพิพากษา

ตอบ : ถ้าตามหลักทฤษฎี ก็หมายถึง...นับจากวันที่จำเลยได้รับทราบคำพิพากษาของศาลแล้ว นั่นแหละครับ

ถาม : จะออกและส่งให้เราคะ

ตอบ : หมายถึงในวันนั้น ท่านจะพิพากษา "ด้วยปากเปล่า" (พิพากษาเป็นคำพูด) และจะมีเจ้าหน้าที่ของศาล ต้องเอาคำพิพากษาของศาลที่พูดเป็นคำพูดนี้ ไปพิมพ์เป็น "หนังสือคำพิพากษา" แล้วจะส่งให้คุณรับทราบต่อไป เพื่อให้สามารถใช้บังคับได้ตามกฏหมาย

ดังนั้น...ตราบใดที่คุณยังไม่ได้ "หนังสือคำพิพากษา" จากศาล...ก็จะยังไม่สามารถบังคับให้คุณต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ (ถึงแม้ว่าศาลจะพิพากษา "ด้วยปากเปล่า" ไปแล้วก็ตาม)

การที่จะบังคับให้คุณต้องปฏิบัติตามนั้น..."หนังสือคำพิพากษา" จะต้องถูกจัดส่งให้คุณรับทราบเสียก่อน
จะด้วยวิธีการ "ให้คุณมา คัดคำพิพากษาด้วยตนเองที่ศาล อีกในสองเดือนข้างหน้า"
หรือจะด้วยวิธีการ "จัดส่งหนังสือคำพิพากษาไปที่บ้านของคุณ (เหมือนกับการส่งหมายศาลฟ้องไปที่บ้านของคุณนั่นแหละ)"
จึงจะถือได้ว่า คุณได้รับทราบคำพิพากษาแล้วโดยสมบูรณ์ และคุณจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาที่คุณได้รับทราบแล้วนี้...ภายใน 15 วัน...หลังจากที่ได้รับทราบแล้ว

ดังนั้น...ถ้าคุณยังไม่ได้รับทราบคำพิพากษา (ตามใน หนังสือคำพิพากษา) คุณก็ยังไม่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา...เพราะถือว่าคุณยังไม่ได้รับรู้

ถาม : ถ้าเราต้องการจะขอคัดคำพิพากษาจะมาขอคัดได้ภายหลังจากที่ตัดสินกี่วันคะ

ตอบ : สามารถมาคัดได้ หลังจากที่ศาลท่าน พิพากษา "ด้วยปากเปล่า" แล้ว(พิพากษาเป็นคำพูด) ประมาณ 2-3 สัปดาห์...แต่ถ้าคุณไปคัดคำพิพากษาด้วยตนเองวันไหน ก็จะถือว่าคุณได้รับทราบแล้ว"โดยทันที" และคุณจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาที่คุณได้รับทราบแล้วนี้...ภายใน 15 วัน

ถาม : เราถามทนายโจทก์ว่าเมื่อไหร่ที่คำพิพากษาจะส่งไปถึงเรา เขาก็บอกว่ากว่าจะพิมพ์เสร็จก็ประมาณสองเดือน จริงหรือเปล่าคะ

ตอบ : จริงๆแล้ว "หนังสือคำพิพากษา" จะใช้เวลาพิมพ์เสร็จ หลังจากที่ศาลท่าน พิพากษา "ด้วยปากเปล่า" แล้ว ประมาณ 2-3 สัปดาห์...ส่วนที่มันบอกว่า "กว่าจะพิมพ์เสร็จก็ประมาณสองเดือน" นั้น...ผมว่ามัน "ขี้เกียจ" รีบไปคัดคำพิพากษาด้วยตัวมันเองซะมากกว่า...ด้วยเหตุผลดังนี้

