ทำอย่างไรดีช่วยหาทางออกให้ด้วยครับ

คือทางผมมีหนี้อยู่หลายใบรวมจำนวน ล้านกว่าบาทจากการโดนโกงจากผู้ที่ไว้วางใจ ในการทำธุรกิจส่วนตัว
จนต้องหยุดส่งและหางานทำเพื่อประคองการเลี้ยงชีพครอบครัวรวม 5 คน ปัจจุบันมีคำสั่งอายัดเงินเดือนมาที่บริษัททำให้ทางฝ่ายบริหารไม่ไว้วางใจจนต้องปลดออกจากตำแหน่งที่รับผิดชอบบางส่วน ซึ่งทำให้ผมเครียดมากๆไม่ทราบว่าจะโดนกลั่นแกล้งหรือเปล่าในอนาคต จึงขอสอบถามความคิดเห็นด้วยครับ
1.หากผมหางานใหม่จะมีการตามยึดได้อีกไหม ใช้เวลาประมาณเท่าไรเจ้าหนี้จึงจะหาเจอ (อยากหางานทำเพื่อเก็บเงินก้อนไว้ทำอาชีพอิสระแค่พอเลี้ยงชีพ)
2.หากทนอยู่ต่อไป และผมไม่สามารถอยู่ได้จากการหักที่ 30% แต่ผมจะไปขอลดหย่อนหากได้เหลือสัก 15 % ก็คงอยู่ได้ แต่ประเด็นปัญหาคือเจ้าหนี้รายอื่นขออายัดส่วนต่างอีก 15 ได้จริงหรือครับหากได้ก็เท่ากับ 30% ก็จะเหลือรายได้ไม่พอใช้จ่ายในครอบครัวเหมือนเดิม เป็นอย่างไรกันแน่ครับ
3.มีรายการบัตรหนึ่งภรรยาที่หย่ากันแล้วเป็นบัตรเสริมแต่ไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่งรับเงินเดือน หากมีการฟ้องอายัด จะเดือดร้อนด้วยหรือไม่ หากเดือดร้อนด้วยผมจะหาทางออกไม่ให้เค๊าเดือดร้อนอย่างไรดีครับ

ขอบคุณมากครับหากกรุณาช่วยชี้ทางสว่าง
หมายเหตุ ผมจะโดนอายัดเงินเดือน 30% สิ้นเดือน มี.ค.56เป็นงวดแรก

เจ้าหนี้ต้องรอคิวการอายัดเงินเดือนลูกหนี้ครับ ทีละจ้าวเท่านั้น

ลดอายัดได้ 15 % ครับ


www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=28147&Itemid=52


รอให้ท่านผู้รู้ท่านอื่นมาตอบเสริมครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ

ถาม : หากผมหางานใหม่จะมีการตามยึดได้อีกไหม
ตอบ : ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนงานใหม่ ไปอีกกี่บริษัทก็ตาม ถ้าหากเจ้าหนี้มันสืบรู้(สืบจนเจอที่ทำงานใหม่) มันก็จะเอาข้อมูลที่สืบมาได้นี้ ไปแจ้งต่อกรมบังคับคดีให้ทำเรื่องอายัดเงินเดือนจากบริษัทใหม่อีก จนกว่าจะใช้หนี้จนหมดตามคำพิพากษา



ถาม : ใช้เวลาประมาณเท่าไรเจ้าหนี้จึงจะหาเจอ
ตอบ : ไม่สามารถตอบได้หรอกครับ ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่...กี่เดือน...กี่ปี หรือ กี่สิบปี
มันขึ้นอยู่กับความขยันของเจ้าหนี้ในการสืบทรัพย์
และบังเอิญพวกเราในนี้ก็ไม่มีใครเป็นเจ้าหนี้ของคุณซะด้วย จึงไม่มีใครสามารถตอบคุณได้หรอกครับ



ถาม : หากทนอยู่ต่อไป และผมไม่สามารถอยู่ได้จากการหักที่ 30% แต่ผมจะไปขอลดหย่อนหากได้เหลือสัก 15 % ก็คงอยู่ได้ แต่ประเด็นปัญหาคือเจ้าหนี้รายอื่นขออายัดส่วนต่างอีก 15 ได้จริงหรือครับหากได้ก็เท่ากับ 30% ก็จะเหลือรายได้ไม่พอใช้จ่ายในครอบครัวเหมือนเดิม เป็นอย่างไรกันแน่ครับ
ตอบ : ถ้าเป็นไปตามข้อบังคับเก่า(ของเดิม) ก็คือเจ้าหนี้ในรายต่อมา จะสามารถไปทำเรื่องขอรับส่วนต่างที่ลูกหนี้เคยได้รับการลดหย่อน 15% ได้ครับ (สรุปก็คือ ต้องโดนอายัดเต็มจำนวนที่ 30% อยู่ดี)...จึงไม่เกิดประโยชน์ที่จะไปขอทำเรื่องลดหย่อนเลย สำหรับลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้รอเข้าคิว(เข้าแถว)ในการอายัดเงินเดือนหลายๆราย

แต่ปัจจุบันนี้ ได้มีการแก้ไขข้อบังคับใหม่แล้วครับ เจ้าหนี้ในรายหลังๆ จะไม่สามารถมาขอรับเอาส่วนต่างของการลดหย่อนนี้ได้ หากศาลแพ่งมิได้มีคำสั่ง (ซึ่งโดยปกติ ศาลก็ไม่ได้สั่งอยู่แล้ว)



ถาม : มีรายการบัตรหนึ่งภรรยาที่หย่ากันแล้วเป็นบัตรเสริมแต่ไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่งรับเงินเดือน หากมีการฟ้องอายัด จะเดือดร้อนด้วยหรือไม่ หากเดือดร้อนด้วยผมจะหาทางออกไม่ให้เค๊าเดือดร้อนอย่างไรดีครับ
ตอบ : ก็ต้องสู้คดีกันตอนที่หมายศาลฟ้องมานั่นแหละครับ เพราะตาม ประกาศ/คำสั่ง ของ ธปท.ก็เขียนเอาไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า "ผู้ถือบัตรหลักจะเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้อันเกิดจากบัตรเสริมทั้งหมด"

ซึ่งเคยตอบมานานแล้วอยู่ในกระทู้นี้

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&func=view&id=3027&catid=2

แต่ถ้าหากจำเลยทั้งสองไม่ไปขึ้นศาลเพื่อสู้คดี(โดนเฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของบัตรเสริม) ก็จะถูกศาลพิพากษาให้ผู้ที่ถือบัตรเสริม ต้องชดใช้หนี้ร่วมกับผู้ถือบัตรหลัก ตามที่โจทก์ฟ้องมาทุกประการ

และถ้าหากปล่อยละเลยให้ศาลพิพากษา จนเป็นอันที่สิ้นสุดแล้ว จะแก้ไขหรือทำอะไรอีกไม่ได้แล้วนะครับ
ผู้ที่ถือบัตรเสริม(ในฐานะจำเลยที่ 2) ก็ต้องก้มหน้ารับกรรมตามที่ศาลพิพากษาไปด้วย

กล่าวคือ ผู้ที่ถือบัตรเสริมจะต้องมีส่วนร่วมในการชดใช้หนี้"รวมทั้งหมด"ของหนี้ทั้งสองก้อน(ทั้งหนี้ของบัตรหลัก และหนี้ของบัตรเสริม)ไปจนกว่าจะหมดหนี้ ซึ่งอาจรวมไปถึงการอายัดเงินเดือนและอายัดทรัพย์ของผู้ที่ถือบัตรเสริม เพื่อการชำระหนี้ดังกล่าวด้วย

ขอบคุณ ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ผมเพิ่งสมัครเข้ามาใช้บริการนี้เป็นวันแรก จึงอยากขอรบกวนอีกข้อ 1 ครับ ก่อนจะถึงสิ้นเดือนนี้ที่จะโดนอายัดเดือนแรก ผมสามารถไปทำการขอลดอายัดโดยนำเอกสารต่างๆเพื่อขอความปรานีได้เลยหรือไม่หากเรามีหลักฐานภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆหลายอย่าง โดยไม่ต้องรอให้หักก่อน 1 เดือน เพราะรู้ว่าหากหักเต็ม 30% ก็ย่อมไม่พอและอาจก่อหนี้เพิ่มจากการยืมนอกระบบมาหมุนเวียนใช้ ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะต้องจ่ายค่าเทอมของลูกๆ 3 คนอีกแล้ว ขอบคุณครับ

pojsa เขียน: ผมสามารถไปทำการขอลดอายัดโดยนำเอกสารต่างๆเพื่อขอความปรานีได้เลยหรือไม่หากเรามีหลักฐานภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆหลายอย่าง โดยไม่ต้องรอให้หักก่อน 1 เดือน เพราะรู้ว่าหากหักเต็ม 30% ก็ย่อมไม่พอและอาจก่อหนี้เพิ่มจากการยืมนอกระบบมาหมุนเวียนใช้

คุณจะลองไปยื่นคำร้องตามที่คุณต้องการก็ได้นะครับ แต่ผมก็ไม่ทราบว่าคุณจะได้ตามนั้นหรือไม่

เพราะข้อความที่ผมเขียนเอาไว้ว่า

ลูกหนี้จะต้องปล่อยให้เกิดมีการอายัดเงินเดือนตามอัตราสูงสุด(30%)ไปก่อน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน จึงจะสามารถไปยื่นคำร้องขอลดหย่อนตามกระบวนการดังกล่าวได้

ข้อความดังกล่าวผม Copy ข้อมูลเอามาจากในหมวด faq ของ Website กรมบังคับคดี เมื่อประมาณ 2-3 ปีมาแล้ว...และปัจจุบัน ข้อมูลในหมวดที่อ้างอิงก็เสียหายแล้วด้วย (เปิดอ่านไม่ได้)

test.led.go.th/faqn/REPLY.ASP?mid=d001087&nomod=d

ซึ่งในปัจจุบัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดนี้ไปแล้วก็ได้...คุณจะลองยื่นดูก็ได้นี่ครับ

ขอรบกวนสอบถามด่วนครับ ทางผู้บริหารลดหน้าที่รับผิดชอบแล้ว แต่จะมีคำสั่งจ้างออก ซึ่งเงินก็จะดดนอายัดหมดแน่ๆ แถมต้องตกงานอีก ผมจะทำอย่างไรดี ดำเนินการอย่างไรได้บ้างครับ บริษัทมีอำนาจแบบนี้หรือเปล่า ผิดหรือเปล่าครับ

วันนี้ช่วงค่ำ คุณโทรสายด่วนหาพี่นกกระจอกเทศตามเวลาดีกว่าครับ อย่าโทรหานอกเวลา หรือใกล็หมดเวลาที่กำหนดนะครับ

เรียน คุณนกกระจอกเทศขอบคุณมากครับ ผมเพิ่งเปิด Mail ดู ตอนนี้เครียดมาก คืนนี้ขอรบกวนโทรตามเวลาที่ระบุนะครับ

รบกวนท่านผู้ที่มีความรู้ทุกๆท่าน คือตามที่ผมได้เล่าเรื่องการอายัดเงินเดือนที่จะถึงสิ้นเดือนนี้ ปัจจุบันรอคำสั่งจากผู้บริหารที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องการจ้างออก ซึ่งมี 2 กรณีคือบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่บอกกล่าวล่วงหน้าซึ่งคาดการณ์โดนสัปดาห์นี้แน่ ผู้ใกล้ชิดผู้บริหารแจ้งข่าวมาแต่ไม่เคยมีโอกาสได้คุยหรืออธิบายกับผู้บริหารเลย รอเวลาคำสั่งอย่างเดียวจนไม่ได้ทำงานในแต่ละวันเครียดไปหมด....
สิ่งที่ขอรบกวนถามดังนี้ครับ คือผมโดนอายัดเงินเดือน(ที่ยอมเพราะจะจ่ายถูกกว่าผ่อน และจะมีเงินเลี้ยงครอบครัวมากกว่าแต่ไม่ทราบว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างนี้ นายจ้างออก)กรณีโดนจ้างออกทั้งๆที่เราไม่มีความผิดไม่ได้ทำให้บริษัทเสียหายใดๆ เราสามารถไปทำการฟ้องศาลแรงงานได้หรือไม่ หากได้มีสิทธิชนะหรือไม่ เพราะนายจ้างรวยมากๆ และหากฟ้องได้เราควรฟ้องหรือไม่.....ซึ่งจริงๆผมไม่อยากที่จะฟ้องซึ่งหากการโดนอายัดแล้วทำให้นายจ้างไม่สบายใจก็ควรให้โอกาศเวลาในการหางานหรือหาประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวสักระยะไม่ใช่ไม่ให้ตั้งตัวเลยเช่นนี้
เครียดมากอีก 4 ชีวิตที่ดูแลอยู่ต้องลำบากไปด้วย โดยเฉพาะลูกๆต้องหาที่เรียนใหม่สำรองไว้ที่ใช้เงินไม่มากหรือเรียนฟรีสงสารเด็กมากๆ

ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ คุณ pojsa

ได้อ่านข้อความแล้ว พี่เลยมาให้กำลังใจค่ะ ขอให้ตั้งสติดีๆนะ เรื่องนี้ต้องค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ไขปัญหา บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่น่าจะเกิดเลย แต่พอมันเกิดขึ้นแล้ว ต้องบอกตัวเองให้ดีๆว่าต้องมี "สติ" วันนี้อาจเครียดแต่วันนี้มันก็จะผ่านไป แต่ระหว่างทางเดินค่อยๆหาทางแก้ไข

เรื่องที่เราคิด10 เรื่อง บางครั้งเกิดแค่เรื่องเดียว เท่านั้น ฉะนั้นต้องไม่คิดมากนะคะ ต้องสู้ค่ะ

พี่เองตกงานได้ ปีกว่าแล้ว จากที่เดือนๆมีเงินเข้ามาหลายหมื่นบาท แต่วันนี้ สักบาทยังไม่มีเลย เพราะยังหางานไม่ได้เนื่องจากอายุ 53-54 ปีแล้ว ลูกก็ยังเรียนอยู่ 2 คน สามีก็ตกงานค่ะ

สถานการณ์ที่เราคิดว่าเราแย่ๆแล้ว มีคนอีกหลายหมื่น หลายแสน หลายล้านคน ที่แย่กว่าเรา เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้น วันนี้คุณและครอบครัวโชคดีแล้วที่มาเจอชมรมหนี้ฯ ทุกๆคนพร้อมเป็นกำลังใจให้ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพียงมีปัญหาเดียวกันคือ เป็นหนี้ ตกงาน ภาระครอบครัว ฯลฯ

ค่อยคิดตั้งสตินะ ขอเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ ยิ่งเราต้องดูแลลูกๆ เราต้องเข้มแข็ม และยืนให้เขาเกาะเราให้ได้ ถ้าเราคิดมาก ล้มลง หลายคนที่เกาะเราอยู่เขาก็จะล้มไปด้วย

สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะ

ขอบคุณ คุณ balm มากนะครับที่เป็นกำลังใจให้ แต่ตอนนี้ห่อเหี่ยวหมดแล้ว อายุก็ 40 กว่าแล้ว ภาระเยอะมากๆไม่มีเงินเดือนแย่แน่ๆ เข้าคติที่ว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดจริงๆทำอย่างอื่นไม่เป็นเลย สุภาษิตนี้ยังคงใช้ได้ โดยเฉพาะตัวผม

สมาชิกใหม่หลายท่าน ยังคลิกหัวเรื่องกระทู้ตัวเองยังไม่ค่อยคล่อง

ขอให้ช่วยกลับไปกระทู้ตัวเองนะคะ อย่าตั้งกระทู้ใหม่ค่ะ เพราะ 1 สมาชิก 1 กระทู้ นะคะ

เวลาเล่าเรื่องจะได้เป็น story น่ะค่ะ ถ้าจะเข้ากระทู้ตัวเอง ให้ไปที่ "กระทู้ของฉัน"

อายุแค่ 40 กว่าเอง อย่าเพิ่งท้อค่ะ

พี่อายุ 53-54 ปีตกงานมา 1 ปีพร้อม สามี ลูกยังเรียน 2 คน

ตอนนี้คุณยังไม่ตกงาน อย่าไปคิดอะไรล่วงหน้า

ถ้าคุณอยากชี้แจงกับทางผู้บริหาร (หัวหน้า) เพื่อบอกวิธีการแก้หนี้ของคุณ และการอายัดเงินเดือนมันเป็นขั้นตอนการชำระหนี้ทางหนึ่ง แต่ถ้าเขาไม่ให้พบ ถ้าเป็นพี่นะ พี่จะทำจดหมายส่งให้เขาอ่าน (ส่งกับมือเลย)
แล้วบอกเขาว่า ขอให้เขาเมตตาช่วยเหลือให้เราทำงานต่อไป เพื่อใช้หนี้ และเพื่อเลี้ยงครอบครัว เพราะเรามีเจตนา "ใช้หนี้"คืน เจ้าหนี้

ลองคิดดูว่าจะหาทางทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ตัวเองตกงาน หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ก็เริ่มหางานทางเน็ตก็ได้ค่ะ ลองทำ resume ของตัวเองแล้วส่งไปทางเน็ต มีเป็นร้อยเป็นพันบริษัทฯ เขารับคนทำงานอายุ 40 กว่า ยิ่งเป็นผู้ชายเขาจะไม่คิดอะไรมาก ถ้าเป็นผู้หญิง 40 กว่าเขาจะรับเข้าทำงานยากกว่านะ

สู้ๆค่ะ

pojsa เขียน: รบกวนท่านผู้ที่มีความรู้ทุกๆท่าน คือตามที่ผมได้เล่าเรื่องการอายัดเงินเดือนที่จะถึงสิ้นเดือนนี้ ปัจจุบันรอคำสั่งจากผู้บริหารที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องการจ้างออก ซึ่งมี 2 กรณีคือบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่บอกกล่าวล่วงหน้าซึ่งคาดการณ์โดนสัปดาห์นี้แน่ ผู้ใกล้ชิดผู้บริหารแจ้งข่าวมาแต่ไม่เคยมีโอกาสได้คุยหรืออธิบายกับผู้บริหารเลย รอเวลาคำสั่งอย่างเดียวจนไม่ได้ทำงานในแต่ละวันเครียดไปหมด....
สิ่งที่ขอรบกวนถามดังนี้ครับ คือผมโดนอายัดเงินเดือน(ที่ยอมเพราะจะจ่ายถูกกว่าผ่อน และจะมีเงินเลี้ยงครอบครัวมากกว่าแต่ไม่ทราบว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างนี้ นายจ้างออก)กรณีโดนจ้างออกทั้งๆที่เราไม่มีความผิดไม่ได้ทำให้บริษัทเสียหายใดๆ เราสามารถไปทำการฟ้องศาลแรงงานได้หรือไม่ หากได้มีสิทธิชนะหรือไม่ เพราะนายจ้างรวยมากๆ และหากฟ้องได้เราควรฟ้องหรือไม่.....ซึ่งจริงๆผมไม่อยากที่จะฟ้องซึ่งหากการโดนอายัดแล้วทำให้นายจ้างไม่สบายใจก็ควรให้โอกาศเวลาในการหางานหรือหาประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวสักระยะไม่ใช่ไม่ให้ตั้งตัวเลยเช่นนี้
เครียดมากอีก 4 ชีวิตที่ดูแลอยู่ต้องลำบากไปด้วย โดยเฉพาะลูกๆต้องหาที่เรียนใหม่สำรองไว้ที่ใช้เงินไม่มากหรือเรียนฟรีสงสารเด็กมากๆ

สวัสดีค่ะ คุณ Pojsa

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจนะคะ ที่คุณจะต้องออกจากงาน เพียงเพราะเป็นหนี้บัตรเครดิต

แล้วถูกอายัดเงินเดือน...มันไม่ยุติธรรมเลย...แต่ถ้าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นจริง...คุณต้องทำใจยอมรับ

ลองหาอาชีพอิสระดูก็ดีเหมือนกันนะคะ... ถ้าคุณมีอาชีพอิสระ อายัดเงินเดือนไม่ได้ค่ะ

แต่ถ้าหากคุณอยู่ในระบบประกันสังคม...คุณก็จะได้สิทธิ์การว่างงานเนื่องจากถูกให้ออกจากงาน

โดยจะได้รับเงินชดเชยการว่างงาน ๕๐% ของเงินเดือน (ฐานเงินเดือนไม่เกิน ๑๕๐๐๐ บาท)

เป็นระยะเวลา ๖ เดือน แต่คุณจะต้องไปยื่นรายงานต่อ สนง. ประกันสังคม ภายใน ๓๐ วัน

นับจากวันที่ถูกเลิกจ้างงาน

อีกทั้งคุณน่าจะได้สิทธิ์เงินชดเชยการให้ออกจากงาน ของบริษัท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท

คุณอาจจะโทรขอคำปรึกษา ที่กรมแรงงานก็ได้ค่ะ...

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...โชคดีนะคะ

เรียนสมาชิก ทั้งเก่า และใหม่ และกำลังจะเป็นสมาชิกใหม่ อีกครั้ง...( ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว )

โปรดเข้าใจให้ตรงกันว่า...

1 สมาชิก

1 กระทู้



อย่าตั้งกระทู้พร่ำเพรื่อ กรุณาอ่านกฏกติกาของชมรมฯด้วย

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=8062&Itemid=52#12130

pojsa เขียน: รบกวนท่านผู้ที่มีความรู้ทุกๆท่าน คือตามที่ผมได้เล่าเรื่องการอายัดเงินเดือนที่จะถึงสิ้นเดือนนี้ ปัจจุบันรอคำสั่งจากผู้บริหารที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องการจ้างออก ซึ่งมี 2 กรณีคือบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่บอกกล่าวล่วงหน้าซึ่งคาดการณ์โดนสัปดาห์นี้แน่ ผู้ใกล้ชิดผู้บริหารแจ้งข่าวมาแต่ไม่เคยมีโอกาสได้คุยหรืออธิบายกับผู้บริหารเลย รอเวลาคำสั่งอย่างเดียวจนไม่ได้ทำงานในแต่ละวันเครียดไปหมด....
สิ่งที่ขอรบกวนถามดังนี้ครับ คือผมโดนอายัดเงินเดือน(ที่ยอมเพราะจะจ่ายถูกกว่าผ่อน และจะมีเงินเลี้ยงครอบครัวมากกว่าแต่ไม่ทราบว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างนี้ นายจ้างออก)กรณีโดนจ้างออกทั้งๆที่เราไม่มีความผิดไม่ได้ทำให้บริษัทเสียหายใดๆ เราสามารถไปทำการฟ้องศาลแรงงานได้หรือไม่ หากได้มีสิทธิชนะหรือไม่ เพราะนายจ้างรวยมากๆ และหากฟ้องได้เราควรฟ้องหรือไม่.....ซึ่งจริงๆผมไม่อยากที่จะฟ้องซึ่งหากการโดนอายัดแล้วทำให้นายจ้างไม่สบายใจก็ควรให้โอกาศเวลาในการหางานหรือหาประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวสักระยะไม่ใช่ไม่ให้ตั้งตัวเลยเช่นนี้
เครียดมากอีก 4 ชีวิตที่ดูแลอยู่ต้องลำบากไปด้วย โดยเฉพาะลูกๆต้องหาที่เรียนใหม่สำรองไว้ที่ใช้เงินไม่มากหรือเรียนฟรีสงสารเด็กมากๆ

ร้องเรียนที่แรงงานจังหวัดได้ครับ เขาจะดำเนินการให้ที่โรงงานผมเคยมีคนไปร้องเรียนเรื่องการเลิกจ้างด้วยเหตุผลที่เขาไม่ยอมรับเช่นกัน เขาติดตามเรื่องให้ครับ ซึ่งอาจช่วยคุณได้ในส่วนค่าชดเชยการเลิกจ้างเพิ่มเติม แต่ถ้าเขายอมไม่จ้างออกผมว่าที่เดิมก็ไม่ค่อยน่าทำแล้วนะ เดี๋ยวเขาก็หาเรื่องจนได้แหละครับ

มาเป็นกำลังใจครับ

กฎหมายแรงงาน ได้มีมาตรการควบคุมและให้ความเป็นธรรมต่อลูกจ้าง ซึ่งอาจถูกเลิกจ้างวันใดวันหนึ่งก็ได้ เงินที่นายจ้างจ่ายให้กับลูกจ้างเพื่อให้ออกจากงานโดยที่ลูกจ้างไม่มีความผิด ในภาษาชาวบ้านมักเรียกกันว่า"เงินจ้างออก" แต่ภาษาทางกฏหมายถูกกำหนดให้เรียกว่า "เงินค่าชดเชย"

ซึ่งลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชย ดังนี้

1.ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน

2.ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน

3.ทำงานติดต่อกันครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน

4.ทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน

5.ทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน

กฎหมายคุ้มครองแรงงานนี้ เป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษทางอาญา ถ้านายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ย่อมมีความผิดจะต้องถูกปรับ หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ

กรณีลูกจ้างถูกนายจ้างเลิกจ้างโดยที่ลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิด ลูกจ้างมีสิทธิฟ้องร้องต่อศาลแรงงาน โดยติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ส่วนนิติการของศาลแรงงาน จะมีนิติกรให้คำปรึกษาเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดีในศาลแรงงาน

www.lbc.coj.go.th/info.php?cid=16&pm=16

ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยแสดงความคิดเห็น และต้องเรียนขออภัยด้วยในการตั้งกระทู้ซ้ำและไม่ศึกษากฎกติกาครับ....

มาเป็นกำลังใจด้วยคนค่ะ.