ขอปรึกษา จ่ายคืนอย่างไร ไม่ให้เสียเปรียบเจ้าหนี้(ขั้นบังคับคดี)

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32220 โดย cyber_jk
ต้องขอรบกวนท่านผู้รู้ และเพื่อนสมาชิกด้วยครับ

ผมพยายามเปิดอ่าน และหาดูกระทู้จนตาลายแล้ว แต่ก็ยังไม่พบกระทู้ที่เกี่ยวข้องเลย
หากท่านไหนพบกระทู้หรือแนวทางการเจรจาโปรดแนะนำ หรือแนบลิ้งให้จักขอบพระคุณยิ่งครับ

เรื่องมีอยู่ว่า
ผมเป็นหนี้ผ่อนสินค้ากับ อีซี่ควาย
ศาลพิพากษาแล้ว
และ บังคับคดีแล้ว
โจทย์/เจ้าหนี้ คือ เลียโซรูซ่อง เว้

ระยะเวลาตั้งแต่บังคับคดีตามคำพิพากษาตั้งแต่ พ.ค.2552
เคยส่งหมายอายัดเงินเดือนมาที่ทำงาน(เก่า)แล้ว 2 รอบ(แต่ชิงลาออกแบบเฉียดฉิว ก่อนหมายฯ มาถึงตลอดทั้ง 2 รอบเลย555)ช่วยไม่ได้ ..ส่งมาช้าเอง

...จริงๆ แล้วบังเอิญได้งานใหม่ และเงินเดือนดีกว่าสบายใจกว่า ก็เปลี่ยนงานน่ะครับ ไม่ได้ต้องการลาออกหนีหนี้แต่อย่างใด แล้วมันบังเอิญว่าหมายฯ มันดันส่งมาถึงช้าหลังออกจากงานแล้ว1-2เดือนทั้ง2ที่เลยก็เท่านั้นเอง

มองกลับไปกลับมา ทั้งสงสารตัวเอง ที่ต้องติดแบล็คลิส
และสงสารเจ้าหนี้ ที่ต้องมาคอยตามสืบ ตามอายัดเงินเดือน 2-3 รอบก็แล้ว ยังไม่ได้คืนแม้แต่แดงเดียวซักที

ก็เลยเกิดความเห็นใจเจ้าหนี้ กลัวจะเหนื่อยจะท้อใจในการตามสืบ ตามอายัดซะก่อน
(เพราะผมเป็นคนเปลี่ยนงานบ่อย มาก)

ไหนๆ ปัจจุบันก็มีเงินเดือน มีกำลังพอที่จะเคลียร์ให้มันจบๆไปได้โดยไม่นานนัก

ก็เลยอยากจะขอปรึกษาท่านผู้รู้ และเพื่อนสมาชิก ในการเจรจาต่อรองขอลดหย่อนมูลหนี้เพื่อแบ่งจ่ายคืนซัก3-4งวด แบบไม่ให้เสียเปรียบและเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายด้วยครับ

มูลหนี้ ตามคำพิพากษา 1 ก.ย. 2551(ฟ้อง 8 พ.ค.2551)
ราคาสินค้า 19,546.-
ค่าขาดประโยชน์ 6,700.-
ดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีของเงินต้น 6,700 นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง
กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียม......

หลายเดือนก่อน เคยติดต่อไปที่ สำนักของโจทย์ เพื่อเจรจาแบ่งจ่ายคืน
แต่พอโจทย์แจ้งยอดมูลหนี้มาว่า สี่หมื่นกว่า ก็เลยเคลียร์กันไม่ลง เป็นอันพับการเจราจาไว้ก่อนจนมาถึงวันนี้

จึงขอปรึกษาในเรื่องดังกล่าวเพื่อจะได้ไม่เสียเปรียบกลโกงของพวกนี้ครับ

ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

ปล.หนี้จากการให้เพื่อนยืมบัตรผ่อนสินค้า ..เป็นบทเรียน ราคาแพงมากเลยครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32224 โดย balm
ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ค่ะ

ตอนนี้ทำงาน แล้วอยู่ในระบบประกันสังคมหรือเปล่า

เพราะถ้าอยู่ คิดว่าเขาคงตามเจอเร็วๆนี้แหละค่ะ

เรื่องการปิดหนี้ แม้ไปถึงขั้นบังคับคดี ก็สามารถปิดหนี้ได้ แต่ส่วนลดไม่ได้งามแล้วค่ะ

