วิธีแก้ไขหนี้ที่ทุกคนต้องอ่าน

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #179 โดย 0834368962
.
สโลแกนของชมรมหนี้ฯ

“เราสอนให้เพื่อนจับปลา

เราต่อต้านการทวงหนี้โหด

เราไม่ส่งเสริมการชักดาบ”

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: nummon103
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #181 โดย 0834368962
คำเตือน
ข้อมูลในเวบชมรมหนี้ฯ โดยเฉพาะกระทู้นี้จัดทำขึ้น
เพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทาน ถือเป็นลิขสิทธิ์ของกรรมการชมรมหนี้บัตรเครดิต
เพราะเรียบเรียงเนื้อหาขึ้นจากประสบการณ์ตรงของกรรมการชมรมหนี้ฯ
ชมรมฯไม่ยินยอมให้ใครนำไปเผยแพร่หรือหาประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากชมรมฯก่อน

เราดีใจและขอชื่นชมหากมีคนนำไปบอก-สอน-แนะนำคนอื่น-บอกต่อให้คนอื่นๆเข้ามาอ่าน
เพราะถือว่าเป็นการช่วยกระจายความรู้ เป็นการช่วยเหลือสังคมทางหนึ่ง ช่วยให้คนพ้นทุกข์

หากใครนำข้อมูลจากเวบนี้กระทู้นี้ไปหาประโยชน์ใส่ตนโดยไม่ได้รับอนุญาต
หรือนำไปดัดแปลงแก้ไขจนข้อมูลบิดเบือน ทำให้ผู้ที่มีปัญหาอยู่แล้วเข้าใจผิดแก้ไขปัญหาแบบผิดๆ
จนชีวิตเป็นทุกข์มากกว่าเดิม ...หากมีใครทำแบบนั้นก็ขอให้คนคนนั้นมีแต่ทุกข์เป็นทวีคูณ

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #182 โดย 0834368962
.
หลักการเบื้องต้นคือ

"จะต้องหยุดหมุนเงิน หยุดหาหนี้ใหม่มาจ่ายหนี้เก่าโดยเด็ดขาด"
และ

"จะต้องอยู่ให้ได้ด้วยเงินเดือนตัวเอง"

เงินเดือนเท่าไหร่ ก็ใช้จ่ายให้พอตลอดทั้งเดือน
ถ้ามีรายได้พิเศษก็ให้เก็บเป็นเงินสำรอง อย่าเอามารวมกับเงินเดือน
เพราะมันได้ไม่แน่ไม่นอน ถ้าเงินพิเศษ/โอที หายไปคราวนี้จะอยู่ไม่ได้กันจริงๆ

ปัญหาการเงิน ที่เกืดขึ้น ณ ปัจจุบัน
ส่วนใหญ่จะมาจากรายได้ลดลง แต่รายจ่ายเท่าเดิม
ทำให้ต้องพยายามหมุนเงิน หาเงิน(กู้)จากที่อื่น เพื่อให้พอกับรายจ่าย
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
เพราะมันยิ่งทำให้ระบบการเงินแย่ลง และจะกลายเป็นคนที่มีหนี้สินมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 9 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #184 โดย 0834368962
.
สิ่งที่ต้องทำมี 3 ข้อ คือ

1) จัดสรรรายได้

ทำตารางรายรับรายจ่ายของตนเองตลอดเดือน
ว่าเงินเดือนพอใช้หรือไม่ ตลอดเดือนต้องใช้อะไรบ้าง
เช่น มีค่าใช้จ่ายในครอบครัว ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าผ่อนชำระหนี้สินต่างๆ
เมื่อทำเสร็จแล้วก็ดูว่าทั้งเดือนใช้เท่าไหร่ เหลือเก็บออมหรือไม่ ติดลบหรือไม่
ถ้าไม่ทำตารางรายรับรายจ่ายก่อน
จะไม่รู้เลยว่าการเงินของเราเป็นอย่างไร
และควรจะเลือกวิธีใดในการแก้ปัญหาหนี้สิน

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 9 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #186 โดย 0834368962
.
2.สำรวจดูภาระหนี้สินของตนเอง

ว่ามีอะไรบ้าง ทำตารางแบ่งแยกประเภทหนี้-จำนวนหนี้
แยกประเภทหนี้เป็นกลุ่มธนาคาร นอนแบงก์ หนี้นอกระบบ
จดรายละเอียดเกี่ยวกับหนี้ให้ครบ เรียงลำดับหนี้จากน้อยไปหามาก
เอาไว้ดูเวลาจะชำระหนี้สิน

