ขอเรียนปรึกษาแก้ปัญหาหนี้สินเชื่อและบัตรเครดิตค่ะ

สวัสดีค่ะ สมาชิกใหม่ค่ะ ก่อนอื่นขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เจอปัญหาคล้ายๆกันน่ะค่ะ

ตอนนี้เริ่มจ่ายไม่ไหว เนื่องจากหมุนไปหมุนมาจนงอกมาเรื่อยๆแล้วค่ะ ตอนนี้ยังจ่ายปกติอยู่ค่ะ ขึ้นว่าจะเริ่มหยุดจ่ายตั้งแต่สินเดือน พฤษภาคม 2568 ค่ะ
เงินเดือนหักประกันสังคมและเงินกองทุน เหลือประมาณ 81,xxx บาท
แต่รายจ่ายต่อเดือนตอนนี้ไม่รวมค่ากิน อยู่ประมาณ 180,000 บาท
เริ่มสะดุดตั้งแต่เงินเดือนออกไม่ตรงและเงินโบนัสโดนเลื่อนจ่ายค่ะ

มีสินเชื่อออมสิน เอาบ้านเป็นชื่อแม่เข้าเป็นหลักประกัน, ผ่อนรถยนต์, KTC , กรุงเทพ --> 4 ยอดนี้ตั้งใจจ่ายปกติค่ะ 

รบกวนสอบถามค่ะ ดังนี้ค่ะ
1. ขอปรับโครงสร้างหนี้โดยโทรไปคุยกับแต่ละธนาคารก่อนหยุดจ่าย / หยุดจ่ายเลยแล้วค่อยคุยกับแต่ละธนาคารขอปรับโครงสร้างหนี้ / หยุดจ่ายรอเข้า SAM เลย แบบไหนดีกว่ากันค่ะ
**ล่าสุดโทรไปคุยกับกรุงศรีจะขอทำการปรับโครงสร้างหนี้ ทางกรุงศรีแจ้งว่า ต้องมีการหยุดจ่ายไปแล้วอย่างน้อย 1 งวด แล้วจะมีเจ้าหน้าที่โทรมาทวงถาม แล้วค่อยแจ้งไปว่าเราจะขอปรับโครงสร้างหนี้ค่ะ
2. ค่อนข้างกังวลใจกับ UOB เนื่องจากยอดรวมทุกใบ เกิน 1 ล้านบาท หาก ขอปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ก็ยังไม่สามารถจ่ายยอดได้ค่ะ
3. ค่อนข้างกังวลใจกับการโทรทวงหนี้ไปที่ทำงานค่ะ ควรรับมือยังไงดีค่ะ
4.กรณีเลวร้ายสุด ยึดเงินเดือน ยึดทรัพย์จะมีทางเกิดขึ้นไหมค่ะ มีที่ดินเป็นที่นามรดกที่ปลอดหนี้อยู่ 6 ไร่ค่ะ ทางบ้านห้ามขายค่ะ

=== hightlight สีเขียว คือตั้งใจที่จะหยุดจ่ายค่ะ ===

UOB ปล่อยเข้า SAM ครับ ยอด 1 ล้านจะตกอยู่ที่หมื่นต้นๆ ต่อเดือน ผ่อน 10 ปีหรือ รอปรับโครงสร้างครับ
ของผมยอด 440,000 
บัตรเครดิต + สินเชื่อบุคคล ผ่อนเดือนละ 4,700

แนวทางบัตรเครดิต UOB + UOB express จะเสนอปรับโครงสร้างยอดค้างชำระที่ 90 วันและ 120 วันตามลำดับ ขึ้นอยู่กับนโยบาย ณ ตอนนั้น สูงสุดประมาณ 60-72 เดือน ดอกเบี้ยต่ำสุด 10% ทั้งนี้ทั้งนั้น แนวทางการทวงหนี้ขึ้นอยู่กับบริษัททวงหนี้ที่รับช่วงต่อครับ 30 วันแรกแจ้งเลื่อนชำระงวดแรกก่อน ลดการตามทวง เกิน 30 วัน บอกแนวทางการแก้หนี้ของตัวเองให้พนักงาน หรือ แจ้งเข้า SAM เลยครับ จากประสบการณ์ จะทวงอาทิตย์ละครั้ง ถ้ารอบูโรครบ 120 วันใช้เวลาหยุดจ่ายตั้งแต่วันแรกรวมๆประมาณ 6 เดือนครับ ยื่นเข้า SAM ใช้ระยะเวลาประมาณ 30 วัน

เรื่องส่งฟ้องศาลก่อนเข้า SAM ขึ้นอยู่กับบริษัททวงหนี้และนโยบายเช่นกันครับ ของผมไม่โดนฟ้องครับ

