กลับมา Up Date ข้อมูลค่ะ
ไปศาลมาแล้ว ทั้ 2 รอบค่ะ
รอบแรก : ทนายขอโจทย์ขอเลื่อน เนื่องจากต้องกลับไปตรวจสอบข้อมูล (รายการที่ชำระอยู่ และ นำมาฟ้อง)
เลื่อนไปเป็นวันที่ 25 / 7
ซึ่งทาง papa ก็นำหมายศาลไปปรึกษาคูณอา ค่ะ ท่านแนะนำให้สู้คดี เรื่องดอกเบี้ย ส่วนเรื่องที่เราจ่ายอยู่นั้น อาจจะไม่นำมาเป็นประเด้น จะนำไปหักยอดเงินที่จ่ายขาดอยู่ ดังนั้นเมื่อเห็นดอกเบี้ยที่คำนวณออกมาได้
น่าตกใจค่ะ มันเกินไปจริง ๆ ค่ะ
บัตรเครดิต ดอก 20% คำนวณ ดอก+ค่าทวงถาม = 40% กว่า
บัตรกดเงินสด ดอก 28% คำนวณ ดอก+ค่าทวงถาม = 40-50% กว่า
บัตรสิ้นเชื่อบุคคล ดอก 28% คำนวณ ดอก+ค่าทวงถาม = 40% กว่า
สรุปในคำให้การ ดอกเบี้ยเกินกว่า กม.กำหนด ตกเป็นโมฆะ เงินที่จ่ายเกินไปให้ไปตัดต้น ดังนั้นทั้ง 3 บัตร เรายังมีเงินเกินอีก 1 พันกว่า (ไม่ต้องจ่ายหนี้อะไรแล้ว)
ถึงวันขึ้นศาลรอบ 2 : วันที่ 25 / 7 เจอทนายโจทย์ เราบอกจะยื่นคำให้การค่ะ ทนายทำหน้า งง ๆๆ บอกยื่นเลยหรือ ไม่ไกล่เกลี่ยหน่อยหรือ เราก็บอกยื่นเลยค่ะ สักพักเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปห้องไกล่เกลี่ย ก่อนเข้าสู้กระบวนการสืบพยาน (หากไม่เป็นที่พอใจก็เข้าสืบพยานในนัดหน้า)
ในห้องจะมีเจ้าหน้าที่ศาล (อายุมากแล้ว) , ทยายโจทย์ , ทนายจำเลย และ ตัวเรา มานั่งคุยกันว่าสามารถเจรจายอดเงินกันได้ไม๊ ซึ่ง จนท. พยายามพูดให้เราไปเจรจากับผู้มีอำนาจที่แบงค์ ว่าเค้าสามารถให้ส่วนลดทางคุณได้ ถ้าขึ้นศาลมันจะใช้เวลา ทางคุณอา ก็บอก ว่าที่สู้เรื่องดอกเบี้ย ค่าวงถาม มันเกินกว่า กม. กำหนด
และทางเราก็แจ้งให้ จนท.ทราบว่าจะยืนยันตามคำให้การค่ะ
จนท. ก็ใช้สิทธิของท่านในการขอพูดคุยกับเราเอง โดยให้ทนายออกจากห้องไปก่อน คราวนี้ก็เหลือแค่ 3 คน ในห้อง (นึกในใจโดนรุมแน่) ทาง จนท. ก็ยังจะพูดให้เรายอมความอีก ถึงตาเราพูดบางหล่ะ (ไม่รู้อะไรเข้าสิงห์) เราบอกท่านค่ะ จะให้ดิฉันเอายอดไหนไปคุยกับแบงค์ค่ะ ทั้ง ๆ ที่ดิฉันจ่ายเงินให้แบงค์เยอะพอสมควรแล้วนะคะ ท่านลองอ่านคำให้การนะคะ ดิฉันก็อย่าจะให้ท่านเห็นใจประชาชนอย่างเราบ้าง เงินเดือนก็น้อย แถมโดยเจ้าหน้าเอาเปรียบเรื่องดอกเบี้ยอีก จ่ายไปยอดไม่ลดเลย ยกตัวอย่าง บัตรสินเชื่อส่วนบุคคล ดิฉันเอามา 80,000 บาท ชำระไปแล้ว 25 งวด ประมาณ 60,000 กว่าแล้ว แล้วโจทย์ยังเอามาฟ้องดิฉันอีก 80,000 กว่า ท่านติดว่าดิฉันจะต้องไปขอร้องให้แบงค์ลดราคาให้อีกหรือค่ะ ท่านจะให้ดิฉันเอายอดไหนไปเจรจาค่ะ ท่านก็เห็นยอดอยู่ว่าดอกเบี้ยมันเยอะขนาดไหน เป็นการเอาเปรียบชัด ๆ ยังงัยดิฉันก็ยืนยันตามคำให้การ และอีกอย่างทางทนายก็ใช้ความสามารถ สละเวลา ในการเขียนคำให้การแล้ว ค่ะ ดิฉันก็ขอสู้ในชั้นศาล เพื่อให้ท่านได้เห็นการเอารัดเอาเปรียบของเจ้าหนี้ค่ะ
สรุปท่าน + ทนาย นั่งเฉยค่ะ ฟังแล้วก็พยักหน้า สรุปจบเซ็นต์เอกสารวันนัดอีกรอบ วันที่ 3/9 ค่ะ
นัดสืบพยายาน
ที่สุดแล้วก็ต้องดูที่ศาลท่านจะเห็นด้วยกับคำให้การหรือเปล่า ดังนั้นจึงอย่าจะบอกสมาชิกใหม่ที่กำลังกลัวการไปขึ้นศาล ว่าไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ทั้งนี้ในการเจรจา หรือ การต่อสู้คดี ก็ขึ้นอยู่กับหนี้ของแต่ละคนนะ
เล่าไว้เผื่อเป็นประสบการณ์ให้สมาชิกท่านอื่น ๆ ได้รับทราบ
ไว้กลับมาเล่าใหม่คราวหน้านะคะ....