จะยังไงต่อดีครับ

ตอนนี้ค่อนข้างสับสนมาก

คือผมเป็นหนี้บัตรสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่หลายใบ (ยอมรับว่าเป็นเพราะความประมาทในการใช้เงิน)

และก็ใช้ชีวิตแบบลุ่มๆดอนๆเพราะบัตรพวกนี้มาตลอด กดอันนั้นโปะอันนี้ (บัตรพวกนี้ ใครว่ามีแล้วสบาย)

ที่มีก็

1.เฟิร์สทชอยส์ 12000 บาท จ่ายๆกดๆยอดลดเหลือ 10000 ทำการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วเหลือเดือนละ 500 กว่าบาท

2.อิออน เป็นเงินกู้ 8000 บาท จ่ายแต่ดอกเบี้ย ยอดอยู่ที่ 6000 กว่าบาท หยุดจ่ายไปแล้ว

3.ยูเมะพลัส ยอด 6000 บาท ยังจ่ายอยู่ (เพราะยอดน้อยกว่าเพื่อน)

และตัวที่เป็นปัญหาก็คือตัวนี้

4. เงินกู้ของ promise ยอด 10000 บาท จ่ายไปเหลือประมาณ 9000 บาท (จ่ายประจำไม่เคยขาด นานมาก)

ทีนี้รู้สึกว่ามันไม่ลดลงเลย ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายอื่นๆเข้ามามาก ต้องตัดสินใจหยุดจ่ายประมาณ 3-4 เดือน

ทำให้โดนติดตามทวงถาม ซึ่งล่าสุดก็มีเจ้าหน้าที่กฎหมายของบริษัท promise โทรเข้มาบอกว่า

ให้ทำการปิดยอดจำนวน 9000 ถ้าจ่ายเต็มจำนวนลดเหลือ 7000

ซึ่งผมไม่สามารถจ่ายเป็นเงินก้อนได้แน่นอน จึงขอลดหย่อนหรือผ่อนชำระ จนท.ก็พูดจาเหมือนสั่งสอน ซึ่งฟังแล้วไม่พอใจมาก

เธอบอกว่า ยังไงก็ต้องไปหามา ไม่มีญาติหรือเพื่อนเลยหรือ ถ้าอย่างนั้นเธอสามารถให้จ่ายก่อนได้ 30%

คือ 2800 บาท (นัดขำระวันนี้) ซึ่งผมก็รับปากไปอย่างนั้นเพราะคิดว่ายังไงก็หาให้ไม่ได้

แต่ก็ได้แกล้งถามไปว่า ถ้าผมไม่จ่ายเลยจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็บอกว่า ก็เข้สู่กระบวนการกฎหมายต่างนาๆ

ผมก็มาคิดทบทวนดูว่าถ้าจ่ายแล้วจะยังไงต่อ เค้าจะเรียกเก็บอีกเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นจะมีให้หรือเปล่า

ตอนนี้กะไว้ว่าจะไม่จ่าย จะเอายังไงก็เอา ฟ้องก็ฟ้อง เพราะภาระอื่นๆที่สำคัญกว่านี้ก็หนักมาแล้วในแต่ละเดือน

อยากขอความเห็นว่าผมควรทำยังไงดีครับ จะจ่าย(ซึ่งก็ต้องหาหยิบยืมมา)หรือว่าจะให้ฟ้องไปเลย

พรุ่งนี้ก็คงโทรมาอีก -*-

อาจจะยาวหน่อย วงเงินก็ไม่มาก แต่สำหรับคนไม่มี มันก็ไม่มีจริงๆนะครับ

ขอความกรุณาด้วยครับ ขอบคุณครับ

อีกนิดครับ อาจจะสงสัยว่า ผมต้องจ่ายอะไรบ้าง ทำไมถึงไม่พอ

เงินเดือนผม 10500 บาท (จบ ป.ตรี น้อยแท้ๆ ) + ค่าล่วงเวลานิดๆหน่อย 500-1500 บาท

- มีผ่อนจำนองบ้าน 3000 บาท
- ค่าน้ำค่าไฟประมาณ 2500 บาท
- ผ่อนเพื่อนสนิท ซึ่งให้หยิบยืมมาโปะหนี้นอกระบบ (ซึ่งหลงผิดไปเอามา) เดือนละ 3000 บาท ยอดเงิน 50000 บาท

ตรงส่วนของเพื่อน ยังไงก็ยินดีที่จะจ่ายระดับนี้ เพราะเกรงใจในความมีน้ำใจของเพื่อนมาก เพราะไม่เอาดอกเบี้ยแม้แต่บาทเดียว

รวมๆแล้วเหลือใช้ประมาณ 2000 บาทต่อเดือน

ชีวิตคุณจะไม่สับสนอีกต่อไป...เมื่อคุณอ่านวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่ทุกคนต้องอ่าน

ปักหมุดสีแดง เห็นกี่หมุดแดงอ่านให้หมดนะ และอ่านห้องต่างๆ ด้วยนะ...

สำหรับหนี้เพื่อนคุณก็จ่ายเขาไปนะดีแล้ว เผื่อเดือดร้อนยังยืมใหม่ได้ แต่ต้องมีเหตุสุดวิสัยนะ..ค่อยยืม

ส่วนอันไหนประหยัดได้ประหยัด อยู่ให้ได้ด้วยเงินเดือนตัวเอง ไม่สร้างหนี้เพิ่มอีก..


แต่พี่อังสงสัยว่าทำไมน้ำไฟแพงจัง ตั้ง 2,500 บ้านพี่อังนี่รวมน้ำไฟ 1,500 ก็ว่าแพงแล้วนะ

ขนาดว่ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นเท่านั้น แอร์ก็ไม่มี เสื้อผ้าไม่เคยรีดมาหลายปีแล้ว ...

จะรีดก็เพียงเสี้อสูทหากไปงานสำคัญๆ เพราะที่ทำงานแต่งตัวตามสบาย พี่อังจะใช้ผ้าแบบไม่ต้องรีด เบาสบายเวลาใส่

หากรีดจะรีดเฉพาะครึ่งตัว อีกครึ่งไม่รีดเพราะอย่างไรเดี๋ยวก็ต้องเก็บเข้าข้างในกระโปรงหรือกางเกงมาทับ มันก็ยับอยู่ดี

เวลาซักจะใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มมากหน่อย เวลาตากจะสะบัดแรงๆ ให้มันเข้าทีเข้าทาง

ก่อนเก็บเข้าตู้ ก็สะบัดอีกครั้งอยู่ทรงสวยงามขอบอกแล้วก็ใส่ไม้แขวน จัดเข้าที่เข้าทาง หยิบใช้ก็ง่าย สบายตาเวลาเปิดตู้ เท่านี้ก็ประหยัดได้เยอะเหมือนกัน..

ยกเว้นผ้าเช็ดหน้าเท่านั้นที่รึด ...แต่สักประมาณ 2 เดือนรีดที กลัวเตารีดมันเสีย...

ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง สวยประหาร



[/size][/color]

ลองไล่ๆอ่านดูตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ ก็ได้เห็นว่า เออ....ไอ้เราก็ประสบมาแล้วหลายแบบเหมือนกันแฮะ

แต่ยังน้อยกว่าเพื่อนๆคนอื่นๆ ลองตั้งสติแล้วใจเย็นๆประคับประคองมันไป ปัญหาก็น่าจะผ่านไปได้ไม่ยาก

ผมตัดสินใจแล้วล่คะรับ ว่าถ้าวันนี้โดนโทรมาทวงให้จ่ายอีก ก็จะบอกไปแล้วว่าเงินไม่พอจ่าย ดำเนินการไปได้เลย

ให้ไปยืมมาจ่าย สร้างหนี้เพิ่มคงไม่เอาอีกแล้ว

โชคดีที่เป็นคนมีกัลยาณมิตรเยอะ จริงๆจะหยิบยืมก็สามารถทำได้แต่คงไม่แล้ว เพราะตอนนี้ที่เป็นหนี้กับเขาก็หลายคนอยู่

แต่เพื่อนๆก็แสนดี ไม่เคยทวง ไม่เอาดอก บางทียังมีจุนเจืออยู่ร่ำไปอีก เกรงใจมากแล้วล่ะครับ ไม่อยากให้เค้าลำบากใจกับเราอีกแล้ว

ส่วนค่าน้ำค่าไฟที่ว่าแพงนั้น เป็นอย่างนั้นจริงๆ แพงกว่าบ้านอื่นมากอยู่ (ใครๆก็บอก) ตัวค่าน้ำไม่แปลกใจประมาณ 500

แต่ค่าไฟเนี่ยเดือนละประมาณ 2000 ก็แพงแล้ว เจอเดือนที่แล้วเข้าไป 3600 ลมแทบจับ

ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดจากอะไรเหมือนกัน แต่ตอนนี้กำลังแก้ปัญหาอยู่ ว่าไฟรั่ว หรือ จนท.มั่วเลขหรือเปล่า

ก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ อันไหนตัดได้ก็ต้องตัด ชีวิตต้องดำเนินต่อไปครับ

ส่วนหนี้บ้านก็ใกล้หมดแล้ว เหลืออีกประมาณ 7-8 เดือน ก็เป็นไทแล้ว

หนี้ของคุณจิบมากครับแนะนำให้จ่ายแบบ h/c ครับได้ผล

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=749&Itemid=29 "นิยาม" ของคำว่า Hair-cut
โชคดีครับ

gemlin เขียน: ซึ่งล่าสุดก็มีเจ้าหน้าที่กฎหมายของบริษัท promise โทรเข้มาบอกว่า

ให้ทำการปิดยอดจำนวน 9000 ถ้าจ่ายเต็มจำนวนลดเหลือ 7000

ซึ่งผมไม่สามารถจ่ายเป็นเงินก้อนได้แน่นอน จึงขอลดหย่อนหรือผ่อนชำระ จนท.ก็พูดจาเหมือนสั่งสอน ซึ่งฟังแล้วไม่พอใจมาก

เธอบอกว่า ยังไงก็ต้องไปหามา ไม่มีญาติหรือเพื่อนเลยหรือ ถ้าอย่างนั้นเธอสามารถให้จ่ายก่อนได้ 30%

คือ 2800 บาท (นัดขำระวันนี้) ซึ่งผมก็รับปากไปอย่างนั้นเพราะคิดว่ายังไงก็หาให้ไม่ได้

แต่ก็ได้แกล้งถามไปว่า ถ้าผมไม่จ่ายเลยจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็บอกว่า ก็เข้สู่กระบวนการกฎหมายต่างนาๆ

ผมก็มาคิดทบทวนดูว่าถ้าจ่ายแล้วจะยังไงต่อ เค้าจะเรียกเก็บอีกเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นจะมีให้หรือเปล่า

ตอนนี้กะไว้ว่าจะไม่จ่าย จะเอายังไงก็เอา ฟ้องก็ฟ้อง เพราะภาระอื่นๆที่สำคัญกว่านี้ก็หนักมาแล้วในแต่ละเดือน

อยากขอความเห็นว่าผมควรทำยังไงดีครับ จะจ่าย(ซึ่งก็ต้องหาหยิบยืมมา)หรือว่าจะให้ฟ้องไปเลย

พรุ่งนี้ก็คงโทรมาอีก -*-

ไปเลือกเอาเอง...ว่าจะใช้มุขไหน

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=1301&Itemid=29

ขอบคุณทุกท่านมากครับ โดยเฉพาะคุณนกกระจอกเทศ ฮามาก 555+

อัพเดตสถานการณ์ล่าสุดครับ เมื่อเช้านี้หยุดงานพาพ่อไปทำบัตรประชาชน

ก็รอโทรศัพท์อยู่แล้วว่ามันต้องโทรมาราวๆ 9 โมง

สัก 9 โมงกว่าก็มีโทรศัพท์มาเลยครับ

จนท : ดิฉัน___จากสำนักงานกฏหมาย___ของบริษัท Promise ขอเลขที่ใบเสร็จค่ะ

ผม : ยังไม่ได้จ่ายครับ เงินไมพอ คงจ่ายไม่ได้แล้วครับ ดำเนินการได้เลยครับ

จนท : อะไรกันคะคุณ ไหนว่านัดชำระวันนี้

ผม : ผมไม่ได้นัดอะไรกะคุณนะ ผมบอกว่าผมจะดูให้ เมื่อวานคุณโทรมา ผมก็บอกแล้วว่าเงินไม่พอ จ่ายเท่านี้ได้มั้ย คุณก็บอกว่าไม่ได้ ไม่ได้ผมก็ไม่มีจ่ายอะครับ

จนท : คุณคะ ตอนคุณมาขออนุมัติจากทางเรา คุณเดือดร้อนมาใช่มั้ยคะ รู้มั้ยคะว่าทางเราให้โอกาสคุณมาเท่าไหร่แล้ว

ผม : ไม่รู้ครับ

จนท : อยากรู้มั้ยคะ

ผม : ไม่อะครับ เอาเป็นว่าคุณดำเนินการตามกฎหมาย ฟ้องได้เลยครับ

จนท : เราไม่ได้อยากให้ถึงขั้นนั้นนะคะ สนใจจะปิดยอดเลยมั้ยล่ะคะ

ผม : ถ้าผมมีเงินปิดยอด แล้วผมจะไม่จ่าย 2800 นี่ทำไมล่ะครับ

จนท : นี่คุณไม่มีเลยเหรอคะ

ผม : ไม่มีอะครับ

จนท : ไม่มีได้ยังไงกันคะคู๊ณ เมื่อวานเงินเดือนก็เพิ่งออก จะให้ดิฉันคุยกะทางบัญชีคุณมั้ยล่ะคะ

ผม : (อีนี่รู้ดีจริงๆ) ก็ผมใช้อย่างอื่นที่จำเป็นไปหมดแล้วอะครับ แล้วเมื่อวานซืนคุณย่าผมก็เพิ่งเข้าโรงพยาบาล ผมก็ต้องเก็บเงินไว้ส่วนนึงด้วย (เรื่องจริง)

จนท : คนไม่จ่ายก็พยายามหาเหตุผลเลี่ยงอย่างนี้ล่ะคุณ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ผม : (เดือดมากกกกก) ก็ดำเนินการไปเลยละกันครับ ผมติดธุระอยู่ แค่นี้นะครับ (ตัดสาย)

แล้วผมก็ตัดสายทิ้งตอนที่มันโทรมาอีกที แล้วก็ปิดเครื่องเลย

ผมว่ามันก็ต้องโทรไปที่ทำงานผมอีกนั่นแหละ แต่วันนี้ผมลาพอดี คงไม่เจอตัว

จริงๆแล้ว ผมค่อนข้างเป็นคนใจเย็นกับคนแปลกหน้านะ เจอเจ้าอื่นทวงก็ไม่เคยมีโมโหเท่านี้เลย คุยกันดีๆ ก็เคลียร์กันไป

แต่กับเจ้านี้นี่ไม่ไหวจริงๆ

พูดจาแดกดัน และทำเป็นสั่งสอนต่างๆนาๆ น่าหงุดหงิดมาก

อยากทราบว่าแล้วต่อไปมันจะยังไงกับผมต่อครับ แล้วทำไมถึงไม่อยากดำเนินการตามกฎหมายกับผมขนาดนั้น

เพราะยอดน้อย หรือว่าทางบริษัทตัวเองก็ไม่ค่อยแฟร์

มีพี่ผมคนนึงเป็นหนี้กับบริษัทนี้อยู่ 40000 บาท ส่งเดือนละ 1000 บาท แต่เงินต้นเข้าไปแค่ 100 กว่าบาท

โทรไปถามก็ให้คำตอบไมไ่ด้ สุดท้ายเค้าก็ไปหาเงินธนาคารมาโปะหมดเลย ตัดปัญหา

คุณไปอ่านนิยามของคำว่า แฮร์คัท ใหม่หลายๆรอบสิค่ะ คุณจะรู้คำตอบ

.
ระยะเวลา และขั้นตอนในการทวงหนี้


1. ทวงทางโทรศัพท์ (1-2 เดือนแรก) โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ตัวจริง

2. ทวงทางโทรศัพท์ + จดหมายทวงหนี้ (เดือนที่ 3-4) โดยเริ่มมีการเสนอให้ทำ"ประนอมหนี้"หรือปรับ"โครงสร้างหนี้" (ซึ่งสรุปก็คือหลอกให้ทำ"สัญญานรก"นั่นแหละ แต่เรียกชื่อให้มันดูไพเราะสักหน่อย ก็เท่านั้น)

3. ส่งเรื่องออกไปให้สำนักงานกฏหมายข้างนอก ทวงหนี้แทน ซึ่งเป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1 (เดือนที่ 5-7) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 20-30% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)

4. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1 ทวงหนี้ไม่ได้ ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ให้มาทวงหนี้ต่อ (เดือนที่ 8-9) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 30-40% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)

5. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ก็ยังทวงหนี้ไม่ได้อีก ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 3 ให้มาทวงหนี้ต่ออีก (เดือนที่ 10-12) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 40-50% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)

6. ถ้าเปลี่ยนสำนักงานกฏหมายทวงหนี้ไปตั้งหลายบริษัทแล้ว ยังไงก็ทวงไม่ได้สักที ก็ส่งฟ้องศาล (เดือนที่ 12 เป็นต้นไป จนถึงปีครึ่ง) โดยยังคงมีข้อเสนอเรื่องส่วนลดในการ Hair cut ให้อยู่ แต่เป็นราคาช่วงที่งามที่สุด (หรือที่เรียกกันว่า "นาทีทอง" ในการทำ Hair cut โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ เป็นผู้กำหนดราคา)

By: นกกระจอกเทศ

คุณอาจจะหงุดหงิด อาจจะรำคาญ แต่เขาก็ทำหน้าที่่ของเขา เขาเสียอีกต้องพูดทวงซ้ำๆซากๆกับลูกหนี้หลายๆคน เครียดยิ่งกว่า
เราเองแค่อดทนกับข่วงนี้แค่สามถึงหกเดือนแรกๆ หลังจากนั้นเราก็เข้าสู่ขั้นตอนการจ่ายหนี้ ต่อรอง
เรายังวันเวลาที่จะพ้นทุกข์ในเรื่องหนี้
แต่เขา...ต้องทำมาหากินกับเสียงสาปแช่งของลูกหนี้ใครต่อหลายคน

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=11329&Itemid=29 คำสารภาพของผู้ที่เคยทำงานที่สำ​นักงานรับจ้างทวงหนี้

ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยค่ะ บัวมีคาถาให้น้องใหม่หลายคน จนหลายคนรู้กันทั้งบอร์ด
"วางสายปุ๊บ ให้ตัดทิ้งปั๊บ อย่าไปคิดต่อ" ท่องแบบนี้นะคะ
อย่าเอาคำพูดของคนที่เราไม่เคยเห็นหน้า มาใส่ใจ มาหงุดหงิด ตั้งใจทำงาน รอวันที่เราจะเป็นไท
ดุแต่ในเว็บบอร์ดนี้ คุณกับกอบัว พี่นกกระจอกเทศ คุณเชาวเลิศ คุณก็แทบไม่เคยเห็นหน้า แต่เราให้กำลังใจกันในเรื่องหนี้
คุณคิดถึงแต่เรื่องดีๆ เรื่องกำลังใจของพี่ๆน้องในนี้ คุณจะได้ "เดินต่อได้" นะคะ
เพื่อนๆทุกคนเป็นกำลังใจให้ค่ะ

เป็นกำลังใจให้ครับ ผมก็อยู่ในช่วงเวลาเดียวกับคุณเหมือนกัน ดีหน่อยที่ยังไม่เจอพวกกวนประสาท

ครับ คุณกอบัว ผมก็พยามจะไม่คิดน่ัะแหละ แต่เป็นเพราะไม่ชินล่ะมั้ง มันก็เลยกังวลนิดๆ

เกรงใจก็แต่พี่ๆที่ทำงาน ซึ่งวันนี้เห็นเพื่อนที่ออฟฟิศบอกก็มีโทรไป แต่เพื่อนก็ไล่ให้ไปคุยกับเจ้าตัว (ผม) เอง

ก็เอาใจเขามาใส่ใจเราอยู่อะนะครับ แต่เค้านี่แทบจะไม่เอาใจผมไปใส่ใจเค้าเลย =_="

คุยกันดีๆก็ได้น้อ......

สวัสดีค่ะ คุณ Gemlin

น้ำมนต์เข้ามาให้กำลังใจอีกคนนะคะ ยังไงถ้าหากคุณ Gemlin ทำตามกระบวนการที่ชมรมมีไว้ให้ศึกษา ประกอบกับการตัดสินเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเอง น้ำมนต์เชื่อว่า คุณ Gemlin ต้องผ่านวิกฤตนี้ไปได้แน่นอนค่ะ ซึ่งน้ำมนต์ก็กำลังทำตามแนวทางของชมรมค่ะ น้ำมนต์เลือกแนวทาง Second Way Out ค่ะ

ส่วนเรื่องค่าน้ำ ที่บอกไว้ ประมาณเดือนละ 500 บาทนั้น แพงมากนะคะ แต่ก็ไม่ทราบว่าครอบครัวคุณ Gemlin อยู่กันกี่คน และเป็นบ้านเช่าหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น บางครั้งเจ้าของบ้านก็จะกินส่วนต่างด้วย บ้านน้ำมนต์อยู่กัน 4 คน ค่าน้ำเดือนละประมาณ 220 ถึง 280 บาทเท่านั้นค่ะ (บ้านน้ำมนต์มีสนามหญ้า และก็ต้นไม้ ที่ต้องรดน้ำมากด้วยนะคะ)

สู้ ๆๆๆ ไปด้วยกันกับสมาชิกในชมรมนะคะ ต้องมีสักวันที่เราจะหลุดพ้นจากหนี้ค่ะ

ขอเข้ามาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณgemlin ค่ะ อ่านและศึกษาจากชมรมฯ เยอะนะคะ การถาม-ตอบสิ่งที่เราทำขึ้นนั้น ขอให้คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องเจอค่ะ ทุกๆ คนที่นี่ต่างก็มีเหตุให้ต้องเป็นหนี้กันทั้งนั้นแหละค่ะ แล้วที่สำคัญที่ชมรมฯ สอนให้เรา "ใช้หนี้" ไม่ใช่ "หนีหนี้หรือชักดาบ" ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกต้องตามหลักธรรมเลยนะคะ ที่สำคัญเราต้องตั้งใจดี และไม่หลงผิดกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก ที่นี่ไม่ใช่แค่สอนให้เรา "ปลดหนี้อย่างถูกวิธี" นะคะ ยังสอนให้เรา "อยู่อย่างพอเพียง และเพียงพอ" ด้วยเงินในมือที่เรามีอยู่อีกด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ สู้สู้นะคะ อย่ายอมแพ้ ปล. ยังงั้ยคุณก็ลองให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าหรือประปาเข้าไปดูมิเตอร์ที่บ้านนะคะว่ามีการรั่วไหลตรงจุดไหนหรือเปล่า เพราะส่วนตัวคิดว่ามันแพงจริงๆ ถ้าที่บ้านมีแอร์ก็แสดงว่ามีหลายตัวใช่มั้ยคะ ก็ไม่ได้จะอะไรนะคะ แค่แอบเป็นห่วงค่ะว่ามันแพงเกินจริงหรือเปล่า

ล่าสุดวันนี้ก็ไม่มีโทรศัพท์มานะครับ ส่วนตัวเพราะผมปิดมือถือด้วย แต่ว่าก็ไม่มีที่ทำงานเหมือนกัน

(สงสัยเพราะเมื่อวานโดนพี่ๆเพื่อนที่ออฟฟิศเหวี่ยงไป ผมก็ไม่ได้บอกอะไรเค้านะ แต่เค้าบอกว่า จนท.ถามได้เสียมารยาทและยุ่มย่ามมาก -*- )

ส่วนค่าไฟเนี่ย มีแอร์ 2 ตัวครับ แต่ไม่ได้ใช้เลยจริงๆตัวนึง ส่วนอีกตัวนึงก็เปิดเฉพาะกลางคืนและไม่ทุกคืนด้วย

ส่วนกลางวันบ้านผมก็มีคนอยู่แค่ 2 คน คือคุณพ่อกับคุณย่า อย่างเก่งก็แค่พัดลม 2 ตัว กับทีวี 1 เครื่อง

แถมตอนที่ค่าไฟเดือนละ 3600 นั้น ตู้เย็นเครื่องใหญ่เสีย ไม่ได้ใช้ทั้งเดือน

ค่าน้ำก็จ่ายอย่างนี้มาตลอดนะครับ มีสนามหญ้ากับต้นไม้ต้องรดน้ำเหมือนกัน

คงต้องให้เจ้าหน้าที่มาดูจริงๆแล้วล่ะครับ

แต่ก็น่าแปลกว่าแถวบ้านผมค่าไฟทุกบ้าน เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1000 บาททุกบ้านเลย