แปลว่า สนง.กฏหมาย อาจเสียงแข็งให้เราใช้เต็มจำนวน ซึ่งเมื่อเทียบกับสถานะของเรา เขาได้เปรียบ

ดังนั้น จึงแนะนำว่า เจรจากับเขาแบบขอร้อง ว่าผมอยากจ่ายคืน แต่เงินมีแค่นี้ คุณช่วยส่งเรื่องเสนอทีซิ

แต่ถ้าคุณจะยืนกรานเอาเต็มที่ตามที่แจ้ง ผมก็ต้องรอต่อไปเรื่อยๆ นะครับซึ่งอาจจะเป็นเวลาสิบปี ถึงตอน

นั้นผมก็คงจ่ายไม่ไหวเพราะดอกเบี้ยมันเดินซะขนาดนั้น ซึ่งแนวโน้มที่จะได้ปิดหนี้กับคุณก็คงยากมากๆ

สู้ถ้าคุณช่วยผมบ้าง คุณก็ได้เงินจากการซื้อหนี้ของผมคืนและ ผมก็ได้อิสระภาพทางใจของลูกหนี้คืน

win win กันทั้งคู่ ลองคุยกับเขาแบบนี้ดูก่อน ได้ความว่าไงก็เขียนมาถามใหม่นะ

ยังไงก็ดีใจด้วย ที่พอจะปิดหนี้ได้แล้ว ขอเป็นกำลังใจให้สำเร็จตามที่ต้องการค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32225 โดย balm
อ้อ ลืมไปนิดนึง

กรณีนี้คุณอาจเลือกวิธีการให้เขา อายัดเงินเดือน 30% ก็ได้นะ

ลองเข้าไปที่ สืบค้น แล้วพิมพ์คำว่า อายัดเงินเดือน ในนั้นมีข้อมูลให้มากที่จะช่วยตัดสินใจว่าควรเลือกวิธีนี้ดี

หรือเลือกวิธี ปิดหนี้ก้อนเดียวเลย อะไรดีกว่ากัน

สู้ๆนะคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32243 โดย cyber_jk
ขอบคุณคุณ balm ครับ
ที่ทำงานใหม่ก็เข้าระบบประกันสังคมปกติครับ
เลยไม่ต้องการให้หมายมันส่งมาที่ทำงานใหม่นี้อีก

อยากปิดยอดด้วยตัวเองน่ะคับ
อีกอย่าง..ยอดที่เราจะขอแบ่งจ่ายคืนต่อครั้ง มันมากกว่า 30% ที่มันจะอายัดเสียอีก

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32343 โดย Pych
เทคนิคการเจรจาต่อรอง Haircut ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวหรอกครับ
แต่ก็คล้ายๆ การต่อราคาซื้อของน่ะครับ

หากเราทำให้แม่ค้ารู้ว่า เราอยากได้สินค้ามากๆ (อยากปิดหนี้มากๆ)
แม่ค้าก็ไม่ยอมลดราคาสินค้าให้ใช่ไหมครับ อ้างสารพัดว่า ต้นทุนมาแพง ค่าเช่าที่สูง ขายก็แทบไม่มีกำไร

แต่ถ้าเราสามารถหลอกให้แม่ค้าเข้าใจว่า เราไม่ได้อยากได้เลย (ไม่ได้อยากปิดหนี้)
แม่ค้าก็จะเสนอลดราคามาให้เอง แบบไม่ต้องต่อรองกันเลย
ยิ่งเราทำท่าจะเดินออกจากร้าน ไปซื้อร้านอื่น แม่ค้ายิ่งรีบลดราคาให้แทบเหลือแต่ทุนกันเลย

อย่าไปให้เขารู้นะครับ ว่า ไม่อยากให้อายัดเงินเดือน

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ่นกับวาทศิลป์ของคุณเอง ว่าจะหว่านล้อม ล่อหลอกเจ้าหนี้ได้เก่งแค่ไหน
รวมทั้งดวงของคุณเองด้วย เพราะ บางครั้ง วันนั้น เดือนนั้น แม่ค้าขายดี ขายได้ตามเป้า (เก็บหนี้ได้ตามเป้า) แม่ค้าก็อาจจะไม่ง้อคุณเลยก็ได้ครับ

ขอให้โชคดีครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: cyber_jk

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32348 โดย Champcyber99
ไม่เห็นจำเป็นเลยที่จะต้องต่อรอง การกระทำขอคุณก็เป็นครื่องมือในการต่อรองอยู่แล้ว
เจ้าหนี้อายัดเงินเดือนไม่ได้ครั้งแรกเจ้าหนี้ ก็คิดแล้วว่าคุณไม่มีปัญญาจ่ายหนี้
การอายัดเงินของลูกหนี้เจ้าหนี้ไม่ได้ไปทำได้ฟรีๆนะครับมีค่าใช้จ่าย
แล้วไม่มีทรัพย์หรือไงถึงรอดมาได้ การที่เราโทรไปหาเจ้าหนี้นั้นให้เราคิดเองว่า อยากจ่ายเท่านั้นเท่านี้
แต่ความเป็นจริงแล้วไม่มีใครได้อย่างที่คิด
เจ้าหนี้เขาก็มีข้อต่อรองกับเราอยู่แล้ว ในเมื่อเราเป็นคนโทรไป
ใครก็อยากหมดหนี้
สำหรับผมมีหนี้ แต่มีเงินอยู่ในกระเป๋าใครจะทำไม่
จ่ายแน่หนี้ ตามความเหมาะสม มีเงินในกระเป๋าเสียดัง
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Skynine, cyber_jk

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32497 โดย cyber_jk

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32711 โดย cyber_jk
ต่อเนื่องเรื่องขอผ่อนจ่าย จากมูลนี้ข้างบน
เจ้าหนี้มันลดให้เหลือ 28000.-
มันลดให้น้อยไปไหมครับ คำนวนตั้งแต่วันพ้องจนถึงวันปัจจุบันแล้วมูลหนี้จริงมันประมาณเท่าไหร่ครับ ช่วยที
จะขอแบ่งจ่ายเขา4งวดน่ะครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32721 โดย jackTs

มูลหนี้ ตามคำพิพากษา 1 ก.ย. 2551(ฟ้อง 8 พ.ค.2551)
ราคาสินค้า 19,546.-
ค่าขาดประโยชน์ 6,700.-
ดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีของเงินต้น 6,700 นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง
กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียม......(เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ไม่ได้บอก)

เจ้าหนี้มันลดให้เหลือ 28000.-
มันลดให้น้อยไปไหมครับ คำนวนตั้งแต่วันพ้องจนถึงวันปัจจุบันแล้วมูลหนี้จริงมันประมาณเท่าไหร่ครับ ช่วยที
จะขอแบ่งจ่ายเขา4งวดน่ะครับ


ข้อมูลที่ให้มาแค่นี้ มันไม่พอ...มันใช้ไม่ได้
ไปเพิ่มรายละเอียดมาครบ แล้วผมช่วยจะคำนวณและแนะนำวิธีการให้


ปล.จะถามหาความเป็นธรรมทั้งที กรุณาอย่า"กั๊ก"ข้อมูล
ถ้าข้อมูลไม่ครบ ใครเขาจะแนะนำทางออกที่ยุติธรรมให้กับคุณได้

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #32871 โดย cyber_jk
เรียน คุณนกกระจอกเทศ

ข้อมูลรายละเอียดมูลหนี้ ฯลฯ ตามด้านล่างนี้ครับ
รบกวนคำนวนหนี้เน่าก้อนนี้ให้หน่อยครับ ว่าผมควรจะจ่ายคืนประมาณไหนดีครับ

ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

ศาลแขวงพระนครเหนือ
วันที่ 1 ก.ย. 2551
ความแพ่ง

ระหว่าง
เลวชั่วลูชั่นแว้ โจทย์
จขกท. จำเลย

เรื่อง เช่าซื้อ


บันทึกคำพิพากษาด้วยวาจา
พิพากษาให้จำเลยคืนเครื่องเสียงที่เช่าซื้อในสภาพใช้การได้ดี
หากคืนไม่ได้ให้จำเลยใช้ราคาแทนเป็นเงิน ๑๙,๕๔๖ บาท
ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน ๖,๗๐๐ บาท
พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของเงินต้น ๖,๗๐๐ บาท
นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๘ พ.ค. ๒๕๕๑)เป็นต้นไป
จนกว่าจะส่งมอบสินค้าที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หรือชดใช้ราคาจนครบถ้วน
กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทย์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๖๐๐ บาท
คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก./


***บัญชีลูกหนี้ (หนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ฉบับลงวันที่ 10 ก.ค. 2546)
No. : 2046
Doss. : 4202148914xxx
Name: จขกท.
Business : สัญญาเช่าซื้อ
Todu : 21,267.35
Sign contract Date : 27 ก.ค. 2545


เคยส่งหมายอายักเงินเดือนไปที่ทำงานเก่ามาแล้ว 2 หน
11 พ.ย. 2553 : กรมบังคับคดี บางขุนนน์ (บังเอิญลาออกก่อนหมายมาถึง 1 เดือน)
3 ต.ค. 2555 : สนง.บังคับคดี กทม.เขตพื้นที่ ๑ กรมบังคับคดี (ตึกช้าง)(บังเอิ๊ญ บังเอิญ ลาออกก่อนหมายมาถึง 2 เดือน)


ล่าสุดโทรไปคุยกับเจ้าหนี้
คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบบัญชีหนี้ของผม
ผมก็บอกเขาไปว่า ที่ผ่านมาคุณอายัดเงินเดือนเรามาแล้ว 2 หน
แต่ก็ยังไม่ได้คืนแม้แต่แดงเดียว และจากนี้ไปต่อให้คุณส่งมาอีกกี่รอบ
คุณก็จะไม่มีวันได้คืนแม้แต่บาทเดียวอีกเหมือนเคย
เพราะผมเป็น "บุคคลไม่มีรายได้" ...ก็ร่ายยาว ขู่มันให้มันรู้ว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้คืนเป็นแน่แท้

แต่มันกลับบอกมาว่าลดให้แล้ว เหลือ 28,000 บาท
และให้แบ่งจ่าย 4 งวดได้(ตกงวดละ 7,000 บาท)

ส่วนตัวมีกำลังพอจะจ่ายคืนอยู่
แต่อยากทราบว่า ยอดที่เขาเรียกมา กับเงื่อนไขที่ยื่นให้ มันยุติธรรมดีแล้วหรือเปล่า หรือมันเรียกมากไป เราควรต่อรองจ่ายประมาณไหนดีครับ

ขอบพระคุณล่วงหน้าอีกครั้งครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #33073 โดย cyber_jk

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #33081 โดย พ่อยอด
จำนวนเงิน 28000 ก็คำนวณได้ใกล้เคียงกับยอดตามศาลพิจารณาแหละครับ ลดมาพันกว่าบาทได้มั้งครับ จะว่าไม่ยุติธรรมก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้สูงกว่าคำตัดสินศาล

ประเมินกำลังตัวเองดูเอาครับ ถ้าไหวก็ปิดไป ถ้ามีเงินก้อนก็ลองเจรจาขอปิด 1 งวด อาจได้ลดอีก หรือขอจ่ายน้อยลงเป็นงวดๆ แต่อันนี้คงยากเขาพลาดมาแล้ว ถ้าไม่จ่ายก็ไปเข้าเรื่องเดิม คือเขาก็ไปทำเรื่องอายัดเงินเดือน ตอนนี้เขาถือคำตัดสินศาลอยู่ครับได้เปรียบในเชิงกฎหมายอยู่ การต่อรองจึงมีข้อจำกัดอยู่บ้างครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #33122 โดย jackTs
จำนวนเงินที่ศาลพิพากษาให้จำเลยต้องชำระคืน...มีดังนี้

- หนี้เงินส่วนต่างที่ศาลพิพากษา 19,546.-บาท
- ค่าขาดผลประโยชน์ของเจ้าหนี้ เป็นเงิน 6,700.-บาท
- ค่าทนายโจทก์ 600.-บาท

- ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี โดยให้คิดจากค่าขาดผลประโยชน์ 6,700.-บาท
(คิดเป็นเท่ากับ 502.50 บาทต่อปี)
ฟ้องวันที่ 6/พ.ค./51 จนถึงวันนี้(วันที่ 14/มี.ค./56) ก็ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 4ปี 10เดือน กับอีก 8 วัน...ถ้าคิดง่ายๆก็ตีเหมาเป็น ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 5ปี ก็แล้วกัน...จะได้คิดง่าย

ดอกเบี้ยปีละ 502.50 บาท ต่อปี...ผ่านมาแล้ว 5ปี ก็เท่ากับ = 502.50 x 5 = 2,512.50 บาท

เอาทั้งหมดมารวมกัน = หนี้เงินส่วนต่างที่ศาลพิพากษา + ค่าขาดผลประโยชน์ของเจ้าหนี้ + ค่าทนายโจทก์ + ดอกเบี้ย 5ปี

= 19,546 + 6,700 + 600 + 2,512.50 = 29,358.50 บาท

นี่คือจำนวนหนี้ที่คิดแบบคร่าวๆ ณ.จนถึงวันนี้ ที่คุณต้องจ่ายตามคำพิพากษา

แต่ถ้าเรื่องของคุณไปถึงมือของกรมบังคับคดีแล้ว ทางกรมบังคับคดีเขาจะมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับคำนวณดอกเบี้ย ที่สามารถคำนวณดอกเบี้ยได้เป็นรายวัน ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่คุณต้องจ่ายจริงๆตามกฏหมาย
ดังนั้น ถ้าคุณอยากได้ตัวเลขที่แท้จริง โดยไม่มีผิดเพี้ยน...คุณต้องไปติดต่อถามข้อมูลที่กรมบังคับคดีเอาเองครับ

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: balm, พ่อยอด, cyber_jk

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #33151 โดย cyber_jk
สรุปมันยืนยันว่าจะเอา 28,000
แล้วก็ให้แบ่งจ่าย 4 งวด
พร้อมส่งหนังสือยืนยันการลดหนี้มาให้

อีกเรื่องสองเรื่องที่อยากถามคือหลังจ่ายหนี้หมด ต้องทำยังไงต่อไหมครับ
ต้องขอเอกสารการปลดหนี้ไหม หรือมันจะส่งมาให้เอง

อีกอย่าง หนี้ก้อนนี้มันเข้าสู่กระบวนการบังคับคดีแล้ว
จะมีความยุ่งยากตามมาอีกไหม แล้วต้องถอนการบังคับคดีเองไหม หรือมันไปจัดการเอง
จ่ายหนี้หมด ก็เป็นอันหมดภาระกันเลยไหมคับ ไม่รู้จริงๆ กลัวมันมีลูกเล่น โน่นนี่นั่นกับเรามาอีก.

แนบไฟล์หนังสือยืนยันหนี้มาให้ดูด้วยครับ

ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #33158 โดย Pych
ค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์ (ภายหลังจากวันที่ 28 กรกฎาคม 2548) จะคิดค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์ในอัตราร้อยละ 2 ของราคาประเมินทรัพย์ที่ยึดหรือยอดหนี้ตามหมายบังคับคดีที่จำเลยต้องรับผิดชำระให้โจทก์

ถ้าไม่ได้ตกลงกับโจทก์ไว้ ว่าราคา Hair-Cut นี้ รวมค่าธรรมเนียมการถอนอายัดไว้ด้วย
คุณก็ต้องไปเสียค่าธรรมเนียมนี้ ที่กรมบังคับคดีเองครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: jackTs, balm, cyber_jk

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #33165 โดย jackTs

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: cyber_jk

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #33208 โดย cyber_jk
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณ นกกระจอกเทศ และคุณ Anakin ที่แนะนำด้วยครับ

ตามที่เข้าไปอ่าน กระทู้: เราต้องไปถอนอายัดกะกรมบังคับคดีเองหรือเปล่าคะ
ตามที่คุณ นกกระจอกเทศ วางลิงค์ ไว้ให้ นั้น

ผมสรุป และเข้าใจ ดังนี้ครับ
ตามที่ผมได้ทำ H/C กับเจ้าหนี้ไว้นั้น
แม้ในใบยืนยันเงื่อนไขการชำระหนี้(ตามเอกสารที่แนบมาข้างบน) จะไม่มีข้อความระบุว่าเจ้าหนี้(โจทก์) หรือลูกหนี้(จำเลย)จะเป็นผู้ออกฤชาธรรมเนียมในถอนการอายัดเงินเดือนก็ตามที ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องไปยื่นแถลงถอนอายัดกับกรมบังคับคดีให้เรา ตาม ม. 169/2

เนื่องด้วย ตัวเรา(จำเลย)ก็ไม่เคยไปตกลง หรือทำสัญญาใดๆ ว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมในการถอนอายัดไว้แต่อย่างใด

ฉนั้น เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องไปถอนการอายัดให้กับเรา
จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับโจทก์ เราต้องอดทนรอ

หากรอแล้วรอเล่า ก็ยังไม่มีวี่แววว่าโจทก์จะถอนการอายัดให้กับเรา "โจทก์" ก็อาจกลับกลายเป็น "จำเลย" ให้เราฟ้องร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำสั่งบังคับเจ้าหนี้ต้องปฏิบัติ หรือดำเนินการตาม ม. 295(1) ตามที่กฏหมายกำหนดไว้

ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ?

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #33210 โดย Pych

มาตรา 169/2 ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติ มาตรา 169/3 ให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี โดยให้หักออกจากเงินที่ได้จากการยึด อายัด ขาย หรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือจากเงินที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้วางไว้
ในกรณีที่มีการบังคับคดีแก่ผู้ค้ำประกันในศาล ค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีในส่วนนั้น ให้หักออกจากเงินที่ได้จากการบังคับคดีตามสัญญาประกัน
ในกรณีที่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาให้แบ่งกรรมสิทธิ์รวมหรือมรดกให้เจ้าของรวม หรือทายาทผู้ได้รับส่วนแบ่งทุกคนเป็นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี โดยให้หักออกจากเงินที่ได้จากการขาย หรือจำหน่ายทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์รวมหรือทรัพย์มรดกนั้น
ในกรณีที่มีการถอนการบังคับคดีนอกจากกรณีตาม มาตรา 295 (1) ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ขอยึดหรืออายัดทรัพย์สินเป็นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี
หมายเหตุมาตรา 169/2 เพิ่มเติมโดยพรบ. แก้ไขเพิ่มเติมปวิพ.(ฉบับที่ 24) พ.ศ.2551

มาตรา 193/3 บุคคลใดทำให้ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีส่วนใด โดยไม่จำเป็น หรือมีลักษณะประวิงการบังคับคดี หรือที่ต้องดำเนินไปเพราะความผิดหรือความประมาทเลินเล่อ อย่างร้ายแรง หรือเพราะบังคับคดีไปโดยไม่สุจริตก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง ผู้ที่ได้รับความเสียหายหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา แล้วแต่กรณี อาจยื่นคำร้องต่อศาลภายในเจ็ดวันนับแต่วันทราบพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้บุคคลเช่นว่านั้นรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าว


test.led.go.th/faqn/sara.asp?nomod=c&page=14

ถาม ตามพรบ.แก้ไข ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 24) พ.ศ.2551 กำหนดเพิ่มมาตรา 169/2 ในวรรคท้าย ให้ความรับผิดชอบค่าธรรมเนียมในการถอนการยึดทรัพย์ให้ผู้ขอยึด หรืออายัดทรัพย์ เป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์นั้น ในกรณีที่ โจทก์ หรือ จำเลย ได้ทำข้อตกลงกันให้คดียุติ โจทก์ผู้ขอยึดจะตกลงให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมถอนการยึดได้หรือไม่ ชึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะ ใช้บังคับกันได้หรือไม่

ตอบ ข้อตกลงดังกล่าวสามารถใช้บังคับกันได้ แม้ตาม ม.169/2 วรรคท้าย แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่งจะบัญญัติให้ในกรณีที่มีการถอนการบังคับคดี นอกจากตามมาตรา 295(1) ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ขอยึดหรืออายัดทรัพย์สินเป็นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี ก็ตาม ก็เป็นบทบัญญัติทั่วไปในกรณีที่มีการถอนการบังคับคดีนอกจากมาตรา 295(1) เท่านั้น แต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความที่จะตกลงกันให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชำระไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด

โดยทั่วไป ลูกหนี้ย่อมมีความร้อนใจที่อยากให้ถอนอายัด เพราะไม่อยากโดนอายัดต่อไป ในเมื่ออายัดครบแล้วใช่ไหมครับ ลูกหนี้จึงต้องคอยตามให้เจ้าหนี้มาถอนให้ แต่บางครั้ง เจ้าหนี้เล่นตัวและบอกให้ลูกหนี้รับผิดชอบค่าถอนหนี้ 2% ลูกหนี้ก็ไม่มีทางเลือก

และลูกหนี้เองก็ไม่อยากไปเสียเวลาในการยื่นคำร้องต่อศาล

ผมแนะนำว่า ก่อนจะจ่ายเงินเข้าไป ก็ตกลงกับเขาให้ชัดเจน และถ้าให้ดีก็บอกให้เขาระบุไว้ในใบ Hair-cut ด้วยเลยว่า จะไปถอนอายัดให้รวมทั้งจ่ายค่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นด้วยครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: balm, cyber_jk

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #33251 โดย cyber_jk
ขอบคุณครับ คุณ Anakin
จะลองโทรไปเจรจา และให้เค้าส่งมาใหม่อีกทีครับ
ได้เรื่องยังไง เดี๋ยวมาอัพเดทให้ดูครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #33598 โดย cyber_jk
รายงานเครดิตบูโร กับหนี้ขาดอายุความ
สืบเนื่องจากที่ rway ขอบังคับคดีอายัดเงินเดือนมาแล้ว 2 หน
แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเลยซักรอบ เพราะชิงลาออกก่อนหมายมาถึงทั้งสองรอบ
ปัจจุบัน ได้งาน และเงิน พอมีกำลังที่จะใช้หนี้ เลยโทรฯ ไปเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้
แต่ปรากฏว่า มีหนี้ที่ขายมาให้กับ rway อยู่ 2 บัญชี คือ
1. เซเทเลว คุณนกกระจอกเทศ คำนวนยอดจากวันพิพากษา จนถึงบังคับคดีปัจจุบันเป็นเงินประมาณ 29,xxx.xx
โทรไปเจรจาขอปรับโครงสร้างฯ มันลดให้เหลือ 28,000
2. เทสโก้ คาร์ด เซอร์วิสเซส(TCS) บอกว่าบัญชีนี้ค้างอยู่ 11,901 บาท แต่ยังไม่พ้อง
พร้อมถามกลับมาว่า จะรวมสองบัญชีเข้าด้วยกันปรับโครงสร้างทีเดียวเลยไหม? ซึ่งน่าจะได้ส่วนลดที่ดีกว่า
ซึ่งอันที่จริง บัญชีนี้มันหมดอายุความไปแล้วตั้งนาน
เพราะจากการดูรายงานเครดิตบูโร 25 เดือนย้อนหลัง ที่เพิ่งขอมาวันนี้

วันที่ชำระหนี้ครั้งล่าสุด คือ 15-05-2545
และวันที่เริ่มต้นผิดนัดชำระของบัญชีนี้ คือ 09-12-2545
นับถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไป 10 ปี 3 เดือน


ส่วนสถานะบัญชี เป็น 40-อยู่ระหว่างชำระสินเชื่อปิดบัญชี <<อันนี้ผมงงมาก
คือจำได้ว่าตั้งแต่ผิดนัดชำระจนถึงบัดเดี๋ยวนี้ ก็ไม่เคยเจราจาปรับโครงสร้างหนี้ หรือจ่ายหยอดเข้าไปเลยแม้แต่บาทเดียว แต่ทำไมมันขึ้นสถานะบัญชีแบบนั้น ผมไม่เข้าใจจริงๆ ช่วยอธิบายทีครับ ทำไมเป็น 40

ถึงตอนนี้ มี 2 คำถามครับ คือ
1. ทำไมในรายงานเครดิตบูโรยังมีการส่งรายงานเครดิตเข้าไปอยู่ ทั้งที่หนี้ได้ขายไปให้ rway แล้ว และหมดอายุความแล้ว และจากการค้นหาข้อมูลในช่อง สืบค้น และจาก Google มีเพียงกระทู้เดียวที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันสุดคือ กระทู้ของคุณ anin debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=178&Itemid=52
จับใจความได้ว่า หลังขายหนี้ข้อมูลจะยังอยู่ประมาณ 36 เดือน เข้าใจถูกต้อง คลาดเคลื่อน หรือจริงเท็จประการใดรบกวนผู้รู้อธิบายทีครับ

2. มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ เกี่ยวกับรวมบัญชี แล้วปรับโครงสร้าง บัญชีแรกสองหมื่นเก้าพันกว่า และบัญชีที่สอง หมื่นต้นๆ แต่อายุความหมดแล้ว

ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.937 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena