วันนี้ 30/6/14 ผมไปขึ้นศาลมาครับ
ตื่นแต่เช้าคับตี 4 เดินทางจากลาดพร้าว ไปยังศาลตลิ่งชัน ไปถึงตอน 6.30 คับ

ไปถึงก็งงๆคับ สถานที่สะอาดตามากคับ เดินสำรวจสถานที่สักพัก

เลยเดินไปแวะที่ร้านอาหารมี 3 ร้าน ยังไม่ขายคับ กำลังเตรียมอาหารกัน หลังจากเดินสำรวจเสร็จ ก็เลยกลับไปนอนรอในรถคับ เพราะยังไม่เปิดทำการ โทรหาอาจารย์ประภัทร พูดคุยปรึกษา แล้วก็หลับรอคับ

ตื่นมาอีกที 8 โมง รถจอดเต็มลาดจอดรถคับ เลยเดินลงมาสำรวจต่อ ดูหน้าตาผู้คน ถ้าเป็นทนายจะใส่เสื้อแขนยาวใส่สูท มีหลายบุคคลิกมากๆ ดูเครียดทุกคน(จิงๆนะคับ) ถ้าเป็นจำเลยก็แต่งตัวตามอัตภาพคับ ผมเองก็เสื้อยืดกางเกงสแลค รองเท้าหุ้มส้น สบายๆคับ
หลังจากนั้นก็เดินไปทางเข้าด้านหน้าเลยคับ เข้าไปก็เจอคนตรวจกระเป๋าผ่านเสร็จ ก็ไปยืนมองๆดู เห็นจอทีวี เลยไปยืนดูว่าหมายเลขคดีเรา ห้องไหน โจทย์ชื่ออะไร แล้วก็ชื่อจำเลย โอ๊ะ เป๊ะ ห้อง 504

มองหาหนทางขึ้นที่สูงทันทีคับ มุ่งตรงไปลิฟต์ กดชั้น 5 ไปถึงเดินๆๆๆ ไปหน้าห้อง แล้วก็ดูรายชื่อหน้าห้อง อ่าาาา ไม่ผิดละ ส่งเข้าไปในห้องเห็นบังลังค์ ยังกะในหนัง อืมมมม ครั้งนึงในชีวิต เกิดมาคุ้มจิงๆ เสียดายเป็นหนี้น้อยไปนิด

ก็นั่งรอคับ ห้องยังไม่เปิด รอออออออ
รอไปครึ่งชม. 8.30 มีคนมาเปิดห้อง ก็เดินตามไปเลยคับ หาที่นั่ง สบายๆของผมเอง แถวสองด้านซ้าย ก็เห็นมี ทนายเดินอุ้มเอกสารมากันเพียบ 3-4 คน ก็นั่งดูว่าเขาอะไรกันไปเรื่อยๆคับ แล้วก็สังเกตุเห็นป้ายเล็กๆตรงที่ไว้ยืนปฎิญาณตัวว่า ให้แจ้งชื่อ แต่ก็ไม่กล้าไปคับ นั่งเนียนต่อ เพราะแต่ละคนหน้าตาบอกบุญไม่รับจิง เข้าใจคับ เอกสารเยอะเว่อร์ เห็นสแตมป์กันวุ่นวายน่าดู สงสารเจ้าหน้าที่หน้าศาลมากกว่าคับ จะเยอะไปไหนเอกสาร สักแปปพี่คนที่เป็นเจ้าหน้าที่หน้าศาลตะโกนถาม "มาคดีอะไรครับ" ผม "เอ่ออออ มา มา มา เอ่ออ คดีบัตรคับ ชื่อ!@#$%^&*() " ติดอ่างเฉย

จิงๆตรงนี้นะคับ แจ้งหมายเลขคดีก็ได้ถ้ากลัวอาย แต่ผมไม่อายละคับ ต้องประกาศให้โลกรู้ เจ้าหน้าที่เขาจะได้เตรียมเอกสารได้ง่ายขึ้นคับ สำหรับคนที่มา จะได้ไม่เสียโอกาส หลังจากนั้นก็นั่งรอๆๆๆๆๆ ทนายก็มากันเยอะกว่าเดิม รู้สึกว่าเก้าอี้ไม่พอ คนเต็มห้องเฉยคับ ผมนั่งรอศาลจนกระทั่ง 10 โมง ใจผมน่ะ รอเจอทนายโจทย์ ปรากฎยังไม่มา ใจก็คิดละ ยกฟ้องแน่

ศาลขึ้นบังลังค์แล้ว ก็เรียกพิจารณาคดีอื่นๆไปเรื่อยๆ เพิ่งเคยเห็น อย่างกะในหนังคับ จนใกล้จะถึงคิวเรา หันไปเห็นที่ประตูมีคนมาตัวสูงกว่าผมอีก ผมสูง185 ทนายน่าจะ 190 แหมะ มาข่มเลยหรอ

สภาพคือ เหมือนเพิ่งตื่นอ่ะ แหมผมก็เสียดายเลย นึกว่าจะยกละ 555 หลังจากนั้น ทนายเดินมาหา เพื่อจะเจรจา ผมก็ลากเขาออกไปนอกห้องเลยคับ ไปนั่งคุยกัน เป็นไปตามขั้นตอนจิง
คือ เลื่อน นัดหน้ายอมความ เดี๋ยวดูขั้นต่ำให้ ก็รับๆคำไว้ก่อน แต่ใจมาเลื่อนอยู่แล้วคับ เพื่อจะสู้คดีแน่นอน!!!! หลังจากนั้นศาลเรียก มีคนออกมาตาม จิงๆ อันนี้เขาไม่ตามนะคับ บังเอิญ ทนายมาสายแต่บอกศาลไว้แล้ว ก็เข้าไปหาศาลคับ ใจดีมากคับ ก็เลื่อนตามนั้นคับ แต่มีประเด็นคับของผม คือตอนผมจะเดินออกละ ทนายโจทย์มีอะไรคุยกันศาลนิดนึง ผมเลยยืนฟังด้วย นั่นคือ .........
ทนายฝ่ายโจทย์แจ้งว่า "เพิ่งได้รับมอบอำนาจจากทนายคนเดิมมารับคดีนี้ และตั๋วทนายของเขาหมดอายุ ได้ทำการต่อแล้วแต่ยังไม่ได้แจ้ง" แหมะ ผมละเสียดาย ถ้าอาจารย์มาด้วย สอยไปแล้วผมว่า ถือว่าผิดนัดศาลได้เลย เดี๋ยวผมว่าจะไปปรึกษาอาจารย์เรื่องนี้ กลับไปที่ศาลนะคับ ศาลท่านก็ว่า รีบไปทำให้เสร็จเลยนะ ไม่งั้นเล่นเลยดีไหมเนี่ย ทนายก็หัวเราะแหยะๆ เหมือนจะชี้ช่องยังไงก็ไม่รู้

หลังจากนั้นก็เซ็นใบรายงานว่า เลื่อนนัดไป ผมขอเลื่อนไป 1 เดือน แล้วก็พูดคุยกับทนาย รู้สึกว่าจะดูแลผมดีมาก เพราะเจ้าตัวตั๋วขาดรึเปล่าไม่รู้ 555 จากนั้นก็แยกย้ายคับ หิวข้าวมาก เลยเดินไปกินข้าวที่ศาลนั้นละ
แต่อยากจะบอกว่าไปกินที่อื่นเถอะคับ มัน.... จบการไปศาลคับ ง่วงมาก

จริงๆผม พอจะมองออกนะ ว่าจะไปแนวไหนดีแบบนี้ ผมมองรูปการนะ น่าจะให้ศาลพิพากษาเลยดีกว่า เพราะ ถ้าเราไปประณีประนอมยอมความ อันนั้นเหมาะสำหรับคนอยากยืดอายุหนี้ เพื่อหาเงินมาปิดโดยจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ หาทางเก็บเงินเรื่อยๆ แต่ถ้าให้ศาลพิพากษา หากศาลเป็นเหมือนดั่งตราชั่งจริง เราก็โดนตามที่โจทย์ฟ้องมาตามนั้นอยู่ดี แต่ทางออกที่ 3 หากสู้คดี ทุกท่านไปดูที่เอกสารที่เป็นปึกใหญ่ๆ เขาจะแจ้งยอดก่อนหยุด กับหยุดจนปัจจุบัน ไอ้ยอดก่อนหยุดเนี่ยละ เป็นประเด็นที่จะถูกที่สุดครับ
ขอไปทำธุระนะคับ เดี๋ยวมาต่อ