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #187 โดย 0834368962
ตัวอย่างการทำตารางหนี้ By: หมูสมิง

การทำตารางหนี้

ข้อนี้จำเป็นมากที่คุณจะต้องทำเพื่อจะได้รู้ว่า ต้องเริ่มเก็บเงินเท่าไร หนี้ตัวไหนต้องจัดการก่อน
หนี้ตัวไหนเน่าแล้ว ใกล้ฟ้องแล้ว หรือแฮร์คัตได้แล้ว
ปกติเวลาไปอบรมหรือให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ หมูจะถามเสมอว่า..คุณเป็นหนี้เท่าไร
คำตอบที่ได้ก็จะเป็นแบบนี้..1 แสนค่ะ 3 แสนค่ะ ล้านสองค่ะ สองล้านห้าค่ะ ฯลฯ

แต่หมูจะตอบว่า..หนี้นะคะไม่ใช่ดินน้ำมัน มันทุบรวมกันเป็นก้อนเดียวไม่ได้

เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้จักชมรมหนี้ฯ หมูเองก็เอาหนี้ทุกตัวมาทุบรวมไว้ด้วยกันหมด
ทำให้กำลังใจว่าชาตินี้เราจะหมดหนี้ไม่มีเลย..
เพราะแบกมันไว้บนบ่าตลอด ล้านสอง ล้านสอง หนี้ 1 ล้าน 2 แสนนั้น 10% ขั้นต่ำที่ต้องจ่าย
ก็คือ แสนสองแล้ว จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายได้งานก็ไม่มีทำ มีอย่างเดียวแหละ ค้ายาบ้า
ถ้าตอนนั้นหาแหล่งซื้อได้ ป่านนี้คงโดนประหารไปแล้ว :S

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #209 โดย 0834368962
แยกหนี้ออกจากกันก่อนด้วยการทำตารางหนี้ซึ่งไอ้ตารางหนี้นี้ก็ไม่ลึกลับซับซ้อนอะไร
แค่แบ่งมันตามสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้ในประเทศไทยมีสถาบันการเงินอยู่สองแบบคือ..
1.ธนาคาร
2.สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank)

วิธีการก็คือตีตารางเปล่าๆ 6 ช่อง แต่ละช่องแบ่งเป็น
ช่องที่ 1ชื่อสถาบันเช่น ธนาคารกะลุกปุ๊กไทย
ช่องที่ 2ชนิดของหนี้เช่นบัตรเครดิต, สินเชื่อบุคคล
ช่องที่ 3 จำนวนเงินที่เป็นหนี้ ณวันที่คุณทำตาราง


โดยเรียงลำดับตามยอดหนี้คือจากน้อยลงไปหามากหรือจะเรียงจากมากลงไปหาน้อยก็ได้แล้วแต่สะดวก
เช่นคุณมีบัตรเครดิต 1 ใบ ได้มาเมื่อปีที่แล้ววงเงิน 20,000 บาท แต่ ณวันที่คุณทำตารางหนี้
จำนวนเงินที่เป็นหนี้ของคุณอาจเป็น 35,000 บาทหรือ 10,000 บาท ก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นลูกค้าชั้นดี
จ่ายดอกเบี้ยเลี้ยงสถาบันการเงินมานานแค่ไหนฉะนั้นคุณต้องคุ้ยหาใบเสร็จงวดสุดท้ายที่คุณจ่าย
มาให้ได้ว่ายอดหนี้ที่คงค้างนั้นคือเท่าไร

ช่องที่ 4 จำนวนเงินที่ชำระขั้นต่ำในแต่ละเดือน

ข้อนี้ให้ใส่เพื่อทำลายกำลังใจและเพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เพราะคุณจะได้เห็นว่าแต่ละเดือนนั้นคุณได้ทำสิ่งไร้ประโยชน์
ด้วยการเทน้ำมันลงบนกองไฟเดือนละเท่าไรเห็นภาพไหม? เทน้ำมันลงบนกองไฟ
นอกจากกองไฟแห่งหนี้นั้นจะไม่ดับแล้วมันยังลุกโชนขึ้นอีกเรื่อยๆ (หนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รออ่านรายละเอียด
ที่จะขยายความประโยคนี้ได้ตรงวิธีแก้ปัญหาหนี้)

