อยากหยุดจ่ายหนี้ เพื่อทำ แฮร์คัต ขอคำแนะนำหน่อย

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #794 โดย Pang2855
สวัสดีครับผมมีหนี้บัตรเงินสด อยู่ดังนี้
- firstchoice โดนยกเลิกบัตรแล้ว ค้างอีก หมื่นกว่าบาท
- อิออน ยกค้าง 7000 บ้าง ตอนนี้จ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ เดือนละ 120 บาท
- อีซีบ่าย 3 หมื่น ยังจ่ายอยู่ ขั้นต่ำ 1100 หยุดจ่ายเดือนนี้
- บัตรกดเงินสด กสิิกรยอด 3 หมื่น ขั้นต่ำ 1500 ค้างอยู่ 2 เืดือน
- บัตรกดเงินสด ktccash ยอดค้าง 3 หมื่น ขั้นต่ำ1900 ค้าง 3 เดือน
- บัตน powerbuy ค้างอีก 19,000 ขั้นต่ำเดือนละ 3500 ค้าง 3เดือน (วันนี้บัตนโดนยกเลิก)

ตอนนี้จ่ายไม่ทัน
ผมคิดว่า ถ้าผมหยุดจ่ายมันเพื่อทำ แฮร์คัต ดีหรือไม่ครับ แล้วทางออกยังไงบ้างครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #796 โดย debtman
ถ้าจ่ายไม่ไหวก็ต้องหยุดค่ะเพราะการหยุดจ่ายจะเป็นการหยุดการหมุนหนี้ หยุดจ่ายเพื่อเก็บเงินเป็นก้อนรอจ่ายเมื่อพร้อม hair cut
เป็นวิธีที่ดีที่สุดแต่เพิ่งเริ่มหยุดอย่าหวังว่าจะได้ง่ายๆนะค่ะจะต้องอดทนต่อการทวงแบบทั้งดีและหยาบคาย ต้องรอให้หนี้เน่ามากๆ
หมายถึงหยุดหลายๆเดือนก่อนถึงจะได้ส่วนลดเสนอมา และอย่าเพิ่งไปหวังถึงตอนนั้นแค่ตอนนี้หยุดหมุนเงินตั้งหน้าเก็บเงินให้ได้
มากที่สุดทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ดีๆ ลองคำนวณว่าต่อเดือนเก็บเงินได้เท่าไหร่ ยอดหนี้คุณยังน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ของพี่เอง
เกือบ 7 แสนตอนนี้ปิดไปได้ 4 ตัว และได้หมายศาลมา 2 เจ้าแล้วต้องอดทนและตั้งใจจริงๆนะค่ะจะได้หมดหนี้พร้อมๆกันนะ
เป็นกำลังใจให้จ้า ;)

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #799 โดย Skynine

youngcyber เขียน: สวัสดีครับผมมีหนี้บัตรเงินสด อยู่ดังนี้
- firstchoice โดนยกเลิกบัตรแล้ว ค้างอีก หมื่นกว่าบาท
- อิออน ยกค้าง 7000 บ้าง ตอนนี้จ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ เดือนละ 120 บาท
- อีซีบ่าย 3 หมื่น ยังจ่ายอยู่ ขั้นต่ำ 1100 หยุดจ่ายเดือนนี้
- บัตรกดเงินสด กสิิกรยอด 3 หมื่น ขั้นต่ำ 1500 ค้างอยู่ 2 เืดือน
- บัตรกดเงินสด ktccash ยอดค้าง 3 หมื่น ขั้นต่ำ1900 ค้าง 3 เดือน
- บัตน powerbuy ค้างอีก 19,000 ขั้นต่ำเดือนละ 3500 ค้าง 3เดือน (วันนี้บัตนโดนยกเลิก)

ตอนนี้จ่ายไม่ทัน
ผมคิดว่า ถ้าผมหยุดจ่ายมันเพื่อทำ แฮร์คัต ดีหรือไม่ครับ แล้วทางออกยังไงบ้างครับ



รีบอ่านวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่ทุกคนต้องอ่านด่วนเลย ในนั้นมีคำตอบให้หมด เพียงลงมืออ่านแล้วนำมาใช้ให้เกิด
ประโยชน์แก้ปัญหาให้ตรงจุด หมั่นอาจกระทู้เพื่อนๆ พี่ๆ ด้วย ประหยัดแต่ไม่อด ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จ่ายเมื่อพร้อม
ค่อยๆ เก็บเงินไว้ ไม่สร้างหนี้เพิ่ม อยากรู้เพิ่มต้องรีบอ่านโดยเร็วพลัน ทุกอย่างเมือสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี
เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #800 โดย Pang2855
แล้วเค้าจะส่งจดหมาย ทางสำนักกฏหมายมา เราอยู่เฉย หรือว่ายังไงครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #804 โดย Ly89

youngcyber เขียน: แล้วเค้าจะส่งจดหมาย ทางสำนักกฏหมายมา เราอยู่เฉย หรือว่ายังไงครับ

เหมือนคุณยังสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่นะครับ
อ่ากระทู้นี้ก่อนนะครับ...อ่านให้หมด มีลิงค์ก็ตามไปอ่านด้วยครับ รับรอง มีประโยชน์มาก....
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=179&Itemid=29

สงสัยค่อยกลับมาโพสต์ถามอีกทีครับ...

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #841 โดย Pang2855
คือ หมายถึงว่าปกติที่ชำระล่าช้า ไป 2-3 เดือน จะมีจดหมายจากสำนักกฏหมาย เช่นของ สำนักกฏหมาย tss ให้ชำระหนี้ที่คงค้างทั้งหมด ทันที เราจะต้องทำยังไงกับจดหมายตัวนั้น

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #844 โดย Skynine

youngcyber เขียน: คือ หมายถึงว่าปกติที่ชำระล่าช้า ไป 2-3 เดือน จะมีจดหมายจากสำนักกฏหมาย เช่นของ สำนักกฏหมาย tss ให้ชำระหนี้ที่คงค้างทั้งหมด ทันที เราจะต้องทำยังไงกับจดหมายตัวนั้น


ไม่ต้องไปทำอะไร ไม่ต้องจ่ายหยอดเดินบัญชีอะไรทั้งนั้น หรือปรับโครงสร้างหนี้ประนอมหนี้ เพราะจะเกี่ยวข้องกับอายุความด้วย ทุกอย่างเมื่อ
สติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง

"นิยาม" ของคำว่า Hair-cut

Hair-cut ก็คือการจ่ายชำระมูลหนี้ ที่มีการค้างชำระกันไว้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ โดยมีข้อตกลงเจรจาเป็นการนำเสนอที่จะทำการลดมูลหนี้ที่คงค้างกันอยู่...ว่าจะมีการลดหนี้ให้เป็นจำนวนเท่าไหร่?
โดยคิดจากมูลหนี้ที่คงค้างทั้งหมด จากยอด ณ.ปัจจุบัน (ณ.วันนี้ / ณ.วินาทีนี้)

ซึ่งส่วนมากทางเจ้าหนี้มักจะเป็นผู้เสนอว่า จากมูลหนี้ที่คงค้างอยู่ ณ.ปัจจุบันนี้ จะลดหนี้ให้เท่าไหร่? โดยการแจ้งเป็นตัวเลข ว่าจะลดให้กี่บาท หรือกี่เปอร์เซนต์ (ซึ่งส่วนมากจะเสนอตัวเลขเป็นบาท แต่ถ้าเราอยากรู้ว่าเป็นกี่เปอร์เซนต์ สามารถเอามาคำนวนเองก็ได้)
ยกตัวอย่างเช่น มีหนี้คงค้างอยู่ ณ.ปัจจุบันนี้เป็นจำนวนเงิน 100,000.-บาท (หนึ่งแสนบาท) ทางเจ้าหนี้เสนอมาว่า จะลดหนี้ให้เป็นจำนวน 40% ก็หมายถึง ทางเจ้าหนี้พึงพอใจที่จะเรียกเก็บเงินคืนเพียงแค่ 60,000.-บาท (60%) เท่านั้น...ส่วนอีก 40,000.-บาท (40%) นั้น...ทางเจ้าหนี้ลดหนี้ให้ ด้วยเหตุผลต่างๆดังนี้

- ขี้เกียจทวงแล้วโว้ย...ทวงเท่าไหร่ก็ไม่ยอมจ่ายสักที

- ทางเจ้าหนี้ ตัดหนี้ตัวเป็น NPL ไปแล้ว (เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) หรือตัดเป็น“หนี้สูญ”ไปแล้ว

- ไม่อยากตั้งทุนสำรอง“หนี้สูญ” ตามข้อตกลงของ MOU และตามคำสั่งของ ธปท. เพราะต้องถูกบังคับให้ตั้งเงินสำรองเพื่อกันเอาไว้ 100,000.-บาท (เป็นการตั้งสำรอง“หนี้สูญ”ในอัตรา 100% ของมูลหนี้ที่เสีย) ทางฝ่ายเจ้าหนี้จึงมีความคิดที่ว่า สู้เอาเงินที่ตั้งสำรองจำนวนนี้ ไปปล่อยกู้ใหม่ให้กับลูกหนี้รายอื่นๆ ยังได้กำไรจากการขูดรีดอัตราดอกเบี้ยกับลูกหนี้รายใหม่อื่นๆ มากกว่าการเอาเงินมาตั้งสำรอง“หนี้สูญ”แบบนี้โดยที่ไม่ได้ดอกเบี้ยอะไรเลย แถมยังได้เงินสดคืนมาจากลูกหนี้อีก 60,000.-บาท เมื่อเอามารวมกันแล้ว ก็เป็นจำนวนเงิน 160,000.-บาท เอาเงินก้อนนี้ไปปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยราคาแพงๆ ให้กับลูกค้ารายอื่นๆยังดีกว่า

- ทางเจ้าหนี้ "กลัว" แพ้คดี ถ้าถึงขั้นการฟ้องร้องต่อศาล เพราะตัวเองก็มีการหมกเม็ด และการโกงอัตราดอกเบี้ยของลูกหนี้เอาไว้เพียบ...ดังนั้น ถ้าวันนี้ ได้เงินคืนกลับมาบ้างบางส่วน ก็ยังดีกว่าที่ได้คืนมาน้อย หรือไม่ได้คืนเลยในชั้นศาล หากตัวเองฟ้องแล้วแพ้คดี (ตามสุภาษิตที่ว่า...กำขี้...ดีกว่ากำตด)

- ทางเจ้าหนี้กลัวว่าลูกหนี้จะเป็นอะไรไป...เนื่องจากการคิดสั้นของลูกหนี้ที่มีหนี้สินเยอะ เพราะถ้าหากลูกหนี้เป็นอะไรไป (หมายถึง ล้มหายตายจากไป) หนี้ดังกล่าว จะเป็นหนี้ศูนย์ทันที และจะไปฟ้องร้องกับใครก็ไม่ได้ เนื่องจากเป็นหนี้สินส่วนบุคคล(หนี้ส่วนตัวที่ไม่มีผู้ค้ำประกัน) จึงไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ดังนั้น ถ้าอยากจะฟ้องต่อ ก็ต้องฆ่าตัวตายตามลูกหนี้ เพื่อไปฟ้องร้องต่อจากท่านยมบาลเอาเอง (แล้วใครมันยอมจะฆ่าตัวตายเพื่อตามไปทวงหนี้ต่อล่ะวะ)

- เจ้าหนี้ได้รับเงินคืนตามที่ตัวเองพึงพอใจแล้ว โดยคิดจากส่วนต่างที่หักจากค่าคอมมิชชั่นในการทวงหนี้ออกไป...ตัวอย่างเช่น...เจ้าหนี้มีการตั้งค่าหัวในการทวงหนี้เราไว้ที่ 30% หากสำนักงานทวงหนี้ที่ใดก็ตาม สามารถทวงหนี้จากเราได้...แบบว่า...ถ้าสมมุติว่า สำนักงานทวงหนี้ "ชั่ว"คอลเลคชั่น สามารถทวงหนี้เราได้ที่ 100,000.-บาท ดังนั้น สำนักงาน"ชั่ว"คอลเลคชั่น...รับเอาค่าคอมมิชชั่นไปเลย 30,000.-บาท เพื่อเป็นค่าแรงในการทวงหนี้ ส่วนทางเจ้าหนี้พอใจที่จะเอาเงินคืนเพียงแค่ 70,000.-บาทเท่านั้นก็พอ ถ้าเป็นเช่นนั้น สู้เราไปจ่ายชำระหนี้ให้กับทางเจ้าหนี้โดยตรง ไม่ดีกว่าเหรอ? (โดยไม่จ่ายผ่านสำนักงานทวงหนี้) ทางเจ้าหนี้ก็พอใจในการรับเงินคืนเหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรทางเจ้าหนี้ก็มีความต้องการที่จะได้รับเงินคืนเพียงแค่ 70,000.-บาทอยู่แล้วนี่ โดยไม่สนใจว่าจะได้เงินคืนมาจากใครหรือด้วยวิธีใดก็ตาม

- ทางเจ้าหนี้มีการขายหนี้ของเรา ให้กับสำนักงานทวงหนี้ข้างนอก ในราคาถูกๆไปแล้ว เนื่องจากขี้เกียจตั้งทุนสำรองหนี้สูญ (อาจขายหนี้ไปประมาณสัก 2-3 หมื่นบาท จากราคาหนี้ ณ.ปัจจุบันที่ 100,000.-บาท) เพื่อให้สำนักงานทวงหนี้ ไปทวงต่อเอาเองแล้วแต่จะได้ ดังนั้น ถ้าสำนักงานทวงหนี้เสนอราคาให้เรา 60,000.-บาท ในการทำ Hair-cut...ตัวมันเองก็ยังได้กำไรจากส่วนต่างนี้ตั้ง 3-4 หมื่นบาท)

- เจ้าหนี้รีบลดราคาในการทำ Hair-cut ให้...ด้วยราคาที่งามมาก เนื่องจากคดีขาดอายุความในการฟ้องร้องไปแล้ว

ด้วยเหตุผลต่างๆ ตามที่กล่าวมานี้ จึงเกิดกระบวนการที่เรียกกันว่า Hair-cut เกิดขึ้น
แต่กระบวนการ Hair-cut นี้ มิได้เกิดขึ้นได้โดยง่าย
ต้องผ่านการบ่มระยะเวลามายาวนานพอสมควร โดยมีสูตรดังนี้

ต้องหยุดจ่ายซะก่อน ถึงจะเกิดกระบวนการ Hair-cut ขึ้นได้

ยิ่งหยุดจ่ายนานเท่าไหร่...หนี้ก็ยิ่งเน่ามากขึ้นเท่านั้น

หนี้ยิ่งเน่ามากเท่าไหร่...ก็ยิ่งได้ส่วนลดมากขึ้นเท่านั้น


หลายๆคนชอบเข้ามาตั้งคำถามที่ว่า
หยุดจ่ายมาได้ 3 เดือนแล้วครับ...จะได้ส่วนลดแล้วหรือยังครับ และถ้าได้ลด จะได้ส่วนลดกี่เปอร์เซนต์ครับ
คำตอบที่ชัดเจนคือ
ยัง!...และไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย
เพราะการหยุดจ่ายเพียงแค่ 2-3 เดือน มันเป็นเพียงบันไดก้าวแรก ที่จะไปสู่กระบวนการ Hair-cut อันแท้จริงต่อไป
การ Hair-cut ที่แท้จริง มันต้องหยุดจ่ายนาน 8-10 เดือนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย หรือบางทีอาจต้องรอเป็นปี หรือจนถึงขั้นได้รับหมายศาลแล้วนั่นแหละ
จึงมีคำถามต่อมาอีกว่า...
แล้วถ้าเช่นนั้น ต้องหยุดจ่ายนานเท่าไหร่? ถึงจะได้รับหมายศาลล่ะ?
คำตอบก็คือ
เฉลี่ยโดยทั่วไปแล้ว ประมาณ 1 ปีครับ
แต่บางราย...ก็นานเกินกว่า 1 ปีนะครับ
ยกเว้น "ซิตี้แบงค์" เพียงรายเดียวที่ฟ้องเร็วที่สุด (เฉพาะรายนี้เพียงรายเดียวเท่านั้น ที่ฟ้องเร็วมาก) โดยหยุดจ่ายประมาณ 4-6 เดือนก็ฟ้องแล้ว...ขอย้ำว่า...เป็นรายเดียวที่ฟ้องเร็วที่สุด...แต่รายนี้ถ้าเราได้รับหมายศาลแล้ว...ก็จะได้รับข้อเสนอราคา Hair-cut ที่งามสุดๆเหมือนกัน

สำหรับส่วนลดที่ทางเจ้าหนี้เสนอมาให้ ก็มีตั้งแต่ 30% , 40% , 50% , 60% , 70% แล้วแต่เงื่อนไขการเจรจา , เทคนิคการต่อรอง และความ“เน่า”ของหนี้ที่หยุดจ่าย

เพียงแต่อยากให้มองว่า เงื่อนไขที่ทางเจ้าหนี้เสนอมานั้น เราจ่ายไหวไหม? น่าสนใจและรับได้หรือเปล่า? อย่าไปมองเพียงแค่ต้องการให้ได้ส่วนลดเยอะๆเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ให้พิจารณาว่าถ้าเราจ่ายไปแล้ว เราจะได้ลดเจ้าหนี้ไปอีกหนึ่งราย(ได้ลดศัตรูในการทวงหนี้ไปแล้วอีกหนึ่งที่) ที่เหลือก็ค่อยๆมาปลดหนี้ทีละรายต่อไป ตามกำลังและความสามารถ (แต่ต้องจ่ายไหวจริงๆนะ ห้ามไปกู้หนี้ยืมสินที่ต้องเสียดอกเบี้ยจากที่อื่นมาปิด Hair-cut อีก มิฉะนั้น มันจะไม่มีวันจบสิ้น)...ถ้าสามารถทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถปลดหนี้ได้โดยเร็ววัน

และทั้งนี้ทั้งนั้น...ไม่ว่าจะเป็นรายไหนๆ เงื่อนไขของการ Hair-cut ก็เหมือนๆกันหมดทั้งนั้น คือ
การเสนอส่วนลดให้ในราคาที่งามมาก แต่ต้องจ่ายชำระคืนเพียง“งวดเดียว”เท่านั้น…โดยไม่มีการผ่อน (จ่ายปิด“ตูมเดียว”เพื่อปิดบัญชีหนี้เน่า)
แต่ก็มีบางคนถามต่ออีกว่า...แล้วถ้าอยากได้ส่วนลด Hair-cut เนื่องจากหนี้ก้อนนี้มันเน่ามากพอสมควรแล้ว แต่เราไม่สามารถจ่ายแบบ“งวดเดียว”หรือ“ตูมเดียว”เพื่อปิดบัญชีได้...เราสามารถขอส่วนลดด้วย และก็ขอผ่อนต่อด้วย จะได้ไหม?
ผมจะขอตอบว่า...ไอ้ได้น่ะ มันได้อยู่หรอกนะครับ แต่ทางฝ่ายเจ้าหนี้มันจะไม่ยอมให้คุณสามารถผ่อนต่อ ในระยะเวลานานๆหรอกนะครับ (เต็มที่สูงสุด มันก็ยอมให้ผ่อนได้ในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น) และส่วนลดที่มันจะให้ ก็จะแตกต่างกันด้วย ขอยกตัวอย่างให้ดูตามนี้นะครับ

สมมุติว่าเมื่อปีที่แล้ว เรามีหนี้อยู่กับธนาคาร A เป็นจำนวนเงิน 80,000.-บาท แล้วเราก็หยุดจ่ายหนี้ตัวนี้มานานประมาณ 1 ปีแล้ว...โดย ณ.ปัจจุบัน(ณ.ตอนนี้) หนี้เงินต้น+ดอกเบี้ย ปาเข้าเป็นจำนวนเงิน 100,000.-บาทแล้ว โดยทางฝ่ายเจ้าหนี้ได้ติดต่อขอให้เราชำระหนี้ทั้งหมด เพื่อทำการปิดบัญชี โดยจะมีส่วนลดให้ด้วย ถ้าสามารถจ่ายแบบ“งวดเดียว”(ตูมเดียว)ได้ ก็จะให้ส่วนลดครึ่งหนึ่ง(50%) จากราคาหนี้ ณ.ปัจจุบัน (100,000.-บาท)

ถ้าเราตอบกลับไปว่า จ่าย“งวดเดียว”ไม่ไหว ขอผ่อนได้ไหม...ราคามันก็จะเป็นไปตามนี้ครับ

- ถ้าสามารถจ่าย“งวดเดียว”ได้...ก็จ่ายเพียง 50,000.-บาท เพื่อปิดบัญชี
- ถ้าขอผ่อน 2 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 27,500.-บาท (รวม 2 งวดก็เป็นเงิน 55,000.-บาท)
- ถ้าขอผ่อน 3 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 20,000.-บาท (รวม 3 งวดก็เป็นเงิน 60,000.-บาท)
- ถ้าขอผ่อน 4 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 16,250.-บาท (รวม 4 งวดก็เป็นเงิน 65,000.-บาท)
- ถ้าขอผ่อน 5 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 14,000.-บาท (รวม 5 งวดก็เป็นเงิน 70,000.-บาท)
- ถ้าขอผ่อน 6 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 12,250.-บาท (รวม 6 งวดก็เป็นเงิน 75,000.-บาท)

ก็แล้วแต่คุณไปพิจารณาเอาเองนะครับ ว่าอยากได้ส่วนลดในราคาแบบไหน

และสุดท้ายแล้ว สำหรับคำว่า Hair-cut

Hair-cut สามารถทำได้ตลอด ทุกช่วงเวลาหลังจากที่"หนี้"ของเรา"เน่า"แล้ว...ไม่ว่าจะเป็น

- ก่อนได้รับหมายฟ้อง (แต่ต้องหยุดจ่ายนานๆ หลายๆเดือนซะก่อนนะ)
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาล
- ขึ้นศาลแล้ว แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี โดยรอขึ้นศาลอีกครั้งในนัดหน้านัด หรือนัดต่อไป (ยังไม่ได้พิพากษา)
- พิพากษาแล้ว รอการจ่ายชำระเงินคืนตามคำพิพากษา
- พิพากษาแล้ว และอยู่ในระหว่างการถูกอายัดเงินเดือน หรืออายัดทรัพย์สิน
เห็นไหมล่ะครับ ว่า Hair-cut สามารถทำได้ตลอดชีพจริงๆ
แต่การ Hair-cut ที่ได้ราคางามที่สุด (หรือที่เรียกว่า "นาทีทอง" นั้น...มักจะอยู่ในช่วงของเวลาดังต่อไปนี้
- หยุดจ่ายนานเกิน 10 เดือนขึ้นไป
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาลในนัดแรก
- ขึ้นศาลแล้ว แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี อีกหลายนัด (ยังไม่ได้พิพากษา)
ถ้าพ้นกำหนดช่วงเวลาดังกล่าวนี้ไปแล้ว โปรโมชั่น "นาทีทอง" อาจหมดไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำ Hair-cut ไม่ได้...เพียงแต่ว่า อาจไม่ได้ราคางามๆตามโปรโมชั่นของ "นาทีทอง" ก็เท่านั้นเอง
และที่สำคัญ การทำ Hair-cut จะต้องให้ทางเจ้าหนี้ออกเอกสารยืนยันว่า จะลดหนี้ให้ตามเงื่อนไขที่เจรจาตกลงกันไว้ ด้วยทุกครั้ง โดยเราต้องได้รับหนังสือยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเจ้าหนี้ ก่อนที่จะทำการจ่ายชำระ Hair-cut ใดๆ
อย่าไปจ่ายหนี้ที่ตกลงกันด้วยวาจาผ่านทางโทรศัพท์โดยเด็ดขาด (สัญญาหรือข้อตกลงใดๆ ที่เป็นแค่วาจาหรือ“ลมปาก” ไม่สามารถใช้เป็นข้อยืนยันตามกฏหมายได้)

ขอย้ำอีกครั้ง...ถ้าคุณยังไม่ได้รับหนังสือยืนยันการลดหนี้

(หนังสือ Hair-cut) เสียก่อน

ห้ามจ่ายโดยเด็ดขาด...!

ถูกหลอกให้จ่ายเงินเข้าไปเพื่อหักหนี้ในราคาเดิม(ไม่มีส่วนลด) โดยโกหกว่าจะยอมลดราคา Hair-cut ให้
ด้วยคำพูด หรือการรับปากกันทางโทรศัพท์ แต่แล้วก็ไม่ยอมทำ Hair-cut ให้จริงๆ

มีลูกหนี้โดนหลอกมานับไม่ถ้วนแล้วนะครับ...ขอเตือน...

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #845 โดย Ly89

youngcyber เขียน: คือ หมายถึงว่าปกติที่ชำระล่าช้า ไป 2-3 เดือน จะมีจดหมายจากสำนักกฏหมาย เช่นของ สำนักกฏหมาย tss ให้ชำระหนี้ที่คงค้างทั้งหมด ทันที เราจะต้องทำยังไงกับจดหมายตัวนั้น


เปิดซอง หยิบจดหมายขึ้นมา อ่านดูว่ามันใบ้หวย 6 ตัว มาให้หรือเปล่า

ถ้ามีก็ให้เขียนกลับไปว่า ถ้าถูกรางวัลที่ 1 ตามที่ได้เลขมา จะใช้หนี้ทั้งหมดเลยทันที

แต่ถ้าไม่มีหวย ก็เก็บรวบรวมใส่เข่งไว้ชั่งกิโลขาย เอาไว้ซื้อลูกอม ไว้อมยามเหงา...

ขำๆนะครับ...... :lol:

ถ้าเป็นจดหมายเปิดผนึก หรือไปรษณียบัตร ก็ให้เอาจดหมายนั่น ไปฟ้องแบงค์ชาติครับ

ให้เขาสั่งสอนมันบ้าง.....ถ้าไม่ใช่ก็ตามข้างบน

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #847 โดย Pang2855
จากประสบการณ์เป็นลูกหนี้หลายสถาบันการเงิน จะมีวิธีทวงเงินหลากหลายรูปแบบ บางรูปแบบอ้อนวอนให้ผมจ่ายทำเสียงสะอึกสะอื้น คืออยากทราบว่า ถ้่าเขาจบ cast ไม่ได้ จะโดนตัดโปนัสหรือยังไงครับ

Anakin เขียน:
ผมรวมกระทู้ให้นะครับ เรื่องราวจะได้ต่อเนื่องและไม่รกเว็บบอร์ดด้วยครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #848 โดย Skynine

youngcyber เขียน: จากประสบการณ์เป็นลูกหนี้หลายสถาบันการเงิน จะมีวิธีทวงเงินหลากหลายรูปแบบ บางรูปแบบอ้อนวอนให้ผมจ่ายทำเสียงสะอึกสะอื้น คืออยากทราบว่า ถ้่าเขาจบ cast ไม่ได้ จะโดนตัดโปนัสหรือยังไงครับ


คุณสงสารเขามากกว่าครอบครัว+ตัวคุณหรือ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จะจ่ายเมื่อพร้อม....

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #849 โดย Pang2855

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #891 โดย AOF9888
อย่าตั้งกระทู้หลายอัน มันทำให้กระทู้อื่นๆตกลงไป รกหน้าบอร์ด
ตั้งอันไหนของตัวเองแล้ว อยากรู้ อยากถามอะไรให้โพสถามในกระทู้เดิมๆของคุณ
ส่วนเจ้าหนี้ มันจะเป็นหรือตาย ก็ช่างหัวมัน หัวเผือก
เก็บเงินให้ได้ไวๆ จะได้มีเงินคืนเขาในเวลาที่ตัวเองไม่เดือดร้อน

เตะตูดกากเกรียนโคตร โคตร
อยากยึดอะไรยึดไป โชคดีที่ยังมีกางเกงลิงสำรอง
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Pych

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #894 โดย Pang2855
ผมทำธุรกิจส่วนตัว(รายไ้ด้พอใช้จ่ายแต่ละเดือน) ตอนนี้คิดว่าไม่ต้องมีหนี้ละ แต่หนี้เก่าเป็นสมัยที่ผมเป็นมนุษย์งินเดือน และผมได้แต่งงานกับข้าราชการครู แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะสอบถามว่าถ้าผมหยุดจ่าย (ติด blacklist) แล้วภรรยาผมจะไปกู้เงินซื้อบ้านหรือทำธุรกิจ ผมไปจดทะเบียนสมรถ จะมีผลต่อการทำเรื่องกู้มั้ยครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #905 โดย Nok2865
หนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ส่วนบุคคลค่ะ ไม่เกี่ยวกับคู่สมรส แต่...หากจดทะเบียนสมรสกัน แล้วโดนหมายศาล แล้วคุณใช้หนี้ตามคำพิพากษาไม่ได้ เจ้าหนี้จะบังคับคดี แล้วตามยึดทรัพย์คุณและคู่สมรส
โดยทรัพย์นั้นต้องเป็นสินสมรส(คือได้มา หรือสร้างหลังจากจดทะเบียนกันแล้ว) ทรัพย์ดั่งกล่าว ยึดได้กึ่งหนึ่งค่ะ
ขนาดสมาชิกบางคน เขายังหย่าการเมืองเลย คุณจะให้แฟนคุณมาติดบ่วงทำมั๊ย
ทำไมไม่รอให้หนี้หมดเสียก่อน แล้วค่อยจด คิดเอาเองก็แล้วกัน

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 11 เดือน ที่ผ่านมา #1876 โดย Pang2855
หลังจากตัดสินใจ หยุดจ่าย ยังไม่มีรายได้โทรมาท้วงเลย หรือว่าหยุดปีใหม่กัน พร้อมจะรบ แต่ไม่มีเจ้าหนี้โทรมา :555:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #8004 โดย Pang2855
ผมมีหนี้ค้างจ่าย easy buy พร้อมค่าปรับและดอกเบี้ย อยู่ 24000 บาท
หัวหน้าเค้าโทรจะให้ผมลดที่ 18,000 หยุดจ่ายไปประมาณ 4 เดือนเองครับ

ผมจะถามว่า
1. ถ้าผมขอลดมากกว่านี้ เช่น หนึ่งหมื่น เค้าจะลดให้อีกมั้ย
2. ถ้าเราไม่ขอจ่ายตามขอเสนอนี้ แล้วรอให้่เค้าติดต่อมาใหม่ อีก 4-5 เดือนข้าง จะดีมั้ยครับ เพื่อที่จะขอส่วนลดที่น้อยกว่าที่เค้าเสนอมาตอนนี้

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #8006 โดย Pych

youngcyber เขียน: ผมมีหนี้ค้างจ่าย easy buy พร้อมค่าปรับและดอกเบี้ย อยู่ 24000 บาท
หัวหน้าเค้าโทรจะให้ผมลดที่ 18,000 หยุดจ่ายไปประมาณ 4 เดือนเองครับ

ผมจะถามว่า
1. ถ้าผมขอลดมากกว่านี้ เช่น หนึ่งหมื่น เค้าจะลดให้อีกมั้ย
2. ถ้าเราไม่ขอจ่ายตามขอเสนอนี้ แล้วรอให้่เค้าติดต่อมาใหม่ อีก 4-5 เดือนข้าง จะดีมั้ยครับ เพื่อที่จะขอส่วนลดที่น้อยกว่าที่เค้าเสนอมาตอนนี้

Anakin เขียน:
ผมรวมกระทู้ให้เป็นครั้งที่สองแล้วนะครับ

เรื่องราวจะได้ต่อเนื่องและไม่รกเว็บบอร์ดด้วยครับ

คุณไม่เคารพกฎ กติกา มารยาทของชมรมฯ เลยนะครับ

ข้อมูลส่วนตัวของคุณที่ให้ไว้ ก็ไม่ถูกต้อง

ผมขอล็อคกระทู้ของคุณ จนกว่าคุณจะไปแก้ไข profile

ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้ง อ่านกฎ กติกาของชมรมฯ

ให้เข้าใจ และปฏิบัติตามด้วยครับ







"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #8026 โดย Pang2855
แก้ไขแล้วน่ะ

Anakin เขียน:
ถึงปลดล็อคให้ไง

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #8029 โดย Pang2855
ผมมีหนี้ค้างจ่าย easy buy ดังนี้
วงเงินสินเชื่อคงค้าง 21000
รวมค่าปรับและดอกเบี่ยนเป็น 22558

หัวหน้าเค้าโทรจะให้ผมลดที่ 18,000 หยุดจ่ายไปประมาณ 4 เดือนเองครับ

ผมจะถามว่า
1. ถ้าผมขอลดมากกว่านี้ เช่น หนึ่งหมื่น เค้าจะลดให้อีกมั้ย
2. ถ้าเราไม่ขอจ่ายตามขอเสนอนี้ แล้วรอให้่เค้าติดต่อมาใหม่ อีก 4-5 เดือนข้าง จะดีมั้ยครับ เพื่อที่จะขอส่วนลดที่น้อยกว่าที่เค้าเสนอมาตอนนี้

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #8032 โดย Ly89

youngcyber เขียน: ผมมีหนี้ค้างจ่าย easy buy ดังนี้
วงเงินสินเชื่อคงค้าง 21000
รวมค่าปรับและดอกเบี่ยนเป็น 22558

หัวหน้าเค้าโทรจะให้ผมลดที่ 18,000 หยุดจ่ายไปประมาณ 4 เดือนเองครับ

ผมจะถามว่า
1. ถ้าผมขอลดมากกว่านี้ เช่น หนึ่งหมื่น เค้าจะลดให้อีกมั้ย
2. ถ้าเราไม่ขอจ่ายตามขอเสนอนี้ แล้วรอให้่เค้าติดต่อมาใหม่ อีก 4-5 เดือนข้าง จะดีมั้ยครับ เพื่อที่จะขอส่วนลดที่น้อยกว่าที่เค้าเสนอมาตอนนี้


ก็ลองทำทั้งสองข้อน่นแหละครับ.......

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: Badmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.628 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena