สามีเสียชีวิต

สามีเสียชีวิตได้ 1 เดือนแล้วค่ะ

มีหนี้บัตรอยู่ 2 ใบคือ
1.เฟิร์สช้อย 23000 บาท
2.ยูเมะพลัส 33000 บาท

แฟกซ์ใบมรณะบัตรไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ก็มีเอกสารทวงหนี้มาให้ ชำระทันที
ควรจะทำยังไงต่อไปดีคะ เพราะว่าเขาไม่ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้เลย
แถม 2 ใบนี้ เพิ่งรู้ว่าเขาแอบทำก่อนเสียชีวิตได้ไม่นานนี้เอง
เครียดค่ะ เพราะว่าตอนนี้ต้องผ่อนทั้งบ้าน ผ่อนทั้งรถเลย
เขาจะมาฟ้องร้องให้เราหาเงินมาจ่ายมั๊ยคะ
รบกวนช่วยตอบหน่อยค่ะ

ก่อนอื่น ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ

หลังจากที่สามีคุณเสียชีวิต เจ้าหนี้ยังสามารถติดตามหนี้ค้างชำระได้อีก 1 ปีหลังรับทราบครับ โดยเป็นการเรียกเอาจากมรดกของผู้ตายตาม LINK นี้ครับ

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=52

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=22677&Itemid=52#22736

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ขอให้ทำความเข้าใจกับ link ที่คุณพ่อยอดแนะนำให้ด่วนครับ

อ่านบ้างแล้วค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยเข้าใจภาษากฏหมายสักเท่าไหร่ ขอเวลาศึกาานิดนึงนะคะ

แต่ตอนนี้โดนโทรทวงหนี้อยู่ค่ะ วันละหลายรอบ บางครั้งงานยุ่งไม่ทันได้รับสายก็มี

จะรับมือกับการทวงหนี้ยังไงดีคะ เพราะว่าตอนนี้ไม่มีจ่ายจริง ๆ ค่ะ

รบกวนใครก็ได้ช่วยตอบหน่อยค่ะ กลัวว่าทางโน้นเขาจะไปวุ่นวายที่บ้านที่ต่างจังหวัดด้วย

เพราะมีแต่คนแก่กับเด็กที่อยู่กันค่ะ ส่วนรัตน์ทำงานอยู่ที่สมุทรปราการ กลับบ้านแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น

ไปอ่านขำๆ แก้เครียดครับ

การทวงหนี้แบบควายๆ...โดยการใช้​"มุขควาย "

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=18235&Itemid=52

rut0501 เขียน: อ่านบ้างแล้วค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยเข้าใจภาษากฏหมายสักเท่าไหร่ ขอเวลาศึกาานิดนึงนะคะ

แต่ตอนนี้โดนโทรทวงหนี้อยู่ค่ะ วันละหลายรอบ บางครั้งงานยุ่งไม่ทันได้รับสายก็มี

จะรับมือกับการทวงหนี้ยังไงดีคะ เพราะว่าตอนนี้ไม่มีจ่ายจริง ๆ ค่ะ

รบกวนใครก็ได้ช่วยตอบหน่อยค่ะ กลัวว่าทางโน้นเขาจะไปวุ่นวายที่บ้านที่ต่างจังหวัดด้วย

เพราะมีแต่คนแก่กับเด็กที่อยู่กันค่ะ ส่วนรัตน์ทำงานอยู่ที่สมุทรปราการ กลับบ้านแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น

ขั้นตอนนี้คาดว่ายังไม่ถึงการไปยุ่มยามคนเกี่ยวข้องของลูกหนี้นะครับ ขอให้อาศัยช่วงจังหวะเวลานี้ไปอธิบายคุณพ่อคุณแม่หรือบุคคลที่รักนับถือ พูดกับเขาเหล่านั้นด้วยความตั้งใจจริงต้องแสดงแววตาว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ เราจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน บอกท่านว่าต้องการความร่วมมือเล็กน้อย ต้องยิ้มให้ท่านดูด้วยมุมปากครับ เป็นการแสดงออกว่าเราสามารถผ่านจุดนี้ไปได้แน่นอน และท่านต้องเป็นแนวร่วมเราด้วย ที่สำคัญต้องมีจิตวิทยาในการพูด ค่อยๆกระชับพื้นที่ความรู้สึกจนสามารถครอบงำได้ ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีอะไรมากเลยจริงๆ ขอเอาใจช่วยให้สำเร็จครับ..สู้..สู้..ครับ อย่ายอมแพ้ต่อโชคชะตา พระท่านบอกว่า หากประสบกับโชคร้าย ให้รู้สึกตัวด้วยว่า อาจจะดีก็ได้ แต่หากประสบกับโชคดี พระท่านก็บอกกับเราเพื่อความไม่ประมาทว่า อาจจะโชคร้ายก็ได้ เช่นกัน

rut0501 เขียน: อ่านบ้างแล้วค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยเข้าใจภาษากฏหมายสักเท่าไหร่ ขอเวลาศึกาานิดนึงนะคะ

แต่ตอนนี้โดนโทรทวงหนี้อยู่ค่ะ วันละหลายรอบ บางครั้งงานยุ่งไม่ทันได้รับสายก็มี

จะรับมือกับการทวงหนี้ยังไงดีคะ เพราะว่าตอนนี้ไม่มีจ่ายจริง ๆ ค่ะ

รบกวนใครก็ได้ช่วยตอบหน่อยค่ะ กลัวว่าทางโน้นเขาจะไปวุ่นวายที่บ้านที่ต่างจังหวัดด้วย

เพราะมีแต่คนแก่กับเด็กที่อยู่กันค่ะ ส่วนรัตน์ทำงานอยู่ที่สมุทรปราการ กลับบ้านแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น

คุณ rut0501 ครับ

ใบ FAX ที่แจ้งเจ้าหนี้ต้องเก็บไว้ด้วยนะครับ เป็นหลักฐานอย่างนึง

ผมยังติดใจเรื่องบ้านที่ผ่อนอยู่ ว่าซื้อนานหรือยัง ซื้อเป็นชื่อใคร ส่วนรถถ้ายังผ่อนไม่หมดภายใน 1 ปีนับจากที่สามีเสียก็ตัดประเด็นไปได้ครับ

ทั้งบ้านและรถ เป็นชื่อรัตน์หมดเลยค่ะ

บ้านปลูกมาได้ เกือบ 5 ปีแล้ว เอาโฉนดเข้าธอส. แล้วกู้เงินมาปลูกค่ะ เหลือระยะเวลาผ่อนอีก 25 ปี

ส่วนรถ เป็นรถมือสอง ผ่อนได้แค่ 1 ปีเท่านั้นเอง เหลืออีก 4 ปีค่ะ

กำลังจะติดต่อไฟแนนซ์ค่ะว่าจะทำอะไรกับรถได้บ้าง เพราะคาดว่าจะส่งต่อไม่ไหวค่ะ

ตัดสินใจเก็บบ้านไว้อย่างเดียว เพราะว่าทางบ้านตอนนี้เหลือรายได้จากรัตน์เพียงคนเดียวค่ะ

ที่บ้านมีแม่ ลูกชาย กับหลานชายอีก 2 คน (ลูกน้องสาวที่เขาทิ้งไว้ให้ เพราะว่ามีแฟนใหม่ไป)

ช่วงนี้กำลังจัดการกับรายได้และรายจ่าย ให้สัมพันธ์กันอยู่ค่ะ

สามีทำประกันไว้ 1 ที่ เป็นชื่อลูกชาย อันนี้ถือว่าเป็นมรดกมั๊ยคะ

ได้เงินประกันมาก็รีบเอามาเคลียร์หนี้บัตรเครดิตของรัตน์หมดแล้ว

เพื่อให้ครอบครัวอยู่รอดให้ได้ด้วยรายได้เพียงคนเดียว

เลยไม่มีเงินไปจ่ายบัตรของสามีค่ะ

เลยว่าจะนิ่ง ๆ ไปก่อน

ตัดสินใจเคลียร์หนี้ฝั่งรัตน์ก่อน เพื่อให้คนที่ยังอยู่สามารถอยู่ได้ค่ะ

เพราะว่า

rut0501 เขียน: สามีทำประกันไว้ 1 ที่ เป็นชื่อลูกชาย อันนี้ถือว่าเป็นมรดกมั๊ยคะ

เงินประกันชีวิต อายัดไม่ได้

ยกเว้น...หากครบอายุสัญญาที่จะต้องจ่ายเงินคืนทั้งหมดให้กับผู้ซื้อกรมธรรม์(โดยที่ผู้ซื้อกรมธรรม์ยังไม่เสียชีวิต) กรณีนี้สามารถอายัติได้
หรือ...เงินปันผลตอบแทนที่ทางบริษัทประกัน จ่ายเป็นเบี้ยปันผลให้เป็นรายเดือนให้กับผู้ซื้อกรมธรรม์(ในขณะที่ผู้ซื้อกรมธรรม์ยังไม่เสียชีวิต) เงินในส่วนนี้ก็สามารถอายัดได้เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นเงิน รายได้/กำไร ในแต่ละเดือน

ซึ่งได้เคยอธิบายไว้แล้ว...อยู่ในกระทู้นี้

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=28147&Itemid=52#28150



เงินประกันชีวิต จัดเป็นเป็นสัญญาที่บริษัทประกันชีวิตตกลงจะจ่ายผลประโยชน์ให้กับผู้รับผลประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตาย เงินดังกล่าวจึงมิใช่ทรัพย์สินของลูกหนี้ และไม่จัดว่าเป็นเงินที่จะเข้าสู่กองมรดกของลูกหนี้ จึงไม่สามารถบังคับคดีเพื่อชำระหนี้ได้

แต่ถ้าเป็นกรณีการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ในระหว่างที่มีชีวิต หากผู้เอาประกันชีวิต(ผู้ซื้อประกัน)ได้ส่งเงินครบกำหนดตามสัญญาแล้ว เช่นส่ง 10 ปี หรือส่ง 20 ปี...เงินที่ส่งไปทั้งหมดนี้ ทางบริษัทประกันชีวิตก็จะส่งมอบคืนให้กับผู้เอาประกัน(เพราะผู้เอาประกันได้ส่งเงินครบแล้ว แต่ไม่ตาย) ดังนั้นเงินดังกล่าวนี้ จึงกลับมาเป็นของผู้เอาประกันชีวิตอีกครั้ง ไม่ใช่เป็นเงินของผู้รับผลประโยชน์(ทายาท)...ในกรณีนี้ เจ้าหนี้สามารถที่จะทำเรื่องอายัดเงินดังกล่าวได้

และที่สำคัญ...ส่วนมากเจ้าหนี้มันไม่รู้หรอกครับ ว่าลูกหนี้ไปซื้อประกันชีวิตเอาไว้หรือเปล่า หรือซื้อประกันไว้ที่ไหนบ้าง?...อย่างไร?

แล้วคุณจะไปบอกให้เจ้าหนี้มันรู้เพื่อให้เรื่องมันยุ่งยากทำไมล่ะครับ?
.

rut0501 เขียน: สามีเสียชีวิตได้ 1 เดือนแล้วค่ะ

มีหนี้บัตรอยู่ 2 ใบคือ
1.เฟิร์สช้อย 23000 บาท
2.ยูเมะพลัส 33000 บาท

แฟกซ์ใบมรณะบัตรไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ก็มีเอกสารทวงหนี้มาให้ ชำระทันที
ควรจะทำยังไงต่อไปดีคะ เพราะว่าเขาไม่ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้เลย
แถม 2 ใบนี้ เพิ่งรู้ว่าเขาแอบทำก่อนเสียชีวิตได้ไม่นานนี้เอง
เครียดค่ะ เพราะว่าตอนนี้ต้องผ่อนทั้งบ้าน ผ่อนทั้งรถเลย
เขาจะมาฟ้องร้องให้เราหาเงินมาจ่ายมั๊ยคะ
รบกวนช่วยตอบหน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ น้ำมนต์เข้ามาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ผ่านอุปสรรคความทุกข์

ทั้งหลายในเร็ววันค่ะ และก็ขอแสดงความเสียใจเรื่องสามีด้วยค่ะ..

แต่บนโลกใบนี้..สรรพสัตว์ทั้งหลาย มิอาจหลีกหนีสิ่งนี้ได้...

เรายังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีสติ และ เข้มแข็ง

อีกทั้งยังต้องเป็นที่พึ่ง ที่พักพิงทางใจ ให้กับชีวิตที่เหลือ ที่เราต้องดูแล เอาใจใส่

ให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคม ของครอบครัว และ เป็นคนดีต่อตัวของตนเอง...

คำว่าแม่ มีความสำคัญมาก หน้าที่ของแม่ ยิ่งสำคัญกว่าค่ะ...อย่าท้อแท้ หรือ ท้อถอยค่ะ

เรื่องหนี้นะ เป็นเรื่องรองค่ะ...ในเมื่อคุณมีแนวทางแล้ว...ก็ดำเนินแนวทางต่อไปให้ถูกต้อง

และ เหมาะสมกับสถานะของตนเองนะคะ...

น้ำมนต์ และ สามี มีหนี้สินรวมราว ๓ ล้านกว่าๆ...ณ ตอนนี้ ไม่มีอะไรเป็นของตนเองเลย

แต่ยังคงมีหน้าที่การงาน ที่ต้องดูแลอยู่ค่ะ

และจิตวิญญาณ ที่ต้องการเป็นคนดี ...อดทน ต่อสู้ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น..

และอยู่ต่อไปให้ได้ด้วยสติ ปัญญา...ที่ถูกต้องค่ะ....

หมั่นไหว้พระ สวดมนต์นะคะ หรือ ยึดหลักตามแนวศาสนาที่คุณนับถือ...ให้จิตปลอดโปร่ง

รู้เท่าทันความทุกข์ กิเลสทั้งหลายทั้งปวง...

ขอให้โชคดีค่ะ....