สวัสดีอีกครั้งค่ะพี่ๆน้องๆเพื่อนสมาชิกชาวชมรมหนี้บัตรฯ
มีโอกาศเข้ามาเมื่อตอนปลายๆปีที่ผ่านมา พบว่าเว็บหายไป เข้าไม่ได้ สอบถามพี่นกฯไป พบว่ามีปัญหาด้านเทคนิคบางประการ กระทู้หลายๆกระทู้น่าจะหายๆไปจากหน้าเว็บบ้าง ของdaijung ก็เป็นหนึ่งในนั้น เลยอยากจะเอามาแปะไว้ในหน้านี้ เพราะ ณ บัดนี้น้องไดหมดหนี้เรียบร้อย (คือ ยังถือว่าไม่หมดดีนัก แต่ว่าหมดแน่ๆ เพราะยังจ่ายหนี้ตามคำพิพากษาอยู่ เป็นเบี้ยหัวแตก แต่หัวใครแตกไม่รู้ อิอิ)
ท้าวความไปเมื่อปี 2553 daijung หยุดจ่ายหนี้เดือนกันยายน ผ่านมาปีกว่าๆ daijung ผ่านพ้นปัญหาน่าปวดหัวมาพร้อมความมั่นใจ ที่กล้าพูด เพราะว่าหลายๆสิ่งที่ผ่านเข้ามา และความรู้จากเว็บนี้ พร้อมๆกำลังใจของคนหัวอกเดียวกัน ทำให้รู้ว่า เราไม่ได้ทุกข์คนเดียวในโลก
ตอนหยุดจ่ายมีเจ้าหนี้ทั้งสิ้น 6 ราย บรรยากาศในช่วงแรก บอกได้ว่าประหวั่นพรั่นพรึง แต่เราก็มาขยันเติมความแข็งแกร่งเอาแถวๆหน้าเว็บนี้ โอ้ย...ย ของเรานี่สิวๆ คนอื่นเค้าขนาดสิวหัวช้าง แหะ แหะ (ตอนนี้พูดได้ แต่ตอนใหม่ๆ ตอนจะรับโทรศัพท์เจ้าหนี้นี่ ต้องเดินออกไปคุยที่ปลอดคน หายใจลึกๆ กระดาษปากกาพร้อม ผ่านไปปีนิดๆ หนี้ใบสุดท้ายก็ปิดลงในเดือนพฤศจิกา 54 รวดเร็วจริงๆ
สรุปยอดหนี้ ณ วันหยุดจ่าย กันยายน 2553 จากน้อยไปหามาก
1. City ReadyCredit ยอด 39,549.22
2. KTC ยอด 109,590.95
3. CTIMB ยอด 128,986.42
4. Citi Advance ยอด 141,161.26
5. SCB Speedy Loan ยอด 167,949.68
6. TMB ยอด 233,271.06
รวมแล้วประมาณ 820,508.59 บาท
ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากหนี้ข้างดังกล่าวแล้ว daijung ยังมีหนี้ผ่อนบ้าน กับผ่อนรถอยู่ ณ ตอนนั้นและมีบัตรฮ่องกงแบงค์ กับบัตรกดเงินของ UOB ซึ่งยอดหนี้ไม่สูง ที่ถูกคือควรจะหยุดสองรายการนี้ด้วย เพราะว่าไม่งั้นจะเก็บเงินไม่ได้ แต่ daijung เลือกขอเก็บไว้ก่อน ด้วยเหตุผลส่วนตัวว่า ต่อไปการทำบัตรของเราจะยากขึ้น และจำนวนหนี้ในบัตรก็ไม่สูงมาก ปิดไหวแน่ๆ แม้จะตกงาน (แต่พอจะมีเงินเหลือเก็บบ้าง) ส่วนรถเป็นเรื่องที่ตกลงกันลำบากระหว่างบุพการี เลยจำยอมกัดฟันจ่าย
แต่โชคดี ตกงานไม่เท่าไหร่ งานใหม่ก็วิ่งมาชน ที่นึกว่าจะม้วยมรณา ก็ไม่ใช่อย่างที่คิด งานใหม่ไปไกลบ้าน ไกลครอบครัว แต่ว่าเราประหยัดได้ ไม่มีรายจ่ายเลย และเก็บเงินปิดหนี้ได้แน่นอน มกรา 54 การเดินทางไกล ทำงานต่างแดนก็เริ่มขึ้น หลักๆคือ ใช้หนี้ อดทนและทนอด
หนี้เจ้าแรกที่ปิดสำเร็จ คือ
Citi Ready credit ปิดในเดือนมีนา 54 ยอดสุดท้ายที่เรียกเก็บคือ 45,415.32 เจรจาขอปิดที่ 32,000 จังหวะมีเงิน และคุยกันง่าย รีบปิดโดยไวเมื่อกลับมาบ้าน สร้างกำลังใจไปทำงานต่อ
รายที่สองปิดสำเร็จในเดือนเมษา 54 ติดๆกัน คือ
Citi Advance ยอดสุดท้ายที่เรียกเก็บคือ 174,540.68 เจรจาขอปิดแบบว่ามีเงินเหลือแค่นี้จริงๆ คือ 80,000 บาท สงกรานต์ปีที่ผ่านมา ปลดหนี้ไปสอง
แต่ไม่วายก่อนกลับไปทำงานอีก หมายก็มาถึงบ้านของ TMB แต่ก็ไม่ได้ตกใจมาก เพราะกะไว้แล้วว่ามาแน่ เพราะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุด และเค้าคงไม่รอนาน และก็จริงๆ ก่อนไปศาล เจรจายากเหลือหลาย สุดท้ายก็ปล่อย แต่ให้พี่เขยที่เป็นทนายไปศาลให้ แต่อย่างที่พี่นกฯ และพี่ๆคนอื่นบอกก็คือ ถ้าแน่ใจว่าจะจ่ายหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้หมดแน่ๆ ก็ทำ ถ้าไม่แน่ใจ อย่าทำ แต่อันนี้น้องไดแน่ใจว่าจ่ายได้ เลยตกลงตามสัญญาประนีประนอม แต่ต้องขอบอกว่าคุยยากมาก และสำนักงานที่ทำหน้้าที่ทวงก็สุดจะทน ขนาดว่าพิพากษาแล้ว จ่ายหนี้ตามคำพิพิากษาก่อนเวลาที่คำพิพากษากำหนดยังหน้าด้านมาทวงก่อน และมาทวงกับคนที่บ้าน ในเมื่อเราไม่ผิดนัดแล้วมากวนความสงบกันแบบนี้ สำนักกฎหมายนั้นเลยได้รับการจัดเต็มจากน้องได ด่าทางไกลไม่พอ เราร่อนจดหมายทั่วสารทิศ ตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารทหารไทยสำนักงานใหญ่หน่วยที่รับเรื่องร้องเรียน สำนักงานคุ้มครอง แล้วก็ส่งไปให้หัวหน้าสำนักฯอ่านด้วย อิ่มรึเปล่าไม่ทราบ แต่ธนาคารทหารไทยต้องโทรมาขอโทษ และขอร้องว่ากรุณาอย่าดำเนินการทางกฎหมาย อิอิ เราเป็นหนี้ เราใช้แน่ แต่นี่เรื่องเก่าจบแล้ว เรากำลังเริ่มเรื่องใหม่กันอยู่ แล้วจะมาอินเรื่องเก่า โทรทวงก่อนเวลาจ่ายหนี้ แถมทวงคนในบ้านที่ไม่รู้เรื่อง เรื่องไม่มี ก็อยากให้มี เราก็เลยจัดเต็มชุดใหญ่ สองหน้ากระดาษ A4 อย่างน้อยจะได้รู้กันบ้างว่า ถึงเป็นหนี้ ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องเป็นเบี้ยล่างใคร และไม่ยอมให้ใครมาหยามกันเกินไป ตอนนี้ยังจ่าย TMB ตามปกติเดือนละไม่กี่พัน โทษฐานคุยยาก แถมหาใครมาดูแลลูกค้าและทำนิสัยแย่ๆ งั้นรอไป เงินก้อนมี แต่รอเบี้ยหัวแตกไปก่อนนะ ฉันปิดเจ้าอื่นที่เค้าคุยกับฉันเหมือนคนคุยกันหน่อย ส่วนที่โทรมาแล้วคุยกับฉันไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้คุยภาษาคน รอไป พอใจเมื่อไหร่ จะปิดเงินก้อนให้
ที่มาพร้อมๆกันอีกเจ้ากับหมายฯ คือ CTIMB อันนี้มาแบบนิ่มๆ คุยดี ข้อเสนอใช้ได้ และเราจ่ายได้ ตกลงปิดกัน 90,000 จากยอดเรียกเก็บสุดท้ายไปไกลแสนห้ากว่าๆ และให้ผ่อน 5 เดือน เดือนละ 18,000 ปิดงวดสุดท้ายเดือนกันยา 54 หมดไปอีกเจ้า ตัวเบา แถมคนดูแลบัญชีโทรมาขอบคุณในความกรุณาที่ยอมชำระหนี้จดเสร็จ
ค่อยมีกำลังใจหน่อย
เหลืออีก 2 เจ้า พร้อมๆกับรถผ่อนหมดในเดือนตุลา
เมื่อทุกอย่างพร้อม คือ ขายรถเรียบร้อย ได้เงินมา เราก็คุยปิดพร้อมกันเลย แต่หมายของ KTC มาเร็วไปนิดหน่อย แต่ก็ยอมคุย
SCB ยอดเรียกเก็บสุดท้าย 222,209.11 ปิดที่ 168,000 สำนักงานที่ดูแลโทรหาเรื่อยๆ แต่คุยกันดีดี จบกันเรียบร้อย
KTC เนื่องจากหมายมาแล้ว ทำอะไรไม่ได้มาก ยอดฟ้อง 147,739 คุยกันจนเหนื่่อยลดได้แค่เท่ากับเงินต้นตอนหยุดจ่าย และตอนนั้นก็มีเงินแล้วคิดว่ารีบปิดให้เป็นศรีแก่ชีวิตก่อนปีใหม่จะดีกว่าดังนั้นยอด 109,600 จึงเป็นยอดปิดสุดท้ายกับ KTC เดือนธันวา 54
ถึงหนี้ในชีวิตทั้งหมดจะยังไม่หมด แต่ตอนนี้หนี้ที่มีก็ควบคุมได้ ตอนนี้มีเงินเก็บอีกก้อนและกำลังรอน้องโบจากบริษัท ถ้าน้องโบออก UOB กับ HSBC ที่ตอนนี้จ่ายปกติดี ก็จะปิดซะ จบสิ้นกัน
สำหรับยอด UOB ตอนนี้ยอด 54,xxx ส่วน HSBC ยอด 68,xxx ก็จบๆกันไปกับบรรดาเจ้าหนี้ที่รักทั้งหลาย
ตอนนี้บริหารชีวิตด้วยเงินสด จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย (เงินเก็บถือเป็นรายจ่ายด้วย) คือ ต้องเอาไปเก็บด้วย เหลือแล้วค่อยใช้ ชีวิตดีขึ้นเยอะ สบายใจขึ้นเยอะกับเรื่องหนี้ๆ ของตัวเอง กลางปีนี้วางแผนจะรีไฟแนนซ์บ้าน ขอดอกต่ำๆกว่านี้หน่อยกับธนาคารเดิม เพราะดอกเบี้ยบ้าน ลอยละล่องแล้ว
วินัยในการใช้ชีวิต และเงินทองสำคัญมาก ที่ผ่านมาเราไม่ระวัง ถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ดี แต่จะให้ดี อย่าให้ใครต้องให้ใครมาวนเวียนในวงจรอุบาทก์แบบเราจะดีที่สุดค่ะ
เป็นกำลังใจให้ผู้ที่ตั้งอกตั้งใจปลดหนี้ ไดจังเคยคิดว่าจะเป็นหนี้ตลอดชีวิต ไม่มีทางได้ผุดได้เกิด แต่ตอนนี้เราทำได้แล้ว รู้สึกเชิดหน้ามองโลกได้หน่อย หลังจากก้มหน้ามองดินหาเศษเงินหล่นมานาน
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป มีสติจะได้ไม่เสียสตางค์นะคะ

และถ้าคิดจะใช้เงิน หาเงินให้ได้ก่อน คือ ทำงานหาเงินมาให้ได้ก่อนจะใช้เงินนะคะ