ต้องไปขึ้นศาลอีกไหม

วันที่9ก.ค.55นี้ต้องไปขึ้นศาล,ก็คงต้องยอมความให้ศาลตัดสินเลย,เพราะตอนนี้ไม่มีเงินเลย,ทําได้ทางเดียวคือต้องอายัติเงินเดือน,อยากทราบว่าถ้าบัตรใบแรกศาลตัดสินแล้ว,วันที่24ก.ค.55โดนขึ้นศาลอีกใบหนึ่งผมต้องไปหรือเปล่า...ไปหรือไม่ไป...มันต่างกันไหม...เพราะบัตรใบที่2ต้องต่อคิว...อยากถามผู้รู้ช่วยให้คําแนะนําด้วยครับ

ขอบคุณคุณ Anakin ที่มาให้คำแนะนำครับ
และขอให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ สู้ๆๆครับ ผมคงจะเลือกทางเดินแบบเดี่ยวกับเจ้าของกระทู้นี้แหละครับ
คือ จะรอขึ้นศาลให้ท่านตัดสินและให้เจ้าหนี้อายัดเงินเดือนไปทีระเจ้า แต่จะไปขอลดการอายัดให้เหลือซัก 15% ต่อเดือน ชึ่งก็เป็นวิธีการใช้หนี้แบบนึง
คุณโก้ หยุดมากี่เดือนแล้วครับแล้วขึ้นศาลกับเจ้าหนี้อะรัยครับ
สู้ๆๆครับ

ขอบคุณ..คุณANAKIN, มากๆครับที่ให้คําแนะนํา....สรุปว่าผมควรจะไปขึ้นศาลบัตรใบที่2นะ...แล้วผมจะไปจะได้ดูว่าผมมีเจตนาที่จะใช้หนี้และไม่ได้หนีศาลครับ...คุณPrapapanครับ ผมหยุดส่งประมาณเดือน8/54ปีที่แล้ว...เป็นบัตรของอี่ซี่บาย ยอด102,000...และใบที่2ของกรุงศรี ...ยอด 35000 หยุดส่งพร้อมๆกัน...ส่วนใบที่3-4-5 น่าจะกําลังตามมาเร็วนี้....รวมหนี้ทั้งหมดประมาณ3แสนได้ครับ

ดีมากค่ะ ที่จะไปศาล ไม่ว่านัดไหน ยกเว้น คุณไปไม่ได้ เช่น
ไกล เสียค่าเดินทางมาก หรือ ทำงานลาไม่ได้ เป็นต้น

ไปแล้วเพื่อแสดงสิทธิของลูกหนี้ อย่างเรา ว่า ไม่มี ไม่หนี ค่ะ
และอาจเจอสิ่งดีๆ เช่น การเห็นใจ การลดหย่อน จากเจ้าหนี้
จากท่านผู้พิพากษา ไม่มากก็น้อย เพราะจริงๆ ยอดฟ้องเกิน
จริงกันทุกคนค่ะ

ทำให้เขารู้ว่า ไม่จ่ายเพราะ มีปัญหา ไม่ใช่เพราะเบี้ยวหนี้ค่ะ
แม้เราไม่มีเงินจ่าย วันนี้ ใช่จะไม่มีตลอดไป รอกันก่อน เราจ่ายแน่

ดีใจที่ไม่กลัวการอายัดเงินเดือน ซึ่งเป็นทางเลือกทางรอดทางหนึ่งค่ะ
สำหรับคนที่ไม่มีจริงๆ ไม่มีทรัพย์สินด้วย เป็นการจัดระเบียบเจ้าหนี้
ที่ดีค่ะ


ฟิตร่างกาย และ นอนหลับให้สนิท ตื่นมาจะได้รู้สึกแจ่มใส สมองปลอดโปร่ง
มีสติเต็ม 100 ค่ะ

เมื่อวานไปขึ้นศาลมาแล้วนะครับไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด....ไปดูรายชื่อที่บอร์ดมี5คนรวมทั้งผมด้วยเป็นบัตรของอีซี่บาย...จากนั้นก็ไปรอที่หน้าห้องบัลลังค์ที่5....จากนั้นทนายโจทน์ของอี่ซี่บายก็มาถามชื่อผม...แหมเป็นผู้หญิงซะด้วยเธอสวยและน่ารักนะครับอายุน่าจะประมาณ26-27ได้เธอก็ได้ทําการไกล่เกี่ยให้ผ่อนเท่าโน้นเท่านี้แต่ผมไม่ตกลงเพราะไม่มีเงินจริงๆและเป็นหนี้บัตรอยู่6-7ใบแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย..เธอดูดีมาก..จนเมื่อผู้พิพากษามาผมเป็นคนแรกเลยที่ต้องขึ้นบัลลังค์ก่อนแต่ก็รู้สึกเฉยๆไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเพราะเดี่ยวมันก็ต้องผ่านไป...ศาลท่านถามผมว่าไกล่เกี่ยกันไม่ได้เหรอ...เพราะอะไร..ผมตอบไปว่าเพราะเป็นหนี้บัตรหลายใบไม่สามารถทําได้...ผมก็ยอมรับต่อหน้าท่านพิพากษาให้ท่านตัดสินไป...ท่านก็เมตตาให้ทางฝ่ายโจทน์..ลดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆให้...ผมมีความรุ้สึกว่าวันนั้นทั้งทนายฝ่ายโจทน์และผู้พิพากษาใจดีกันทั้ง2คนเลย...และไม่ต้องเซ็นชื่ออะไรต่อหน้าศาล...ท่านให้กลับบ้านได้ลยให้รอคําตัดสินที่จะส่งไปที่บ้าน...แต่ผมอยากทราบว่าหลังจากที่ผมได้รับคําตัดสินศาลที่ส่งมาที่บ้านแล้ว...แต่ผมก็ไม่สามารถชําระได้...ทําได้ก็คือให้อายัติเงินเดือน...เมื่อผมได้รับคําตัดสินของศาลแล้วผมควรอยู่เฉยๆหรือเปล่าเพื่อที่จะให้ทางฝ่ายโจทน์ไปฟ้องกรมบังคับคดีเพื่อมาอายัติเงินเดือนผมใช่ไหม...หรืออย่างไร...ใครที่รู้ช่วยให้คําแนะนําด้วยครับ....

โก้ เขียน: แต่ผมอยากทราบว่าหลังจากที่ผมได้รับคําตัดสินศาลที่ส่งมาที่บ้านแล้ว...แต่ผมก็ไม่สามารถชําระได้...ทําได้ก็คือให้อายัติเงินเดือน...เมื่อผมได้รับคําตัดสินของศาลแล้วผมควรอยู่เฉยๆหรือเปล่าเพื่อที่จะให้ทางฝ่ายโจทน์ไปฟ้องกรมบังคับคดีเพื่อมาอายัติเงินเดือนผมใช่ไหม...หรืออย่างไร...ใครที่รู้ช่วยให้คําแนะนําด้วยครับ....

แล้วคุณมีทรัพย์สินให้เขา ยึด/อายัด หรือเปล่าล่ะ?

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=8746&Itemid=29

ไม่มีทรัพย์สินอะไรครับ....ไม่น่ากังวล....มีแต่เงินเดือนครับ....ขอบคุณที่ให้คําแนะนํา

ไปขึ้นศาลมาเหมือนกันค่ะ ครั้งแรก8/6/55(ตื่นเต้นเล็กน้อยค่ะ)
ของnuche สรุปว่าดีเกินคาดค่ะ ก่อนที่จะไปขึ้นศาลขอลดยังไงก็ไม่ยอม
บอกว่าแบงค์ไม่มีนโยบายลดให้ทนายก็บอกมาแบบนั้นเหมือนกัน
และหลังจากที่ไปขึ้นศาลมาเพียง7วัน เจ้าน้าที่แบงค๋โทรมาให้ส่วนลด
และเป็นที่น่าพอใจค่ะจากยอด 4x,xxxเหลือ 2x,xxx ค่ะ ก็ตอบตกลงไป
เรียบร้อยแล้วค่ะ 23/7/12 นี้นัดเคลียค่ะ รอหนังสือยืนยันก็จบค่ะ
ยังไงก็สู่้ๆนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ไปขึ้นศาลครั้งที่2มาแล้วครับแต่ครั้งนี้เสียอารมณ์นิดหน่อย,มันนัดเรา08.30น.แต่ต้องไปรอเกือบชั่วโมง..ผมเข้าไปนั้งที่ห้องก็เจอกับทนายคนหนึ่ง..ซึ่งก็ไม่ใช่ทนายโจทย์ของผม..หน้าตามันกวนจริงๆ..แล้วมันก็ถามผมว่ามาคดีอะไร..ขออนุญาติเรียกว่ามันนะครับ...ผมตอบว่าคดีของกรุงศรี..มันก็ดูจํานวนยอดเงินที่เป็นหนี้39000มันก็เลยบอกผมว่าให้ผมกลับบ้านไป...ผมก็เริ่มจะงงๆทําไมกูต้องกลับด้วยวะ...ผมก็ตอบไปว่าถ้าผมกลับก็เท่ากับว่าผมหนี้ศาล..ผมต้องการให้ศาลท่านตัดสินไปเลย...จุดประสงค์ของผมคือทางเดียวให้อายัติเงินเดือนเท่านั้น...มันก็เริ่มไม่พอใจผมเหมือนกับว่าผมโง่ประมาณนั้น...มันทําอาการเหมือนไม่พอใจผม...ผมก็ได้แต่มันเรื่องอะไรของมึงวะ...จนทนายโจทย์ของผมมาท่าทางเมื่อคืนจะดึกไปหน่อยถึงมาสาย..มันก็ถามผมว่าคุณจะจ่ายยังไง...ผมตอบไปว่าให้ศาลท่านตัดสินเลย..ในระหว่างทีรออยู่ไอ้ทนายที่คุยกับผมคนแรกมันเข้ามาคุยกับทนายโจทย์ของผมมันคงจะพูดกันเรื่องของผมแน่นอน..ประมาณว่าผมโง่ประมาณนั้น(เดาเอานะ)...จนถึงเวลาที่ผู้พิพากษามาท่านก็ตัดสินให้ลดดอกเบี้ยลง...จากนั้นก็เซ็นชื่อรับทราบ...ผมอยากถามผู้รู้ว่าการที่ผมขึ้นศาลครั้งแรกแต่ไม่ได้เซ็นชื่อ..กับการขึ้นศาลครั้งที่2แล้วเซ็นชื่อรับทราบ...อันไหนมันจะมาก่อนกัน...แล้วถ้าจะต้องไปขึ้นศาลบัตรต่อไปควรจะไปอีกไหม...เพราะครั้งที่2นี้เจอทนายโจทย์แย่..ไม่เหมือนครั้งแรกเจอทนายโจทย์ผู้หญิงดีและผู้พิพากษาดี...
ถ้าไปขึ้นศาลแล้วได้ลดดอกเบี้ยและอื่นๆควรจะไปใช่ไหม....แต่เราก็ต้องวัดดวงด้วยว่าศาลท่านจะช่วยเราด้วยหรือเปล่า....และจุดประสงค์ของเราคือให้อายัติเงินเดือนที่ละใบ...ถ้าไม่ไปขึ้นศาลมันมีผลไหมกับการไม่ไปขึ้นศาลเพราะเราไม่รู้ว่าศาลท่านจะลดดอกเบี้ยให้เราหรือเปล่า...เพราะบางทีเราไม่สามารถไปได้เพราะงาน....

เป็นผมจะไปมันทุกนัดหล่ะครับ ไปแสดงตัวตนว่าไม่ได้หนีศาล
ไปเพื่อขอความเมตตาต่อศาลเผื่อท่านเห็นใจลดดอกเบี้ยบ้าง
แต่ก็ใช่ว่าจะได้ลดเสมอไปนะครับเพราะไม่ใช่หน้าที่ของศาล

GOKU เขียน: เป็นผมจะไปมันทุกนัดหล่ะครับ ไปแสดงตัวตนว่าไม่ได้หนีศาล
ไปเพื่อขอความเมตตาต่อศาลเผื่อท่านเห็นใจลดดอกเบี้ยบ้าง
แต่ก็ใช่ว่าจะได้ลดเสมอไปนะครับเพราะไม่ใช่หน้าที่ของศาล

ถูกใจถูกต้องค่ะ

หาความรู้เพิ่มเติมในห้องนี้นะค่ะ



เวลานัดขึ้นศาล คือเวลาที่ระบุในหมายศาลค่ะ ไม่ใช่นัดเพื่อน
คุณโก้ค่ะ คุณเป็นคนบู๊ได้ใจจริงๆนะค่ะ

ไม่ทราบว่า การขึ้นศาลครั้งที่ 2 หมายถึงเคสเจ้าหนี้เดียวกัน
หรือคนละเจ้าหนี้ ถ้าคนละเจ้าหนี้ จะให้เจอคนแบบเดียวกัน
ตลอดย่อมเป็นไปยากค่ะ แต่ถ้าเจ้าหนี้เดียวกัน ทนายมักเป็น
คนเดิมยกเว้นทนายเดิมติดภารกิจ

ส่วนเรื่องเซ็นอะไร ไม่เข้าใจว่า อ่านหรือเปล่าที่เซ็นไปคือ
อะไร ถามเราๆ ก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเป็นเอกสารอะไร
รู้แต่ว่า ไม่ว่าจะเลื่อนนัดศาล เราก็ต้องเซ็น เวลายอมความ
ก็ต้องเซ็น เวลาที่ปล่อยให้ศาลท่านพิพากษาไป ก็ต้องเซ็น
ไม่มีที่จะกลับบ้านโดยไม่เซ็นอะไร


การที่จะยอมให้อายัดเงินเดือนไป คุณจะไปขึ้นศาลตามหมาย
เรียกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสะดวก ความพร้อมของคุณเอง
การไปศาล เราไปแสดงเจตนาของเรา ไปใช้สิทธิของลูกหนี้
ว่า เราไม่มี ไม่หนี แต่ยังไม่พร้อมจ่าย

เรื่องการขอความเมตตาให้ศาลพิจารณาลด ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ
ของศาลแต่ละท่าน ไม่มีอะไรแน่นอน และไม่จำเป็นที่ท่านต้อง
ลดให้เราทุกครั้ง แต่ถ้าคุณสู้คดี ด้วยการยื่นคำให้การ ท่านจะรับ
ไปพิจารณา และสืบพยานอย่างละเอียดก่อนให้คำพิพากษา
อาจจะได้ลด หรือคงดอกเบี้ยตามปกติ

แต่ที่แน่นอน ถ้าไม่ไป คุณก็จะได้รับ
คำพิพากษาเป็นไปตามคำฟ้องที่เห็นค่ะ คิดว่ายุติธรรม หรือพอใจ
หรือเปล่าละค่ะ

คนละเจ้าหนี้ครับ...เซ็นชื่อน่าจะเป็นการเซ็นรับทราบคําพิพากษามากกว่านะครับ...สรุปว่าควรจะไปศาลทุกครั้งที่โดนฟ้องใช่ไหมครับถ้าเราไม่ติดอะไร...แล้วที่ทนายมันไล่เรากลับบ้านมันไล่เราเพื่อเหตุผลอะไรหรือจะได้รับทราบไว้...

สงสัยเค้าไม่อยากให้เราขอความเมตตาต่อศาลลดดอกเบี้ยลง เห็นว่ายอดน้อย เดี๋ยวจะได้ค่าคอมน้อยลงไปอีก
แต่คุณก็อย่าไปใส่ใจอะไรมากเลย ใส่ใจแต่เก็บเงินใช้หนี้ดีกว่า