ช่องที่ 5 สภาวการณ์ของหนี้แต่ละตัว

เช่น ยังจ่ายปกติ, หยุดจ่าย 2 เดือน,
หยุดจ่าย 6 เดือน ฟ้องแล้ว, พิพากษาแล้ว ฯลฯ
ช่องที่ 6 วันที่ชำระครั้งสุดท้าย
ช่องนี้สำคัญที่สุด สำคัญมากเพราะมันหมายถึงอายุความ
(จะสอนนับเมื่อไปถึงหัวข้อนี้ในภายหลัง)
คุณต้องหาใบเสร็จรับเงินที่คุณจ่ายงวดสุดท้ายให้ได้หรือถ้าไม่เคยเก็บอะไรเอาไว้เลยจำเดือนกับปีให้ได้
หรือถ้าใครหยุดจ่ายมานานแล้วก็ลองไปเช็คข้อมูลเครดิตดูอาจช่วยอะไรไม่ได้มากนักเพราะเป็นข้อมูลที่
มาจากเจ้าหนี้สถาบันการเงินแต่อาจช่วยอ้างอิงให้คุณได้ถ้าใครบอกว่าไม่มีไม่ได้เก็บใบเสร็จไว้เลย
วันที่จ่ายครั้งสุดท้ายก็จำไม่ได้ด้วยทำอย่างไรดี...ทำใจค่ะ...ใครก็ช่วยคุณไม่ได้แล้ว...

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #210 โดย 0834368962
ส่วนตารางหนี้ของทางฝั่ง Non-Bank นั้น
วิธีการทำก็เหมือนกันไม่มีอะไรแตกต่างตีตาราง 6 ช่องเหมือนกันทุกอย่างเหมือนกันหมด
เพียงแต่ในช่องที่ 2 ชนิดของหนี้จะมีหนี้เพิ่มเข้ามาอีก 2 ชนิด
คือ..ผ่อนสินค้ากับเช่าซื้อ


อย่างอื่นทำเหมือนกับตารางหนี้ของธนาคารทุกอย่าง
ถ้าใครมีหนี้กับบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด
ขอให้ทราบไว้ว่าคุณต้องเอามายัดใส่ตารางหนี้ Non-Bank
เพราะบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (KTC)เป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารนะคะ
สังเกตง่ายๆคือธนาคารจะมีคำว่าธนาคารอยู่ในชื่อเสมอ
ส่วนสถาบันการเงินใดที่ไม่มีคำว่าธนาคาร
มันคือนอน-แบงค์ทั้งหมดถึงแม้นอน-แบงค์บางเจ้า
จะมีชื่อเหมือนธนาคารก็ตาม เช่น KTC, กรุงศรีจีอีเป็นต้น
อีกเรื่องคือถ้าใครมีบัตรกดเงินสดเช่น ยูเมะพลัสของอีซี่บาย
สปีดี้แคชของธนาคารไทยพาณิชย์ฯลฯขอให้ทราบไว้ว่าต้องใส่ชนิดของหนี้พวกนี้เป็นสินเชื่อเงินสดไม่ใช่บัตรเครดิต
บัตรเครดิตนั้นใช้รูดซื้อสินค้าและกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม
ส่วนบัตรกดเงินสดจะกดเงินสดได้อย่างเดียวเท่านั้น

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #212 โดย 0834368962
3. ศึกษาวิธีแก้ไขปัญหาหนี้ให้เข้าใจแล้วก็เลือกใช้วิธีที่เหมาะกับตนเอง
วิธีแก้ไขปัญหาหนี้สินมี 3 วิธี
3.1firstway out
การจ่ายขั้นต่ำเพื่อรักษาบัญชีและเครดิต
3.2secondway out
การหยุดจ่ายทุกบัญชี เก็บเงินรอแฮร์คัตเจรจาชำระหนี้ครั้งเดียวเพื่อปิดบัญชีหนี้
3.3thirdway out
การรวมหนี้หลายที่ไว้ที่เดียวกัน แล้วชำระที่เดียว

(3.3เป็นวิธีที่ไม่อยากให้ใช้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเพราะมันเป็นวิธีที่ทำให้หนี้กลายเป็นหนี้ก่อนใหญ่ซึ่งมีหลักทรัพย์ค้ำประกันและใช้เวลาในการชำระหนี้นานขึ้น)
เวลาเลือกวิธีแก้ปัญหาหนี้อาจใช้หลายวิธีได้รวมกันก็ได้

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 9 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #213 โดย 0834368962
.
วิธีที่ 1 FIRSTWAY OUT

การจ่ายขั้นต่ำ(อาจจะมากกว่าขั้นต่ำ)ตามปกติ
ถ้าคุณ มีหนี้2-3 บัญชี หนี้ไม่เยอะ
ก็อาจจะใช้วิธีจ่ายขั้นต่ำตามใบเรียกเก็บเงิน
หรือจ่ายให้มากกว่าขั้นต่ำสักเล็กน้อย
แล้วอย่าใช้บัตรนั้นไปรูดซื้อสินค้าหรือกดเงินสดออกมาใช้อีก
เอาบัตรออกจากกระเป๋าไปเลยไม่ต้องใช้มันอีก
วิธีนี้หนี้ก็หมดเช่นกันรักษาเครดิตได้ แต่ใช้เวลานานหน่อย
แต่ขอย้ำจ่ายแล้วห้ามกดออกมาใช้อีกเป็นเด็ดขาด
เพราะถ้าทำแบบนั้นหนี้ไม่หมดแน่นอน มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น

หากใครทำบัญชีรายรับรายจ่ายแล้วไม่ติดลบก็สามารถใช้วิธีนี้ได้

เช่น
เงินเดือน 8000
จ่ายค่าเช่าบ้าน 2500+ค่าอาหาร 2500+
ค่าใช้จ่ายจิปาถะ 1000+ค่าบัตรเครดิต 1500
รวมรายจ่ายทั้งหมด 7500
(8000-7500 เหลือเก็บออม 500)

*เหมาะจะใช้วิธีที่ 1 จ่ายขั้นต่ำไปตามปกติ
เงินพิเศษ/โอทีถ้ามีก็ฝากออมทรัพย์ไว้เผื่อฉุกเฉิน อย่าเอามาคิดรวมกับเงินเดือน

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 9 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #214 โดย 0834368962
.
วิธีที่ 2 SECONDWAY OUT

การหยุดจ่ายทุกบัญชี เก็บเงินรอแฮร์คัตเจรจาชำระหนี้ครั้งเดียวเพื่อปิดบัญชีหนี้
เป็นการหยุดจ่ายชั่วคราว
ไม่ใช่ให้หยุดตลอดหรือหนีหนี้ไปเลย หากต้องการหนีหนี้ก็หนีไปเลยแล้วกัน 10 ปี
แต่ถ้าคุณเลือกใช้วิธีที่ถูกต้อง 3-5 ปีหนี้ก็หมดแล้ว
ลูกหนี้ต้องมีความรับผิดชอบในการชำระหนี้ที่ตัวเองก่อไว้ด้วย

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #215 โดย 0834368962
การใช้วิธีนี้เป็นการหยุดจ่ายทุกบัญชี
(ยกเว้นรายการที่เป็นหนี้แบงก์ที่ใช้จ่ายเงินเดือนให้ กับ หนี้กองทุนก.ย.ศ)
เพื่อตั้งหลักให้ตนเองจัดสรรรายรับรายจ่ายให้บัญชีเงินเดือนไม่ติดลบเก็บเงินได้
และพร้อมเมื่อใดก็ติดต่อไปยังเจ้าหนี้เพื่อเจรจาเรื่องยอดหนี้ที่ต้องชำระ
วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีหนี้เยอะมากๆเรียกได้ว่าหมุนจ่ายจนหนี้ท่วมตัว
ยอดการจ่ายหนี้ในแต่ละเดือนเกินรายได้ที่มีหรือสูงเป็นเท่าตัวของรายได้ที่มีอยู่
เช่น
เงินเดือน 8000 จ่ายค่าเช่าบ้าน 2500 ค่าอาหาร 2500 ค่าจิปาถะ 1500
จ่ายบัตรเครดิต 1000 จ่ายสินเชื่อ 1500 ผ่อนรถ 8000
รวมค่าใช้จ่าย 17000 (8000-17000 ติดลบ 9000 บาทต่อเดือน)
ควรใช้ SECONDWAY OUT

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 9 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #216 โดย 0834368962
.
ใครเลือกใช้วิธีที่ 2
ก็ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมรับกับทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นดังนี้

1.หยุดจ่ายหนี้ต้องหยุดทุกรายการและหยุดตลอดอย่าหยุดบางแบงก์จ่ายบางแบงก์
(ยกเว้นรายการที่เป็นหนี้แบงก์ที่ใช้จ่ายเงินเดือนให้กับ หนี้กองทุน ก.ย.ศ)
และอย่าหยุดบ้างจ่ายบ้าง เพราะจะเก็บเงินก้อนไม่ได้ไม่มีประโยชน์เลย และนับอายุความไม่ได้ด้วย

2.ต้องบอกครอบครัวให้รู้จะได้ไม่ตกใจ รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร ผลจะเป็นอย่างไรและเป็นการระวังไม่ให้มีใครไปหลอกเอาเงินจากทางครอบครัวของลูกหนี้ได้ด้วย

3.ต้องบอกที่ทำงาน(หัวหน้างาน ฝ่ายบุคคล คนที่ทำงานเกี่ยวข้องประสานงาน เพื่อนคนที่อาจถูกรบกวนจากการตามทวงหนี้ที่ไม่มีมารยาท คนที่อ้างชื่อไว้ในสมัคร)ให้รับรู้ไว้ บอกให้รู้ว่าเราจะทำอะไรและจะเกิดอะไรบ้างระหว่างที่เราหยุดรอจ่ายปิดหนี้ที่ละบัญชีห้ามอาย/ไม่อยากให้คนรู้เรื่อง เพราะยังไงๆ ที่ทำงานต้องรู้เรื่องแน่ให้รู้จากเราไปเลยว่าเราจะทำอะไร อย่าให้เขารู้แต่ว่าเราถูกทวงหนี้ให้เขารู้ว่าเราจะจ่ายทีเดียวปิดบัญชีหนี้ไปเลย ไม่จ่ายทีละนิดแล้วหนี้ไม่หมดสักทีให้ที่ทำงานรู้ว่าเราจะทำอะไรและผลจะเป็นอย่างไรเลยดีกว่าแล้วก็ต้องรู้จักขอโทษและขอบคุณเพื่อนรวมงานตามความเหมาะสม

4.จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายใหม่เพื่อดูว่าเมื่อเราหยุดจ่ายหนี้ทุกอย่างแล้วเราเหลือเงินเท่าไหร่เก็บออมไว้ ห้ามใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น เงินเดือน 15,000 บาท ใช้จ่ายตลอดเดือน 10,000 เหลือ 5,000 ก็แยกเก็บไว้สัก สองบัญชี บัญชีจ่ายหนี้ 3,500 และบัญชีสำรองเผื่อฉุกเฉิน 1,500 อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นแต่ละคนจะเก็บได้มากได้น้อยแล้วภาระครอบครัวสำหรับบัญชีจ่ายหนี้พอเก็บได้เป็นเงินก้อนใหญ่ก็ลองเจรจาแฮร์คัทดูส่วนบัญชีสำรองเก็บไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินในครอบครัวพยายามหารายได้พิเศษเพิ่ม
5. หาความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ต่างๆศึกษาให้เข้าใจจริงๆ นำไปใช้ให้ได้ และเมื่อรู้แล้วจะได้ไม่ต้องกลัวรูปแบบการทวงหนี้และการข่มขู่ต่างๆที่มีสารพัดรูปแบบ

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 10 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #217 โดย 0834368962
สิ่งที่ต้องเจอแน่ๆเมื่อเลือกใช้วิธีนี้คือการโดนทวงหนี้กับการเสียเครดิต

ถ้าโดนทวงหนี้ก็รับมือไปตามเหตุการณ์
จะใช้วิธีการนิ่งๆเฉยๆ หรือโต้กลับแบบแรงๆก็แล้วแต่
ขอให้ตั้งสติไว้ว่าเราจะจ่ายเมื่อเราพร้อม เราจะไม่จ่ายให้คนที่ด่าหรือประจานเราเด็ดขาด
สามารถศึกษาวิธีรับมือพวกทวงหนี้ได้จากกระทู้นี้

www.debtclub.consumerthai.org/odebt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=1917#837สักวาว่าด้วยการทวงหนี้ของหมูสมิง

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #218 โดย 0834368962
ส่วนการเสียเครดิตก็ไม่ต้องไปสนใจมันมาก
ถึงคุณจ่ายขั้นต่ำตามปกติแต่ถ้าคุณมีหนี้หลายบัญชีก็เป็นการติดแบล็คลิสต์เหมือนกัน
คุณหยุดจ่ายวันนี้วันใดที่คุณชำระหนี้หมดแล้วเก็บเงินรอเวลาสักนิด
เมื่อข้อมูลหายไปจากเครดิตบูโรเมื่อใด
คุณก็ทำธุรกรรมกับแบงก์(ที่คุณไม่เคยไม่หนี้ค้างชำระ)ได้ตามเดิม
ถ้าวันนี้ยังไม่ดีไม่มีกินแล้วอนาคตมันจะดีได้ยังไง
คุณต้องทำวันนี้ให้ดีให้หมดหนี้ก่อนแล้วสิ่งดีๆในอนาคตมันจะมาเอง

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #219 โดย 0834368962
เมื่อเลือกใช้วิธีนี้แล้วต้องพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุดจะได้หมดหนี้เร็วๆ
หากหยุดแล้วยังเก็บเงินไม่ได้อีกแสดงว่าคุณยังมีรายจ่ายฟุ่มเฟือยต้องลดมันให้ได้
(ทำบัญชีรายรับรายจ่ายแล้วถึงจะเห็นรายจ่ายทีเกินความจำเป็น)

หากเลือกใช้วิธีนี้แล้วยังไม่ประหยัดเก็บออมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินอีก
คราวนี้ก็ไม่มีใครช่วยคุณได้

จำไว้หนี้ของคุณ คุณสร้างด้วยตัวของคุณเอง
ฉะนั้นคุณต้องปลดหนี้ด้วย “แรง” ด้วย “กำลังใจ” ของคุณเอง
เงินไม่ใช่ “พลูด่าง” จะให้มันงอกเอา งอกเอา เป็นไปไม่ได้
คุณเคยขาดวินัยในการใช้เงินมาแล้ว
คุณต้อง “สร้างวินัย” เพื่อหนทางที่หมดหนี้ด้วยตัวคุณเองอย่างแท้จริง

สามารถเลือกใช้วิธีนี้คู่กับ FIRSTWAY OUT ก็ได้
โดยชำระขั้นต่ำหนี้ที่มีกับแบงก์ที่ใช้จ่ายเงินเดือน และ หนี้ กองทุนกยศ.
ส่วนหนี้ที่เหลือก็ใช้วิธี SECONDWAY OUT

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 9 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #220 โดย 0834368962
.
วิธีที่ 3 THIRDWAY OUT

วิธีการนี้คือการรวมหนี้หลายแห่งให้เป็นหนี้ที่เดียว
เช่นมีหนี้บัตรเครดิต 10 รายการ จ่ายไม่ไหว
ก็เอาที่ไปจำนองแล้วเอาเอาเงินที่ได้มาไปจ่ายหนี้เก่าที่มีอยู่ทั้งหมด
แล้วตั้งหน้าตั้งตาจ่ายหนี้ที่จำนองที่ไว้ที่เดียว

เป็นวิธีที่ไม่อยากให้ใช้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
เพราะมันเป็นแค่การย้ายเจ้าหนี้
และเสี่ยงกับการเสียทรัพย์สินที่มีอยู่มากๆ
ควรจะยึดหลักที่ว่า
อย่าหาหนี้ใหม่มาจ่ายหนี้เก่า
ให้ใช้รายได้จริงๆของตนเองในการสะสางปัญหาหนี้สินจะดีกว่าหมดหนี้แน่นอน

วิธีการนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย(ซึ่งมากกว่าข้อดี)
ข้อดีคือคุณไม่เสียเครดิตไม่ต้องเครียดกับการทวงหนี้
แต่ข้อเสียคือคุณมีหนี้เพิ่มขึ้น
หนี้10 ที่ซึ่งมีดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมค่าปรับที่ลูกหนี้ควรได้ส่วนลด
รวมเป็นหนี้ที่เดียวแล้วคิดดอกเบี้ยอีกทีจ่ายนานมากกว่าจะหมดหนี้

การใช้วิธีนี้ให้ได้ผลดีที่สุดคือใช้ควบคู่กับ secondway out
คือหยุดจ่ายรอเจรจาขอลดยอดหนี้ก่อน
แล้วค่อยเอาเงินที่ได้มาจากการจำนองไปจ่ายหนี้
(จริงๆแล้วหยุดเก็บตังค์ได้เองโดยที่ไม่ต้องไปจำนองหนี้ด้วยซ้ำ)


การไปกู้เงินที่ใหม่หากได้เงินมาไม่พอจ่ายหนี้เก่าให้หมดภายในครั้งเดียวก็ไม่ควรทำ
เพราะจะกลายเป็นว่าหนี้เก่าไม่หมดแล้วยังมีหนี้ใหม่เพิ่มมาอีก 1 รายการ

การไปกู้เงินเป็นกลุ่มแล้วค้ำประกันให้กันก็ไม่ควรทำเพราะเท่ากับว่าเราต้องรับผิดชอบทั้งหนี้ในส่วนของเราและหนี้ของคนอื่นด้วย(เหมือนเอาเชือกมาผูกคอตัวเองไว้จะถูกรัดคอตายวันไหนก็ไม่รู้)

สิ่งที่ไม่ควรทำมากที่สุดคือได้เงินก้อนมาแล้วเอาไปจ่ายขั้นต่ำบัญชีหนี้เดิมทุกบัญชีเพื่อรักษาเครดิตการทำแบบนี้จะหมุนเงินได้ไม่นานนักแล้วก็จะกลายเป็นว่าหนี้เก่าไม่หมดแล้วยังมีหนี้ใหม่เพิ่มมาอีก 1 รายการแถมเป็นหนี้ก้อนใหญ่ด้วย

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 9 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #221 โดย 0834368962
.
วิธีแก้ปัญหาหนี้ โดยสรุปมีทั้งสิ้น 3 วิธี

1. Firstway out = การจ่ายขั้นต่ำ
2. Secondway out = การหยุดจ่าย
3. Thirdway out = การรวมหนี้

ทั้ง 3 วิธีนี้มีรายละเอียด, ข้อดีข้อเสียหลักในการปฏิบัติแตกต่างกันก่อนที่จะเลือกวิธีใด
ในการแก้ปัญหาให้ตัวเองนั้นขอให้อ่านรายละเอียดทุกอย่างให้ดีๆ พิจารณาข้อดีข้อเสียให้รอบด้าน
จดจำหลักการให้แม่นซึ่งทุกอย่างต้องพิจารณาจากพื้นฐานความจริงของตัวคุณเองไม่หลอกตัวเอง
เพราะมันหมายถึงชีวิตของคุณทั้งชีวิตหากเลือกผิดใช้วิธีผิดหรือไม่ยอมรับความจริง
มันจะทำให้คุณเสียเวลาไปโดยใช่เหตุและอาจทำให้ปัญหาที่ควรจะแก้ได้ง่ายหมดหนี้เร็ว
กลายเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากหนี้เพิ่มมากขึ้น
ฉะนั้นพิจารณาให้ดี เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียให้รอบคอบ

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #222 โดย 0834368962
การแฮร์คัท Hair cut

ขยายความเรื่องการแฮร์คัต
การ hair cut สามารถทำได้ตลอดเวลาเมื่อลูกหนี้พร้อม
เมื่อมีเงินมากพอจะจ่ายหนี้
เราสามารถโทรไปเจรจาขอจ่ายหนี้แบบก้อนเดียวปิดบัญชีได้
เราไม่จำเป็นต้องบอกว่าเรามีเงินอยู่เท่าไหร่
แต่เราถามได้ว่าถ้าจะจะจ่ายทีเดียวเพื่อปิดบัญชีหนี้จะให้จ่ายเท่าไหร่
จะลดให้เท่าไหร่ พยายามต่อรองให้ลดได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากไม่ยอมลดเลยก็ปล่อยไปจ่ายรายที่ลดให้สูงสุดก่อน
มีคำถามถามเสมอว่าจะขอแฮร์คัทได้มากที่สุดเท่าไหร่
อันนี้ก็ขอบอกว่าขึ้นอยู่กับการเจรจาของแต่ละคน ระยะเวลาในการหยุดและอายุความ ฯลฯ
ไม่มีกฎเกณฑ์ อะไรตายตัว ไม่มีมาตรฐาน
ว่าจะได้ลด 30% 20% 50% 40% มันขึ้นอยู่ที่มูลหนี้ อยู่ที่เทคนิคการพูด
อยู่ที่ความใจดีของแบงค์แต่ละแห่ง..ซึ่งไม่เท่ากัน

หากคุณคิดว่าคุณพอใจกับส่วนลดนั้นแล้วก็ตกลงไปเถอะ
อย่าไปเปรียบกับคนอื่นว่าได้มากหรือน้อยกว่าคุณเลย
แค่คุณจ่ายไม่เกินยอดหนี้ที่คุณจ่ายครั้งสุดท้ายก็พอแล้ว
เช่นตอนหยุดจ่ายหนี้ 10,000 บาท หยุดไป 1 ปี หนี้เพิ่มเป็น 15,000
คุณก็ตั้งต้นเจรจาขอส่วนลดจากยอด 10,000
พยายามขอส่วนลดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะต่อรองได้
และคุณจะต้องไม่จ่ายเกิน 10,000 บาท
ยอดแฮร์คัทที่ได้ มักจะคิดจากยอดปัจจุบัน

การเจรจาขอชำระหนี้เพื่อปิดบัญชีหนี้ก็ทำได้ทุกระยะเมื่อคุณพร้อม/มีเงินพอ
(ส่วนใหญ่ต้องรอให้หนี้เน่าสัก 6 เดือนก่อนถึงจะเจรจาขอลดยอดหนี้ได้)
ระหว่างที่หยุดอาจถูกชวนทำประนอมหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้ไม่ต้องไปทำเก็บเงินไว้กับตัวดีกว่า
รอเจรจาแล้วจ่ายครั้งเดียวหมดหนี้ดีกว่า

การ hair cut มีทั้งจ่ายครั้งเดียว หรือ จ่าย 2 งวด 3 งวด อยู่ที่การเจรจาทั้งหมด
ทุกอย่างอยู่ที่ความพอใจ ทั้ง 2 ฝ่าย
ก่อนจ่ายเงินปิดบัญชีต้องขอหนังสือยืนยันทุกครั้ง
โดยถ้ามาจากสำนักกฎหมายต้องมีหนังสือมอบอำนาจ
หรือ แสดงว่าแบงค์เจ้าของบัตรรับทราบเงื่อนไขแล้ว

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #223 โดย 0834368962
การเจรจาแฮร์คัต-การขอส่วนลด
ไม่จำเป็นต้องได้ส่วนลดเท่ากันทุกคนขึ้นอยู่กับว่าคุณต่อรองได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้าคุณพอใจก็ตกลงไปเถอะจะได้หมดหนี้เป็นรายๆไป
แต่คุณไม่ควรจ่ายมากกว่ายอดหนี้ที่คุณเริ่มหยุดจ่ายเด็ดขาด
และระหว่างเจรจาไม่ต้องส่งเอกสารให้ฝ่ายเจ้าหนี้ ห้ามจ่ายเงินเข้าไปก่อนเด็ดขาด
รอจนได้เอกสารยืนยันว่าจ่ายเท่านี้ภายในวันที่เท่านี้แล้วเป็นอันว่าหมดภาระหนี้สิน
ตรวจสอบชื่อ หมายเลขบัตรหรือบัญชีว่าถูกต้องหรือไม่
มีลายเซ็นผู้รับมอบอำนาจครบถ้วน ค่อยจ่ายเงินเข้าบัญชีหนี้ของเราไปห้ามจ่ายเข้าบัญชีอื่นเด็ดขาด
การชำระเงินต้อง “จ่ายก่อนวัน หรือภายในกำหนดที่เจ้าหนี้ระบุไว้”
หากจ่ายเกินวันนัด เจ้าหนี้มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญานั้นให้เป็น “โมฆะ” ได้ทันที



***และหากมีการบอกให้จ่ายก่อน 500 บ้าง 1000 บ้างแล้วจะดำเนินการให้
ก็อย่าได้ทำเป็นเด็ดขาดเพราะอาจเป็นหลอกให้จ่ายทั้งๆที่ไม่มีการลดหนี้ให้จริงๆ
รอไปจ่ายทีเดียวตอนได้รับเอกสารเลยดีกว่า

*** และตอนเจรจาไม่จำเป็นต้องแฟกซ์หรือส่งอะไรไปให้เจ้าหนี้ทั้งนั้น
ขอย้ำว่าที่สำคัญคือเมื่อเจรจาขอลดยอดหนี้ได้แล้ว
ลูกหนี้จะต้องได้เอกสารยืนยันการลดยอดหนี้จากสำนักงานกฎหมายที่เราคุยด้วยก่อน
ในเอกสารจะต้องมีข้อความบอกว่าเมื่อจ่ายแล้วเป็นว่าหมดหนี้
เมื่อได้รับเอกสารแล้วจะต้องมีการโทรสอบถามข้อมูลจากธนาคารก่อนว่าลดหนี้ให้จริง
จากนั้นค่อยจ่ายเงินไปและเมื่อจ่ายแล้วให้เก็บเอกสารการลดยอดหนี้ใบจ่ายเงินไว้
จนเราจะได้เอกสารยืนยันจากแบงก์ว่าหมดหนี้แล้วจริงๆ

กรรมการชมรมไม่ใช้เทวดา
ชี้ได้แต่เส้นทาง สมาชิกต้องกระทำเอง
กระทู้นี้โดนล็อคเรียบร้อยแล้ว!!
ผู้ดูแล: Badmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.755 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena