ขอคำปรึกษา ไม่รู้จะทำอย่างไรดี กลุ้มมาก ครับ

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7238 โดย exec9
ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีพี่ๆ ก่อนครับ ผมขอคำแนะนำและขอความช่วยเหลือจากพี่ๆๆ มีรายละเอียดดังนี้ครับ
ผมหยุดจ่ายมาประมาณ 1 ปีพอดี เงินเดือน 26,000 บาท + อื่นๆ 6,500 บาท ครับ
ที่ปิดบัญชีไปแล้วมีดังนี้
1. Citi Advance 120,000 บาท ปิดที่ 60,000 บาท
ที่ยังไม่ได้ปิดบัญชีมีดังนี้
Non Bank
1. KTC Visa 84,000 บาท (KTC ยังเงียบ นานๆตามที ครับ)
2. KTC CASH Revolve 30,000 บาท (KTC ยังเงียบ นานๆตามที ครับ)
3. Citi Bank-Master 44,000 บาท
4. Citi Bank Ready 120,000 บาท ปัจจุบันศาลพิพากษาแล้วเมื่อ 24-2-55 ครับ (รอบังคับคดี) เมื่อวาน Citi
เสนอ ให้ปิดที่ 80,000 บาทครับอ้างศาลพิพากษาแล้ว ผมขอ H/C ไป 60,000 บาท Citi ยังไม่ให้คำตอบ

ธาคาร
1. UOB – Mater 60,000 บาท ยังไม่ได้ฟ้อง โดย UOB เสนอลดให้ปิดที่ 30,000 บาท (แต่ผมยังไม่ได้ปิด ครับ)
2. UOB – กดเงิน 60,000 บาท ยังไม่ได้ฟ้อง โดย UOB เสนอลดให้ปิดที่ 30,000 บาท (แต่ผมยังไม่ได้ปิด ครับ)
3. กรุงเทพ-Master 30,000 บาท (ยังไม่ได้หยุดจ่าย)
4. กสิกร-Visa 58,000 บาท (ยังไม่ได้หยุดจ่าย)
ทรัพย์สิน
1. รถยนต์ ผ่อนทั้งหมด 72 งวด จ่ายไปแล้ว 14 งวด (บัญชีปกติ ผ่อนเดือนละ 12,000 บาท ครับ)
2. ห้องพัก ผ่อนทั้งหมด 15 ปี ผ่อนไปแล้ว 3 ปี (บัญชีปกติ ผ่อนเดือนละ 2,500 บาท ครับ)

ผมต้องทำอย่างไงครับ ทางเลือกระหว่าง Citi Bank Ready กับ UOB 2 บัญชี ถ้า Citi ไม่ลดให้ตามที่ขอ 60,000 บาท ผมจะทำอย่างไรดี ปล่อยให้ Citi บังคับคดี แล้วจะโดนยึดรถยนต์หรือไม่

เงินเดือนสุทธิแล้ว ที่จะเก็บไว้จ่าย เดือนล่ะ 5,000 ครับ
ขอความกรุณาพี่ๆๆด้วยนะด้วยนะครับ ในการแนะนำ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
(o_O)

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7242 โดย Skynine
o_) o_) o_) o_) o_) เรื่องรถพี่อังแนะนำนะจะทำตามหรือไม่ขึ้นอยู่ในดุลยพินิจของคุณ ขายดาวน์ไปแล้วเอาเงินเก็บไว้ เพื่อทำแฮร์คัต
โดยสารทางอื่นบ้างก็ดีนะ หมดหนี้เมื่อไร หาซื้อคันใหม่เอาให้ใหญ่กว่าคันเก่า
รถเมื่อผ่อนหมดเมื่อไร โดนยึดได้ บ้านห้ามหยุดจ่ายนะ คุณเคยลองทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายไหม ถ้ายัง
ทำเลย จะได้รู้ว่าเรามีรอยรั่วตรงไหน อุดได้รีบอุด ประหยัดแต่ไม่อด ซ่อมได้ซ่อม อยู่ให้ได้ด้วยเงินเดือนตัวเอง
อ่านวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่ทุกคนต้องอ่านหรือยัง ถ้ายังอ่านซะ และอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ด้านอื่นๆ หาอ่านได้จากห้องต่างๆ นะ เช่น ห้องรู้ทันกฎหมายหนี้ คลังความรู้เลยนะ อ่านกระทู้พี่ๆ เพื่อนๆ ด้วย
จะได้เกิดแนวทาง แล้วนำมาปรับให้เหมาะกับเรา...
กว่าเราจะสร้างหนี้ได้ (บาน) ขนาดนี้ เราใช้เวลาสร้างมาใช่ไหม
ฉะนั้นเมื่อคืนหนี้ก็ต้องมีเวลาคืน (เก็บเงิน) เหมือนกัน เจ้าหนี้รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็ต้องรอ
ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง สวยประหาร o_) o_) o_) o_)
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Pachiby8

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7246 โดย Ly89

exec9 เขียน: ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีพี่ๆ ก่อนครับ ผมขอคำแนะนำและขอความช่วยเหลือจากพี่ๆๆ มีรายละเอียดดังนี้ครับ
ผมหยุดจ่ายมาประมาณ 1 ปีพอดี เงินเดือน 26,000 บาท + อื่นๆ 6,500 บาท ครับ

รวมอยู่ในเงินเดือนทั้งหมดใช่ไหมครับ...ถ้าจะให้อายัดเงินเดือน ก็เดือนละประมาณ 9700 บาท เงินเดือนคุณจะเหลือ 22800 บาท ผมว่าคุณจ่ายรถ จ่ายห้อง และบัตรอีก 2 ใบ ก็หมดแล้วล่ะครับ...

ที่ปิดบัญชีไปแล้วมีดังนี้
1. Citi Advance 120,000 บาท ปิดที่ 60,000 บาท
ที่ยังไม่ได้ปิดบัญชีมีดังนี้
Non Bank
1. KTC Visa 84,000 บาท (KTC ยังเงียบ นานๆตามที ครับ)
2. KTC CASH Revolve 30,000 บาท (KTC ยังเงียบ นานๆตามที ครับ)
3. Citi Bank-Master 44,000 บาท
4. Citi Bank Ready 120,000 บาท ปัจจุบันศาลพิพากษาแล้วเมื่อ 24-2-55 ครับ (รอบังคับคดี) เมื่อวาน Citi
เสนอ ให้ปิดที่ 80,000 บาทครับอ้างศาลพิพากษาแล้ว ผมขอ H/C ไป 60,000 บาท Citi ยังไม่ให้คำตอบ

ธาคาร
1. UOB – Mater 60,000 บาท ยังไม่ได้ฟ้อง โดย UOB เสนอลดให้ปิดที่ 30,000 บาท (แต่ผมยังไม่ได้ปิด ครับ)
2. UOB – กดเงิน 60,000 บาท ยังไม่ได้ฟ้อง โดย UOB เสนอลดให้ปิดที่ 30,000 บาท (แต่ผมยังไม่ได้ปิด ครับ)
3. กรุงเทพ-Master 30,000 บาท (ยังไม่ได้หยุดจ่าย)
4. กสิกร-Visa 58,000 บาท (ยังไม่ได้หยุดจ่าย)


2 ใบนี้ จ่ายขั้นต่ำก็ 8800 บาทแล้ว ใช่ไหม....ทำไมไม่หยุดให้หมดแล้วเก็บเงินล่ะ จะได้ไม่ต้องมาเลือกว่าจะแฮร์คัทเจ้าไหนก่อน เหมือนที่คุณกำลังทำอยู่นี่

ทรัพย์สิน
1. รถยนต์ ผ่อนทั้งหมด 72 งวด จ่ายไปแล้ว 14 งวด (บัญชีปกติ ผ่อนเดือนละ 12,000 บาท ครับ)
2. ห้องพัก ผ่อนทั้งหมด 15 ปี ผ่อนไปแล้ว 3 ปี (บัญชีปกติ ผ่อนเดือนละ 2,500 บาท ครับ)

ผมต้องทำอย่างไงครับ ทางเลือกระหว่าง Citi Bank Ready กับ UOB 2 บัญชี ถ้า Citi ไม่ลดให้ตามที่ขอ 60,000 บาท ผมจะทำอย่างไรดี ปล่อยให้ Citi บังคับคดี แล้วจะโดนยึดรถยนต์หรือไม่

ถ้าปล่อยให้อายัดเงินเดือน...คุณจะมีตังค์เหลือกิน เหลือเก็บไหม...เก็บทันหนี้ที่เหลือหรือเปล่า
แล้วถ้าไม่ให้อายัดเงินเดือน แล้วคุณจะเก็บเงินทันหนี้ที่เหลือไหม....คิดไว้บ้างหรือเปล่า
รถยังยึดไม่ได้หรอกครับ รออีก 58 เดือน เป็นของคุณเมื่อไหร่ เขาก็ตามยึดได้
ห้อง...ถึงจะยึดได้ แต่เขาเลือกอายัดเงินเดือนดีกว่า...ไม่เสียเวลา ไม่เสียค่าใช้จ่ายเยอะ


เงินเดือนสุทธิแล้ว ที่จะเก็บไว้จ่าย เดือนล่ะ 5,000 ครับ

เงินเดือน 32500 - รถ 12000 - ห้อง 2500 - บัตร 2 ใบ 8800 - เงินเก็บ 5000 เหลือ 4200 ค่าน้ำ...ค่าไฟ...ค่าโทรศัพท์...ค่าน้ำมันรถ...เก็บเงินไว้ต่อทะเบียน ประกัน...คุณกินอะไรครับ...

ขอความกรุณาพี่ๆๆด้วยนะด้วยนะครับ ในการแนะนำ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
(o_O)


หยุดบัตรที่เหลือซะ....แล้วไปปิดตัวที่กำลังอายัดเงินเดือน...แล้วเร่งเก็บเงินโดยเร็ว เพื่อหนี้ที่เหลือ

หรือ..หยุดบัตรที่เหลือซะ...ไปปิดUOB ปล่อยให้ซิตี้อายัดไปก่อน แล้วเร่งเก็บเงิน เพื่อหนี้ที่เหลือ...

คุณต้องตัดสินใจเองครับ..อันไหนดีกว่ากัน...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Shofrets

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7259 โดย exec9
ขอบคุณครับ สำหรับทุกคำตอบ
ใจจริงผมก็ อยากปิด Citi Ready กว่าครับ เพราะถ้าโดนอายัดเงินเดือน(ประมาณเดือนละ 9,000 บาท) อาจจะทำให้ไม่มีเงินเก็บ ที่จะปิดหนี้รายอื่น แล้วจะส่งผลให้ เจ้าหนี้ที่เหลือต้องต่อคิวอายัดเงินเดือน เสี่ยงที่จะถูกเจ้าหนี้ที่เหลืออายัด รถยนต์และห้องพักในอนาคต

แต่ติดที่คุย H/C ยังไม่ได้ เมื่อวาน (12-3-55)เจ้าหน้าที่ Citi Ready เสนอปิดงวดเดียว 80,000 บาท ผมขอ 60,000 บาท (ถ้าผ่อนซัก 2-3 งวดได้ก็ดี) แต่เจ้าหน้าที่ Citi Ready บอกเด๋วจะคุยกับหัวหน้าให้ ประมาณ 60,000+ บาท แต่ต้องจ่ายงวดเดียวก่อนสิ้นเดีอนมีนาคม 55 ครับ แล้วก็ยังไม่ได้คำตอบหายเงียบไปเลย

ขอถาม
1. ผมมีเวลา เจรจา H/C อีกนานมัย ก่อนบังคับคดี (โดยประมาณครับ)
2. ถ้า Citi Ready ไม่ลดให้ แต่ให้จ่าย 80,000 บาท ตามข้อเสนอแรก ผมมีทางเลือกอี่นมัย ที่จะคุยกับเจ้าที่เพื่อจะไม่ให้โดยอายัดเงินเดือน หรือปล่อยให้เขาทำเรื่องอายัดเงินเดือน แล้วเราไปยื่นเรื่องขอลดหย่อนการอายัดเงินเดือน ให้เหลือ 15 % โดยนำรายจ่ายที่มีไปแจ้ง กรมบังคับคดีหรือร้องศาล ( จะอ้างได้มัย ว่าต้องส่งรถยนต์+ส่งบ้าน+ส่งแม่+ค่าใช่ส่วนตัว ซึ่งถ้าเราโดยอายัดเงินเต็มจำนวนคือ 30 % เราจะไม่มีเงินเก็บที่จะไปจ่ายเจ้าหนี้รายอื่น คือ เงินเดือนรวมค่าครองชีพ+เบี๋ยเลี้ยง หักภาษีละประกันสังคม เราได้รับเงินแค่ 30,000 บาท - ผ่อนรถยนต์ 12,159 - ผ่อนบ้าน 2,500 - จ่ายเลี้ยงดูแม่ 2,000 แล้วถ้ายังต้องโดนอายัดเงินเดือน 30 % 9,000 บาท ผมจะมีเงินสำหรับใช้จ่ายส่วนตัวแค่ 4,300 บาทต่อเดือน )
:shy:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7261 โดย Skynine
เกณฑ์การยึด-อายัดทรัพย์-อายัดเงินเดือน o_) o_) o_)
การถูกยึดทรัพย์เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน
(ขอให้มียอดเข้าไปหลังมีคำพิพากษาภายในช่วงเวลานี้ คือ จ่ายคืนบางส่วนก็ได้ ไม่ใช่จ่ายเต็ม)
เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์หรืออายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ได้
โดยให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อออกหมายยึดและอายัดต่อไป

1. ทรัพย์สินที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต มูลค่ารวมกัน 50,000 บาทแรกห้ามเจ้าหนี้ยึด ทรัพย์ที่จำเป็นในการดำรงชีพ เช่น
โต๊ะกินข้าว เก้าอี้ โทรทัศน์ เครื่องครัว แต่ถ้าเป็นสร้อย แหวน นาฬิกา
ของเหล่านี้แม้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของลูกหนี้ แต่เจ้าหนี้ก็มีสิทธิยึดได้เพราะไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต

2. ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของลูกหนี้ ถ้ามูลค่ารวมกัน 100,000 บาทแรก ห้ามเจ้าหนี้ยึด เครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร(ถ้าประกอบธุรกิจรับถ่ายเอกสาร) ในกรณีที่เครื่องมือประกอบอาชีพมีราคาสูงกว่า 100,000 บาท และจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ก็สามารถขอต่อศาลได้

หากมีเจ้าหนี้หลายราย ทรัพย์ใดถูกยึดไปแล้ว ห้ามเจ้าหนี้รายอื่นมายึดซ้ำ เจ้าหนี้รายใดยึดก่อนก็ได้สิทธิก่อน


การอายัดเงินเดือน โบนัส ค่าตอบแทนต่างๆ

หากศาลตัดสินแล้ว เราควรติดต่อทนายโจทก์ว่าจะจ่ายอย่างไร จะผ่อนชำระหรือจ่ายงวดเดียวก็แล้วแต่จะตกลงกัน
แต่หากลูกหนี้เพิกเฉยไม่ติดต่อ ไม่ยอมจ่ายเงิน หรือตกลงเรื่องการจ่ายเงินไม่ได้ ทนายโจทก์ก็จะทำเรื่องขอยึดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือน และหากเจ้าหนี้รายแรกขออายัดเงินเดือนแล้ว เจ้าหนี้รายที่ 2, 3, 4 ... จะทำเรื่องขออายัดซ้ำ้ไม่ได้ ต้องรอคิว ให้รายแรกอายัดครบก่อน หรืออาจจะขอหารส่วนแบ่งเงินที่ถูกอายัดจากเจ้าหนี้รายแรกก็ได้ ถ้ารอก็จะรอได้ไม่เกินสิบปี หากเกินสิบปีก็จะหมดอายุความ
.........................................................

เกณฑ์การอายัดเงินเดือนของกรมบังคับคดี หากลูกหนี้เป็นข้าราชการ/ลูกจ้างประจำของข้าราชการจะไม่ถูกอายัดเงินเดือน หากลูกหนี้เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง หรือเป็นพนักงานบริษัท ฯลฯ จะถูกอายัดเงินเดือน โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

1. อายัดเงินเดือนไม่เกิน 30 %

*** ลูกหนี้เงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาท --- อายัดไม่ได้

*** ลูกหนี้เงินเดือนเกิน 10,000 บาท อายัดได้ 30 % แต่จะต้องเหลือเงินให้ลูกหนี้ใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 10000 บาท

เช่น

- ลูกหนี้เงินเดือน 9,500 บาท ไม่ถูกอายัด
- ลูกหนี้เงินเดือน 12,000 บาท ถูกอายัด 2,000 บาท เหลือไว้ใช้จ่าย 10,000 บาท
- ลูกหนี้เงินเดือน 15000 บาท ถูกอายัด 4500 บาท เหลือไว้ใช้จ่าย 10,500 บาท

***หากลูกหนี้มีค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ เช่นค่าเลี้ยงดูบุตร ค่ารักษาพยาบาล สามารถนำหลักฐานไปขอลดหย่อนที่ กรมบังคับคดีเพื่อให้ลดเปอร์เซ็นต์การอายัดเงินเดือนได้

*** การอายัดเงินเดือนจะให้บริษัทนำส่ง หรือลูกหนี้นำส่งกรมบังคับคดีเองก็ได้

2. เงินโบนัส จะถูกอายัดไม่เกิน 50 %

3. เงินตอบแทนการออกจากงาน จะถูกอายัด 100 %

4. เงินค่าตอบแทนต่างๆ / ค่าสวัสดิการต่างๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าตำแหน่ง
*** การถูกอายัดจะขึ้นอยู่กับว่าเจ้าหน้าจะสืบทราบหรือไม่และร้องขอต่อศาลว่าจะอายัดเท่าไหร���

5. บัญชีเงินฝาก ---อายัดได้

6. เงิน กบข --- อายัดไม่ได้

7. เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ทำกับบริษัท ----อายัดไม่ได้ (พ.ร.บ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ)
แต่ถ้าทำกองทุนต่างๆกับธนาคารต้องดูตามหลักเกณฑ์ของ กองทุนว่าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้หรือไม่ และมีข้อห้ามการบังคับคดีหรือไม่ ถ้าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ และไม่มี ข้อห้ามก็จะอายัดได้

8. เงินค่าวิทยะฐานะ (ค่าตำแหน่งทางวิชาการ) ถ้าเป็นข้าราชการจะไม่ถูกอายัด แต่ถ้าเป็นสังกัดเอกชนจะถูกอายัด เพราะถือว่าเป็นเงินเดือน

9. หุ้น ---กรมบังคับคดีสามารถยึดใบหุ้นเพื่อขายทอดตลาดได้ หรือ ถ้ามีเงินปันผล ก็จะทำเรื่องอายัดเงินปันผลได้

10. เงินสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือพนักงานบริษัท หากเจ้าหนี้สืบทราบว่าเป็นสมาชิกสหกรณ์ใด สามารถอายัดเงินปันผล เงินเฉลี่ยคืน เงินค่าหุ้นสหกรณ์ได้

11. ร่วมทุนกับผู้อื่นเปิดบริษัท
---หากผู้ร่วมลงทุนมีปัญหาถูกอายัดทรัพย์---กรมบังคับคดีจะอายัดเฉพาะส่วนที่เป็นทรัพย์สิน
ของผู้ถูกอายัดเท่านั้น ไม่ได้อายัดทั้งหมด อาจดูเฉพาะส่วนของเงินปันผล
ใบหุ้นฯลฯ ของผู้ถูกอายัด
.........................................................

การถูกอายัดเงินเดือน กรมบังคับคดีจะอายัด 30% จากเงินเดือนเต็ม ก่อนหักภาษี และประกันสังคม เช่น 15000 บาท ถูกอายัด 4500 บาท จะเหลือเงินไว้ใช้ จ่ายภาษี ประกันสังคม ฯลฯ 10500 บาท
.........................................................

การอายัดเงินเดือน ลูกหนี้จะถูกอายัดจากยอดเงินเดือนเต็ม
หากลูกหนี้ผู้ถูกอายัดเงินเดือนมีภาระที่ต้องจ่ายเงินกู้ให้แก่ หน่วยงานอื่น เช่นสหกรณ์ต่างๆ
ลูกหนี้จะต้องคำนวณว่า เงินเดือนที่เหลือจากการถูกอายัดมีเพียงพอ
ที่จะใช้จ่ายประจำวันตลอดเดือน และเหลือพอที่จะจ่ายเงินกู้คืนให้สหกรณ์หรือไม่
- หากลูกหนี้ถูกอายัดเงินเดือน และถูกหักเงินกู้สหกรณ์แล้ว ยังมีเงินพอใช้และเหลือเก็บบ้างก็ถือว่าไม่เป็นไรไม่ต้องกังวล
- แต่หากถูกอายัดเงินเดือน และถูกหักเงินกู้สหกรณ์แล้วเงินเหลือไม่พอใช้จ่าย
ก็ควรหาทางแก้ไข เพราะถ้าไม่แก้ไขมันอาจจะนำไปสู่ปัญหาการหมุนจ่ายแบบเดิมอีกรอบ
ทำให้แก้ไขปัญหาหนี้ไม่หมดสักที โดยลูกหนี้ควรจะ...

1 .เจรจากับทางสหกรณ์ หาทางลดหย่อนยอดเงินที่ต้องชำระคืนในแต่ละเดือนโดยอาจจะยืดระยะผ่อนชำระ
ให้นานออกไป(ในกรณีที่ถูกหักบัญชีอัตโนมัติ)

2. อาจจะหยุดจ่ายและให้ทางสหกรณ์ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย
และอายัดเงินเดือนต่อไป (วิธีนี้อาจสร้างปัญหาให้กับสหกรณ์ได้)
ลูกหนี้ยังสามารถใช้วิธีที่ 3 คือ

3. ลูกหนี้สามารถนำยอดเงินที่ถูกหักจ่ายคืนให้สหกรณ์มาขอ ลดหย่อนเปอร์เซ็นต์การอายัดเงินเดือนได้ (ขอลดหย่อนได้สูงสุด 50% เท่านั้น)
หมายความว่า ให้ลูกหนี้นำยอดภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ลูกหนี้ต้องจ่ายรวมทั้งเงินที่ต้องชำระคืนแก่
สหกรณ์มารวมยอดและขอลดยอด การอายัดเงินเดือน ไม่ให้กรมบังคับคดีอายัดเงินเดือนจาก ยอดเต็มถึง 30 % ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ในการขอลดยอดการถูกอายัดจะขอลดยอดได้มากที่สุด คือให้กรมบังคับคดีอายัดไม่ต่ำกว่า 15%

***วิธีที่สามนี้เป็นวิธีที่น่าทำที่สุด**

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #7300 โดย jackTs

exec9 เขียน: อาจจะทำให้ไม่มีเงินเก็บ ที่จะปิดหนี้รายอื่น แล้วจะส่งผลให้ เจ้าหนี้ที่เหลือต้องต่อคิวอายัดเงินเดือน เสี่ยงที่จะถูกเจ้าหนี้ที่เหลืออายัด รถยนต์และห้องพักในอนาคต

ไม่ใช่เสี่ยงหรอกครับ อนาคตโดนแน่ๆ...ไม่มีเหลือ ถ้าโดนแล้วจะย้อนกลับมาแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ด้วย


exec9 เขียน: 1. ผมมีเวลา เจรจา H/C อีกนานมัย ก่อนบังคับคดี (โดยประมาณครับ)

การอายัดเงินเดือน หรืออายัดทรัพย์ใดๆ...ไม่มีบรรทัดฐานที่แน่นอน

การอายัติใดๆ ของกรมบังคับคดี หลังจากที่ศาลได้พิพากษาไปแล้วนั้น...มันไม่แน่นอน (ถึงแม้ว่าในคำพิพากษา จะเขียนเอาไว้โดยชัดเจนแล้วว่า บังคับภายใน 15 วัน ก็ตามที)

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนที่ถูกอายัติ...กว่าจะ"โดน" ก็เกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้ (15 วัน) กันทั้งนั้น...เพียงแค่...แต่ละคนจะมีระยะเวลาในการ"โดน"ที่ไม่เท่ากัน...เอาแน่ไม่ได้เลย

บางคน"โดน"หลังจากที่ศาลพิพากษา เพียงแค่ 2 เดือน
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 4 เดือน
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 6 เดือน
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 1 ปี
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 2 ปี
บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 4 ปี

แล้วจะเอาตรงไหนมาเป็นบรรทัดฐานดีล่ะ?


exec9 เขียน: 2. ถ้า Citi Ready ไม่ลดให้ แต่ให้จ่าย 80,000 บาท ตามข้อเสนอแรก ผมมีทางเลือกอี่นมัย ที่จะคุยกับเจ้าที่เพื่อจะไม่ให้โดยอายัดเงินเดือน

ถ้าคิดแค่จะคุยอย่างเดียว...ก็ไม่มีทางครับ


exec9 เขียน: หรือปล่อยให้เขาทำเรื่องอายัดเงินเดือน แล้วเราไปยื่นเรื่องขอลดหย่อนการอายัดเงินเดือน ให้เหลือ 15 % โดยนำรายจ่ายที่มีไปแจ้ง กรมบังคับคดีหรือร้องศาล ( จะอ้างได้มัย ว่าต้องส่งรถยนต์+ส่งบ้าน+ส่งแม่+ค่าใช่ส่วนตัว ซึ่งถ้าเราโดยอายัดเงินเต็มจำนวนคือ 30 % เราจะไม่มีเงินเก็บที่จะไปจ่ายเจ้าหนี้รายอื่น คือ เงินเดือนรวมค่าครองชีพ+เบี๋ยเลี้ยง หักภาษีละประกันสังคม เราได้รับเงินแค่ 30,000 บาท - ผ่อนรถยนต์ 12,159 - ผ่อนบ้าน 2,500 - จ่ายเลี้ยงดูแม่ 2,000 แล้วถ้ายังต้องโดนอายัดเงินเดือน 30 % 9,000 บาท ผมจะมีเงินสำหรับใช้จ่ายส่วนตัวแค่ 4,300 บาทต่อเดือน )

มันก็คล้ายๆกับไปบอกต่อศาลว่า เราจ่ายไม่ไหวเพราะต้องไปจ่าย ค่าผ่อนรถ , ผ่อนบ้าน , ผ่อนหนี้บัตรต่างๆ...ประมาณนั้นแหละ

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: 3190400254488B, mitmonkey

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7323 โดย exec9
Angsuu เขียน :
เกณฑ์การยึด-อายัดทรัพย์-อายัดเงินเดือน
การถูกยึดทรัพย์เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน
(ขอให้มียอดเข้าไปหลังมีคำพิพากษาภายในช่วงเวลานี้ คือ จ่ายคืนบางส่วนก็ได้ ไม่ใช่จ่ายเต็ม)
เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์หรืออายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ได้

ขอให้มียอดเข้าไปหลังมีคำพิพากษาภายในช่วงเวลานี้ คือ จ่ายคืนบางส่วนก็ได้ ไม่ใช่จ่ายเต็ม หมายความว่าอย่างไรครับ

เมื่อวาน UOB โทรมาคุยว่าจะลดให้ 50% เหลือประมาณ 60,000 บาท ผมก็เล่าเรื่อง Citi Ready ให้ฟังว่ากำลังรอ Citi Ready เรื่อง H/C อยู่ UOB แจ้ง ผมไม่ได้ไปศาลใช่มัย ถ้าอย่างนั้น ผมมีเวลาอีกประมาณ 2เดือน เพราะศาลต้องแจ้งคำพิพากษาให้เราทราบก่อน จึงจะออกหมายบังคับคดีได้ :sweat:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7328 โดย Skynine

exec9 เขียน: Angsuu เขียน :
เกณฑ์การยึด-อายัดทรัพย์-อายัดเงินเดือน
การถูกยึดทรัพย์เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน
(ขอให้มียอดเข้าไปหลังมีคำพิพากษาภายในช่วงเวลานี้ คือ จ่ายคืนบางส่วนก็ได้ ไม่ใช่จ่ายเต็ม)
เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์หรืออายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ได้

ขอให้มียอดเข้าไปหลังมีคำพิพากษาภายในช่วงเวลานี้ คือ จ่ายคืนบางส่วนก็ได้ ไม่ใช่จ่ายเต็ม หมายความว่าอย่างไรครับ

หมายความว่าคุณต้องติดต่อกับเจ้าหนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เช่น หากคุณมีเงินพอดีคุณทำแฮร์คัต (ทำได้ตลอดชีพ) ก็คุยเพื่อปิดบัญชีไป หรือจะหักคอจ่ายแต่ต้องให้สมน้ำสมเนื้อด้วย
แต่ถ้ายังเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์หรืออายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ได้ โดยให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
เพื่อออกหมายยึดและอายัดต่อไป อย่างพี่อังหลังไปยอมความจ่ายหน้าศาล แต่พี่อังไม่จ่ายเพราะถูกฟ้องพร้อมๆ กัน 3 เจ้าประเมินแล้วจ่ายเกิน 30 เปอร์เซ็นต์
ของเงินเดือน และมีเจ้าหนี้ที่ยังไม่ฟ้องอีกหลายเจ้า หนี้พี่อังเยอะ พี่อังตัดสินใจให้อายัดดีที่สุด เจ็บตัวน้อยสุด เพราะอายัดได้ทีละเจ้า ตอนนี้พี่อังโดนอายัดแล้ว สิ้นปีนี้
หมดเจ้าแรก หากมีเงินอีกเมื่อไรจะทำการแฮร์คัตเจ้าอื่นด้วย หลังก่อนหน้านั้นทำการแฮร์คัตได้ 2 เจ้า เพราะมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นในชีวิต
การอายัดเป็นการใช้หนี้คืนอย่างหนึ่งเหมือนกัน....

ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง สวยประหาร


อ่านวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่ทุกคนต้องอ่านหรือยัง ถ้ายังอ่านซะ และอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ด้านอื่นๆ หาอ่านได้จากห้องต่างๆ นะ เช่น ห้องรู้ทันกฎหมายหนี้ คลังความรู้เลยนะ อ่านกระทู้พี่ๆ เพื่อนๆ ด้วย
จะได้เกิดแนวทาง แล้วนำมาปรับให้เหมาะกับเรา...
กว่าเราจะสร้างหนี้ได้ (บาน) ขนาดนี้ เราใช้เวลาสร้างมาใช่ไหม
ฉะนั้นเมื่อคืนหนี้ก็ต้องมีเวลาคืน (เก็บเงิน) เหมือนกัน เจ้าหนี้รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็ต้องรอ


เมื่อวาน UOB โทรมาคุยว่าจะลดให้ 50% เหลือประมาณ 60,000 บาท ผมก็เล่าเรื่อง Citi Ready ให้ฟังว่ากำลังรอ Citi Ready เรื่อง H/C อยู่ UOB แจ้ง ผมไม่ได้ไปศาลใช่มัย ถ้าอย่างนั้น ผมมีเวลาอีกประมาณ 2เดือน เพราะศาลต้องแจ้งคำพิพากษาให้เราทราบก่อน จึงจะออกหมายบังคับคดีได้ :sweat:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7329 โดย Nok2865
คุณหยุดจ่ายมานานหนึ่งปี ปิดหนี้ไปได้เพียง หนึ่งราย
คุณมีเงินเดือน 26,000 บาท +6,500 บาท
คุณมีรถยนต์ซึ่งผ่อนไปได้ 14 เดือน(คุณซื้อรถมาก่อนหรือหลังหยุดจ่าย บอกได้ไหม?)
คุณห่วงเรื่อง Citi Ready ที่ฟ้องแล้ว และกลัวจะโดนอายัดเงินเดือน อายัดทรัพย์
คุณพยายามไล่เรียงทีละข้อ ทีละปัญหาดีไหม?
ถาม...ถ้า Citi Ready ให้ราคาแฮร์คัทมา 60,000 คุณพร้อมจ่ายไหม? ถ้าพร้อมใช้หนี้คืน ก็จบ หรือถ้าจ่ายก้อนเดียวไม่ได้ ผ่อนจ่าย ไปไกล่เกลี่ยหน้าศาล ตอนนี้ Citi ให้ผ่อนจ่ายแบบปลอดดอกได้
เวลาไปศาล อยากได้อะไร ก็ "พูดออกไป อย่าไปยืนทื่อมะลื่อ" เฉยๆ เดี๋ยวศาลนึกว่าคุณเป็นใบ้ หาเวลาไปอ่านปักหมุด www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=939&Itemid=29 รวบรวมกระทู้ที่น่าสนใจในการปลดหนี้
ไปอ่านเรื่องไปศาล อีกหลายๆรอบ จะได้เห็นลีลาคนอื่นๆว่า เขาไปศาลกันยังไง
แล้วถ้าตัวอื่นฟ้อง...
ในระหว่างวันนี้ จนถึงเกือบหมดอายุความ 2 ปี (บัตรเครดิต) คุณจะไม่มีปัญญาแฮร์คัทได้อีกตัวสองตัวเลยหรือ
ถ้าจะให้ตำหนิ ก็ตำหนิตรง ค่ารถคุณแพงโคตร ทำไมเอามันมาเป็นภาระ ขายได้ขายไปเถอะ เอาเงินมาใช้หนี้ มีเงินเมื่อไหร่ ค่อยไปซื้อใหม่
หยุดมาตั้งปีหนึ่ง เงินเดือนขนาดนี้ ทำไมเก็บเงินได้น้อยจัง ทำบัญชีรายรับรายจ่ายออกมาหรือเปล่า อุดรูรั่ว ประหยัดมากพอหรือยัง
เพราะถ้าคุณไม่มีระเบียบวินัยมากพอ มันจะฟ้องทีเดียว "ตูม" หลายๆเจ้าพร้อมๆกัน ยิ่งผ่านมาได้ปีหนึ่งแล้ว เวลาของคุณมันจะสั้นลงไปทุกที หมายศาลมา ป้องกันอะไรก็ลำบาก
แนวทางเรา เราแนะนำตั้งแต่หยุดจ่ายเลยว่า ต้องทำอะไร ทำไมไม่ทำตามชมรมแนะนำ
มาถามเหมือนคนพึ่งหยุดจ่าย มันน่า....ดีดหูสักเพี้ยะ สองเพี้ยะ...

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 10 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #7333 โดย jackTs

exec9 เขียน: ขอให้มียอดเข้าไปหลังมีคำพิพากษาภายในช่วงเวลานี้ คือ จ่ายคืนบางส่วนก็ได้ ไม่ใช่จ่ายเต็ม หมายความว่าอย่างไรครับ


ให้เข้าไปที่ Google แล้วพิมพ์ตามนี้


site:debtclub.consumerthai.org หน้าด้านจ่าย

.

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7342 โดย exec9
ตอบคุณกอบัว :
1. รถยนต์ ซื้อมาก่อนหยุดจ่าย 4-5 เดือน ครับ
2. ความจริงปิดไปได้ 3 รายแล้วครับ นอกจาก Citi Advance ก็มี บัตรเครดิต กรุงศรี ยอด 40,000 บาท (บัญชี ปรกติครับ บัตรวงเงินเหลือเต็มจำนวน) และ Aeon-master ยอด 50,000 บาท (บัญชี ปรกติครับ บัตรวงเงินเหลือเต็มจำนวน) ครับ

ผมยอมรับว่า 1 ปีเก็บเงินไม่ได้ เนื่องจากหลายสาเหตุครับ ไม่ได้หยุดพร้อมกันทุกบัญชี (ตอนนี้ กสิกร กับกรุงเทพ ยังไม่ได้หยุดจ่ายครับ ) , ควบคุมรายจ่ายไม่ดีพอ ครับ :sweat:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7343 โดย Pachiby8
ได้ส่วนลดของ Citi Advance งามมากเลยค่ะ ของดิฉันได้มา 20% นิดๆเอง แต่ว่าเพิ่งส่งไปได้ 10 งวด แล้วหยุดอะค่ะ เจ้าหนี้นี้คุยยาก ขี้บ่น แต่ก็ตื้อจนได้มา 20% กว่าๆ ค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7357 โดย exec9
ตอบคุณ nat1001 ครับ

Citi Advance ได้ส่วนลด 50 % แถมผ่อนจ่าย 3 งวดครับภายใน 60 วันครับ ( H/C ระหว่างศาลเลื่อนพิพากษาช่วงน้ำท่วมครับ ) ยอมรับว่าโชคดี
ผมก็อ้างว่าเจ้าหนี้รายอื่นให้ 50 % ครับผ่อนได้ด้วย และมีเจ้าหนี้เป็น 10 ราย รายไหนลดให้ 50 % ก็จ่ายรายนั้นก่อน (เจ้าหนี้รายอื่นไม่รู้หรอกว่าเราโกหก ที่ได้ส่วนลด 50 % ตั้งโทรศัพท์ไม่ให้รับเบอร์เจ้าหนี้บ้างเป็นบางช่วง(ใช้โปรแกรม Backlist โทรมาสายไม่ว่างตลอด)) และก็ที่ดึงได้ถึง ปีเพราะ ศาลเลื่อนพิจารณาคดีเองครับอยู่ไหนพื่นที่น้ำท่วมครับ ( Citi Ready ฟ้องศาลนานแล้วครับ ศาลนัดครั้งแรกตั้งแต่เดือน ตุลาคม 54 แต่พึ่งพิพากษา 20-2-55 )

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7360 โดย Pachiby8

exec9 เขียน: ตอบคุณ nat1001 ครับ

Citi Advance ได้ส่วนลด 50 % แถมผ่อนจ่าย 3 งวดครับภายใน 60 วันครับ ( H/C ระหว่างศาลเลื่อนพิพากษาช่วงน้ำท่วมครับ ) ยอมรับว่าโชคดี
ผมก็อ้างว่าเจ้าหนี้รายอื่นให้ 50 % ครับผ่อนได้ด้วย และมีเจ้าหนี้เป็น 10 ราย รายไหนลดให้ 50 % ก็จ่ายรายนั้นก่อน (เจ้าหนี้รายอื่นไม่รู้หรอกว่าเราโกหก ที่ได้ส่วนลด 50 % ตั้งโทรศัพท์ไม่ให้รับเบอร์เจ้าหนี้บ้างเป็นบางช่วง(ใช้โปรแกรม Backlist โทรมาสายไม่ว่างตลอด)) และก็ที่ดึงได้ถึง ปีเพราะ ศาลเลื่อนพิจารณาคดีเองครับอยู่ไหนพื่นที่น้ำท่วมครับ ( Citi Ready ฟ้องศาลนานแล้วครับ ศาลนัดครั้งแรกตั้งแต่เดือน ตุลาคม 54 แต่พึ่งพิพากษา 20-2-55 )



ยกนิ้วให้เลยค่ะ ของดิฉันนี้ลำบากจะแย่ น้ำก็ท่วม ขโมยก็ขึ้นบ้านแต่ไม่เคยเห็นใจกันเลย แถมดิฉันไปศาลเองก็ไม่ได้ ลางานไม่ได้ ต้องให้ทนายไปให้ ดิฉันยอดฟ้อง 77,xxx แต่ยอดปิดเท่าคุณเลยค่ะ แต่ให้จ่ายภายใน 5 งวด 4 งวดแรก @4500 งวดสุดท้าย 42000 ค่ะ เนื่องจากว่ากลางปีจะมีโบนัสออก ดิฉันมีทั้งหมด 9 บัญชี ปิดเฟิสช้อยไปแล้ว 1 บัญชี ได้ส่วนลดมาเกือบครึ่ง และได้ของเรดดี้มาอีกแต่ยังจ่ายไม่ได้ เรดดี้ก็ให้ส่วนลดเกือบครึ่งค่ะ แต่ก็ขอเอาเงินไปเจรจากับตัวนี้ก่อน ยอดสูงที่สุดค่ะ ยอดหนี้ 9 บัญชีรวมแล้ว 3 แสนค่ะ ตั้งใจจะปิดจบให้หมดภายในสิ้นปีหน้าค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7385 โดย exec9
พรุ่งนี้ (15-3-55) ผมว่าจะโทรไปสอบถาม Citi Ready (Call Center 1588 ) เรื่อง ที่ขอ H/C ไว้ ที่ 50 % 60,000 บาท ทาง Bank ว่ายังงัยดีมัยครับ ว่าได้มัยแล้ว Bank มีข้อเสนอยังงัย (เคยเสนอ 80,000 บาท )


ผมขอถามท่านผู้รู้นะว่า วิธีหักคอจ่าย หักจะศาลพิพากษา (ของผม 20-2-55 ยอด 12x,xxx บาท ยังไม่เห็นเอกสารไม่ได้ไปศาลและไม่ได้กลับห้องที่ กทม.พอดีทำงานก่อสร้างอยู่ต่างจังหวัดครับ) ดียังอย่าง
วิธีหักคอจ่าย ใช้เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ต้องจ่ายงวดแรกภายใน 30 วัน หลังศาลมีคำพิพากษา ผมหาข้อมูลใน Web .แล้ว อ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจ วิธีหักคอจ่าย คือจ่ายเข้าไปเลยต่อเดือน ก็จะไม่มีการบังคับคดี(โดยที่ไม่ต้องแจ้งเจ้าหนี้) แต่คุณต้องจ่ายหักคอเข้าไปในจำนวนเงินที่เหมาะสมกับมูลหนี้คุณ ถ้าเจ้าหนี้ไม่พอใจก็จะฟ้องศาลอีกครั้ง แต่มีบางคนใน Web ใช้วิธีหักคอจ่าย และผ่านไปประมาณ 6 เดือนมีหมายยึดบ้านมาติดที่บ้าน สุดท้ายเขาต้องยอมผ่อนโดยได้ส่วนลด 10-20 %
เงินที่เหมาะสมกับมูลหนี้คุณ เห็นบอก ยอดพิพากษา 12x,xxx หาร 30 หรือ 34 (ผ่อนจ่ายไม่เกิน 3 ปี) ของผมก็ ประมาณ 3,700 ถึง 4,200 บาท ถูกต้องมัยครับ
ผมเข้าใจว่า วิธีหักคอจ่าย นี้ใช้เพื่อ ถึงการบังคับคดี และระหว่างนั้นเราก็ เจรจา H/C กับเจ้าหนี้ ใช่มัยครับ :shy:

วานผู้รู้ช่วยตอบให้ผมกระจ่างด้วยครับ ผมจะได้ปฎิบัติถูกต้อง เพื่อรับมือ Citi Ready

ผมมีเงินจะ H/C ตอนนี้แค่ 60,000 บาทครับ
แล้วถ้า Citi Ready ไม่ยอมให้ 60,000 บาทตามที่ผมขอ ผมต้องเลือกทางไหนดีระหว่าง
1. ยอมCiti Ready H/C ที่ 80,000 บาท แต่ผมขอผ่อน
2. ใช้วิธีหักคอจ่าย เพื่อ ดึงเวลาไม่ให้บังคับคดี และขอต่อรอง H/C ให้ได้มากที่สุด
ประมาณ 60,000 บาท
3. ให้ Citi Ready อายัดเงินเดือน 30 % แล้วผมไปร้องศาลหรือ สำนักงานบังคับคดีขอ ลดการ
อายัดเหลือ 15 % โดยใช้ข้ออ้างว่าเรามีรายจ่ายประจำ (ก็มีคนตอบว่า ศาลไม่รับฟังว่าเรามี
รายจ่ายประจำเจ้าหนี้รายอื่น )

ผมควรเลือกทางไหน ระหว่าง 1. กับ 2. เพื่อรับมือ Citi Ready วานผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ ผมไม่ทราบจริงๆ (o_O) (ขอขอบคุณล่วงหน้าครับสำหรับทุกคำตอบ )

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7388 โดย Ly89
การหักคอจ่าย...คือ...เมื่อศาลพิพากษาแล้ว...เรายังตกลงกับเจ้าหนี้ไม่ได้ อาจเป็นเพราะว่า

เจ้าหนี้ยื่นข้อเสนอที่เรารับไม่ได้ หรือไม่สามารถน่ะครับ...เช่น ให้ปิดท่าเดียวเลย ยอดเท่านั้นเท่านี้

หรือ คุณต้องผ่อนเดือนละเท่านั้นเท่านี้..เวลาเท่านี้....แล้วเราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้.......

ก็หน้าด้านจ่ายเข้าไปก่อนเลย...ยอดที่จ่ายต่อเดือนก็ให้มันสมเหตุสมผลกันหน่อย...

แต่วิธีนี้ก็ไม่รับรองว่า เจ้าหนี้จะพอใจ แล้วไม่ยื่นบังคับคดียึดอายัดทรัพย์เราได้นะครับ มันอยู่ที่ยอดเงิน

ที่เราหน้าด้านจ่ายไปก่อน ถ้ายอดเงินเขารับได้ ดีกว่าอายัดเงินเดือน เขาก็ปล่อยไป แต่ถ้าเขาคิดว่า

มันไม่คุ้ม หรือหมั่นใส้...ตอนทวงแม่งโคตรงี่เง่า..แสดงอาการหัวหมอมากไป เขาอาจจะยื่นบังคับ

คดี ยึด อายัดทรัพย์สินได้น่ะครับ...

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คุณก็ควรที่จะเตรียมพร้อมก่อนที่เรื่องราวต่างๆจะมาถึงนะครับ......
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Nok2865

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7393 โดย Pych

exec9 เขียน: พรุ่งนี้ (15-3-55) ผมว่าจะโทรไปสอบถาม Citi Ready (Call Center 1588 ) เรื่อง ที่ขอ H/C ไว้ ที่ 50 % 60,000 บาท ทาง Bank ว่ายังงัยดีมัยครับ ว่าได้มัยแล้ว Bank มีข้อเสนอยังงัย (เคยเสนอ 80,000 บาท )


ผมขอถามท่านผู้รู้นะว่า วิธีหักคอจ่าย หักจะศาลพิพากษา (ของผม 20-2-55 ยอด 12x,xxx บาท ยังไม่เห็นเอกสารไม่ได้ไปศาลและไม่ได้กลับห้องที่ กทม.พอดีทำงานก่อสร้างอยู่ต่างจังหวัดครับ) ดียังอย่าง
วิธีหักคอจ่าย ใช้เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ต้องจ่ายงวดแรกภายใน 30 วัน หลังศาลมีคำพิพากษา ผมหาข้อมูลใน Web .แล้ว อ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจ วิธีหักคอจ่าย คือจ่ายเข้าไปเลยต่อเดือน ก็จะไม่มีการบังคับคดี(โดยที่ไม่ต้องแจ้งเจ้าหนี้) แต่คุณต้องจ่ายหักคอเข้าไปในจำนวนเงินที่เหมาะสมกับมูลหนี้คุณ ถ้าเจ้าหนี้ไม่พอใจก็จะฟ้องศาลอีกครั้ง แต่มีบางคนใน Web ใช้วิธีหักคอจ่าย และผ่านไปประมาณ 6 เดือนมีหมายยึดบ้านมาติดที่บ้าน สุดท้ายเขาต้องยอมผ่อนโดยได้ส่วนลด 10-20 %
เงินที่เหมาะสมกับมูลหนี้คุณ เห็นบอก ยอดพิพากษา 12x,xxx หาร 30 หรือ 34 (ผ่อนจ่ายไม่เกิน 3 ปี) ของผมก็ ประมาณ 3,700 ถึง 4,200 บาท ถูกต้องมัยครับ
ผมเข้าใจว่า วิธีหักคอจ่าย นี้ใช้เพื่อ ถึงการบังคับคดี และระหว่างนั้นเราก็ เจรจา H/C กับเจ้าหนี้ ใช่มัยครับ :shy:

วานผู้รู้ช่วยตอบให้ผมกระจ่างด้วยครับ ผมจะได้ปฎิบัติถูกต้อง เพื่อรับมือ Citi Ready

ผมมีเงินจะ H/C ตอนนี้แค่ 60,000 บาทครับ
แล้วถ้า Citi Ready ไม่ยอมให้ 60,000 บาทตามที่ผมขอ ผมต้องเลือกทางไหนดีระหว่าง
1. ยอมCiti Ready H/C ที่ 80,000 บาท แต่ผมขอผ่อน
2. ใช้วิธีหักคอจ่าย เพื่อ ดึงเวลาไม่ให้บังคับคดี และขอต่อรอง H/C ให้ได้มากที่สุด
ประมาณ 60,000 บาท
3. ให้ Citi Ready อายัดเงินเดือน 30 % แล้วผมไปร้องศาลหรือ สำนักงานบังคับคดีขอ ลดการ
อายัดเหลือ 15 % โดยใช้ข้ออ้างว่าเรามีรายจ่ายประจำ (ก็มีคนตอบว่า ศาลไม่รับฟังว่าเรามี
รายจ่ายประจำเจ้าหนี้รายอื่น )

ผมควรเลือกทางไหน ระหว่าง 1. กับ 2. เพื่อรับมือ Citi Ready วานผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ ผมไม่ทราบจริงๆ (o_O) (ขอขอบคุณล่วงหน้าครับสำหรับทุกคำตอบ )


ไหมนะครับ ไม่ใช่ มัย




เรื่องการหักคอจ่าย ก็ตามที่คุณ batk บอกไว้ครับ

ถ้าจะให้ช่วยคำนวณยอดที่ควรจ่ายสำหรับการหักคอจ่าย คุณต้องเอารายละเอียดของคำพิพากษาต่อไปนี้มาให้ผมครับ
1. ยอดที่ศาลตัดสินให้ชำระทั้งหมด
2. คิดจากเงินต้นเท่าไร
3. ดอกเบี้ยร้อยละเท่าไรต่อปี
4. วันที่ศาลตัดสินให้เริ่มคิดดอกเบี้ย
5. ค่าฤชา ค่าทนาย ค่าธรรมเนียม เป็นพับ หรือเท่าไร

ผมถึงจะคำนวณได้ครับ

ผมเกรงว่า คำพิพากษา จะระบุให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน นับแต่วันทีได้รับคำบังคับนี้เป็นต้นไป เพราะ ถ้าเกิน 15 วันตามคำพิพากษา ก็จะเสียงที่ การหักคอจ่ายใช้ไม่ได้ผล อีกทั้งใช้เป็นข้อโต้แย้งได้ลำบาก เพราะ ไม่สามารถแสดงเจตนาที่จะปฏิบติตามคำพิพากษาได้ครับ

ผมมีเงินจะ H/C ตอนนี้แค่ 60,000 บาทครับ
แล้วถ้า Citi Ready ไม่ยอมให้ 60,000 บาทตามที่ผมขอ ผมต้องเลือกทางไหนดีระหว่าง
1. ยอมCiti Ready H/C ที่ 80,000 บาท แต่ผมขอผ่อน