คุณสังเกตุไหม?...ที่ศาลท่านบอกกับทนายว่า "เดี๋ยวถ้าคำพิพากษาออกแล้วทนายก็ส่งไปให้จำเลยเขาด้วยนะ"...นั่นหมายความว่า ศาลท่านแอบช่วยคุณแบบเล็กๆแล้วนะเนี่ย...คุณรู้ตัวไหม? เพราะคุณจะได้ประโยชน์ตามนี้
1. ทำให้คุณไม่ต้องเดินทางมาคัดคำพิพากษาด้วยตนเองที่ศาล (ประหยัดตังค์ค่าเดินทาง , ประหยัดเงินค่าถ่ายเอกสารคำพิพากษา , ไม่ต้องเดินทางเสียเวลา , สบายๆ อยู่บ้านเฉยๆ)
2. ถ้าโจทก์มันอยากให้คุณ ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาเร็วๆ...มันต้องรีบกระตือรือร้น ในการคัดคำพิพากษาของคุณแทนตัวคุณ แล้วจัดส่งไปที่บ้านของคุณโดยเร็วไว
3. ทางโจทก์มันต้องควักกระเป๋า จ่ายค่าถ่ายเอกสารคำพิพากษาเอง(แทนที่คุณจะต้องเป็นคนจ่ายเอง) มิหนำซ้ำ...มันยังต้องควักกระเป๋า จ่ายค่าจ้างให้"แมสเซนเจอร์ศาล" มาส่งคำพิพากษาติดไว้ที่หน้าบ้านของคุณอีกด้วย (ค่าจ้างในแต่ละครั้งก็ประมาณ 200 - 300 บาท แล้วแต่ความ ใกล้-ไกล จากศาลมาที่บ้านคุณ)
4. คุณจะมีเวลาในการตั้งตัว "รับทราบคำพิพากษา"ที่นานขึ้น (ประมาณสองเดือนตามที่ทนายมันบอก) แล้วหลังจากที่คุณ "รับทราบคำพิพากษา" แล้ว...ก็ค่อยติดต่อคุยกับทางเจ้าหนี้ ในเรื่องการขอผ่อนชำระอีกที...แต่...ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็อาจใช้ยุทธวิธี"หักคอจ่าย"ต่อไป เพื่อป้องกันการถูก ยึดทรัพย์/อายัดเงินเดือน

สุดท้ายนี้...ก็ขอแสดงความยินดีด้วย ที่คุณมีความกล้าหาญ ในการเผชิญหน้าสู้กับปัญหาและความจริง ขอเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ต่อไป และหมดหนี้โดยเร็ววัน

ด้วยความปราถนาดีจาก
นกกระจอกเทศ
ทีมงานคณะกรรมการชมรมฯ (ฝ่ายบู๊)

อ้างอิงข้อมูลจาก
www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&id=9240&Itemid=64&view=topic#29602

kwangtun เขียน: (ปล.ที่เรายังไม่ไปถามเพราะอยากยื้อเวลาให้นานต่อไปอีกสักพักเพื่อเก็บเงิน เราสามารถทำยั่งงั้นได้เปล่าคะ)

ก็ใช้วิธี"หักคอจ่าย"สิครับ

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=5&id=7238&Itemid=64&view=topic#7323

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=11682&Itemid=64#11682

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=31905&Itemid=64#32006

พอมีเงินเมื่อไหร่ ก็ค่อยมาทำ Hair cut กันใหม่...อย่าลืมนะครับว่า

Hair-cut สามารถทำได้ตลอด

ทุกช่วงเวลาหลังจากที่"หนี้"ของเรา"เน่า"แล้ว ...ไม่ว่าจะเป็น

- ก่อนได้รับหมายฟ้อง (แต่ต้องหยุดจ่ายนานๆ หลายๆเดือนซะก่อนนะครับ)
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาล
- ขึ้นศาลแล้ว แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี โดยรอขึ้นศาลอีกครั้งในนัดหน้านัด หรือนัดต่อไป (ศาลยังไม่ได้พิพากษา)
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว และไปขึ้นศาลมาแล้ว โดยไปทำ"สัญญาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ"ที่ชั้นศาลมาแล้ว
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว และอยู่ในระหว่าง รอการจ่ายชำระหนี้คืนตามคำพิพากษา
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จ่ายชำระหนี้คืน จนกระทั่งถูกอายัดเงินเดือน หรือถูกอายัดทรัพย์สินอยู่ในขณะนี้

เห็นไหมล่ะครับ ว่า Hair-cut สามารถทำได้ตลอดชีพจริงๆ

อ้างอิงข้อมูลจาก

ใครที่ยังไม่เข้าใจว่า Hair-cut คืออะไร?...กรุณาเข้ามาอ่าน
www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=749&Itemid=64

ได้คำตัดสินศาลมาแล้วค่ะ มีเรื่องสอบถามเพิ่มเติมค่ะ

หลังจากไดรับคำตัดสินของศาลแล้ว ดิฉันก็ได้โทรคุยกับเจ้าหน้าที่ของยูโอบี เค้าให้เราจ่ายปิดเป็นก้อน 65000 งวดเดียวจบ เค้าบอกยอดตอนนี้ ประมาณ8หมื่นกว่าแลเว เพราะรวมดอกเบี้ย ตั้งแต่วันฟ้องถึงตอนนี้ แต่ปัญหาคือดิฉันมีเงินก้อนไม่พอ เพราะเพิ่งปิดของแบงค์อื่นไปก่อนหน้านี้ ขอเป็นผ่อนจ่าย และให้เค้าคิดดอกเบี้ยตามที่ศาลกำหนดไปก่อนถ้ามีเงินก้อนเมื่อไหรจะขอปิด แต่เค้าบอกเราว่า ถ้าเราทำผ่อนจ่าย ยังไงก็ต้องโดนบังคับคดีโดยการอายัดเงินเดือนอยู่ดี เพราะถ้าศาลตัดสินแล้วคือเราต้องจ่ายตามที่ศาลตัดสินเป็นก้อน ไม่มีการผ่อนจ่ายจริงรึเปล่าคะ

kwangtun เขียน: หลังจากไดรับคำตัดสินของศาลแล้ว ดิฉันก็ได้โทรคุยกับเจ้าหน้าที่ของยูโอบี เค้าให้เราจ่ายปิดเป็นก้อน 65000 งวดเดียวจบ เค้าบอกยอดตอนนี้ ประมาณ8หมื่นกว่าแลเว เพราะรวมดอกเบี้ย ตั้งแต่วันฟ้องถึงตอนนี้ แต่ปัญหาคือดิฉันมีเงินก้อนไม่พอ เพราะเพิ่งปิดของแบงค์อื่นไปก่อนหน้านี้ ขอเป็นผ่อนจ่าย และให้เค้าคิดดอกเบี้ยตามที่ศาลกำหนดไปก่อนถ้ามีเงินก้อนเมื่อไหรจะขอปิด แต่เค้าบอกเราว่า ถ้าเราทำผ่อนจ่าย ยังไงก็ต้องโดนบังคับคดีโดยการอายัดเงินเดือนอยู่ดี เพราะถ้าศาลตัดสินแล้วคือเราต้องจ่ายตามที่ศาลตัดสินเป็นก้อน ไม่มีการผ่อนจ่าย จริงรึเปล่าคะ

ก็แหงล่ะสิครับ ศาลพิพากษาออกมาแล้วนี่

ไม่มีเจ้าหนี้รายไหน ที่มันยอมให้ลูกหนี้ผ่อนจ่ายได้อีกหรอก

ถ้ามันยอมให้ลูกหนี้ผ่อนต่อได้อีก แล้วมันจะฟ้องศาลไปทำไม?


ผมถึงได้ทำ Link ไว้ให้อ่านยังไงล่ะครับ

ว่าให้ใช้วิธี"หักคอจ่าย "(หน้าด้านจ่าย)เข้าไป

เพื่อเป็นป้องกันการถูก ยึด/อายัด ทรัพย์ใดๆของลูกหนี้

แล้วทำไมถึงไม่อ่านล่ะครับ?

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41184&Itemid=64#51183

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=11682&Itemid=64#11682

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=31905&Itemid=64#32006

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40846&Itemid=64#48222


ให้หักคอจ่ายไปเรื่อยๆก่อน เพื่อซื้อเวลาไม่ให้ถูก ยึด/อายัด ตามกระบวนการ
เนื่องจากจำเลยยังคงแสดงเจตนาดี ในการชำระหนี้ตามกำลังและความสามารถในขณะนี้
โดยตัวเลขที่ผ่อนจ่ายนี้ เมื่อคำนวณออกมาดูแล้ว จะสามารถจ่ายหนี้ให้หมดได้(ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตามที่ศาลสั่ง) ภายในระยะเวลา 3-5 ปี (หรือภายในระยะเวลาอันสั้น)

แต่ทั้งนี้ การ"หักคอจ่าย"จะต้องเป็นการผ่อนจ่ายแบบ"สมน้ำ-สมเนื้อ"กับยอดหนี้ตามที่ศาลสั่งด้วย
ไม่ใช่จ่ายแค่เดือนละ 500 บาท(แต่ยอดหนี้ตามที่ศาลสั่ง คือ เจ็ดหมื่นกว่าบาท) ไอ้เงินที่จ่ายเข้าไปแค่ 500 บาทนี้ ยังไม่เพียงพอไปตัดจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยตามที่ศาลสั่งได้เลย...อย่างนี้เขาเรียกว่าเป็นการจ่ายแบบ"ทุเรศ "...ไม่ใช่เป็นการจ่ายแบบหักคอ

สมมุติว่า ถ้ายอดหนี้ตามที่ศาลสั่งคือ เจ็ดหมื่นกว่าบาท การผ่อนจ่ายแบบหักคอเข้าไป ก็ควรจะอยู่ที่อย่างน้อย 2,000 บาทขึ้นไป...มันถึงจะสมน้ำ-สมเนื้อกับยอดหนี้ตามที่ศาลสั่ง
เพราะการผ่อนจ่ายขั้นต่ำ 2,000 บาท แบบนี้ไปเรื่อยๆ จำเลยจะสามารถชำระหนี้ให้หมด(เจ็ดหมื่นกว่าบาท + ดอกเบี้ยร้อยละ 15ต่อปี)ได้อย่างแน่นอน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5ปี...หนี้ก็หมด

แต่ถ้าในระหว่างที่ทำการ"หักคอจ่าย"อยู่นี้ หากลูกหนี้มีเงินก่อนในมือเมื่อไหร่ ก็สามารถเจรจาขอทำ Hair cut กับเจ้าหนี้ได้อีก เพราะผมเคยบอกตั้งหลายครั้งแล้วนะครับว่า

Hair-cut สามารถทำได้ตลอด

ทุกช่วงเวลาหลังจากที่"หนี้"ของเรา"เน่า"แล้ว ...ไม่ว่าจะเป็น

- ก่อนได้รับหมายฟ้อง (แต่ต้องหยุดจ่ายนานๆ หลายๆเดือนซะก่อนนะครับ)
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาล
- ขึ้นศาลแล้ว แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี โดยรอขึ้นศาลอีกครั้งในนัดหน้านัด หรือนัดต่อไป (ศาลยังไม่ได้พิพากษา)
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว และไปขึ้นศาลมาแล้ว โดยไปทำ"สัญญาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ"ที่ชั้นศาลมาแล้ว
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว และอยู่ในระหว่าง รอการจ่ายชำระหนี้คืนตามคำพิพากษา
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จ่ายชำระหนี้คืน จนกระทั่งถูกอายัดเงินเดือน หรือถูกอายัดทรัพย์สินอยู่ในขณะนี้

เห็นไหมล่ะครับ ว่า Hair-cut

สามารถทำได้ตลอดชีพจริงๆ

อ้างอิงข้อมูลจาก
ใครที่ยังไม่เข้าใจว่า Hair-cut คืออะไร?...กรุณาเข้ามาอ่าน
www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=749&Itemid=64

ขอบคุณคุณอา ค่ะ ที่จริงหนูอ่านแล้วละค่ะ แต่ยังไม่เข้าใจจริงๆ หนูรบกวนสอบถามนะคะ เท่าที่หนูเข้าใจ การหักคอจ่ายก็คือ อย่างของหนู เค้าต้องการจะให้หนูจ่ายเป็นก้อนเดียวเพื่อปิดจบ แต่หนูไม่มี และตกลงกับเค้าไม่ได้ เพราะเค้าบอกถึงผ่อนจ่ายก็โดนอายัดเงินเดือนอยู่ดี วิธีหักคอจ่ายก็คือ ให้หนูจ่ายเข้าไปเลยใช่มั้ยคะ ไม่ต้องรอว่าเจ้าหนี้เค้าจะต้องการยังไง แล้วถ้าเราจ่ายเข้าไปแล้ว เราจะแน่ใจได้อย่างไรคะ ว่าเค้าจะไปตัดต้นให้เรา และวิธีการจ่าย คือเราไปจ่ายหน้าแบงค์เลยเหรอคะ คือยอดฟ้องของหนูมันเป็น2บัตร ฟ้องรวมกัน เวลาหนูจ่าย หนูต้องจ่ายเข้าทั้ง2บัตรใช่มั้ยคะ

kwangtun เขียน: ขอบคุณคุณอา ค่ะ ที่จริงหนูอ่านแล้วละค่ะ แต่ยังไม่เข้าใจจริงๆ หนูรบกวนสอบถามนะคะ เท่าที่หนูเข้าใจ การหักคอจ่ายก็คือ อย่างของหนู เค้าต้องการจะให้หนูจ่ายเป็นก้อนเดียวเพื่อปิดจบ แต่หนูไม่มี และตกลงกับเค้าไม่ได้ เพราะเค้าบอกถึงผ่อนจ่ายก็โดนอายัดเงินเดือนอยู่ดี

ก็อย่าไปจ่ายแบบ"ทุเรศ"สิครับ...มันอายัดเงินเดือนของคุณไม่ได้หรอก
เพราะถ้าหากมันเสือก"หน้าด้าน"ทำเรื่องอายัดเงินเดือนของลูกหนี้ ในขณะที่ลูกหนี้ยังทำการผ่อนจ่ายชำระแบบ"หักคอจ่าย"อยู่อีก
ลูกหนี้(จำเลย)สามารถนำเอา เอกสาร/หลักฐาน การชำระหนี้แบบ"หักคอจ่าย"ในงวดที่ผ่านๆมา ไปยื่นคำร้องต่อ"ศาลแพ่ง" เพื่อให้"ศาลแพ่ง"ออกคำสั่งคุ้มครองการอายัดไว้เป็นการชั่วคราวได้

kwangtun เขียน: วิธีหักคอจ่ายก็คือ ให้หนูจ่ายเข้าไปเลยใช่มั้ยคะ ไม่ต้องรอว่าเจ้าหนี้เค้าจะต้องการยังไง

ถ้าศาลพิพากษาแล้ว ไม่มีไอ้เจ้าหนี้หน้าโง่รายไหน ที่มันยอมให้ลูกหนี้ผ่อนต่อได้อีกหรอกครับ ...ผมก็บอกไปแล้วไงครับ

เราจึงต้องใช้วิธี"หักคอจ่าย"แทน หรือในภาษาเดิมๆที่เขาเรียกกันว่า หน้าด้านจ่าย นั่นแหละครับ

ผมก็เขียนอธิบายเอาไว้ชัดเจนอยู่ในด้านบนแล้วนะครับ ว่า หน้าด้านจ่าย ...หน้าด้านจ่าย

เราไม่สนหรอกว่า ไอ้เจ้าหนี้มันจะยอมหรือไม่? , มันจะคิดยังไง? , มันจะต้องการอะไร?

ก็ฉันจะหน้าด้านจ่ายมันแบบเนี๊ยะ...มีอะไรมั๊ย?...มีปัญหาอ๊ะป่ะ?

ที่สำคัญของการจ่ายแบบหักคอในกรณีของคุณก็คือ จำเลยต้องรีบทำการ"หักคอจ่าย"(หน้าด้านจ่าย) ภายในไม่เกินที่ศาลกำหนดไว้ในคำพิพากษา
(เช่น...ถ้าในคำพิพากษา ศาลสั่งให้จำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ภายใน 15วัน ลูกหนี้ก็ต้องรีบทำการ"หักคอจ่าย"งวดแรก ภายในไม่เกิน 15วัน เป็นต้น)
และห้ามจ่ายน้อยกว่า 2,000 ต่อเดือน(ในกรณีของคุณ) ห้ามจ่ายๆหยุดๆ หรือ จ่ายเดือนเว้นเดือน (ห้ามจ่ายแบบฟันหลอ) โดยจะจ่ายภายในวันที่เท่าไหร่ก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายในเดือนนั้นๆ

ผมว่าคุณกลับขึ้นไปอ่านที่ผมเขียนเอาไว้ในด้านบน

อ่านใหม่อีกรอบ(หรืออ่านอีกหลายๆรอบก็ได้)

พร้อมกับเข้าไปอ่านใน Link ที่แนะนำด้วย

ก่อนที่มาตั้งคำถามแบบเดิมๆดีกว่านะครับ

kwangtun เขียน: แล้วถ้าเราจ่ายเข้าไปแล้ว เราจะแน่ใจได้อย่างไรคะ ว่าเค้าจะไปตัดต้นให้เรา

คุณก็ใช้วิธีกดเครื่องคิดเลข คิดเอาเองก็ได้นี่ครับ ว่าถ้าจ่ายไปแบบนี้ มันต้องไป ตัดต้น-ตัดดอก เท่าไหร่?
คำนวณเอาจากคำพิพากษาของศาลนั่นแหละครับ ไอ้เจ้าหนี้มันไม่กล้าโกงตัวเลขเกินกว่าที่ศาลสั่งหรอกครับ

kwangtun เขียน: วิธีการจ่าย คือเราไปจ่ายหน้าแบงค์เลยเหรอคะ

เฮ้ออออ... ไปจ่ายที่"ร้านขายของชำ"ใกล้บ้านก็ได้มั๊งครับ
หรือจะไปจ่ายที่ ร้านส้มตำ , ร้านข้าวแกง , ร้านก๋วยเตี๋ยว , วินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง , ป้ายรถเมล์ , หาบเร่ แผงลอย...ฯลฯ...ได้ทั้งน๊านนนน


เอ้า...เข้าเรื่องต่อดีกว่า

คุณจะไปจ่ายที่ธนาคารของมันก็ได้ครับ(ถ้าสะดวก) หรือจะไปจ่ายที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสก็ได้

เอาแบบง่ายๆเลยนะครับ...คุณไปค้นหาใบแจ้งหนี้ของมัน ใบไหนก็ได้ที่มันเคยส่งมาที่บ้านคุณ
ขอเพียงให้มันมี"บาร์โค๊ด"ที่จัดเจน



แล้วก็เอาไปจ่ายโดยการยิง Barcode ที่เซเว่นฯ หรือ Lotus Express ใกล้บ้าน แล้วเก็บหลักฐานเอาไว้


ข้อแนะนำ
บิลชำระหนี้จากเคาเตอร์การเงิน(ใบเสร็จรับเงิน) ไม่ว่าจะออกให้โดยธนาคารต่างๆ หรือ non-bank หรือ เคาน์เตอร์เซอร์วิส เพื่อเป็นหลักฐานว่า คุณได้ชำระหนี้ในวันที่....เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
*** ต้องถ่ายเอกสารเก็บเอาไว้ด้วย หากได้รับบิลใบเสร็จการชำระเงินที่ เป็นจำพวกกระดาษคาร์บอน เพราะถ้าหากวันเวลาผ่านไปนานๆ(หลายๆเดือน) ตัวหนังสือที่อยู่ในใบเสร็จของกระดาษคาร์บอน มันจะเลือนหายไปตามกาลเวลา ***

ตัวอย่างกระดาษคาร์บอน

kwangtun เขียน: คือยอดฟ้องของหนูมันเป็น2บัตร ฟ้องรวมกัน เวลาหนูจ่าย หนูต้องจ่ายเข้าทั้ง2บัตรใช่มั้ยคะ

แล้วศาลพิพากษาให้คุณ ต้องจ่ายหนี้แยกกัน หรือจ่ายหนี้รวมกันล่ะครับ?

ถ้าพิพากษาให้จ่ายหนี้รวมกัน ก็ใช้เอกสาร"ใบแจ้งหนี้"อันที่มันมียอดหนี้สูงๆใบนั้นแหละ ไปจ่ายโดยการยิงบาร์โค๊ดได้เลย เพราะถึงเราจะจ่ายเข้าไปในบัตรไหนก็ตาม แต่เจ้าหนี้มันก็เป็นรายเดียวกันอยู่ดี

ขอบคุณคุณอาอีกครั้งค่ะ เป็นคำตอบที่ ฮาร์ทคอร์ แต่ก็ทำให้ หนูเข้าใจได้ง่ายจริงๆ ขอบคุณจากใจค่ะ ทั้งคุณอา และพี่ๆ เพื่อนๆในชมรม ทุกคนค่ะ ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เสมอเลยว่าเป็นโชคดีของเราจริงๆที่เปิดมาเจอชมรมนี้อย่างบังเอิญ เพราะถ้ายังงมอยู่คนเดียวเหมือนตอนก่อนหน้านี้ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง ทุกวันนี้ชีวิตดีขึ้นมากค่ะ ไม่ต้องเสียน้ำตาเพราะคำว่า หนี้ อีกแล้ว เมื่อก่อนบางครั้งนั่งอยู่ดีๆน้ำตายังไหลออกมาเพราะความเครียดที่มันถาโถมเข้ามา จนทำให้คนที่เรารักเค้ามองเห็นแล้วต้องทุกข์ใจไปกับเราด้วย ทั้งพ่อ แม่ และน้องๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณอา คุณอาและชมรมคือผู้มีพระคุณของหนูจริงๆค่ะ

kwangtun เขียน: ขอบคุณคุณอาอีกครั้งค่ะ เป็นคำตอบที่ ฮาร์ทคอร์ แต่ก็ทำให้ หนูเข้าใจได้ง่ายจริงๆ ขอบคุณจากใจค่ะ ทั้งคุณอา และพี่ๆ เพื่อนๆในชมรม ทุกคนค่ะ ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เสมอเลยว่าเป็นโชคดีของเราจริงๆที่เปิดมาเจอชมรมนี้อย่างบังเอิญ เพราะถ้ายังงมอยู่คนเดียวเหมือนตอนก่อนหน้านี้ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง ทุกวันนี้ชีวิตดีขึ้นมากค่ะ ไม่ต้องเสียน้ำตาเพราะคำว่า หนี้ อีกแล้ว เมื่อก่อนบางครั้งนั่งอยู่ดีๆน้ำตายังไหลออกมาเพราะความเครียดที่มันถาโถมเข้ามา จนทำให้คนที่เรารักเค้ามองเห็นแล้วต้องทุกข์ใจไปกับเราด้วย ทั้งพ่อ แม่ และน้องๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณอา คุณอาและชมรมคือผู้มีพระคุณของหนูจริงๆค่ะ

อยากสอลถามคุณ Kwangtun ว่าตอนนี้ได้ทำการ หักคอจ่าย ไปกี่งวดแล้วคะ ได้ผลมั้ยคะ ปิ่นกำลังจะต้องถึงคราตัดสินคดีเช่นกันค่ะ คิดว่าไม่มีเงินจ่ายต้นทั้งหมดแน่ๆ อาจจะต้องทำแบบนี้บ้าง อยากทราบเป็นตัวอย่างค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

ปิ่นปัก เขียน: อยากสอลถามคุณ Kwangtun ว่าตอนนี้ได้ทำการ หักคอจ่าย ไปกี่งวดแล้วคะ ได้ผลมั้ยคะ ปิ่นกำลังจะต้องถึงคราตัดสินคดีเช่นกันค่ะ คิดว่าไม่มีเงินจ่ายต้นทั้งหมดแน่ๆ อาจจะต้องทำแบบนี้บ้าง อยากทราบเป็นตัวอย่างค่ะ

ตัวอย่างในนี้ก็มีครับ

ตัวสุดท้าย!!
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41932&limitstart=20&Itemid=64#79611

หักคอจ่ายมาได้ปีครึ่ง และแล้วก็มีส่วนลด
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41932&limitstart=60&Itemid=64#85569


ข้อควรระวังของการใช้วิธีหักคอจ่าย
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=11682&Itemid=64#11682