ได้รับหมายเรียกจำเลย ไทยพาณิชย์(speedy cash) ขอคำแนะนำค่ะ

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #31333 โดย yee
เป็นหนี้บัตรสินเชื่อหมุนเวียนไทยพาณิชย์ speedy cash วันนี้ 10กพ2556

ยอดหยุดจ่ายเมื่อ 4 พค 54 จำนวน 31,xxx บาท ดอกเบี้ย 17,xxx บาท รวม 49,xxx บาท

เนื้อความใบปะหน้าคือให้ไปไกล่เกลี่ย ให้การและสืบพยานที่ศาล

เท่าที่อ่านๆของเพื่อนๆมาควรจะไปศาลเพื่อแสดงตัว

แต่ตอนนี้ไม่มีเงินเก็บไม่มีเงินก้อนเลย ตกงาน รายได้ที่มีเพียงขายของตลาดนัด และเงินเดือนจากสามีเดือนละหมื่นกว่าบาท เท่านั้น (ปล.เงินเดือนที่ได้จากสามีใช้จ่ายทั้งบ้าน)

คำถามค่ะ

1.ควรทำอย่างไรบ้างคะ เมื่อไปถึงศาล ควรเจรจากับทนายโจทก์ก่อนมั้ย

2.หากขอผ่อนเป็นรายงวดจะขอลดดอกเบี้ยได้หรือไม่ เพราะดอกเบี้ยสูงมาก

3.เงินต้นเท่านี้จะขอผ่อนได้เดือนละประมาณเท่าไหร่

ไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้เลย ใครมีประสบการณ์ รบกวนบอกหน่อยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #31337 โดย Rider V1
การแก้ไขปัญหาหนี้ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป เช่น บางคนมีทรัพย์สิน, บางคนไม่มีทรัพย์สิน,บางคนจดทะเบียนสมรส,บางคนไม่จด และอื่นๆอีกมากที่แตกต่างกัน การแก้ไขแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน
เข้าไปอ่านในห้องรู้ทันกฎหมาย และ กระทู้ปักหมุดครับ คำตอบที่คูณถามอยู่ในนั้นครับ



ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #31338 โดย Rider V1

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #31401 โดย yee

Rider V1 เขียน: การแก้ไขปัญหาหนี้ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป เช่น บางคนมีทรัพย์สิน, บางคนไม่มีทรัพย์สิน,บางคนจดทะเบียนสมรส,บางคนไม่จด และอื่นๆอีกมากที่แตกต่างกัน การแก้ไขแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน
เข้าไปอ่านในห้องรู้ทันกฎหมาย และ กระทู้ปักหมุดครับ คำตอบที่คูณถามอยู่ในนั้นครับ




ขอบคุณมากๆค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #31566 โดย Ploylyly
ขอโทษครับตอบช้าไปหน่อย ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าบอร์ดชมรม

แนวทางการไปศาล

1.ควรทำอย่างไรบ้างคะ เมื่อไปถึงศาล ควรเจรจากับทนายโจทก์ก่อนมั้ย

แนวทางการไปศาลของท่านAnakin www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=20859&Itemid=52

การไปศาลไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพียงแต่บรรยากาศอาจจะวังเวงซะหน่อย ไม่ต้องไปกลัวอะไรมากเราไม่ได้ไปฆ่าใครตาย หรือต้มตุ๋นขายตุ๊กตาเฟอร์บี้ซะหน่อย เป็นเพียงคดีผู้บริโภค สามารถไกล่เกลี่ยกันได้

ก่อนอื่นตั้งสติก่อนว่าเราจะไปเพื่ออะไร อย่างไร ประเมินตัวเองให้ได้ก่อน ไปนัดแรกไปหยั่งเชิงทางโจทก์ว่าจะมีข้อเสนออย่างไรบาง โดยประเมินเงินในกระเป๋าตัวเองเป็นหลัก ดูทางเจ้าหนี้ให้ข้อเสนอ ผ่อนสั้น ผ่อนยาวยังงัย ไหวมั้ย ถ้าเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่ายก็จบ จากนั้นก็ทำสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างเรากับโจทก์ โดยมีท่านผู้พิพากษาเป็นพยาน ผ่อนไปได้ซักระยะมีเงินก้อนเข้ามา บังเอิญโชคดีถูกหวยก็สามารถขอส่วนลดในการปิดบัญชีได้ หรือที่ทางชมรมเรียกว่าHaircut นั่นเอง

หรือถ้าข้อเสนอทางโจทก์ยังไม่เป็นที่พอใจ เราสามารถขอใช้สิทธในการเลื่อนคดีออกไปอีกนัดนึงก่อน โดยให้เหตุผลว่า เราขอไปเจรจากับทางเจ้าหนี้ที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง โดยเราแจ้งต่อเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ หรือรอพอท่านผู้พิพากษาแล้วแถลงต่อหน้าศาลได้เลย โดยที่ท่านจะเมตตาให้เวลาเลื่อนออกไป 1 เดือน - 1 เดือนครึ่ง เพื่อไปทำการเจรจาต่อโจทก์ ถ้าไปเจรจาแล้วเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย นัดหน้ามาหรือไม่มาก็ได้ (แต่ควรจะมา เพื่อให้แน่ชัดว่าทางทนายโจทก์ไม่ตุกติก หรือนำเอาเอกสารที่เราได้ทำการตกลงหรือสัญญามาแสดงต่อศาลได้)

แต่ถ้ายังไม่พอใจหรือสมยอมกันทั้งสองฝ่าย มานัดหน้าก็มีทางเลือกให้ สองทาง คือ

ทางเลือกที่1. ให้ศาลตัดสินเลย แล้วเราร้องขอต่อศาลให้ช่วยเรื่องดอกเบี้ยหรือค่าทนายบ้าง อาจจะให้เหตุผลว่าเรามีภาระมากมาย เช่นเรื่องลูก เป็นต้น จากนั้น รอคำพิพากษาอยู่บ้านประมาณ 1 เดือน - 1 เดือนครึ่ง (ขึ้นอยู่กับภาระงานขอศาลว่ามากน้อยขนาดไหน) พอได้รับคำพิพากษาเราต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ภายใน 15 วัน เช่น คำพิพากษาออกมาว่า ให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จำนวนเงิน 49,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันที่เราผิดสัญญา จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยค่าทนายเป็นพับ

หมายความว่าคุณก็ยังมีโอกาสเจรจาผ่อนเป็นรายงวดอีก พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นต่อกัน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแบ็งค์ ประกอบกับวาทะศิลป์การเจรจาของแต่ละบุคคล เช่น ขอผ่อน 3 ปี ปีที่1 อาจจะ 1,000 บาท ปีที่ 2 อาจจะ 1,500 บาท ปีที่3 2,000 บาท งวดสุดท้ายปิดจบ
หรือมีเงินก้อนเข้ามาก็Haircut ได้อีกเหมือนกัน

ทางเลือกที่2. ยื่นคำให้การต่อสู้คดี ข้อนี้คงต้องพึ่งทนายครับ เพราะต้องดูประเด็นใดที่เราสามารถโต้แย้งได้บ้าง
เช่น ดอกเบี้ยที่คิดเกินกฏหมายกำหนด หรือดอกเบี้ยเกินคำประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ดอกเบี้ยทบต้นทบดอกซึ่งไม่เป็นธรรม หรือจะสู้เรื่องอายุความ ก็ต้องตรวจสอบว่าเราผิดสัญญาตั้งแต่เมื่อไหร่ เข้าหลักเกณฑ์ข้อกำหนดอายุความหรือไม่

อายุความในการฟ้องร้อง www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=52

หลังจากที่ได้ปรึกษาทนายแล้ว ทางทนายก็จะเขียนคำให้การต่อสู้คดีขึ้นมา เพื่อยื่นต่อศาล ในขั้นตอนนี้เราไปยื่นด้วยตนเองได้เลย ถ้าไปศาลในวันนัดที่ 2 ให้นำไปยื่นแก่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ แต่ก่อนจะยื่นรอฟังข้อเสนอทางทนายโจทก์ก่อน เผื่อมีข้อเสนอดีๆมาให้ แต่ถ้ายังตกลงกันไม่ได้และเราต้องการที่จะยื้อเวลาออกไปก่อน เพื่อเก็บเงินอีกซักระยะหนึ่งก่อน หรือเผื่อทางศาลเห็นพ้องตามคำต่อสู้คดี พิเคราะห์พยานเอกสารกับคำให้การเรามีน้ำหนักมาพอ เราชนะคดี ก็ถือว่าโชคเข้าข้างเรา พอยื่นคำให้การทางเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์จะถามโจทก์กับจำเลยว่าจะนำสืบพยานวันไหน เราก็ตกลงกัน แต่ส่วนใหญ่ได้ไม่เกิน เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือนครึ่ง ประมาณนี้
คุณก็จะมีเวลาเก็บเงินอีกมากโข เพราะนัดสืบพยานต่อสู้คดีโดยทนายแล้วก็จะนัดฟังคำพิพากษาประมาณ 1 เดือนหลังจากนั้น แล้วกว่าเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์จะสรุปสำนวนส่งลงมาห้องข้างล่างอีกก็ประมาณ 1 เดือน- 1 เดือนครึ่ง
แล้วกว่าเราจะโทรไปเจรจาเมื่อได้คำพิพากษาอีกไม่เกิน 15 วัน
การขึ้นศาลก็ทำให้คุณมีเวลาเก็บเงินอีกตั้งเยอะนับตั้งแต่ได้หมายศาลมานัดอีกประมาณ 1 – 1เดือนครึ่ง ไปแล้วไปขอเลื่อนนัดด้วยปากเปล่าอีก 1 – 1 เดือนครึ่ง มานัดหน้ายื่นคำให้การต่อสู้คดีอีก เดือนครึ่ง – 2 เดือน นัดสืบพยานแล้วรอศาลตัดสินอีก 1 เดือน กว่าคำพิพากษาจะมาถึงเราอีก 1เดือน – เดือนครึ่ง รวมๆแล้ว เราจะมีเวลาเก็บเงินเพิ่มอีก 7 – 8 เดือน
การต่อสู้คดีคิดซะว่าเราต้องการยื้อเวลาเพื่อเก็บเงินให้ได้นานที่สุดดีกว่าคิดว่าเราต้องชนะ เพราะว่าเราก็ได้เอาเงินเค้ามาจริงนี่หน่า เพียงแต่ว่าถ้าเค้าลดมุลหนี้ให้เราบ้างเห็นว่ากินดอกเราไปมากกว่าต้นแล้วเค้าลดให้ก็อีกเรื่องนึงนะ เค้าใจอ่อนเองนี่หน้า....คิดว่ากำขรี้...ดีกว่ากำตด...เอาเงินไปปล่อยขูดดอกเบี้ยลูกหนี้รายใหม่ดีก่า.....

ปล.พิมพ์มาซักยืดยาวน่าจะเป็นประโยชน์แล้วสบายใจขึ้นมาได้มั่งเนอะ....ที่เหลือก็อยู่ทีตัวคุณแล้ว ตัดสินใจเอาเอง ผมเคยตอบกระทู้ไปหลายคนว่า หนี้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่แนวทางการปลดหนี้เหมือนกัน ต้องปรับต้องประยุกต์ตามสถานการณ์ให้เหมาะกับตนเองมากที่สุด หนี้ของเรา เรารุ้ดีที่สุด

2.หากขอผ่อนเป็นรายงวดจะขอลดดอกเบี้ยได้หรือไม่ เพราะดอกเบี้ยสูงมาก
ก็ลองขอไปดูครับ ไม่เสียหายอะไร ได้ก็ได้ ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที แล้วแต่นโยบายแต่ละที่
3.เงินต้นเท่านี้จะขอผ่อนได้เดือนละประมาณเท่าไหร่
ยอดไม่ได้สูงมาก 49,000 บาท ก็คงผ่อนหลักพันต้นๆมั้ง ( อันนี้ผมไม่มั่นใจนะครับ ไม่เก่งคำนวณ )

ไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้เลย ใครมีประสบการณ์ รบกวนบอกหน่อยนะคะ
คนเราต้องมีครั้งแรกเสมอครับ
ผมก็เคยมีประสบการณ์ครับ แต่ไม่ค่อยบู๊เท่าไหร่นะ

ขอฝากอีกเรื่อง ถ้ามีเวลาหมั่นอ่านกระทู้ปักหมุดให้เยอะ หลายๆรอบ ทุกคำตอบอยู่ในนั้น

โชคดีครับ
:cheer:

ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.477 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena