ได้หมายศาลนัดไกล่เกลี่ย 29 มค.56

เมื่อวานจะโทรไปขอส่วนลดของธนาคารกรุงไทยสินเชื่อส่วนบุคคล ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าส่งฟ้องแล้วและศาลตัดสินเรียบร้อยแล้ว ตายละไม่เห็นรู้เรื่องเลยหมายศาลก็ไม่มี คำตัดสินคดีก็ไม่มี เลยเข้าเวปไซของศาลว่าศาลได้ตัดสินไปหรือยังปราฏกว่าศาลตัดสินไปแล้วจริงให้ทางโจทย์ชนะ โดยเราต้องชำระยอดเงินต้นรวมดอกเบี้ย 10% ต่อปี และต้องเสียค่าทนายอีก 3 พันบาท แต่ก็ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาเลยคะศาลตัดสินไปเมื่อวันที่ 19/12/2555 และได้สอบถามกับทางธนาคารแต่ธนาคารแจ้งว่าทนายยังไม่ได้เอาคำตัดสินให้ไม่ทราบยอด อย่างนี้ต้องทำไงดีคะ

เรื่องยังไม่จบ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจเลยครับ คุณยังมีเงิน 40000 อยู่ในมือหรือเปล่าครับ ถ้ายังมีก็ยังต่อรองได้ตลอด HAIR CUT ทำได้ตลอด เขาจะเอาเงิน 40000 ตอนนี้หรือจะเอา 2500 รอให้ครบอีกเกือบ 2 ปี อันนี้ต้องลองต่อรองดูเรื่อยๆครับ

แต่ผมยังงงๆ ที่ศาลท่านตัดสินให้คุณทำยอมความ อยากทราบรายละเอียดว่า ที่ศาลพูดเป็นคำแนะนำซึ่งเราอาจปฏิเสธได้แต่คุณไม่ปฐิเสธ หรือเป็นการสรุปตัดสินเลย แล้วคุณได้ใช้สิทธิ์ในการขอเลื่อนการพิจารณาเพื่อต่อรองอีกครั้ง หรือขอเลื่อนเพื่อสู้คดีหรือยัง ช่วยเล่าให้ฟังนิดนึงนะครับ

ไม่ได้ขอเลื่อนคะไปศาลและตัดสินเลย ตอนที่ศาลท่านพิจารณาท่านก็ถามว่าได้มีคุยกับทางเจ้าหน้าที่ว่าอย่างไรบ้างก็เล่าไปว่าได้แจ้งขอปิดที่ 4 หมื่นแต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอม ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะปิดหรือผ่อนก็ยอดที่ฟ้อง ศาลท่านก็เลยบอกว่าทำยอมไปเถอะเพราะดูจากยอดแล้วน่าจะผ่อนไหวจะไปยอมจ่ายทำไม 4 หมื่นถ้าจะให้ศาลตัดสินก็ได้เพราะจากที่ดูเขาก้อคิดดอกเบี้ยมากเกินไป ถ้าให้ศาลตัดสินก้อจะคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 8% แต่ต้องจ่ายค่าทนายและค่าอื่นๆ อีกประมาณ 4 พันบาทนะ ศาลว่ายอมไปเถอะจะปฏิเสธว่ายังไงละคะเพราะท่านส่งเอกสารคืนทนายไปเลยตอนแรกปฏิเสธิไปแล้วท่านก้อบอกว่าให้ยอมๆ ไป

supin-chum เขียน: เมื่อวันที่ 12/2/56 ได้ไปขึ้นศาลคดีของไทยพาณิชย์ สินเชื่อส่วนบุคคล ไม่ได้อย่างที่คิดไว้เลยคะจากที่เคยว่าจะขอปิดยอด 4 หมื่น ทางธนาคารไม่ยอมเลยคะศาลให้ทำยอมความซะงั้นโดยให้ชำระยอดตามที่ฟ้องคือ 58921 บาท ผ่อนจ่าย 20 งวดๆ ละ 2500 บาท งวดสุดท้ายจ่ายยอดที่เหลือทั้งหมด พยายามที่จะต่อรองแล้วแต่ศาลท่านเห็นว่าน่าจะยอมความ เพราะไม่งั้นจะต้องเสียค่าทนาย 4 พันบาท พูดไม่ออกเลยคะพอศาลพูดเสร็จท่านก็ส่งเอกสารให้ทนายจัดการเลยแล้วก็ว่าความรายอื่นต่อไป เจอแบบนี้แล้วหมดกำลังใจเลยคะ

คิดเสียว่าเราไม่ต้องเอาเงินก้อนไปชำระทั้งหมด....ได้มีเวลาให้เราได้หายใจ...ไม่หนัก..ไม่เหนื่อย

เพียงแต่สงสัยว่า ถ้าคุณผ่อนจ่าย ๒๐ งวดๆ ละ ๒๕๐๐ เบ็ดเสร็จ เท่ากับ ๕๐,๐๐๐ บาท

เพราะฉะนั้น งวดที่๒๐ คุณต้องชำระยอดที่เหลือทั้งหมด คือ ๒๕๐๐ บวกกับอีก ๘๙๒๑ ใช่ไหมคะ

ถ้าใช่ นั่นหมายถึงระหว่างที่ผ่อนชำระ ปลอดดอกเบี้ย.....

ตัว เคที่ซี ของน้ำมนต์ก็มี ตัดสินแล้วเช่นกัน พิพากษาตามฟ้อง คิดดอกเบี้ย ๑๐ %...

ของน้ำมนต์ปล่อยให้อายัดเงินเดือนค่ะ...เพราะ ๓๐% ของเงินเดือน น้อยกว่าชำระขั้นต่ำมากๆ

ยอดหนี้ตัวนี้ของน้ำมนต์ ๕๐๐,๐๐๐ กว่านิดๆ.... อีกทั้ง เจ้าหนี้ อายัดได้ทีละเจ้าค่ะ..

สู้ สู้ ค่ะ ....รู้วิธี รู้หนทาง ของการปลดหนี้ หลุดจากวงจรหนี้...เป็นสุข และ ปลอดภัยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...

ขอบคุณ คุณน้ำมนต์มากคะ ที่จริงยังเหลืออีกประมาณ 7 บัตรที่ยังไม่ได้ฟ้องนะคะ ควรจะอายัดเงินเดือนดีหรือเปล่าคะเพราะถ้าผ่อนยอดคงเยอะ แล้วถ้าอายัดเงินเดือนใช้เวลานานหรือเปล่าคะกว่าที่เขาจะมาอายัดเงินเดือนอะคะ

supin-chum เขียน: ขอบคุณ คุณน้ำมนต์มากคะ ที่จริงยังเหลืออีกประมาณ 7 บัตรที่ยังไม่ได้ฟ้องนะคะ ควรจะอายัดเงินเดือนดีหรือเปล่าคะเพราะถ้าผ่อนยอดคงเยอะ แล้วถ้าอายัดเงินเดือนใช้เวลานานหรือเปล่าคะกว่าที่เขาจะมาอายัดเงินเดือนอะคะ

กระบวนการของขั้นตอนการอายัดเงินเดือนนั้น...ต้องผ่านกระบวนการทางศาลแล้ว....

แล้วลูกหนี้ไม่ได้มีการชำระเข้าไป...ทางเจ้าหนี้ก็จะทำบังคับคดีต่อไป...

