ลากันทีกับหนี้ 1.3 ล้าน บทเรียนชีวิตที่ยิ่งใหญ่!!!!!

03/05/59

วันนี้ไปศาลของ UOB ที่เค้าฟ้องรวม บัตรที่กำลัง HC อยู่ด้วย จนท.แบงก์พยายามให้เอายอดที่จ่ายแล้วมาลด แต่ทางทนายเค้าบอกว่าไม่งั้นยอดจะมีส่วนต่างมันเหมือนไม่จบ ทางทนายเค้าขอเลือนให้เราเองเลยเพราะสิ้นเดือนนี้เราก็จะผ่อนจบพอดี ผู้พิพากษา แจ้งว่านัดหน้าหากต้องการสู้คดีก็ได้นะ ศาลเปิดโอกาสให้สู้ในนัดหน้าได้ ถือว่าท่านให้โอกาสเรามากทีเดียว

ที่นี้มาถึงข้อสงสัย
- หากเราไม่ต้องการสู้คดี ท่านผู้พิพากษา จะลดยอดบัตรกดเงินสดเราลงจากยอดฟ้องให้เราหรือไม่จริง ๆ วันนี้น่าจะถามท่านไปเลย ท่านถามเราเรื่องเอกสารเลื่อนอย่างเดียวเลย เรามัวแต่อึ้ง
- หรือเราต้องสู้คดี???
- ทำไมหน้าบัลลังก์ กับทนาย มักจะแนะนำให้กลับไปเลยกรณีเราต้องการให้พิพากษา อยู่หรือกลับก่อนมีผลดี ผลเสียอย่างไร เพราะเค้าให้เหตุผลว่าถ้าอยู่ก็ต้องเหมือนปฏิบัติตามคำพิพากษาเลย ประมาณนี้

เจตนาจริง ๆ คือไม่ได้ต้องการสู้คดีหรืออย่างไร เพียงแต่ประวิงเวลาไประยะนึง เพื่อหาเงินมาชำระ หรือถ้าไม่สามารถชำระเป็นก้อนได้ อาจจะเลือกใช้แนวทางหักคอจ่าย

ผมก็เจอเหมือนกันครับ ไปขึ้นศาลวันที่ 2 ที่ผ่านมา คดีบัตร FC ทนายที่
ห้องไกล่เกลี่ยก็บอกเซ็นต์รับทราบแล้วก็ให้กลับก่อนเลย
แต่เจ้าหน้าศาลบอกต้องรอขึ้นบัลลังก์เลยไม่งั้นจะได้มาทั้งครอบครัว...
.....อยากรู้เหมือนกันครับ...จะเชื่อใครดี

IndyGirL เขียน: 03/05/59

วันนี้ไปศาลของ UOB ที่เค้าฟ้องรวม บัตรที่กำลัง HC อยู่ด้วย จนท.แบงก์พยายามให้เอายอดที่จ่ายแล้วมาลด แต่ทางทนายเค้าบอกว่าไม่งั้นยอดจะมีส่วนต่างมันเหมือนไม่จบ ทางทนายเค้าขอเลือนให้เราเองเลยเพราะสิ้นเดือนนี้เราก็จะผ่อนจบพอดี ผู้พิพากษา แจ้งว่านัดหน้าหากต้องการสู้คดีก็ได้นะ ศาลเปิดโอกาสให้สู้ในนัดหน้าได้ ถือว่าท่านให้โอกาสเรามากทีเดียว

ที่นี้มาถึงข้อสงสัย
- หากเราไม่ต้องการสู้คดี ท่านผู้พิพากษา จะลดยอดบัตรกดเงินสดเราลงจากยอดฟ้องให้เราหรือไม่จริง ๆ วันนี้น่าจะถามท่านไปเลย ท่านถามเราเรื่องเอกสารเลื่อนอย่างเดียวเลย เรามัวแต่อึ้ง
- หรือเราต้องสู้คดี???
- ทำไมหน้าบัลลังก์ กับทนาย มักจะแนะนำให้กลับไปเลยกรณีเราต้องการให้พิพากษา อยู่หรือกลับก่อนมีผลดี ผลเสียอย่างไร เพราะเค้าให้เหตุผลว่าถ้าอยู่ก็ต้องเหมือนปฏิบัติตามคำพิพากษาเลย ประมาณนี้

เจตนาจริง ๆ คือไม่ได้ต้องการสู้คดีหรืออย่างไร เพียงแต่ประวิงเวลาไประยะนึง เพื่อหาเงินมาชำระ หรือถ้าไม่สามารถชำระเป็นก้อนได้ อาจจะเลือกใช้แนวทางหักคอจ่าย

CHITCHAMP เขียน: ผมก็เจอเหมือนกันครับ ไปขึ้นศาลวันที่ 2 ที่ผ่านมา คดีบัตร FC ทนายที่
ห้องไกล่เกลี่ยก็บอกเซ็นต์รับทราบแล้วก็ให้กลับก่อนเลย
แต่เจ้าหน้าศาลบอกต้องรอขึ้นบัลลังก์เลยไม่งั้นจะได้มาทั้งครอบครัว...
.....อยากรู้เหมือนกันครับ...จะเชื่อใครดี

IndyGirL เขียน: 03/05/59

วันนี้ไปศาลของ UOB ที่เค้าฟ้องรวม บัตรที่กำลัง HC อยู่ด้วย จนท.แบงก์พยายามให้เอายอดที่จ่ายแล้วมาลด แต่ทางทนายเค้าบอกว่าไม่งั้นยอดจะมีส่วนต่างมันเหมือนไม่จบ ทางทนายเค้าขอเลือนให้เราเองเลยเพราะสิ้นเดือนนี้เราก็จะผ่อนจบพอดี ผู้พิพากษา แจ้งว่านัดหน้าหากต้องการสู้คดีก็ได้นะ ศาลเปิดโอกาสให้สู้ในนัดหน้าได้ ถือว่าท่านให้โอกาสเรามากทีเดียว

ที่นี้มาถึงข้อสงสัย
- หากเราไม่ต้องการสู้คดี ท่านผู้พิพากษา จะลดยอดบัตรกดเงินสดเราลงจากยอดฟ้องให้เราหรือไม่จริง ๆ วันนี้น่าจะถามท่านไปเลย ท่านถามเราเรื่องเอกสารเลื่อนอย่างเดียวเลย เรามัวแต่อึ้ง
- หรือเราต้องสู้คดี???
- ทำไมหน้าบัลลังก์ กับทนาย มักจะแนะนำให้กลับไปเลยกรณีเราต้องการให้พิพากษา อยู่หรือกลับก่อนมีผลดี ผลเสียอย่างไร เพราะเค้าให้เหตุผลว่าถ้าอยู่ก็ต้องเหมือนปฏิบัติตามคำพิพากษาเลย ประมาณนี้

เจตนาจริง ๆ คือไม่ได้ต้องการสู้คดีหรืออย่างไร เพียงแต่ประวิงเวลาไประยะนึง เพื่อหาเงินมาชำระ หรือถ้าไม่สามารถชำระเป็นก้อนได้ อาจจะเลือกใช้แนวทางหักคอจ่าย

ถ้าเป็น อินดี้เองก็คิดนะะว่าไหนๆ มาแล้วรอพบผู้พิพากษาดีกว่า แต่ แต่แบบพอฟังเขาอธิบายว่าถ้าอยู่พบแล้วพิพากษาต้องปฏิบัติตามเลยก็เริ่มหวั่นไหว ไขว้เขว้ ไม่ ไม่รู้จริงๆว่าตกลงควรอยู่หรือควรกลับ

IndyGirL เขียน: วันนี้ไปศาลของ UOB ที่เค้าฟ้องรวม บัตรที่กำลัง HC อยู่ด้วย จนท.แบงก์พยายามให้เอายอดที่จ่ายแล้วมาลด แต่ทางทนายเค้าบอกว่าไม่งั้นยอดจะมีส่วนต่างมันเหมือนไม่จบ ทางทนายเค้าขอเลือนให้เราเองเลยเพราะสิ้นเดือนนี้เราก็จะผ่อนจบพอดี ผู้พิพากษา แจ้งว่านัดหน้าหากต้องการสู้คดีก็ได้นะ ศาลเปิดโอกาสให้สู้ในนัดหน้าได้ ถือว่าท่านให้โอกาสเรามากทีเดียว

ใช่แล้วครับ ศาลท่านให้โอกาสกับคุณแล้ว เพราะศาลเห็นแล้วว่าโจทก์กระทำการ"ฟ้องเท็จ"ในครั้งนี้

IndyGirL เขียน: - หากเราไม่ต้องการสู้คดี ท่านผู้พิพากษา จะลดยอดบัตรกดเงินสดเราลงจากยอดฟ้องให้เราหรือไม่

ศาลท่านไม่ตัดยอดฟ้องให้คุณหรอกครับ หากจำเลยไม่ต่อสู้คดีให้ถูกต้องตามขั้นตอนและกระบวนการของศาล (แนวทางที่ 1. )

IndyGirL เขียน: ท่านถามเราเรื่องเอกสารเลื่อนอย่างเดียวเลย เรามัวแต่อึ้ง
- หรือเราต้องสู้คดี???

ผมว่าท่านคงพยายามส่งสัญญาณบอกอะไรบางอย่างกับคุณมั๊งครับ อาจกำลังบอกใบ้กับคุณว่า ทำไมจำเลยถึงไม่ยอมสู้คดี...ล่ะมั๊ง?

IndyGirL เขียน: - ทำไมหน้าบัลลังก์ กับทนาย มักจะแนะนำให้กลับไปเลยกรณีเราต้องการให้พิพากษา

เรื่องแบบนี้ผมเคยอธิบายเอาไว้อยู่ในกระทู้นี้แล้วนะครับ ถ้าคุณไปไล่อ่านดีๆให้หมด...แล้วคุณจะเห็นสิ่งที่ผมพิมพ์เอาไว้

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=43979&Itemid=64#82401

IndyGirL เขียน: อยู่หรือกลับก่อนมีผลดี ผลเสียอย่างไร

เตือนไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว สำหรับผู้ที่จะไปขึ้นศาลด้วยตัวเองเพียงลำพัง
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=8372&Itemid=64

IndyGirL เขียน: เพราะเค้าให้เหตุผลว่าถ้าอยู่ก็ต้องเหมือนปฏิบัติตามคำพิพากษาเลย ประมาณนี้

ถูกต้องแล้วครับ ถ้าคุณอยู่แล้วไม่ยื่นคำให้การต่อสู้คดี ศาลก็ต้องพิพากษาไปตามที่โจทก์ฟ้องครับ
ศาลท่านถึงบอกใบ้ให้กับคุณไงครับ (แนวทางที่ 1. )

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64

IndyGirL เขียน: เจตนาจริง ๆ คือไม่ได้ต้องการสู้คดีหรืออย่างไร เพียงแต่ประวิงเวลาไประยะนึง เพื่อหาเงินมาชำระ หรือถ้าไม่สามารถชำระเป็นก้อนได้ อาจจะเลือกใช้แนวทางหักคอจ่าย

ตามข้อกฎหมายแล้ว สัญญา Haircut ที่ลุกหนี้ยังผ่อนจ่ายอยู่ตามปกติ เจ้าหนี้จะไม่สามารถนำมาฟ้องต่อศาลได้ แต่ถ้าหากเมื่อใดที่ลุกหนี้ทำการผิดนัดต่อการผ่อนจ่ายตามสัญญา Haircut ดังกล่าวแล้ว เจ้าหนี้ก็สามารถทำเรื่องฟ้องต่อศาลได้ทันที

หากเจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ สำหรับหนี้ตัวอื่นๆที่ลูกหนี้ยังผิดนัดชำระอยู่(ไม่ได้ผ่อนจ่ายหนี้มานานแล้ว) เจ้าหนี้จะต้องทำการแยกฟ้องให้เป็นคดีๆไป เช่น บัตรใบไหนที่ลูกหนี้หยุดจ่ายมานานมากแล้ว ก็ฟ้องศาลให้เป็นคดีๆ...แยกกันไป

ส่วนบัตรใบที่ลูกหนี้ยังคงผ่อนจ่ายอยู่เป็นปกติ(ตามสัญญา Haircut) เจ้าหนี้ไม่สามารถฟ้องได้ จนกว่าลูกหนี้จะทำผิดตามสัญญา Haircut แล้วค่อยมาฟ้องใหม่ให้เป็นอีกคดีหนึ่งต่อไป...อย่างในกรณีบัตรกดเงินสดของคุณเป็นต้น ซึ่งถือว่านำมาฟ้องศาลไม่ได้

แต่การแยกกันฟ้องแบบนี้ จะทำให้เจ้าหนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น เพราะการฟ้องในแต่ละคดี เจ้าหนี้ต้องเสียเงินค่าจ้างทนายในแต่ละครั้งที่ฟ้อง แล้วยังต้องเสียเงินค่าฟ้องให้กับศาลอีกด้วย

การฟ้องลูกหนี้ให้เป็นคดีความในชั้นศาล ไม่มีคำว่า"ฟรี"นะครับ เจ้าหนี้จะต้องจ่ายเงินค่าฤชาธรรมเนียมให้กับศาล เพื่อใช้เป็นค่าฟ้องด้วย(ประมาณ 4-5 พันบาท ต่อหนึ่งคดี)

ดังนั้น เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินหลายๆแห่งในปัจจุบัน จึงมักใช้วิธี"รวมหนี้"ของลูกหนี้ที่เป็นบัตรของมันทั้งหมด แล้วทำการฟ้องรวมให้เป็นคดีเดียว จะได้ประหยัดเงินค่าใช้จ่ายในการฟ้องไปในตัว เพราะจ่ายเงินค่าจ้างทนายโจทก์เพียงแค่คดีเดียว และจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล(ค่าฟ้องศาล)แค่ครั้งเดียวอีกด้วย...ซึ่งดีกว่าแยกฟ้องให้เป็นหลายคดี เพราะต้องมาเสียเงินค่าใช้จ่ายตั้งหลายครั้งในแต่ละคดี

• ฟ้องศาล 1คดี เจ้าหนี้ต้องจ่ายค่าจ้างทนายโจทก์ 1ครั้ง...และจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล 1ครั้ง

• ฟ้องศาล 2คดี เจ้าหนี้ต้องจ่ายค่าจ้างทนายโจทก์ 2ครั้ง...และจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล 2ครั้ง

• ฟ้องศาล 3คดี เจ้าหนี้ต้องจ่ายค่าจ้างทนายโจทก์ 3ครั้ง...และจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล 3ครั้ง


การที่เจ้าหนี้จะทำการ"ฟ้องรวม"หนี้ทุกบัตรทุกใบให้เป็นคดีเดียวกันได้นั้น ลูกหนี้จะต้องผิดนัดชำระบัตรของเจ้าหนี้ทุกใบมาอย่างยาวนาน และหนี้บัตรทุกใบของลูกหนี้ต้องหยุดจ่ายหมดทุกใบเช่นกัน โดยลูกหนี้ต้องไม่มีการหนี้จ่ายตามสัญญา Haircut , สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ หรือสัญญาประนอมหนี้เลยสักใบ ในขณะที่ถูกทำการฟ้อง

แต่ด้วยความ"ขี้เหนียว"ของเจ้าหนี้บางรายในปัจจุบัน ที่มันไม่อยากแยกฟ้องศาลให้เป็นหลายคดี เพราะมันกลัวว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายครั้งในแต่ละคดี ดังนั้นเจ้าหนี้มันจึงใช้วิธีการ"ฟ้องรวม"ในบัตรต่างๆของมัน โดยที่มันไม่สนใจว่าบัตรใบไหนที่ลูกหนี้ยังคงผ่อนจ่ายอยู่ตามปกติ , ลูกหนี้ผ่อนจ่ายอยู่ตามสัญญา Haircut , จ่ายตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ สัญญาประนอมหนี้ (สัญญา_นรก) อยู่ก็ตาม...ซึ่งการฟ้องรวมแบบนี้ ถือว่าเป็นการฟ้องที่ผิดกฎหมาย


อย่างในกรณีของคุณเช่นนี้ เจ้าหนี้มันรวมหนี้ทั้งหมดของคุณมาทำการฟ้องให้เป็นคดีเดียวกัน(ฟ้องรวม) ทั้งๆที่คุณยังคงผ่อนจ่ายชำระหนี้ของบัตรกดเงินสด ตามในสัญญา Haircut ของมันอยู่เป็นปกติ...แต่...เจ้าหนี้มันเสือกอ้างว่าหนี้บัตรใบที่คุณยังคงผ่อนจ่ายอยู่ตามสัญญา Haircut นี้ ลูกหนี้ได้ทำการผิดนัดชำระตามสัญญาแล้ว จึงเป็นการฟ้องที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง...หรือที่เรียกกันว่าเป็นการ"ฟ้องเท็จ"

คุณพลาดตรงที่ไม่ยอมสู้คดีเสียตั้งแต่แรก ว่าโจทก์ได้กระทำการฟ้องเท็จ โดยอ้างหลักฐานที่จำเลยยังคงมีการผ่อนจ่ายชำระหนี้อยู่เป็นปกติตามสัญญา Haircut ซึ่งจำเลยได้แนบเอกสารหลักฐานทั้งหมดดังกล่าว ตามเอกสารท้ายคำให้การจำเลย

จำเลยสามารถสู้คดี เพื่อให้ศาลทำการพิพากษาคำฟ้องของโจทก์ โดยการ"ยกฟ้อง"หมดทั้งฉบับ ในฐานที่โจทก์กระทำการฟ้องเท็จ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า หนี้ของบัตรทุกใบที่มีอยู่ในคำฟ้องของโจทก์ฉบับนี้ จะถูก"ยกฟ้อง"ตามไปด้วยหมดเช่นเดียวกัน

แต่ผมไม่สามารถคาดเดาใจศาลได้ว่า หากท่านพิจารณาสั่งยกฟ้องคำฟ้องของโจทก์แล้ว ท่านจะพิพากษาต่อลงท้ายว่าเป็นอย่างไร? ซึ่งอาจเป็นไปได้ทั้ง 3 แนวทาง ดังนี้

1. ศาลพิพากษายกฟ้องเฉพาะหนี้ที่จำเลยยังชำระอยู่ตามสัญญา Haircut เนื่องจากจำเลยยังไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าว แต่หนี้ตัวอื่น ศาลพิพากษาให้เป็นไปตามที่คู่ความทั้งสองได้สู้คดีกันว่าด้วยเรื่องดอกเบี้ย ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (หมายความว่าหนี้ตัวอื่นที่เหลือ ที่จำเลยสู้คดีว่าด้วยเรื่องดอกเบี้ย , ค่าธรรมเนียม , ค่าติดตามทวงถามหนี้ โจทก์คิดเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งศาลอาจตัดสินให้จำเลยชนะคดีหรือแพ้คดีก็ได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับศาล และความเก่งกาจของทนายฝ่ายจำเลยด้วย...ต้องไปลุ้นต่อเอาอีกที)

2. ศาลพิพากษายกฟ้องหมดทั้งฉบับ เนื่องจากโจทก์กระทำการฟ้องเท็จในครั้งนี้ แต่ศาลไม่ตัดสิทธิ์ในการที่โจทก์จะยื่นฟ้องเข้ามาใหม่ โดยต้องไม่เป็นการฟ้องเท็จเหมือนในครั้งนี้
ในกรณีนี้ กว่าที่โจทก์(เจ้าหนี้)จะไปทำเรื่องฟ้องต่อศาลมาใหม่อีกครั้ง ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน จำเลย(ลูกหนี้)ก็มีเวลาเจรจาทำ Haircut กับเจ้าหนี้ต่อได้อีกหลายเดือน

3. ศาลพิพากษายกฟ้องหมดทั้งฉบับ เนื่องจากโจทก์กระทำการฟ้องเท็จในครั้งนี้ โดยศาลไม่อนุญาตให้โจทก์สามารถยื่นเรื่องฟ้องใหม่ได้อีก หากโจทก์ต้องการยื่นอุทธรณ์ต่อชั้นศาลอุทธรณ์ และจำเลยขอสู้คดีต่อในชั้นอุทธรณ์ด้วยเช่นกัน
ในกรณีนี้ กว่าจะสู้คดีกันในชั้นอุทธรณ์เสร็จสิ้น ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 1ปี...จำเลย(ลูกหนี้)ก็มีเวลาเจรจาทำ Haircut กับเจ้าหนี้ต่อได้อีกนานเป็นปีเลย

คุณต้องไปตัดสินใจเอาเองนะครับ ว่าอยากจะสู้คดีหรือเปล่า? เพราะศาลท่านก็เปิดช่อง เปิดโอกาสให้กับคุณแล้ว

หากคุณคิดเปลี่ยนใจ อยากจะสู้คดีในกรณีเช่นนี้ ก็ลองโทรปรึกษากับคุณอาไพโรจน์ได้เลยนะครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำคะท่านประธาน

09/05/59

UOB เคสที่โดนฟ้องหลังจากได้ฟังคำแนะนำของท่านประธานทำให้เราสบายใจขึ้นมาก ๆ พอจะมองเห็นแนวทางต่อไป ว่าต้องทำอะไรยังไง ไม่สับสนอีก

SCBT
อยากปิดใจจะขาดติดที่เงินไม่มี กับส่วนลดของแสตนดาร์ด บัตรเครดิต ยอดตอนนี้ลดไปเลย 50% แต่ถ้ามีเอกสาร หรือหมายศาลอย่างอื่นเพิ่ม จะทำเสนอลดให้เพิ่มอีก คนทวงของ สนง. กรัณฑ์ ไม่รู้หลอกดูข้อมูลหนี้เตรียมฟ้องเรารึป่าว เพราะหยุดจ่ายนานแล้ว

TMB เงียบ

CIMB โทรมาแต่รับสายไม่ทัน

กรุงศรีสินเชื่อ เงียบ

ใช่ค่ะTMB และkrungsri เงียบมากๆๆเหลือแค่2เจ้านี้เท่านั้นอยากเคลียร์ให้จบเร็วๆๆจังไม่อยากมาค้างคา

TMBของBad ตอนแรกดอกเบี้ย10%ครบ1ปีแล้วดอกเบี้ยเป็น24% คราวนี้ดอกเบี้ยบานแน่ๆๆเลย อยากหมดหนี้ไม่ได้อยากได้หนี้เพิ่ม

13/05/59

กรุงศรี กลับมาแล้วค่ะ น่าจะเปลี่ยนสำนักงาน คราวนี้สุภาพดีค่ะ เสนอลดจาก 181,000 เหลือ 150,000 แบ่งจ่ายได้ 12 เดือน

แสตนดาร์ด กับ CIMB ติดต่อมาแต่ไม่ได้รับสาย

ลดให้น้อยจริงๆแต่ให้ผ่อนนานมาก ของผมนี่ยังเข้ากลีบเมฆ

IndyGirL เขียน: 13/05/59

กรุงศรี กลับมาแล้วค่ะ น่าจะเปลี่ยนสำนักงาน คราวนี้สุภาพดีค่ะ เสนอลดจาก 181,000 เหลือ 150,000 แบ่งจ่ายได้ 12 เดือน

แสตนดาร์ด กับ CIMB ติดต่อมาแต่ไม่ได้รับสาย

รอติดตามอยู่นะคะ
กรุงศรีเงียบเป็นเดือนแล้วค่ะ
Cimb เงียบเกือบ2อาทิตย์
UOB ได้หมายศาลแล้ว
เครียดมากเลยค่ะ

UOB เจ้าหน้าที่ที่ดูแลบัญชีเราเอง แย่ได้สม่ำเสมอมาก ระหว่างเรื่องเราเลื่อนศาลนัดอีกที เดือนมิถุนายน
เจ้าหน้าที่โทรมาบังคับให้เราทำยอม ของยอดสินเชื่อที่เหลืออีก 1 ตัวที่โดนฟ้องอยู่ อ้างนู้นอ้างนี่ ว่าคุยกับทนายแล้ว ว่าถ้าเลื่อนต้องทำยอม เรางงมาก มีตอนไหนที่คุยว่าต้องทำยอม มีในเอกสารตรงไหนว่าต้องทำยอม ไม่มีเลยสักนิด
เสนอเรามาเป็นขั้นบันได้โดยบอกว่าไม่มีดอกเบี้ยแล้ว พอเราถามยอดงวดสุดท้ายก็แกล้งคำนวนผิด ลดจากยอดจริง ๆ ไป 20,000 คิดว่าจะให้ดูยอดน้อย ๆ มั้ง โดยที่เราต้องจ่ายภายในสิ้นเดือนนี้ด้วยนะ

พอเราปฏิเสธไป บอกว่าคุยกันวันนัดอีกที ทำไมต้องทำยอมก่อนด้วยละ นัดตั้งเดือนหน้า น้ำเสียงคนทวงเปลี่ยนทันที เสียงแข็งมาก ตะคอกเราได้คงทำไปแล้ว เค้ารีบบอกเลยว่าคะงั้นตอนนี้บันทึกเสียงนะ อัดเสียงอยู่ที่ลูกค้าบอกว่าไม่ตกลงทำยอม ต่อไปไม่มีแล้วนะเงื่อนไขนี้ คือเรางงก็อัดเสียงไปสิ มีแต่เทออ่ะที่มาทำเสียงจิกกัด พูดจาแว้ดๆๆๆใส่ ไม่รู้ว่าเค้าจะเปลี่ยนคนดูแลมั้ย เบื่อคนนี้มากกก

ถ้าจะตกลงทำยอมให้ไปทำในศาลค่ะ จะไม่เสียเปรียบ

สู้ๆนะค่ะ คุณ IndyGirl เอากำลังใจมาฝากค่ะ

มาให้กำลังใจกันครับคุณ IndyGirL
เสมอต้นเสมอปลายมากครับ เจ้านี้ ยอมเลยครับ

pfs เขียน: ถ้าจะตกลงทำยอมให้ไปทำในศาลค่ะ จะไม่เสียเปรียบ

ขอบคุณมากคะ คุณ pfs
ก็คิดอยู่ว่าถ้าให้ทำยอมก็ต้องวันไปศาลสิเนอะ จะมาเร่งรัดเราทำไม สงสัยอยากได้ยอดมากๆ เพราะสุดท้ายมาบอกว่าจริง ๆ เค้าเองไม่ได้ดูแลตัวนี้ แค่อยากช่วย ต่อไปให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อเค้าดูต่อ
ดีค่ะเบื่อแม่นางมากๆๆๆๆ

เรากำลังกลุ้มใจเจ้านี้อยู่เลยค่ะ ยอดเยอะด้วย เรายังเก็บเงินได้ไม่พอจะปิดเลย

คอลเซ็นเตอร์พูดจาไม่ค่อยโอเค แถมส่งคนมาเก็บเงินเราที่ออฟฟิสแบบไม่แจ้งล่วงหน้าด้วย แต่ยังดีหน่อยที่เค้าเรียกเราไปคุยด้านนอก ไม่กระโตกกระตาก

วันนี้ครบกำหนดที่เค้าจะเข้ามาเก็บยอด แต่เค้าโทรมาก่อนว่า ถ้ายังไม่มีให้เค้าจะได้ไม่เสียเวลามาหาเรา เราเลยแจ้งไปว่าไม่มีให้ค่ะ จบ.

สู้ๆ นะคะคุณIndy GirL เป็นกำลังใจให้ค่ะ

jinnyja เขียน: สู้ๆนะค่ะ คุณ IndyGirl เอากำลังใจมาฝากค่ะ

มาเกาะติดโพสต์ด้วยคนค่ะ เหลือแต่ของกรุงศรีเหมือนกัน (สินเชื่อ) ค่ะ ยอดตอนหยุด 120000 ตอนนี้พุุ่งไปเป็น 170,000 แล้ว เจรจาขอปิดที่ 80000 ไม่ยอม ให้ปิดที่ 110,000 ลดยากจุง ตังก็ยังเก็บไม่พอ
(หยุด พค. 58 ค่ะ)

IndyGirL เขียน: ช่วงนี้เจ้าหนี้หลาย ๆ เจ้าเงียบไป แต่ที่เงียบไปนานที่สุดคือ สินเชื่อกรุงศรี กับ สินเชื่อของทหารไทย หายไปเป็นเดือนเงียบตั้งแต่ปีที่แล้วแต่มีจดหมายมาทวงเป็นระยะ ๆ ก็ดีค่ะ สบายหูดีเหมือนกัน

First choice อยู่ระหว่างผ่อนที่ทำยอม จ่ายไป 1 งวด ไม่ทันไรโทรมาเสนอส่วนลดแล้วคะ เราก็ถามลดเท่าไหร่ เค้าก็คำนวน ก็อก ๆ แก็ก ๆ ลดจากยอดฟ้อง 55,500 ผ่อนแล้ว 2,000 ลดเหลือ 40,000 หรือ 44,000 นี่แหละคะจำตัวเลขไม่แม่น เพราะเจ้าหน้าทีดูงง ๆ งวย ๆ ทวงเองงงเอง พอดีไม่มีเงินด้วยเลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก แอบดีใจนิด ๆ ตรงที่ว่าขนาด ทำยอมเค้ายังมีเสนอ H/C ให้เรา แต่ถึงขั้นนี้แล้วเรามองว่าผ่อนต่อไป เอาเงินก้อนไปปิดที่เหลือก่อนจะดีกว่า

รบกวนสอบถามคะ ของเราบัตร Frst choice แต่ทำยอมจ่ายเดินละ 2000 คิดดอกเบี้ย 7.5% ใน 1 ปีแรก และต้องจ่ายครั้งละไม่ต่ำกว่า 2000.- แต่ถ้าจ่ายครบปีแล้ว เราไม่สามารถหาเงินมาปิดส่วนที่เหลือได้ เรายังจะจ่ายทีละ 2000 แบบนี้ไปอีกได้ไหมคะ หรือจะต้องหาเงินมาปิดอย่างเดียวคะ ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะคะ

IndyGirL เขียน: ก่อนอื่นเลย สวัสดีเพื่อน ๆ เวปบอร์ดแห่งนี้คะ เคยเข้ามาอ่านบ่อย ๆ เมื่อนานหลายปีมาแล้วตอนนั้นหนี้เรายังไม่มากมายขนาดนี้ จนเวลาล่วงเลยไปหายนะก็มาเยือนจนได้คะ 8 ปีที่เรียนจบทำงานมา เราเป็นหนี้มาตลอดเริ่มจากไม่กี่หมื่นบาท จนมาเป็นหลักล้าน ที่ผ่านมาไม่กล้ารวมยอดหนี้เลยคะ กลัวที่จะเห็นยอด ตอนนี้รับสภาพคะ มีทางออกทางเดียวคือทำตามแนวทางของเวปนี้ หยุดชำระทั้งหมดเพื่อรอปิดยอด

รายได้ตอนนนี้ รวมกับแฟน 43,000+2000
ค่าใช้จ่าย
-ค่าแชร์ 5,000 อีก 6 เดือนหมด หมดแล้ว
-ผ่อนเงินกู้นอกระบบ 5,000 ต่อรองเจ้าหนี้ผ่อน 3,000
-ค่าแก้ส + ค่าที่จอดรถ 3,000
-ค่ากิน 2 คนกับน้องหมา 1 ตัว 10,000++


หนี้สินเชื่อบุคคล

1. TMB 145,500 หยุดชำระ ธค.57
2. UOB 141,500 ฟ้องแล้ว เสนอลดมา 100,000
3. CIMB 67,000 หยุดชำระ ธค.57
4. CIMB 47,000 หยุดชำระ ธค.57
5. แสตนดาร์ด 135,200
6. กรุงศรี 132,100 หยุดชำระ ธค.57
7. CITI AD 122,700 ยอด 139,500 ลด 54% 63,000/3งวด ปิดจบแล้ว


บัตรเครดิต

8.แสตนดาร์ด 112,000
9.กสิกร 54,000 ปิดแล้วรวมกับบัตรกดเงินสด 140,500 ปิด 57,000 ลดประมาณ 60%
10. CITIBANK 38,000 ยอด 43,257 ลด 44% 24,000/12 งวด อยู่ระหว่างผ่อนชำระ

บัตรกดเงินสด

11. เฟริสช้อยส์ 45,000 หยุด ธค.57 ฟ้องตอนเดือน 11/58 ทำยอม 2000*24 งวดสุดท้ายต้องปิดจบ
12. พาวเวอร์บาย 38,000 ยอด 45,300 ลดไป 60% 18,000 ปิดงวดเดียว เรียบรอ้ย
13. กสิกร 54,000 ปิดแล้วรวมกับบัตรเครดิต ลดประมาณ 60%
14. UOB 37,000 ทำเรื่องผ่อนเฉพาะต้น 10 งวด ชำระแล้ว 6/10 งวด
15. Umay 44,800 ยอดวันปิด 49,396 ลด 57% ปิดจบ 21,000/2งวด ปิดเรียบร้อย
16. KTC 20,000 ผ่อนต่อเดือนละ 1,000
17. Citi Ready 107,000 ยอดวันปิด 123.719 ลด 43.4% 70,000/12 งวด อยู่ระหว่างผ่อนปิด
18. แสตนดาร์ด 30,000 ยอดวันปิด 36,236 ลดไป 49% จ่าย 18,500 แบ่งจ่าย 2 งวดชำระหมดแล้ว

หลังจากหยุดชำระไปประมาณ ครึ่งเดือนจากวันครบกำหนด ทุกเจ้าก็ขยันทำงานทันทีโทรทุกวัน แต่เราเลือกเดินทางนี้แล้วก็ต้องทนต่อไป สู้ สู้ ค่ะ
สมาชิดท่านใดมีคำแนะนำอย่างไร โปรดชี้แนะกันบ้างนะคะ

ขอบคุณมากคะ

ก่อนอื่นขอชื่นชมคุณ IndyGirl นะคะ คุณเก่งมากๆค่ะ ตอนนี้ของเรารอส่วนลดอยู่ค่ะ เพิ่งหยุดจ่ายไปได้แค่รอบบิลเดียวค่ะ ยังไงจะเข้ามาติดตามเพื่อปรับใช้กับการทวงหนี้ของตัวเองนะคะ