สภาผู้บริโภค เตรียมฟ้อง "คดีแพ่ง - อาญา" กลุ่มบริษัทศรีสวัสดิ์
จ่อฟ้อง‘ศรีสวัสดิ์ฯ’เอาเปรียบผู้บริโภค-เผยกลยุทธ์ใช้กม.ดำเนินคดีอาญา บีบลูกหนี้คืนเงิน.
ที่มา
www.isranews.org/article/isranews-news/135235-TCC-SAWAD-Sue-the-debtor-newsssd.html
สภาผู้บริโภค’ เตรียมฟ้อง ‘คดีแพ่ง-อาญา’ กลุ่มบริษัท ‘ศรีสวัสดิ์ฯ’ เอาเปรียบลูกหนี้ ตั้งแต่ ‘กู้เงินโดยไม่ให้สัญญา-คิดดอกเบี้ยเกินกม.-เรียกค่าธรรมเนียมไม่เป็นธรรม’ หลังบริษัทฯไม่ปรับปรุงการทำธุรกิจ ทำ 'ผู้บริโภค' ไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมเผยกลยุทธ์ใหม่ ‘ศรีสวัสดิ์’ ใช้กฎหมายดำเนิน ‘คดีอาญา’ บีบลูกหนี้คืนเงิน
.......................................
เมื่อวันที่ 28 ม.ค. นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยว่า สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับประเด็นเงินกู้ของกลุ่มบริษัทศรีสวัสดิ์ฯ มาตั้งแต่ปี 2565 โดยผู้บริโภคกว่า 100 ราย ร้องเรียนว่า ได้รับความเดือดร้อนจากบริษัท ศรีสวัสดิ์ฯ ทั้งเรื่องการฟ้องดำเนินคดี การถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการยกเลิกสัญญาหรือการต่อสัญญา
นายภัทรกร กล่าวต่อว่า จากการสืบทราบและได้ข้อมูลจากการร้องเรียนของผู้บริโภค พบว่า ปัจจุบันบริษัท ศรีสวัสดิ์ฯ ได้พัฒนารูปแบบในการเรียกให้ผู้บริโภคมาชำระหนี้ โดยนำ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 มาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริโภคที่ขอกู้ยืมสินเชื่อปกติ คือ สินเชื่อโดยทั่วไป ทำให้ผู้บริโภคต้องเสี่ยงติดคุก จึงเท่ากับเป็นการใช้กฎหมายอาญามาเป็นเครื่องมือบีบบังคับให้ผู้กู้ชำระหนี้ ซึ่งสภาผู้บริโภคเห็นว่า เรื่องนี้เป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริตหรือไม่
“การที่บริษัท ศรีสวัสดิ์ฯ เอาเครื่องมือกฎหมายอาญามาบีบบังคับให้ผู้บริโภคชำระหนี้ เป็นการใช้สิทธิ์ไม่สุจริตหรือไม่ เพราะมีการที่เอา พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับผู้บริโภคที่ขอกู้ยืมสินเชื่อปกติ คือ สินเชื่อโดยทั่วไป ทำให้ผู้บริโภคต้องเสี่ยงติดคุก” นายภัทรกร กล่าว
นายภัทรกร ระบุด้วยว่า หากผู้บริโภคพบว่า บริษัทฯผู้ให้กู้ยืมรายใดมีพฤติการณ์ที่ไม่ชอบธรรมกับผู้บริโภค เช่น การขอให้เซ็นเอกสารเปล่า การไม่แจ้งข้อเท็จจริง หรือไม่ส่งมอบสำเนาสัญญา ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยง และพิจารณาเลือกใช้บริการบริษัทรายอื่นๆที่ให้สินเชื่ออย่างโปร่งใส รวมทั้งอยากเตือนว่าหากผู้บริโภคทำสินเชื่อกับบริษัทในเครือของศรีสวัสดิ์ เช่น บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกดำเนินคดีอาญาได้
ด้าน น.ส.นันณภัชสรณ์ เตชปัญญาพิพัฒน์ ทนายความ ซึ่งรับผิดชอบคดีเงินกู้ศรีสวัสดิ์ฯ 5 คดี กล่าวว่า จากการเข้าไปช่วยเหลือและต่อสู้คดีให้กับผู้บริโภคที่ถูกบริษัท ศรีสวัสดิ์ฯ คิดดอกเบี้ยสูงถึง 24% ต่อปี และถูกบริษัทฯ ฟ้องดำเนินคดีนั้น เดิมทีบริษัทฯจะใช้สัญญากู้ยืมเงิน อ้างเป็นหลักฐานในการฟ้องคดีเพียงอย่างเดียว แต่สุดท้ายศาลฯมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องผู้บริโภค โดยให้ผู้บริโภคชำระหนี้ โดยให้คิดดอกเบี้ยในอัตราที่กฎหมายกำหนด คือ 15%
ต่อมาบริษัทฯ ปรับเปลี่ยนรูปแบบในการสู้คดี คือ มีการนำลายเซ็นที่ผู้บริโภคเซ็นไว้ในกระดาษเปล่าไปดัดแปลงเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยผู้บริโภคเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่าใครเป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน แต่ บริษัท ศรีสวัสดิ์ฯ ได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินมาอ้างต่อศาลฯว่า ผู้บริโภคเป็นคนออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อเป็นหลักประกันในการกู้เงิน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวมาใช้หลักฐานการฟ้องคดีควบคู่กับสัญญากู้ยืมเงิน.
อย่างไรก็ดี เมื่อต่อสู้คดีไปแล้ว ศาลฯได้มีคำพิพากษาว่า กรณีที่บริษัทฯได้อ้างหลักฐานตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น เป็นนิติกรรมอำพราง เพราะผู้บริโภคที่ไปกู้เงินมีเจตนาทำสัญญากู้ยืมเงิน ไม่ได้มีเจตนาออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และศาลฯได้พิพากษาให้ผู้บริโภคชำระเงินกู้ตามสัญญากู้เงิน โดยคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด คือ ไม่เกิน 15%
น.ส.นันณภัชสรณ์ กล่าวต่อว่า หลังจากบริษัท ศรีสวัสดิ์ฯ ทราบแนวทางการต่อสู้คดีของผู้บริโภค และแนวคำพิพากษาของศาลฯแล้ว บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยนำลายเซ็นที่ผู้บริโภคเซ็นไว้ในกระดาษเปล่า ไปทำเป็นหนังสือแสดงความยินยอมเพื่อไปจดทะเบียนเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หากผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนด บริษัทฯสามารถบังคับยึดหลักประกันโดยไม่ผ่านกระบวนการศาล และหากผู้กู้ปฏิเสธยังเสี่ยงถูกดำเนินคดีอาญา
“กรณีการทะเบียนเป็นหลักประกันทางธุรกิจนั้น ถ้ามีการผิดสัญญา จะไม่มีการฟ้องศาลฯ บริษัทฯสามารถบังคับเอาหลักประกันได้ทันที โดยทำหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้ส่งมอบหลักประกัน ถ้าผู้บริโภคไหน ผู้กู้คนไหน ไม่ส่งมอบหลักประกัน ก็จะมีการไปแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อเอาความผิดทางอาญามาบีบ เพื่อให้ผู้บริโภคส่งมอบหลักประกัน และถ้าผู้บริโภคหรือผู้กู้รายนั้น ไม่ไปตามหมายเรียก ก็จะถูกออกหมายจับ” น.ส.นันณภัชสรณ์ กล่าว