การบังคับคดีมีหลากหลาย เช่น

- การอายัดทรัพย์สินทั้ง สังหาริมทรัพย์ และ อสังหาริมทรัพย์ ที่ลูกหนี้เป็นเจ้าของทรัพย์นั้น
(ไม่ว่าจะปลอดภาระ หรือไม่ก็ตาม) ยกเว้น รถ หากยังติดภาระการผ่อนอยู่ เขาก็จะรอจนคุณผ่อนหมด
แล้วจึงส่งเรื่องอายัด

- การอายัดบัญชีเงินฝาก

- การยึดสิ่งของในบ้านที่จำเลยเป็นเจ้าบ้าน (แต่มีข้อกฏหมายคุ้มครองบางส่วน
หาอ่านได้ในห้องรู้ทันกฏหมาย)

- การอายัดเงินเดือน

ทุกอย่างที่น้ำมนต์แจ้งข้างต้น คุณสามารถหาอ่านได้ในห้องรู้ทันกฏหมาย...อ่านก่อนที่ทุกอย่าง

จะสายเกินไปค่ะ....ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน....ที่พึ่งอื่นแห่งตนไม่มี...รีบๆๆค่ะ

เคสของการอายัดเงินเดือนนั้น...เหมาะกับบุคคลที่มีหนี้มากๆๆๆๆ หลายราย....

ตัวเปล่าจริงค่ะ...ไม่มีอะไรเลย...นอกจากชีวิต...สติปัญญา.....

เราเป็นหนี้เขาจริง...เราก็ต้องจ่ายคืนเขา...หากแต่ต้องเป็นเวลา และ ยอด ที่เหมาะสมค่ะ...

เพราะกว่าเราจะบ่มเพาะยอดหนี้ได้มากขนาดนี้...เราก็ใช้เวลาหลายปี่เช่นกัน....

ฉะนั้น....เวลาที่เราจะหลุดพ้นจากบ่วงหนี้ ก็คงต้องใช้เวลาเช่นกัน...

น้ำมนต์อยู่ในวงจรหนี้บัตรพลาสติกนี้ ๒๐ ปีเลยนะนี่...

การอายัดเงินเดือน ก็เป็นวิธีปลดหนี้ชนิดหนึ่งเช่นกัน.....

ส่วนระยะเวลาในการอายัดเงินเดือน หรือ อื่นใด....ขึ้นอยู่กับความขยันของเจ้าหนี้ค่ะ...

โชคดีค่ะ...

ขอบคุณคะ...

supin-chum เขียน: ไม่ได้ขอเลื่อนคะไปศาลและตัดสินเลย ตอนที่ศาลท่านพิจารณาท่านก็ถามว่าได้มีคุยกับทางเจ้าหน้าที่ว่าอย่างไรบ้างก็เล่าไปว่าได้แจ้งขอปิดที่ 4 หมื่นแต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอม ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะปิดหรือผ่อนก็ยอดที่ฟ้อง ศาลท่านก็เลยบอกว่าทำยอมไปเถอะเพราะดูจากยอดแล้วน่าจะผ่อนไหวจะไปยอมจ่ายทำไม 4 หมื่นถ้าจะให้ศาลตัดสินก็ได้เพราะจากที่ดูเขาก้อคิดดอกเบี้ยมากเกินไป ถ้าให้ศาลตัดสินก้อจะคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 8% แต่ต้องจ่ายค่าทนายและค่าอื่นๆ อีกประมาณ 4 พันบาทนะ ศาลว่ายอมไปเถอะจะปฏิเสธว่ายังไงละคะเพราะท่านส่งเอกสารคืนทนายไปเลยตอนแรกปฏิเสธิไปแล้วท่านก้อบอกว่าให้ยอมๆ ไป

ขอบคุณที่อธิบายให้ฟังครับ ผมสอบถามไว้เป็นข้อมูลหน่ะครับไม่ได้มีเจตนาต่อว่า หรือจะแนะนำอะไร เนื่องจากไม่มีประสบการณืเรื่องนี้

ในส่วนการอายัดเงินเดือนขอเพิ่มเติมข้อมูลของพี่น้ำมนต์นิดหน่อย โดยอ้างอิงกระทู้ที่คุณนกกระจอกเทศตอบไว้ตามด้านล่างครับ

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=28147&Itemid=52

ถาม : ถูกศาลพิพากษาแล้ว อีกนานแค่ไหนถึงจะโดนอายัดเงินเดือน?

ตอบ : การอายัดเงินเดือน หรือการอายัดทรัพย์ใดๆนั้น จะใช้เวลานานเท่าใดมันขึ้นอยู่กับความขยันของฝ่ายโจทก์(เจ้าหนี้) ที่จะเป็นผู้นำคำพิพากษาของศาลไปเขียนคำร้องต่อกรมบังคับคดีให้เป็นผู้ทำการอายัด โดยให้เหตุผลว่าลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาล(ดื้อแพ่ง) จึงจำเป็นต้องยื่นคำร้องดังกล่าว

ดังนั้น...ระยะเวลาในการอายัดใดๆ ของกรมบังคับคดี หลังจากที่ศาลได้พิพากษาไปแล้วนั้น...มันจึงไม่แน่นอน (ถึงแม้นว่าในคำพิพากษา จะเขียนเอาไว้โดยชัดเจนว่า บังคับภายใน 15 วัน ก็ตามที) เพราะเงื่อนไขของระยะเวลาดังกล่าว มันขึ้นอยู่กับทางฝ่ายโจทก์(เจ้าหนี้)เอง ว่าจะไปยื่นเรื่องเมื่อไหร่?

ยังมีเงื่อนไขแห่งความล่าช้าของการอายัดอีกประการหนึ่ง...กล่าวคือ

เนื่องจากยังมีคดีในการติดตามอายัดต่างๆ ที่ค้างอยู่ในกรมบังคับคดีจำนวนมหาศาล ที่ยังรอคิวเพื่อทำเรื่องส่งอายัดอยู่อีกตั้งมากมายหลายคดี

โดยทั้งนี้ทั้งนั้น ยังขึ้นอยู่กับเขตพื้นที่ของกรมบังคับคดีในแต่ละจังหวัดอีกด้วย เพราะในบางจังหวัดมีคดีในการฟ้องร้องบังคับคดีกันน้อยมาก อย่างจังหวัดซึ่งอยู่ในพื้นที่ความเจริญน้อย เช่น จังหวัด แม่ฮ่องสอน , น่าน , ตราด , ระนอง , สตูล , พังงา , ยโสธร , เลย , และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้…เป็นต้น จังหวัดเหล่านี้จะมีคดีที่ถูกยื่นให้ทำการอายัดน้อยคดี จึงสามารถดำเนินการอายัดบังคับคดีได้โดยเร็วเพราะไม่ต้องรอคิวนาน

ส่วนจังหวัดที่มีความเจริญสูงมากๆ ก็จะมีคดีที่รอคิวให้ทำการอายัดเป็นจำนวนมาก อย่างจังหวัดซึ่งอยู่ในพื้นที่ความเจริญสูง เช่นจังหวัด กรุงเทพมหานครและปริมณฑล , ชลบุรี , เชียงใหม่ , นครราชสีมา , ขอนแก่น , อุบลราชธานี , อุดรธานี , สงขลา...เป็นต้น จังหวัดเหล่านี้จะมีคดีที่ถูกยื่นให้ทำการอายัดเป็นจำนวนมาก จึงสามารถดำเนินการอายัดบังคับได้ช้ามาก เพราะไม่รู้ว่าต้องรออีก กี่พัน กี่หมื่นคดี กว่าจะถึงคิวของตน

ดังนั้น...ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนที่ถูกอายัด...กว่าจะ"โดน" ก็เกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้ (15 วัน) กันทั้งนั้น...และแต่ละคนจะมีระยะเวลาในการ"โดน"ที่ไม่เท่ากันเลย...เอาแน่นอนอะไรไม่ได้เลย

บางคน"โดน"หลังจากที่ศาลพิพากษา เพียงแค่ 2 เดือน

บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 4 เดือน

บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 6 เดือน

บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 1 ปี

บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 2 ปี

บางคนก็"โดน"หลังจากศาลพิพากษาไปแล้ว 4 ปี


แล้วจะเอาตรงไหนมาเป็นบรรทัดฐานดีล่ะครับ?

ตอนนี้มีบัตรโทรมาให้ส่วนลดหลายบัตรเลยคะ แต่ก็มีเงินจำกัดต้องเลือก H/C บางบัตร
1.ซิตี้แบงค์ ยอด 28000 ลดเหลือ 16000
2.เฟิรสช้อย ยอด 24000 ลดเหลือ 9900
3.ไทยพาณิชย์ ยอด 44000 ลดเหลือ 30000

ถ้าเราจะ H/C ต้องรอหนังสือยืนยันยอดจากธนาคารก่อนใช่หรือเปล่าคะแล้วถึงไปชำระที่ธนาคาร

supin-chum เขียน: ตอนนี้มีบัตรโทรมาให้ส่วนลดหลายบัตรเลยคะ แต่ก็มีเงินจำกัดต้องเลือก H/C บางบัตร
1.ซิตี้แบงค์ ยอด 28000 ลดเหลือ 16000
2.เฟิรสช้อย ยอด 24000 ลดเหลือ 9900
3.ไทยพาณิชย์ ยอด 44000 ลดเหลือ 30000

ถ้าเราจะ H/C ต้องรอหนังสือยืนยันยอดจากธนาคารก่อนใช่หรือเปล่าคะแล้วถึงไปชำระที่ธนาคาร

เมื่อเราตกลงกันด้วยวาจาแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะเป็นหลักฐานยืนยันได้ดีหากมีอะไรตุกติดขึ้นมาก็คือใบยืนยันการชำระหนี้..
(ไม่ใช่ดีใจจนลืม จะปิดหนี้ให้มีความสุขต้องได้ใบยืนยันมาก่อนเท่านั้น)เมื่อเราได้รับมาแล้ว
เราต้องตรวจตราว่ายอดเป็นไปตามที่ตกลงหรือไม่ หากว่ามีสิ่งผิดสังเกตติดต่อกลับไป..
หากว่าไม่มีอะไร ก็ค่อยไปจ่ายเงิน เก็บใบเสร็จไว้ให้ดี และโทรทวงใบปลดหนี้ด้วย
ข้อสำคัญที่สุด เก็บหลักฐาน 3 สิ่ิงไว้ในที่ปลอดภัยด้วย..พี่อัง สวยประหาร

ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำคะ
จนถึงวันนี้ได้มีปลดหนี้ไปแล้ว 3 บัตรแล้วคะ จะทยอยใช้หนี้ให้หมดจะได้เป็นไทยซะที พอกันทีคะ

แต่มีเรื่องขอคำปรึกษาจากผู้รู้คะ คือจะมีบัตรของ KTC เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่รวมยอด 2 บัตร ประมาณ 140000 บาท อันนี้ไม่ได้ไปศาลเพราะไม่ได้รับหมายศาลคะ และศาลได้ตัดสินไปแล้วเมื่อวันที่ 19/12/55 โดยให้ฝ่ายโจทย์ชนะและชำระหนี้ตามยอดที่ฟ้อง ได้เช็คไปทางศาลว่ามีการตัดสินคดีไปแล้วจริง แต่เรายังไม่ได้รับคำตัดสินของศาลส่งมาที่บ้าน และได้โทรไปติดต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารสอบถามถึงเรื่องการชำระว่าจะชำระอย่างไรได้บ้าง แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าทนายยังไม่ได้เอาทำตัดสินของศาลมาให้จึงไม่รู้ยอดจริงถ้าทางเขาได้รับแล้วจะโทรมาแจ้งอีกทีนะ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาเลยคะ
เราควรทำไงดีคะ แล้วเขาจะบังคับคดีเราเลยใหมโดยที่ไม่ติดต่อเราเลยอะคะไม่อยากให้เรื่องถึงบริษัทฯ เพราะมันยุ่งยากมากคะ รบกวนช่วยแนะนำด้วยคะ

ขอบคุณคะ

ได้ไปขอคัดคำพิพากษาที่ศาลแล้ว และลองโทรไปเจรจาต่อรองกับทางเจ้าหน้าแต่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันว่าทนายยังไม่ได้เอาคำพิพากษามาให้ แต่เขาแจ้งยอดฟ้องให้ทราบว่าอยู่ที่ประมาณ 140000 บาท เป็นยอด 2 บัตรรวมกัน ถ้าจะชำระเขาให้ชำระแค่ 8 งวดๆ ละ 17500 แล้วจะไหวเหรอคะเยอะขนาดนี้ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าศาลตัดสินไปแล้วคงทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่ชำระก้อเข้ากระบวนการอายัดเงินเดือนเลย
ควรจะทำไงดีคะ หรือรอให้อายัดเงินเดือนเลย แต่ก้อมีภาระที่ต้องผ่อนบัตรอื่นอยู่คะ ทำไงดี

มีเรื่องรบกวนสอบถามผู้รู้คะ
อันนี้เป็นเรื่องของแฟนคะ เขาได้หย่ากับแฟนเก่าเขาเมื่อ เมษายน 2555 และได้ระบุจะให้ค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 3000 บาท โดยที่ผ่านมาก็ชำระให้ทุกเดือนโดยได้จากค่าเช่าบ้าน เนื่องจากตอนที่แต่งงานกันเขาซื้อบ้านชื่อร่วมกันและคนที่ผ่อนคือแฟนหนูคะ โดยคนเช่าบ้านจะโอนผ่านธนาคารของแฟนเก่าเขาทุกเดือนจนเมื่อเดือนธันวาคม 2555 คนเช่าบ้านเขาย้ายออก แฟนก็เลยขอส่งให้ลูกเขาเดือนละ 1500-2000 ถ้ามีคนเช่าบ้านหรือขายบ้านได้ก็จะให้เพิ่ม และก็มีคนมาขอซื้อบ้านก็หาร 3 ส่วน คือแฟนหนู แฟนเก่าเขา และก็ลูก และก็ตกลงกันว่าต่อไปจะให้ลูกเดือน 2000 ก่อนที่จะให้เงินค่าขายบ้านเขาก็ตกลง แต่พอมาเดือนมีนาคม มีหมายศาลมาที่บ้านบอกว่าแฟนหนูผิดสัญญาเรื่องเลี้ยงดูบุตรในหมายศาลแจ้งว่าไม่เคยส่งเสียค่าเลี้ยงดูเลยตั้งแต่หย่ากันมา แล้วอย่างนี้ควรทำอย่างไรคะเอกสารการโอนก็ไม่มีเพราะผ่านบัญชีเขาโดยตรงคะ

ช่วยแนะนำด้วยคะ ขอบพระคุณอย่างสูง

ทางชมรมนี้คงตอบไม่ได้ครับเรื่องการฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร เนื่องจากทางชมรมไม่เชี่ยวชาญกฏหมายด้านอื่น เกรงว่าจะแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้

ขอโทษด้วยครับ แต่เป็นกำลังใจให้ครับ

ทางออกที่ดีที่สุดคือการเจรจาครับ

ศาลตัดสินแล้วคดีบัตรของ ktc ให้ชำระเงิน 75,169.75 ของเงินต้น 64,993 ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปี
และ 71,068.63 เงินต้น 59,973.68 นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้อง 27/9/55)

ได้มีติดต่อไปทางธนาคาร ให้ชำระ 8 งวด ตกเดือนละ 17,000 กว่าบาท ยอดนี้คงส่งให้ไม่ไหว

อยากสอบถามว่า
1.ถ้าจะหักคอจ่ายเพื่่อที่จะไม่โดนบังคับยึดทรัพย์ ควรต้องส่งเดือนประมาณเท่าไหร่คะ
2.แล้วต้องติดต่อกลับไปยังธนาคารอีกหรือเปล่าคะ

ขอบคุณสำหรับคำตอบคะ

ศาลตัดสินแล้วคดีบัตรของ ktc ให้ชำระเงิน 75,169.75 ของเงินต้น 64,993 ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปี
และ 71,068.63 เงินต้น 59,973.68 นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้อง 27/9/55)

ได้มีติดต่อไปทางธนาคาร ให้ชำระ 8 งวด ตกเดือนละ 17,000 กว่าบาท ยอดนี้คงส่งให้ไม่ไหว

อยากสอบถามว่า
1.ถ้าจะหักคอจ่ายเพื่่อที่จะไม่โดนบังคับยึดทรัพย์ ควรต้องส่งเดือนประมาณเท่าไหร่คะ
2.แล้วต้องติดต่อกลับไปยังธนาคารอีกหรือเปล่าคะ

ขอบคุณสำหรับคำตอบคะ

การหักคอจ่าย ยังไม่ได้รับประกันว่าจะโดนบังคับคดี หรือเปล่านะครับ ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ด้วย ลองศึกษาดูนะครับ

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=11682&Itemid=29#11682 ข้อควรระวังของการใช้วิธีหักคอจ่าย ของคุณเก่ง FamilyMan

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=13737เทคนิคการเตะถ่วงผ่อนจ่ายหลังขึ้นศาลของคุณใกล้เป็นไท

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=18655 เทคนิคการจ่ายหยอดหลังพิพากษา

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=15909 จ่ายหยอดหลังพิพากษา

ขอบคุณพ่อยอดคะที่ช่วยให้คำแนะนำ

จะลองหยอดจ่ายดูคะ ไม่อยากให้ต้องบังคับคดี และเก็บเงินเพื่อ H/C เสี่ยงดวงเอา แต่ขอถามอีกนิดนึงคะ

จากยอดที่ฟ้องคือ 2 ยอดรวมกัน เวลาจ่ายต้องจ่ายแยกใช่หรือเปล่าคะ จะจ่ายซักใบละ 1500 2 ใบก็ 3000
จะดูน่าเกลียดไปใหมคะ

จริงๆตามความเห็นส่วนตัวผม หลังศาลตัดสิน อยากให้ใช้การเจรจาก่อนนะ มันก็มีรูปแบบการต่อรองหลายแบบ ตามตัวอย่างที่แปะไว้ บางท่านขอช่วงเดือนแรกๆน้อยๆก่อนให้เหตุผลถึงความจำเป็นต่างๆ ก็ว่าไป บางท่านก็ตกลงในส่วนจำนวนงวดเช่นของคุณ 8 งวด แต่อาจขอ 5 งวดแรกน้อยๆก่อน 3 งวดหลังค่อนทะยอยปิด อะไรประมาณนี้ เพื่อให้ช่วง 2-3 เดือนแรกเป็นการยอมรับกันได้ทั้ง 2 ฝ่ายหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที

แต่ว่าคุณจะเอาตั้งแต่งวดแรก ผมว่าเหมือนหักกันตรงๆหน่ะครับ แต่ก็แล้วแต่การตัดสินใจของคุณนะ

ผมเคยถามเรื่องจำนวนการหักคอจ่ายกับท่านเจ้าสำนักครั้งนึง ท่านอาจารย์บอกว่าถ้าเอาคิดง่ายๆขั้นต่ำก็ เอา 60 หารครับ แล้วทำตารางดู ตารางก็ตามตัวอย่างในลิงค์ของคุณเก่ง Family man นั่นแหละครับ ว่าหนี้จะหมดเมื่อไหร่

ที่มาคือการบังคับคดีมีอายุ 10 ปีครับ เอาแค่ครึ่งนึงก็น่าจะไม่น่าเกลียดเกิน ตอนจ่ายจริงถ้าไปได้ตลอดรอดฝั่งก็จะเกิน 60 งวดหล่ะครับเพราะต้องคิดดอกเบี้ยเข้าไปด้วยปีละ 10% ตามคำตัดสิน

ลองพิจารณาดูนะครับ