ขอคำปรึกษาเรื่องการอายัดเงินเดือนครับ

ผม เป็นหนี้ ธนาคารHS
เขาฟ้องศาล และตกลงทำสัญญายอม ผมต้องชำระทุกเดือนๆละ 5000บาท 24 เดือน
ตั้งแต่เดือน ก.ค.54 โดย ผมได้ชำระงวดแรก เดือน ก.ค.54 รายละเอียดการชำระที่ผ่ามามีดังนี้
เดือน ก.ค.54 5000
เดือน ส.ค.54 5000
เดือน ก.ย.54 5000
เดือน ต.ค.54 5000
เดือน พ.ย.54 น้ำท่วมบ้าน –แจ้งทาง สำนักงานติดตามหนี้ไปแล้ว ยอดค้างจะทยอยจ่าย ในช่วง 2-3 เดือนให้หมด
เดือน ธ.ค.54 5000 + 2000 (ของเดือน พ.ย.ที่ค้าง)
เดือน ม.ค 55 5000 และจะจ่าย หนี้งวดที่ค้าง ของ พ.ย.54 ณ วันที่1 ก.พ.55 แต่ ทางมันบอกว่า เราผิดสัญญา
และบอกว่า หนี้ของเรา จะเข้าเงื่อนไขใหม่ คือ ต้อง จ่าย 3 งวด ให้หมด ถ้าไม่ได้ จะฟ้องอายัดเงินเดือนผม (เงินเดือนผมราว 40,000 บ.)
โดย ผมก็ยังมีภาระผูกพันกับ อีก 2 Bank คือ Citi และ ธอส. (พิพากษายอมแล้ว ผมก็สามารถผ่อนจ่ายได้มาเกือบปีแล้ว)
และ ปัญหาคือผม ไม่อยากให้ฝ่ายบุคคลรู้ว่าเรามีกปัญหาการเงิน เพราะผม เป็นระดับหัวหน้างานที่ทำงานด้านการเงิน อาจมีผลต่อภาพพจน์เรื่องทุจริต

ผมขอถามเพื่อนๆพี่ๆในนี้ ดังนี้ครับ

1.ก่อนที่เขาจะไปยื่นเรื่องต่อศาลให้แต่งตั้ง พนักงานบังคับคดี เราสามารถไปเขียนคำให้การต่อศาลเพื่อคัดค้านเรื่องดังกล่าวได้ไหม เพราะ เจตนาของเราซึ่งเป็นลูกหนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญา แต่เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม(ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับเงิน 5000 จากรัฐบาล) และในงวดหลังๆ เราก็จ่ายตรง และพยายาม จะจ่าย ยอดที่ค้างอยู่ (ทำให้ผมเข้าใจว่า เขาคงมีธงในการอายัดเงินผมอยู่)

2.เราสามารถเข้าไปคุยกับ Bank โดยตรงเลยได้ไหม เพราะผมมีความรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่คนนี้ ของสำนักงานทนายความ คุบกับผมไม่รู้เรื่อง ตั้งแต่ก่อนฟ้องศาล(หลอกให้ผมจ่ายเงิน ก็ยังฟ้องอยู่ดี) แล้วโทรมากวนผมบ่อยมาก ก่อนหน้านี้ ก็โทรมาฝ่ายบุคคล แจ้งเรื่องว่าผมเป็นหนี้ ผมก็เคยขู่กับทนายความของเขาว่า จะร้องต่อศาลที่คุณไปเปิดเผยข้อมูลผมต่อบุคคลที่สาม แต่ผมก็ยังไม่ทำ

3.ถ้าสุดท้ายเขาต้องอายัดเงินเดือน ผมสามารถอ้าง เลขที่ คดีที่ผมมีภาระจะต้องจ่ายเงิน ตาม สัญญายอม กับ อีก 2 bank เพื่อขอลดสัดส่วนการอายัด ได้ไหมครับ เพราะ หาก ให้เขา อายัดเงินเดือน ผม 30% ผม ก็อาจจะติดปัญหาไม่สามารถ ชำระเงิน ตามที่ได้ไปทำสัญญายอมต่อหน้าศาล กับ 2 Bank ที่เหลือ รวมทั้ง ผมยังมีคุณพ่อ ที่ต้องดูแล อีก 1 คน อายุ76 ปีแล้ว

สุดท้าย ต้องขอบอก ทุกคนในนี้ว่า ผมเอง พลาดในเรื่องการก่อหนี้ และเคยหนีปัญหา มามาก แต่ปัจจุบัน 1 ปีที่ผ่านมา ก็ได้พยายามเปลี่ยนวิถีชีวิต และ ได้เป็นลูกหนี้ที่ดีของทาง Bank ทั้งหลาย และมีความตั้งใจอย่างมากที่ จะเคลียร์หนี้ให้จบทั้งหมด แค่ก็ต้องการให้สมเหตุสมผล และไม่ให้เขามาเอาเปรียบมากนัก

puresed2 เขียน: ผม เป็นหนี้ ธนาคารHS
เขาฟ้องศาล และตกลงทำสัญญายอม ผมต้องชำระทุกเดือนๆละ 5000บาท 24 เดือน
ตั้งแต่เดือน ก.ค.54 โดย ผมได้ชำระงวดแรก เดือน ก.ค.54 รายละเอียดการชำระที่ผ่ามามีดังนี้
เดือน ก.ค.54 5000
เดือน ส.ค.54 5000
เดือน ก.ย.54 5000
เดือน ต.ค.54 5000
เดือน พ.ย.54 น้ำท่วมบ้าน –แจ้งทาง สำนักงานติดตามหนี้ไปแล้ว ยอดค้างจะทยอยจ่าย ในช่วง 2-3 เดือนให้หมด
เดือน ธ.ค.54 5000 + 2000 (ของเดือน พ.ย.ที่ค้าง)
เดือน ม.ค 55 5000 และจะจ่าย หนี้งวดที่ค้าง ของ พ.ย.54 ณ วันที่1 ก.พ.55 แต่ ทางมันบอกว่า เราผิดสัญญา
และบอกว่า หนี้ของเรา จะเข้าเงื่อนไขใหม่ คือ ต้อง จ่าย 3 งวด ให้หมด ถ้าไม่ได้ จะฟ้องอายัดเงินเดือนผม (เงินเดือนผมราว 40,000 บ.)
โดย ผมก็ยังมีภาระผูกพันกับ อีก 2 Bank คือ Citi และ ธอส. (พิพากษายอมแล้ว ผมก็สามารถผ่อนจ่ายได้มาเกือบปีแล้ว)
และ ปัญหาคือผม ไม่อยากให้ฝ่ายบุคคลรู้ว่าเรามีกปัญหาการเงิน เพราะผม เป็นระดับหัวหน้างานที่ทำงานด้านการเงิน อาจมีผลต่อภาพพจน์เรื่องทุจริต

ข้อมูลคร่าวๆนะครับ

มี 3 เจ้า ที่ขึ้นศาลแล้ว

แล้วมีอีกไหมครับ เจ้าอื่นๆ ที่ฟ้อง หรือ ยังไม่ฟ้องนอกจาก 3 ตัวนี้

ถ้ามีแค่ 3 ตัว อาจรับมือได้ไม่ยากแต่หากมีมากกว่านี้ อาจมีปัญหาเมื่อต้อง

ผ่อนชำระหลังศาลตัดสินหลายๆตัว

ผมคิดว่าข้อมูลที่คุณให้มายังไม่ครบถ้วน เลยประเมินภาพรวมไม่ได้

ก็ขอตอบเฉพาะที่ถามนะครับ

puresed2 เขียน: ผมขอถามเพื่อนๆพี่ๆในนี้ ดังนี้ครับ

1.ก่อนที่เขาจะไปยื่นเรื่องต่อศาลให้แต่งตั้ง พนักงานบังคับคดี เราสามารถไปเขียนคำให้การต่อศาลเพื่อคัดค้านเรื่องดังกล่าวได้ไหม เพราะ เจตนาของเราซึ่งเป็นลูกหนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญา แต่เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม(ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับเงิน 5000 จากรัฐบาล) และในงวดหลังๆ เราก็จ่ายตรง และพยายาม จะจ่าย ยอดที่ค้างอยู่ (ทำให้ผมเข้าใจว่า เขาคงมีธงในการอายัดเงินผมอยู่)

น่าจะไปที่กรมบังคับคดีนะครับเรื่องไม่น่าจะกลับไปที่ศาลแล้ว เพราะคุณผิดเงื่อนไข ที่ตกลงไว้

ตอนที่คุณขอผ่อนผันกับทาง สนง.กฎหมายนั้น ไม่ได้มีการทำเป็นหนังสือหรือลายลักษณ์อักษรไว้ใช่ไหมครับ

มีแค่โทรไปติดต่ออย่างเดียวใช่ไหม ไม่มีเอกสารมักจะเสียเปรียบครับ

(รอกรรมการมา confirm อีกทีนะครับ)

puresed2 เขียน: 2.เราสามารถเข้าไปคุยกับ Bank โดยตรงเลยได้ไหม เพราะผมมีความรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่คนนี้ ของสำนักงานทนายความ คุบกับผมไม่รู้เรื่อง ตั้งแต่ก่อนฟ้องศาล(หลอกให้ผมจ่ายเงิน ก็ยังฟ้องอยู่ดี) แล้วโทรมากวนผมบ่อยมาก ก่อนหน้านี้ ก็โทรมาฝ่ายบุคคล แจ้งเรื่องว่าผมเป็นหนี้ ผมก็เคยขู่กับทนายความของเขาว่า จะร้องต่อศาลที่คุณไปเปิดเผยข้อมูลผมต่อบุคคลที่สาม แต่ผมก็ยังไม่ทำ

ถูกต้อง ควรจะไปคุยกับเจ้าหนี้ตัวจริงของคุณคือธนาคาร ให้เขาเข้าใจปัญหา และผ่อนผันให้คุณ

puresed2 เขียน: 3.ถ้าสุดท้ายเขาต้องอายัดเงินเดือน ผมสามารถอ้าง เลขที่ คดีที่ผมมีภาระจะต้องจ่ายเงิน ตาม สัญญายอม กับ อีก 2 bank เพื่อขอลดสัดส่วนการอายัด ได้ไหมครับ เพราะ หาก ให้เขา อายัดเงินเดือน ผม 30% ผม ก็อาจจะติดปัญหาไม่สามารถ ชำระเงิน ตามที่ได้ไปทำสัญญายอมต่อหน้าศาล กับ 2 Bank ที่เหลือ รวมทั้ง ผมยังมีคุณพ่อ ที่ต้องดูแล อีก 1 คน อายุ76 ปีแล้ว

ถ้าเขาอายัดเงินแล้ว ก็ให้เจ้าที่เหลือรอคิวไปเถอะครับ เพราะถึงคุณไปขอลด เงินอายัดเจ้าแรกได้

เจ้าที่สองก็จะตามมาอายัดส่วนที่เหลือได้อีกครับ

puresed2 เขียน: สุดท้าย ต้องขอบอก ทุกคนในนี้ว่า ผมเอง พลาดในเรื่องการก่อหนี้ และเคยหนีปัญหา มามาก แต่ปัจจุบัน 1 ปีที่ผ่านมา ก็ได้พยายามเปลี่ยนวิถีชีวิต และ ได้เป็นลูกหนี้ที่ดีของทาง Bank ทั้งหลาย และมีความตั้งใจอย่างมากที่ จะเคลียร์หนี้ให้จบทั้งหมด แค่ก็ต้องการให้สมเหตุสมผล และไม่ให้เขามาเอาเปรียบมากนัก

ที่นี่ไม่มีใครว่าใครเรื่อง ไปสร้างหนี้มายังไงหรอกครับ คนเป็นหนี้ล้นตัวเหมือนกันทั้งนั้น

แต่จะคอย แนะนำ ให้แก้หนี้ให้ถูกวิธีต่างหาก และอาจมี ดุ มีตำหนิกันบ้าง

สำหรับคนที่อยากหมดหนี้ แต่ไม่ขวนขวายช่วยเหลือตัวเองเลย(ไม่ได้หมายถึงคุณนะ)

เพราะใครก็ช่วยใครไม่ได้ ถ้าใครคนนั้นไม่ลงมือทำเอง

พึ่งเจอเวปนี้ครั้งแรกใช่ไหมครับ ลองไปอ่านกระทู้ปักหมุด ให้ละเอียดนะครับ

มีแนวทางการแก้หนี้อยู่ในนั้น และ ไปอ่านในห้องเรื่องเล่าชาวหนี้ดูวิธีการของสมาชิกแต่ละคน

ว่าเป็นอย่างไร เพื่อเป็นตัวอย่าง



คิดบวก ถ้าไม่มีทางเลือก การถูกอายัดเงินเดือน ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะแก้หนี้ได้แบบไม่ลำบากมากเหมือนกัน



--แต่ ผมไม่ใช่ลูกหนี้ที่ดีของ Bank นะครับ เพราะถ้าเป็นลูกหนี้ที่ดีอยู่

อีก 10 ปี 15 ปี ผมก็คงใช้หนี้ไม่หมด

puresed2 เขียน: ผมขอถามเพื่อนๆพี่ๆในนี้ ดังนี้ครับ

1.ก่อนที่เขาจะไปยื่นเรื่องต่อศาลให้แต่งตั้ง พนักงานบังคับคดี เราสามารถไปเขียนคำให้การต่อศาลเพื่อคัดค้านเรื่องดังกล่าวได้ไหม เพราะ เจตนาของเราซึ่งเป็นลูกหนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญา แต่เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม(ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับเงิน 5000 จากรัฐบาล) และในงวดหลังๆ เราก็จ่ายตรง และพยายาม จะจ่าย ยอดที่ค้างอยู่ (ทำให้ผมเข้าใจว่า เขาคงมีธงในการอายัดเงินผมอยู่)

คงทำได้ยากครับ เพราะในหมายพิพากษาของคุณ น่าจะระบุมาด้วยว่า
"บังคับตามยอม หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกยึดทรัพย์ ถูกจับและจำขังหรือบังคับคดีตามกฎหมาย" (หากไม่มี ต้องขอออกคำบังคับ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาอย่างน้อย ๔๕ วัน) เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอออกหมายบังคับคดีได้เลย

เมื่อศาลออกหมายบังคับคดี (หรือคำสั่งศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนิน) แล้วจะถูกส่งไปยังกรมบังคับคดี ขั้นตอนนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ ๑ สัปดาห์ หากจะให้เร็วต้องแถลงไว้ในคำขอออกหมายตั้งว่าจะขอรับไปส่งเอง เมื่อหมายบังคับคดีออกมาแล้ว เจ้าหนี้ก็จะไปขอตั้งสำนวน วางค่าใช้จ่าย และนัดเจ้าพนักงานไปดำเนิน
เจ้าหนักงานก็จะพิจารณาคำขออายัด/ยึดทรัพย์ และจากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดี ก็จะส่งหนังสือไปทำการอายัดเงินเดือนกับบริษัทที่ลูกหนี้ทำงาน โดยกำหนดจำนวนเงินที่จะต้องหัก และนำส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีต่อไปครับ

คุณสามารถขอลดจำนวนเงินที่ขออายัดไว้ โดยยื่นคำร้องขอลดเงินอายัดดังกล่าวต่อศาลที่มีคำพิพากษา พร้อมนำส่งสลิปเงินเดือนและหลักฐานค่าใช้จ่ายต่างๆในชีวิตประจำวันไปประกอบการพิจารณาของศาลด้วย

จะเห็นได้ว่า คุณยื่นคัดค้านได้เฉพาะการขอลดจำนวนเงินที่จะอายัด


2.เราสามารถเข้าไปคุยกับ Bank โดยตรงเลยได้ไหม เพราะผมมีความรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่คนนี้ ของสำนักงานทนายความ คุบกับผมไม่รู้เรื่อง ตั้งแต่ก่อนฟ้องศาล(หลอกให้ผมจ่ายเงิน ก็ยังฟ้องอยู่ดี) แล้วโทรมากวนผมบ่อยมาก ก่อนหน้านี้ ก็โทรมาฝ่ายบุคคล แจ้งเรื่องว่าผมเป็นหนี้ ผมก็เคยขู่กับทนายความของเขาว่า จะร้องต่อศาลที่คุณไปเปิดเผยข้อมูลผมต่อบุคคลที่สาม แต่ผมก็ยังไม่ทำ

ลองโทรไปที่แบงค์ตรงเลยก็ได้ครับ ไม่เสียหายอะไร มีแต่ได้กับเสมอตัว

3.ถ้าสุดท้ายเขาต้องอายัดเงินเดือน ผมสามารถอ้าง เลขที่ คดีที่ผมมีภาระจะต้องจ่ายเงิน ตาม สัญญายอม กับ อีก 2 bank เพื่อขอลดสัดส่วนการอายัด ได้ไหมครับ เพราะ หาก ให้เขา อายัดเงินเดือน ผม 30% ผม ก็อาจจะติดปัญหาไม่สามารถ ชำระเงิน ตามที่ได้ไปทำสัญญายอมต่อหน้าศาล กับ 2 Bank ที่เหลือ รวมทั้ง ผมยังมีคุณพ่อ ที่ต้องดูแล อีก 1 คน อายุ76 ปีแล้ว

ได้สิครับ ถ้าคุณมีสัญญาประนอมยอมความหน้าศาล ก็แนบสำเนาไปด้วย พร้อมกับ
- เอกสารแสดงรายได้จากบริษัท หลังจากหักภาษีและประกันสังคมแล้ว
- เอกสารแสดงถึงรายจ่ายประจำเดือน เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพน์
- เอกสารแสดงรายจ่าย ที่ต้องชำระเป็นประจำทุกเดือนเช่น ค่าผ่อนชำระค่าสินค้า
- เอกสารหลักฐานแสดงความเจ็บป่วย ใบเสร็จรับเงินค่ารักษาในแต่ละเดือน
- หลักฐานค่าใช้จ่าย ที่ต้องดูแลคนในครอบครัว พ่อแม่ บุพการี บุตร ภรรยา
- รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่แสดงถึงรายจ่ายที่จำเป็นที่เรามีภาระและหน้าที่ต้องจ่าย
โดยถ่ายสำเนาหมายบังคับคดีนั้นไปที่สำนักงานบังคับคดี และเขียนคำแถลงแสดงเหตุจำเป็นว่าเราจะเดือดร้อนอย่างไร หากถูกอายัดเงิน ถึงร้อยละ 30

สุดท้าย ต้องขอบอก ทุกคนในนี้ว่า ผมเอง พลาดในเรื่องการก่อหนี้ และเคยหนีปัญหา มามาก แต่ปัจจุบัน 1 ปีที่ผ่านมา ก็ได้พยายามเปลี่ยนวิถีชีวิต และ ได้เป็นลูกหนี้ที่ดีของทาง Bank ทั้งหลาย และมีความตั้งใจอย่างมากที่ จะเคลียร์หนี้ให้จบทั้งหมด แค่ก็ต้องการให้สมเหตุสมผล และไม่ให้เขามาเอาเปรียบมากนัก

ไม่เป็นไรครับ ทุกคนที่นี่ ส่วนใหญ่ก็พลาดพลั้งในการเป็นหนี้ด้วยกันทั้งนั้น (อาจจะมีบ้างที่โดนโกง) แต่อดีตก็ให้เป็นบทเรียน อยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติ ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกหนี้ที่ดีของแบงค์ แต่ขอให้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นสามีที่ดีของภรรยา เป็นพ่อที่ดีของลูก และเป็นคนดีของสังคมก็พอครับ

เจ้าอื่นก็มี แค่ Central นะครับไม่ได้ฟ้อง และดอกก็ไม่run ยอด 20,000 บาท แต่เขาลดให้ ปิดจบ10,000 บาท ตอนนี้ผมรอความชัดเจน เรื่อง HS ก่อนครับ เพราะถ้าเงื่อนไขยังให้เผมผ่อนจ่ายอยู่
ผมก็จะปิดยอดนี้ให้จบก่อน

ส่วนเรื่อง ขอผ่อนผันนั้น ผมเข้าใจว่า วันนี้ผมจะติตต่อไปที่ธนาคาร และ หากยังไม่ได้ผล ก็จะวิ่งไปกรมบังคับคดี ถ้าไม่ได้ทั้งสองที่ คงต้อง ติดต่อ
ทำ hair cut ไป เพราะ จริงๆ ช่วงนี้ผมก็เตรียมตัวจะทำกับ ธนาคาร Citibank (มูลหนี้ใกล้เคียงกัน) เพราะ ให้ส่วนลด ผมมากกว่า ช่วง พ.ย. ก็หยุดจ่าย แต่เขาก็ไม่ได้ว่า
อะไร ยังคุยรู้เรื่อง และ เราก็ผ่อนจ่ายตรงตลอด ส่วน ธอส. ผมกำลังจะเข้าสู่ โหมด ลูกหนี้ปกติ กำลังจะถูกถอนออกจากการ ชะลอการยึดทรัพย์ และ จะได้ดอกเบี้ย ลดลง
จาก 13% เหลือ 7% ครับ

puresed2 เขียน: เจ้าอื่นก็มี แค่ Central นะครับไม่ได้ฟ้อง และดอกก็ไม่run ยอด 20,000 บาท แต่เขาลดให้ ปิดจบ10,000 บาท ตอนนี้ผมรอความชัดเจน เรื่อง HS ก่อนครับ เพราะถ้าเงื่อนไขยังให้เผมผ่อนจ่ายอยู่
ผมก็จะปิดยอดนี้ให้จบก่อน

ส่วนเรื่อง ขอผ่อนผันนั้น ผมเข้าใจว่า วันนี้ผมจะติตต่อไปที่ธนาคาร และ หากยังไม่ได้ผล ก็จะวิ่งไปกรมบังคับคดี ถ้าไม่ได้ทั้งสองที่ คงต้อง ติดต่อ
ทำ hair cut ไป เพราะ จริงๆ ช่วงนี้ผมก็เตรียมตัวจะทำกับ ธนาคาร Citibank (มูลหนี้ใกล้เคียงกัน) เพราะ ให้ส่วนลด ผมมากกว่า ช่วง พ.ย. ก็หยุดจ่าย แต่เขาก็ไม่ได้ว่า
อะไร ยังคุยรู้เรื่อง และ เราก็ผ่อนจ่ายตรงตลอด ส่วน ธอส. ผมกำลังจะเข้าสู่ โหมด ลูกหนี้ปกติ กำลังจะถูกถอนออกจากการ ชะลอการยึดทรัพย์ และ จะได้ดอกเบี้ย ลดลง
จาก 13% เหลือ 7% ครับ

ถ้ามีหนี้ไม่เยอะตัว และคิดว่าประคองผ่อนจ่ายได้ ก็ลองสู้ดูก่อนครับ

อย่าปล่อยให้ถึงอายัดเงินเดือน บางสาขาอาชีพไม่เป็นผลดีจริงๆ

ถ้าติดต่อแล้วไม่ได้ผลดีขึ้น ไม่ยอมให้เราผ่อนต่อ ก็ขอ HC

การ HC หากเงินไม่พองวดเดียว ไม่จำเป็นต้องเป็นงวดเดียวเสมอไป

ลองขอผ่อน HC หลายๆงวดดู แต่ประเมินแล้วเราต้องผ่อนไหวด้วยนะครับ

ผมว่าจะไปตามนี้ branch.led.go.th/drc/about.asp

เพิ่งรู้ว่า มีศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วย และ คดีผมอยู่ที่ศาลมีนบุรี ก็ต้องไปขึ้นกับ สำนักงานบังคับคดีที่ เขตมีนบุรีใช่ไหมครับ

ศูนย์ไกล่เกลี่ย (อยู่ชั้น 8 ) ที่มีนฯ ขอบอกมาดีมากๆ เลย เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยให้ เห็นพี่อังก็บอกกับพี่อังว่า คดีพี่เดี๋ยวหนูไกล่เกลี่ยให้ คือ เขาเห็นหน้าบ่อย ไปทุกนัดไม่ขาด เจ้าหน้าที่ยังบอกกับทนายโจทก์ว่า พี่เขามาทุกนัด หนี้พี่เขาเยอะ พอช่วยอะไรได้บ้างไหม นี่แหละข้อดีของการไปศาลที่ได้ประสบพบเจอกับตัวพี่อังเอง คือ เขาจำเราได้
สำนักงานบังคดีที่มีนฯ ขอบอกดีมากๆ เหมือนกัน ให้คำแนะนำต่างๆ ดีมากเลย พี่อังไปทำการขอส่วนลดได้ 15 เปอร์เซ็นต์ และเป็นคนนำหมายอายัดส่งให้กับบริษัทเอง ก่อนหน้านั้น พี่อังก็ไปยอมความจ่ายหน้าศาลเหมือนกัน แต่หนี้พี่อังเยอะ และโดนฟ้องติดๆ กัน ถึง 3 เจ้า เรียกว่าเดือนหนึ่งไปศาล 2-3 ครั้งก็ว่าได้ ทั้งไกล่เกลี่ย และทั้งเลื่อนไกล่เกลี่ย สุดท้ายพี่อังคำนวณแล้วว่าถ้าจ่ายเกิน 30 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนแน่นอน พอจะมีเงินเก็บบ้าง ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ จึงตัดสินใจอันแน่วแน่และเพื่อความยุติธรรมกับเจ้าหนี้ที่ฟ้องทุกเจ้า และที่ยังไม่ฟ้องอีก คือ ไม่ต้องแย่งกัน ได้ทุกคน แต่ต้องเข้าแถวรอ ได้ผลหลังจากไปยอมความจ่ายหน้าศาลเจ้าสุดท้าย อีก 1 เดือนถัดมาหมายอายัดเงินเดือนมาหาพี่อังเลย
รวดเร็วมาก พี่อังก็มีหน้าที่ในการดูแลแม่ซึ่งอายุ 61 ปี และพ่อบุญธรรมอายุ 73 ปี และหลานสาวตัวน้อยวัย 3 ขวบ 3 เดือน และตัวพี่อังเอง การอายัดเงินเดือนก็เป็นการใช้หนี้คืนอย่างหนึ่งเหมือนกัน และพี่อังคิดว่าจะทำการแฮร์คัตควบคู่กันแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามกำลังกระเป๋า เจ้าไหนให้ส่วนลดดี มีเงินก็จะปิดไปด้วย หนี้ก็หมดเร็วขึ้นได้ สิ้นปีนี้หมดเจ้าแรกที่อายัด


ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆๆ พี่อัง สวยประหาร

เพราะ ผมเป็นหนี้บีตรเครดิต HSBC อยู่ กำลังจะเจรจา เรื่อง ปิดบัญชี

ผมขึ้นศาลมาแล้ว ผ่อนมาซักพักแล้ว เริ่มจะมีเงินก้อน

แต่เท่าที่รู้มา ทั้งจาก HSBC และ เจ้าหน้าที่เร่งรัดที่เป็น สำนักงานกฎหมาย เขาบอก ว่าในเดือนมีนาคม หนี้พวกนี้

จะถูกโอนให้ แบงค์ อยุธยาไปบริหาร

แต่ จาการเจรจา HSBC กังให้ส่วนลดผม แค่ 20% (แบงค์นี้ขึ่นชื่อเรื่องให้ส่วนลดน้อย)

ทางเจ้าหน้าที่เร่งรัดก็ขู่ผมสารพัดว่า ปิดตอนนี้ดีกว่า เพราะหาก โอนหนี้ไป อยุธยา อาจะไม่มีส่วนลด อะไรเลย

โดนผมขอปรึกษา พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ในที่นี้ ใครมีประสบการณ์กับ แบงค์อยุธยา ครับ ว่า นโนบาย เขาเป็นไง

ผมควรปิดบัญชีตอนนี้เลย หรือ จะรอเดือนหน้า เจราจากับ เจ้าหนี้รายใหม่ เผื่อจะได้ส่วดลดมากกว่า

ขอบคุณนะครับ

pure

ผมรวมกระทู้ให้นะครับ เรื่องราวจะได้ต่อเนื่องและไม่รกเว็บบอร์ด

ขอบคุณครับ