แนวทางรับโทรศัพท์ รับทุกสายที่โทรเข้ามาครับ จะไม่มีการติดต่อเข้าที่ทำงานหรือบุคคลอ้างอิ้งที่ให้ไว้ครับ

กรณีเลวร้ายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อส่งฟ้องศาลเจรจาตกลงกับเจ้าหนี้แล้วเราผิดนัดหรือผิดเงื่อนไขที่ตกลงกับศาลไว้แล้วครับ รวมถึงไม่ไปตามศาลนัด ก็จะโดนศาลสั่งบังคับคดี สืบทรัพย์ในลำดับต่อๆไปครับ

เงินเหลือหลังหักค่าอื่นๆ ต่อเดือนใกล้เคียงกันเลยค่ะ ก่อนคิดหยุดจ่าย ก็ติดลบประมาณ 2-3 หมื่นต่อเดือน
ประสบการณ์ส่วนตัวที่หยุดจ่ายเข้ารอบบิลที่ 6 ก่อนหยุดจะคำนวณ ทำตาราง excel ในแต่ละเดือน (ทำ 1-2 ปีเลย จะเห็นภาพรวมชัดขึ้น) มีรายจ่ายอะไรบ้าง เอามาหมดเลย ค่าน้ำ ค่าไฟ แม้แต่ภาษีประจำปี เอามารวมหมดทุกรายการ แล้วจะดูว่ารายการที่เราหยุดจ่าย สุดท้ายเหลือเงินเก็บเท่าไรต่อเดือน แล้วเอาไปคำนวณว่า ถ้าหยุดไป 3-4 เดือนมีเงินเก็บหลังหักค่าใช้จ่ายต่อเดือนรวมแล้วได้เท่าไร พอจะทำ hair cut รายการไหนได้บ้าง (ในเดือนที่ 4-5) อันไหนทำไม่ได้ ก็ไปอยู่ในช่วงหยุดจ่ายเดือนที่ 5-6 รอเข้า SAM ซึ่งกว่าจะได้จ่าย SAM ก็เดือนที่ 7 ของการหยุด หรือถ้าเลวร้ายจริงๆ ก็จะคำนวณว่าแต่ละเดือนรวมรายจ่ายที่ไม่ใช่หนี้ที่จะหยุดจ่าย เราเหลือกี่บาทที่จะเอาไปจ่ายกับการปรับโครงสร้างหนี้หรือกับ SAM ได้ค่ะ

[1. ขอปรับโครงสร้างหนี้โดยโทรไปคุยกับแต่ละธนาคารก่อนหยุดจ่าย / หยุดจ่ายเลยแล้วค่อยคุยกับแต่ละธนาคารขอปรับโครงสร้างหนี้ / หยุดจ่ายรอเข้า SAM เลย แบบไหนดีกว่ากันค่ะ]

ตอบ ธนาคารเดียวกัน หยุดจ่ายทุกรายการค่ะ แล้ววางแผนว่าแต่ละรายการจะทำอย่างไรบ้าง เช่น เข้า SAM, hair cut หรือปรับโครงสร้างหนี้ 

[2. ค่อนข้างกังวลใจกับ UOB เนื่องจากยอดรวมทุกใบ เกิน 1 ล้านบาท หาก ขอปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ก็ยังไม่สามารถจ่ายยอดได้ค่ะ]

ตอบ จากตารางสีเขียวที่จะหยุดจ่าย ถ้าคิดว่าปรับโครงสร้างก็ยังไม่สามารถจ่ายได้ ก็รวมหนี้ไม่เกิน 2 ล้านเอาเข้า SAM เลยค่ะ วางแผนยังไงก็ได้ ให้สุดท้ายแล้วแต่ละเดือนเราต้องไม่ติดลบหรือติดหนี้เพิ่มและพอมีเงินสำรองเอาไว้ยามฉุกเฉินนิดนึง คือ "ต้องไม่ทำให้เรามีหนี้เพิ่มอีกโดยเด็ดขาด" ค่ะ

ส่วนตัวมีหนี้กับ UOB รวมเกือบ 9 แสน 2 รายการ เป็นสินเชื่อทั้งคู่ เพิ่งชำระได้ไม่ถึงปีด้วยค่ะ เพราะย้ายมาจาก citi จนท. พูดจาดีมากค่ะ น่ารักทุกสาย แจ้งเข้า SAM ตั้งแต่ปลายเดือนแรก
UOB express เข้าสู่เดือนที่ 5 เปลี่ยนให้ฝ่ายอื่นทวง แต่ไม่ได้โทรมาทุกวัน นานๆ มาที แผนที่วางไว้ หนักแน่นตามนั้น (ยกเว้นให้ 5% 84 งวด รับค่ะ เพราะพอๆ กับเข้า SAM) เนื้อหาที่คุยก็จะให้รู้สึกตระหนกตกใจนิดนึง (จิตต้องเข้มแข็งค่ะ อย่าตื่นตระหนก) จะเสนอปรับโครงสร้าง ไม่ไหวก็ตอบไปไม่ไหว จะเข้า SAM ถ้าคิดจะรับก็คำนวณดีๆ อย่าเพิ่งรับปากทันทีค่ะบอกเค้าว่า ขอเวลาคำนวณและคิด 2-3 วัน จะได้มีสติคิดให้รอบคอบถี่ถ้วน และสอบถามรายละเอียดจาก จนท. ให้หมด เพื่อมาประกอบการคำนวณและตัดสินใจ เช่น ยอดหนี้เราตอนนี้เท่าไร (เราต้องทราบยอดของตัวเองด้วย) จ่ายต่องวดกี่บาท งวดสุดท้ายต้องจ่ายกี่บาท แล้วก็คูณจำนวนงวดไปว่าสุดท้ายรวมได้เท่าไร เยอะกว่าเข้า SAM ไปมากก็รอเข้า SAM 
๊UOB express ถ้าเป็นลูกค้ามานาน (ไม่ใช่ที่ย้ายมาจาก citi) และยอดไม่ได้สูงมาก เค้าจะเสนอ 5% เร็วมากค่ะ (จากที่สอบถามน้องใน tt มา เค้าได้เดือนที่ 3 เลย)
ส่วนตัว เป็น UOB express ย้ายมาจาก citi และยอดสูงเกือบ 5 แสน ให้ 5% ยากมากๆ เสนอตอนหยุดจ่ายเข้าเดือนที่ 6 (บูโรขึ้น 121-150) ก่อนจะยื่น SAM นิดเดียวเอง

๊UOB cash เข้าสู่เดือนที่ 6 ยังเป็น จนท. ธนาคารโทรมาเหมือนเดิม แจ้งเข้า SAM ก็จะโทรมาสอบถามเป็นระยะๆ 

[3. ค่อนข้างกังวลใจกับการโทรทวงหนี้ไปที่ทำงานค่ะ ควรรับมือยังไงดีค่ะ]

ตอบ ตอนหยุดจ่าย 1 เดือนแรกเครียดมากๆ ค่ะกับการรับสาย เดือนที่ 2 ก็ยังเครียดบ้างเป็นระยะ พอผ่านมาแล้ว ถึงรู้ว่าเราเครียดและกังวลมากเกินไป
จนท.จะโทรหาทางมือถือ ถ้าเรารับสาย ไม่โทรเข้าเบอร์ที่ทำงานหรือบุคคลอ้างอิงที่ให้ไว้กับธนาคารค่ะ ยกแว้นโทรเข้ามือถือแล้วติดต่อไม่ได้ (หมายถึงไม่เคยรับสายจากมือถือเลย) รับสายบ้างไม่รับสายบ้าง (รับไม่ทัน / ติดงาน/ ติดประชุม) ก็ไม่เป็นไรค่ะ เค้าจะโทรกลับมาใหม่เอง แต่จะมีบางกรณี โทรมาแบบยิงแล้ววางสาย อันนี้เหมือนเป็นการเปิดระบบ (มั้ง?) และสามารถโทรทวงได้ตั้งแต่วัน จ- ส ค่ะ ที่เจอมา เดือนที่ 2 มีโทรมาวันเสาร์แทบทุกรายค่ะ
การรับสายเมื่อมีคนอื่นในที่ทำงานอยู่ด้วย ส่วนตัวจะรับสายแล้วเดินออกจากโต๊ะหรือคนอื่นค่ะ  หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ให้ miss call ไปก่อน ทางนี้โชคดีหน่อยตรงที่เป็นงานต้องเดินไปเดินมาหลายห้อง มีพื้นที่กว้างให้เดินไปคุยแบบไร้คนอื่นอยู่ข้างๆ เยอะ


[4.กรณีเลวร้ายสุด ยึดเงินเดือน ยึดทรัพย์จะมีทางเกิดขึ้นไหมค่ะ มีที่ดินเป็นที่นามรดกที่ปลอดหนี้อยู่ 6 ไร่ค่ะ ทางบ้านห้ามขายค่ะ]

ตอบ เคยคิดแบบนี้เลยค่ะ ตอนกำลังจะหยุดจ่าย คิดๆ จนเครียดมากๆ ค่ะ จะเป็นบ้า น้ำหนักหายไป 2 kg หาอ่าน ฟัง ดู เยอะมากจนปวดหัว จะโดนยึดบ้านมั้ย? เงินเดือนจะโดนยึดเหลือไม่พอ จะอยู่ยังไง ฯลฯ คิดจนแทบอยากตุยๆ ไปเลย.....สุดท้ายผ่านมาเข้าสู่เดือนที่ 6 อย่างที่คนอื่นที่เคยผ่านมาได้บอก "ไม่ไหวคือหยุดจ่ายก่อน เราไม่ได้หนีหนี้ มีหนี้ก็ต้องใช้ แค่เราขอเวลาตั้งหลักนิดนึง ให้มีเงินกินข้าวในแต่ละเดือนก่อน ทุกปัญหามีทางออกเสมอ" ตราบใดที่ยังไม่ไปถึงขั้นศาลพิพากษา ช่วงหยุดจ่ายอย่างน้อยๆ 6 เดือน ยังมีช่วงเวลาให้เราวางแผนแก้ปัญหาค่ะ

สู้ๆ ค่ะ ค่อยๆ คิดวางแผน ท่องไว้ เราไม่ได้คิดหนีหนี้ มีหนี้ก็ต้องจ่าย ปัญหาทุกอย่างมีทางออก แค่ขอหยุดระยะหนึ่งมาตั้งหลักเพื่อให้เหลือเงินกินข้าวให้อิ่มจะได้มีเรี่ยวแรงทำงานใช้หนี้ต่อไป

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับแนวทาง สิ้นเดือนนี้คงต้องหยุดจ่ายไปก่อนค่ะ เงินหมุนไม่ทันจริงๆค่ะ ใจลุ้นขอให้เข้า SAM ให้ทันค่ะ

08Cats เขียน: เงินเหลือหลังหักค่าอื่นๆ ต่อเดือนใกล้เคียงกันเลยค่ะ ก่อนคิดหยุดจ่าย ก็ติดลบประมาณ 2-3 หมื่นต่อเดือน
ประสบการณ์ส่วนตัวที่หยุดจ่ายเข้ารอบบิลที่ 6 ก่อนหยุดจะคำนวณ ทำตาราง excel ในแต่ละเดือน (ทำ 1-2 ปีเลย จะเห็นภาพรวมชัดขึ้น) มีรายจ่ายอะไรบ้าง เอามาหมดเลย ค่าน้ำ ค่าไฟ แม้แต่ภาษีประจำปี เอามารวมหมดทุกรายการ แล้วจะดูว่ารายการที่เราหยุดจ่าย สุดท้ายเหลือเงินเก็บเท่าไรต่อเดือน แล้วเอาไปคำนวณว่า ถ้าหยุดไป 3-4 เดือนมีเงินเก็บหลังหักค่าใช้จ่ายต่อเดือนรวมแล้วได้เท่าไร พอจะทำ hair cut รายการไหนได้บ้าง (ในเดือนที่ 4-5) อันไหนทำไม่ได้ ก็ไปอยู่ในช่วงหยุดจ่ายเดือนที่ 5-6 รอเข้า SAM ซึ่งกว่าจะได้จ่าย SAM ก็เดือนที่ 7 ของการหยุด หรือถ้าเลวร้ายจริงๆ ก็จะคำนวณว่าแต่ละเดือนรวมรายจ่ายที่ไม่ใช่หนี้ที่จะหยุดจ่าย เราเหลือกี่บาทที่จะเอาไปจ่ายกับการปรับโครงสร้างหนี้หรือกับ SAM ได้ค่ะ

[1. ขอปรับโครงสร้างหนี้โดยโทรไปคุยกับแต่ละธนาคารก่อนหยุดจ่าย / หยุดจ่ายเลยแล้วค่อยคุยกับแต่ละธนาคารขอปรับโครงสร้างหนี้ / หยุดจ่ายรอเข้า SAM เลย แบบไหนดีกว่ากันค่ะ]

ตอบ ธนาคารเดียวกัน หยุดจ่ายทุกรายการค่ะ แล้ววางแผนว่าแต่ละรายการจะทำอย่างไรบ้าง เช่น เข้า SAM, hair cut หรือปรับโครงสร้างหนี้ 

[2. ค่อนข้างกังวลใจกับ UOB เนื่องจากยอดรวมทุกใบ เกิน 1 ล้านบาท หาก ขอปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ก็ยังไม่สามารถจ่ายยอดได้ค่ะ]

ตอบ จากตารางสีเขียวที่จะหยุดจ่าย ถ้าคิดว่าปรับโครงสร้างก็ยังไม่สามารถจ่ายได้ ก็รวมหนี้ไม่เกิน 2 ล้านเอาเข้า SAM เลยค่ะ วางแผนยังไงก็ได้ ให้สุดท้ายแล้วแต่ละเดือนเราต้องไม่ติดลบหรือติดหนี้เพิ่มและพอมีเงินสำรองเอาไว้ยามฉุกเฉินนิดนึง คือ "ต้องไม่ทำให้เรามีหนี้เพิ่มอีกโดยเด็ดขาด" ค่ะ

ส่วนตัวมีหนี้กับ UOB รวมเกือบ 9 แสน 2 รายการ เป็นสินเชื่อทั้งคู่ เพิ่งชำระได้ไม่ถึงปีด้วยค่ะ เพราะย้ายมาจาก citi จนท. พูดจาดีมากค่ะ น่ารักทุกสาย แจ้งเข้า SAM ตั้งแต่ปลายเดือนแรก
UOB express เข้าสู่เดือนที่ 5 เปลี่ยนให้ฝ่ายอื่นทวง แต่ไม่ได้โทรมาทุกวัน นานๆ มาที แผนที่วางไว้ หนักแน่นตามนั้น (ยกเว้นให้ 5% 84 งวด รับค่ะ เพราะพอๆ กับเข้า SAM) เนื้อหาที่คุยก็จะให้รู้สึกตระหนกตกใจนิดนึง (จิตต้องเข้มแข็งค่ะ อย่าตื่นตระหนก) จะเสนอปรับโครงสร้าง ไม่ไหวก็ตอบไปไม่ไหว จะเข้า SAM ถ้าคิดจะรับก็คำนวณดีๆ อย่าเพิ่งรับปากทันทีค่ะบอกเค้าว่า ขอเวลาคำนวณและคิด 2-3 วัน จะได้มีสติคิดให้รอบคอบถี่ถ้วน และสอบถามรายละเอียดจาก จนท. ให้หมด เพื่อมาประกอบการคำนวณและตัดสินใจ เช่น ยอดหนี้เราตอนนี้เท่าไร (เราต้องทราบยอดของตัวเองด้วย) จ่ายต่องวดกี่บาท งวดสุดท้ายต้องจ่ายกี่บาท แล้วก็คูณจำนวนงวดไปว่าสุดท้ายรวมได้เท่าไร เยอะกว่าเข้า SAM ไปมากก็รอเข้า SAM 
๊UOB express ถ้าเป็นลูกค้ามานาน (ไม่ใช่ที่ย้ายมาจาก citi) และยอดไม่ได้สูงมาก เค้าจะเสนอ 5% เร็วมากค่ะ (จากที่สอบถามน้องใน tt มา เค้าได้เดือนที่ 3 เลย)
ส่วนตัว เป็น UOB express ย้ายมาจาก citi และยอดสูงเกือบ 5 แสน ให้ 5% ยากมากๆ เสนอตอนหยุดจ่ายเข้าเดือนที่ 6 (บูโรขึ้น 121-150) ก่อนจะยื่น SAM นิดเดียวเอง

๊UOB cash เข้าสู่เดือนที่ 6 ยังเป็น จนท. ธนาคารโทรมาเหมือนเดิม แจ้งเข้า SAM ก็จะโทรมาสอบถามเป็นระยะๆ 

[3. ค่อนข้างกังวลใจกับการโทรทวงหนี้ไปที่ทำงานค่ะ ควรรับมือยังไงดีค่ะ]

ตอบ ตอนหยุดจ่าย 1 เดือนแรกเครียดมากๆ ค่ะกับการรับสาย เดือนที่ 2 ก็ยังเครียดบ้างเป็นระยะ พอผ่านมาแล้ว ถึงรู้ว่าเราเครียดและกังวลมากเกินไป
จนท.จะโทรหาทางมือถือ ถ้าเรารับสาย ไม่โทรเข้าเบอร์ที่ทำงานหรือบุคคลอ้างอิงที่ให้ไว้กับธนาคารค่ะ ยกแว้นโทรเข้ามือถือแล้วติดต่อไม่ได้ (หมายถึงไม่เคยรับสายจากมือถือเลย) รับสายบ้างไม่รับสายบ้าง (รับไม่ทัน / ติดงาน/ ติดประชุม) ก็ไม่เป็นไรค่ะ เค้าจะโทรกลับมาใหม่เอง แต่จะมีบางกรณี โทรมาแบบยิงแล้ววางสาย อันนี้เหมือนเป็นการเปิดระบบ (มั้ง?) และสามารถโทรทวงได้ตั้งแต่วัน จ- ส ค่ะ ที่เจอมา เดือนที่ 2 มีโทรมาวันเสาร์แทบทุกรายค่ะ
การรับสายเมื่อมีคนอื่นในที่ทำงานอยู่ด้วย ส่วนตัวจะรับสายแล้วเดินออกจากโต๊ะหรือคนอื่นค่ะ  หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ให้ miss call ไปก่อน ทางนี้โชคดีหน่อยตรงที่เป็นงานต้องเดินไปเดินมาหลายห้อง มีพื้นที่กว้างให้เดินไปคุยแบบไร้คนอื่นอยู่ข้างๆ เยอะ


[4.กรณีเลวร้ายสุด ยึดเงินเดือน ยึดทรัพย์จะมีทางเกิดขึ้นไหมค่ะ มีที่ดินเป็นที่นามรดกที่ปลอดหนี้อยู่ 6 ไร่ค่ะ ทางบ้านห้ามขายค่ะ]

ตอบ เคยคิดแบบนี้เลยค่ะ ตอนกำลังจะหยุดจ่าย คิดๆ จนเครียดมากๆ ค่ะ จะเป็นบ้า น้ำหนักหายไป 2 kg หาอ่าน ฟัง ดู เยอะมากจนปวดหัว จะโดนยึดบ้านมั้ย? เงินเดือนจะโดนยึดเหลือไม่พอ จะอยู่ยังไง ฯลฯ คิดจนแทบอยากตุยๆ ไปเลย.....สุดท้ายผ่านมาเข้าสู่เดือนที่ 6 อย่างที่คนอื่นที่เคยผ่านมาได้บอก "ไม่ไหวคือหยุดจ่ายก่อน เราไม่ได้หนีหนี้ มีหนี้ก็ต้องใช้ แค่เราขอเวลาตั้งหลักนิดนึง ให้มีเงินกินข้าวในแต่ละเดือนก่อน ทุกปัญหามีทางออกเสมอ" ตราบใดที่ยังไม่ไปถึงขั้นศาลพิพากษา ช่วงหยุดจ่ายอย่างน้อยๆ 6 เดือน ยังมีช่วงเวลาให้เราวางแผนแก้ปัญหาค่ะ

สู้ๆ ค่ะ ค่อยๆ คิดวางแผน ท่องไว้ เราไม่ได้คิดหนีหนี้ มีหนี้ก็ต้องจ่าย ปัญหาทุกอย่างมีทางออก แค่ขอหยุดระยะหนึ่งมาตั้งหลักเพื่อให้เหลือเงินกินข้าวให้อิ่มจะได้มีเรี่ยวแรงทำงานใช้หนี้ต่อไป

ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับคำแนะนำ  และกำลังใจค่ะ
คำนวณดูแล้วน่าจะต้องเอา  UOB + Krungsri น่าจะต้องลุ้นเอาเข้า  SAM  ให้ทันเวลาก่อนฟ้องค่ะ ส่วน SCB จะรอฟังแผนปรับโครงสร้างหนี้ดูก่อนค่ะ ว่าพอจะผ่อนไหวไหมค่ะ

ann_kung เขียน:

08Cats เขียน: เงินเหลือหลังหักค่าอื่นๆ ต่อเดือนใกล้เคียงกันเลยค่ะ ก่อนคิดหยุดจ่าย ก็ติดลบประมาณ 2-3 หมื่นต่อเดือน
ประสบการณ์ส่วนตัวที่หยุดจ่ายเข้ารอบบิลที่ 6 ก่อนหยุดจะคำนวณ ทำตาราง excel ในแต่ละเดือน (ทำ 1-2 ปีเลย จะเห็นภาพรวมชัดขึ้น) มีรายจ่ายอะไรบ้าง เอามาหมดเลย ค่าน้ำ ค่าไฟ แม้แต่ภาษีประจำปี เอามารวมหมดทุกรายการ แล้วจะดูว่ารายการที่เราหยุดจ่าย สุดท้ายเหลือเงินเก็บเท่าไรต่อเดือน แล้วเอาไปคำนวณว่า ถ้าหยุดไป 3-4 เดือนมีเงินเก็บหลังหักค่าใช้จ่ายต่อเดือนรวมแล้วได้เท่าไร พอจะทำ hair cut รายการไหนได้บ้าง (ในเดือนที่ 4-5) อันไหนทำไม่ได้ ก็ไปอยู่ในช่วงหยุดจ่ายเดือนที่ 5-6 รอเข้า SAM ซึ่งกว่าจะได้จ่าย SAM ก็เดือนที่ 7 ของการหยุด หรือถ้าเลวร้ายจริงๆ ก็จะคำนวณว่าแต่ละเดือนรวมรายจ่ายที่ไม่ใช่หนี้ที่จะหยุดจ่าย เราเหลือกี่บาทที่จะเอาไปจ่ายกับการปรับโครงสร้างหนี้หรือกับ SAM ได้ค่ะ

[1. ขอปรับโครงสร้างหนี้โดยโทรไปคุยกับแต่ละธนาคารก่อนหยุดจ่าย / หยุดจ่ายเลยแล้วค่อยคุยกับแต่ละธนาคารขอปรับโครงสร้างหนี้ / หยุดจ่ายรอเข้า SAM เลย แบบไหนดีกว่ากันค่ะ]

ตอบ ธนาคารเดียวกัน หยุดจ่ายทุกรายการค่ะ แล้ววางแผนว่าแต่ละรายการจะทำอย่างไรบ้าง เช่น เข้า SAM, hair cut หรือปรับโครงสร้างหนี้ 

[2. ค่อนข้างกังวลใจกับ UOB เนื่องจากยอดรวมทุกใบ เกิน 1 ล้านบาท หาก ขอปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ก็ยังไม่สามารถจ่ายยอดได้ค่ะ]

ตอบ จากตารางสีเขียวที่จะหยุดจ่าย ถ้าคิดว่าปรับโครงสร้างก็ยังไม่สามารถจ่ายได้ ก็รวมหนี้ไม่เกิน 2 ล้านเอาเข้า SAM เลยค่ะ วางแผนยังไงก็ได้ ให้สุดท้ายแล้วแต่ละเดือนเราต้องไม่ติดลบหรือติดหนี้เพิ่มและพอมีเงินสำรองเอาไว้ยามฉุกเฉินนิดนึง คือ "ต้องไม่ทำให้เรามีหนี้เพิ่มอีกโดยเด็ดขาด" ค่ะ

ส่วนตัวมีหนี้กับ UOB รวมเกือบ 9 แสน 2 รายการ เป็นสินเชื่อทั้งคู่ เพิ่งชำระได้ไม่ถึงปีด้วยค่ะ เพราะย้ายมาจาก citi จนท. พูดจาดีมากค่ะ น่ารักทุกสาย แจ้งเข้า SAM ตั้งแต่ปลายเดือนแรก
UOB express เข้าสู่เดือนที่ 5 เปลี่ยนให้ฝ่ายอื่นทวง แต่ไม่ได้โทรมาทุกวัน นานๆ มาที แผนที่วางไว้ หนักแน่นตามนั้น (ยกเว้นให้ 5% 84 งวด รับค่ะ เพราะพอๆ กับเข้า SAM) เนื้อหาที่คุยก็จะให้รู้สึกตระหนกตกใจนิดนึง (จิตต้องเข้มแข็งค่ะ อย่าตื่นตระหนก) จะเสนอปรับโครงสร้าง ไม่ไหวก็ตอบไปไม่ไหว จะเข้า SAM ถ้าคิดจะรับก็คำนวณดีๆ อย่าเพิ่งรับปากทันทีค่ะบอกเค้าว่า ขอเวลาคำนวณและคิด 2-3 วัน จะได้มีสติคิดให้รอบคอบถี่ถ้วน และสอบถามรายละเอียดจาก จนท. ให้หมด เพื่อมาประกอบการคำนวณและตัดสินใจ เช่น ยอดหนี้เราตอนนี้เท่าไร (เราต้องทราบยอดของตัวเองด้วย) จ่ายต่องวดกี่บาท งวดสุดท้ายต้องจ่ายกี่บาท แล้วก็คูณจำนวนงวดไปว่าสุดท้ายรวมได้เท่าไร เยอะกว่าเข้า SAM ไปมากก็รอเข้า SAM 
๊UOB express ถ้าเป็นลูกค้ามานาน (ไม่ใช่ที่ย้ายมาจาก citi) และยอดไม่ได้สูงมาก เค้าจะเสนอ 5% เร็วมากค่ะ (จากที่สอบถามน้องใน tt มา เค้าได้เดือนที่ 3 เลย)
ส่วนตัว เป็น UOB express ย้ายมาจาก citi และยอดสูงเกือบ 5 แสน ให้ 5% ยากมากๆ เสนอตอนหยุดจ่ายเข้าเดือนที่ 6 (บูโรขึ้น 121-150) ก่อนจะยื่น SAM นิดเดียวเอง

๊UOB cash เข้าสู่เดือนที่ 6 ยังเป็น จนท. ธนาคารโทรมาเหมือนเดิม แจ้งเข้า SAM ก็จะโทรมาสอบถามเป็นระยะๆ 

[3. ค่อนข้างกังวลใจกับการโทรทวงหนี้ไปที่ทำงานค่ะ ควรรับมือยังไงดีค่ะ]

ตอบ ตอนหยุดจ่าย 1 เดือนแรกเครียดมากๆ ค่ะกับการรับสาย เดือนที่ 2 ก็ยังเครียดบ้างเป็นระยะ พอผ่านมาแล้ว ถึงรู้ว่าเราเครียดและกังวลมากเกินไป
จนท.จะโทรหาทางมือถือ ถ้าเรารับสาย ไม่โทรเข้าเบอร์ที่ทำงานหรือบุคคลอ้างอิงที่ให้ไว้กับธนาคารค่ะ ยกแว้นโทรเข้ามือถือแล้วติดต่อไม่ได้ (หมายถึงไม่เคยรับสายจากมือถือเลย) รับสายบ้างไม่รับสายบ้าง (รับไม่ทัน / ติดงาน/ ติดประชุม) ก็ไม่เป็นไรค่ะ เค้าจะโทรกลับมาใหม่เอง แต่จะมีบางกรณี โทรมาแบบยิงแล้ววางสาย อันนี้เหมือนเป็นการเปิดระบบ (มั้ง?) และสามารถโทรทวงได้ตั้งแต่วัน จ- ส ค่ะ ที่เจอมา เดือนที่ 2 มีโทรมาวันเสาร์แทบทุกรายค่ะ
การรับสายเมื่อมีคนอื่นในที่ทำงานอยู่ด้วย ส่วนตัวจะรับสายแล้วเดินออกจากโต๊ะหรือคนอื่นค่ะ  หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ให้ miss call ไปก่อน ทางนี้โชคดีหน่อยตรงที่เป็นงานต้องเดินไปเดินมาหลายห้อง มีพื้นที่กว้างให้เดินไปคุยแบบไร้คนอื่นอยู่ข้างๆ เยอะ


[4.กรณีเลวร้ายสุด ยึดเงินเดือน ยึดทรัพย์จะมีทางเกิดขึ้นไหมค่ะ มีที่ดินเป็นที่นามรดกที่ปลอดหนี้อยู่ 6 ไร่ค่ะ ทางบ้านห้ามขายค่ะ]

ตอบ เคยคิดแบบนี้เลยค่ะ ตอนกำลังจะหยุดจ่าย คิดๆ จนเครียดมากๆ ค่ะ จะเป็นบ้า น้ำหนักหายไป 2 kg หาอ่าน ฟัง ดู เยอะมากจนปวดหัว จะโดนยึดบ้านมั้ย? เงินเดือนจะโดนยึดเหลือไม่พอ จะอยู่ยังไง ฯลฯ คิดจนแทบอยากตุยๆ ไปเลย.....สุดท้ายผ่านมาเข้าสู่เดือนที่ 6 อย่างที่คนอื่นที่เคยผ่านมาได้บอก "ไม่ไหวคือหยุดจ่ายก่อน เราไม่ได้หนีหนี้ มีหนี้ก็ต้องใช้ แค่เราขอเวลาตั้งหลักนิดนึง ให้มีเงินกินข้าวในแต่ละเดือนก่อน ทุกปัญหามีทางออกเสมอ" ตราบใดที่ยังไม่ไปถึงขั้นศาลพิพากษา ช่วงหยุดจ่ายอย่างน้อยๆ 6 เดือน ยังมีช่วงเวลาให้เราวางแผนแก้ปัญหาค่ะ

สู้ๆ ค่ะ ค่อยๆ คิดวางแผน ท่องไว้ เราไม่ได้คิดหนีหนี้ มีหนี้ก็ต้องจ่าย ปัญหาทุกอย่างมีทางออก แค่ขอหยุดระยะหนึ่งมาตั้งหลักเพื่อให้เหลือเงินกินข้าวให้อิ่มจะได้มีเรี่ยวแรงทำงานใช้หนี้ต่อไป

ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับคำแนะนำ  และกำลังใจค่ะ
คำนวณดูแล้วน่าจะต้องเอา  UOB + Krungsri น่าจะต้องลุ้นเอาเข้า  SAM  ให้ทันเวลาก่อนฟ้องค่ะ ส่วน SCB จะรอฟังแผนปรับโครงสร้างหนี้ดูก่อนค่ะ ว่าพอจะผ่อนไหวไหมค่ะ

ฟ้องศาลสามารถเอาหลักฐานการสมัครเข้า  SAM ไปขอเลื่อนศาลได้ครับ
รอลุ้นแค่ไม่ให้ขายหนี้ออกไปก่อน