ถ้าคุณขอผ่อน ผมว่าเขาไม่ให้คุณที่ยอด 80,000 ง่ายๆ หรอก เพราะเขาให้ส่วนลดคุณก็เพราะอยากได้เงินก้อน

2. ใช้วิธีหักคอจ่าย เพื่อ ดึงเวลาไม่ให้บังคับคดี และขอต่อรอง H/C ให้ได้มากที่สุด
ประมาณ 60,000 บาท
ไปเอาคำพิพากษามาก่อนเถอะ ให้ใครอ่านให้ฟังก็ได้ครับ แค่ย่อหน้าเดียวที่สำคัญ
"บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน _______ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ __ ต่อปี ของเงินต้น ________ บาท นับแต่วันที่ _________ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ต้องไม่เกิน ______ บาท -- อาจไม่มีก็ได้) กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ ______ บาท

ให้จำเลย ปฎิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับคำบังคับนี้เป็นต้นไป ถ้าไม่ปฎิบัติตามคำบังคับภายในระยะเวลาหรือเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น จะต้องถูกยึดทรัพย์หรือถูกจับขังดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฏหมายพิจารณาความแพ่ง"



3. ให้ Citi Ready อายัดเงินเดือน 30 % แล้วผมไปร้องศาลหรือ สำนักงานบังคับคดีขอ ลดการ
อายัดเหลือ 15 % โดยใช้ข้ออ้างว่าเรามีรายจ่ายประจำ (ก็มีคนตอบว่า ศาลไม่รับฟังว่าเรามี
รายจ่ายประจำเจ้าหนี้รายอื่น )

รายจ่ายต้องเป็นรายจ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและการทำมาหากินครับ ไม่ใช่จากการที่มีหนี้สินรุงรัง มันแสดงให้ศาลเห็นว่า ขาดวินัยทางการเงินมากกว่าครับ

เรื่องการขอลดหย่อน ผมเคยตอบไปแล้ว ในกระทู้นี้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=1219&Itemid=29#2962


ผมควรเลือกทางไหน ระหว่าง 1. กับ 2. เพื่อรับมือ Citi Ready วานผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ ผมไม่ทราบจริงๆ (o_O) (ขอขอบคุณล่วงหน้าครับสำหรับทุกคำตอบ )


คุณยังมีทางเลือกอีกทางนะครับ ถาม Bank ไปเลยตรงๆ ว่าผ่อนชำระ เดือนละเท่าไหร่ บ่อยครั้งที่ Citibank ให้ผ่อน 12-18 งวด แบบไม่มีดอกเบี้ย (แต่คิดจากยอดฟ้องนะครับ)

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Nok2865, ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7405 โดย Shofrets
:เฮ้อ:

ตั้งสติก่อนไหมค่ะ เห็นถามคำถามแต่ละข้อ ท่านผู้รู้ก็ตอบจนไม่รู้จะยกอะไรมาให้อ่านแล้ว
คุณได้ตั้งใจอ่านดีแค่ไหน คุณมีคำตอบในใจแล้วหรือยังว่าคุณจะเลือกวิธีไหน ถ้าคุณคิดว่าคำตอบในใจคุณไม่มีอะไรมาทำให้คุณเปลี่ยนในได้ คุณก็ต้องเดินหน้าท้าชน ติดต่อทางธนาคารไป อยากได้ส่วนลดก็ต้องคุยสิ
แต่วิธีที่คุณยังทำอยู่ ภาระที่คุณมีมันหนักไปไหม อันไหนพอจะตัดไปได้ก็ตัด ยังเป็นหนี้อยู่แบบนี้ หาทางปลดหนี้ก่อนดีกว่า เรื่องทรัพย์สินมีเงินเมื่อไหร่หาใหม่ก็ไม่สาย คุณรายได้ก็ไม่น้อย ถ้าวางแผนดี อีกไม่นานหนี้ก็หมด ขอให้คุณตัดสินใจเลือกทางที่คุณคิดว่าดีที่สุด โชคดีค่ะ

:pray:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Nok2865

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7481 โดย exec9
ถามผู้รู้เรื่องอายัตทรัพย์สินและรถยนต์ ขอยกข้อความที่เคยมีสมาชิกได้ตอบไว้มาประกอบครับ (ต้องขออนุญาตเจ้าของข้อความด้วยครับ)

1. รถยนต์ (กรณีติดไฟแนนซ์)
เจ้าหนี้ไม่มายึดรถในตอนนี้ ก็เพราะว่า “ไม่สามารถยึดได้”...ไม่ใช่ว่า “ไม่ยึดเพราะไม่คุ้ม”
แต่ที่เจ้าหนี้ไม่ยึดนั้นเนื่องมาจาก ผู้ที่เป็นเจ้าของรถที่ยังผ่อนอยู่คันนี้ ก็คือ บ.ไฟแนนซ์ หรือ บ.ลิสซิ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่ปล่อยให้เราเอารถไปใช้ขับได้ในระหว่างที่ยังผ่อนรถกันอยู่...แต่ถ้าลูกหนี้( ผู้ครอบครอง)ผ่อนรถจนหมดเมื่อไหร่ แล้ว บ.ไฟแนนซ์ หรือ บ.ลิสซิ่ง ผู้ที่เป็นเจ้าของรถที่แท้จริงได้ทำการโอนรถเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถจาก บ.ไฟแนนซ์ หรือ บ.ลิสซิ่ง ไปเป็นชื่อของลูกหนี้(ผู้ครอบครอง)เมื่อไหร่ล่ะก็ เจ้าหนี้รายอื่นที่มันฟ้องศาลแล้ว ก็จะมาบังคับคดี โดยการอายัดเอารถไปทันที
[/color]กรณีผมต้องรอผ่อนหมด ผมเข้าใจถูกต้องมัยครับ

2. บ้าน (กรณีติดBank อยู่)
เป็นเรื่องของเจ้าหนี้ไปคิดว่าคุ้มไหมที่จะยึดถ้าส่วนต่างเหลือเยอะเขาก็ยึด
กรณีผมเป็นห้องพักบ้านเอื้ออาทร ผ่อนกับ ธอส. 15 ปี ผ่อนมาได้ 3 ปี แต่ติดสัญญากับการเคหะแห่งที่เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ว่า ภายใน 5 ปี ห้ามซื้อขาย ถ้าขาดส่ง 2 งวดการเคหะต้องซื้อกลับจาก ธอส.
จึงยังยึดไม่ได้อย่างน้อยภาย 5 ปี (เหลือเวลา 2 ปี ผมเข้าใจถูกต้องมัยครับ)

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #7484 โดย Nok2865
หือ...ถามใหญ่เลยนะ...จะให้ไปนั่งข้างๆ แล้วกระซิบข้างหูตอบทุกคำถาม ทุกข้อเลยไหม?
สาย Hotline มีไว้ทำไม ทำไมไม่โทรมาถาม
ถามกลับไปกลับมา พิมพ์กันจนมือหงิกมือง่อย
แล้วไอ้คำถามที่คุณถามนะ มันชี้เป้าชัดๆ ทุกวันนี้ขาข้างหนึ่งกรรมการก็ไปอยู่ในคุกแล้ว
โทรหาประธานดิ...ชัดจริง ชัดทุกช่อง อิ...อิ...



มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: Badmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.703 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena