อยากถามค่ะ

เป็นหนี้บัตรเครดิต แล้วถ้าไม่มี h/c ต้องทำอย่างไรบ้าง
ถ้าเราคิดว่าเราจะหยุดจ่ายบัตรเครดิต และสินเชื่อ เราควรหยุดพร้อมกันที่เดียวไหมค่ะ
ถ้าเราหยุดจ่ายแล้ว บัตรเครดิตอื่น ที่เราไม่ได้ใช้เลยจะใช้ได้อีกหรือเปล่า คนละิbank กับที่เป็นหนี้ค่ะ

เอ่อ คือ อืม
อ่านกระทู้ปักหมุดค่ะ www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=179&Itemid=52

ทำตางรางหนี้สินของตัวเองว่าตัวเองเป็นหนี้อย่างไร เท่าไหร่ ทีใหนบ้าง

ทำตารางรายรับ/รายจ่าย ค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวพื่อจะได้รู้ว่า รายรับ - รายจ่าย = เงินสุทธิที่รับอยู่ พอชำระหนี้ไหม ถ้ายอดหนี้ที่มีอยู่เกิน กว่า รายรับ ก็เห็นสมควรหยุดจ่ายทุกบัตรค่ะ

ก้ต้องประเมินตัวเองนะคะ

ก่อนอื่นของก่อนอื่น ก็อ่าน กระทู้ปักหมุด ทุกกระทู้ เลยดีไหมคะ

บัตรเครดิตที่คุณไม่ได้ใช้ ก็ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับหนี้สินของคุณ นี่คะ ถ้าคุณจะนำมาใช้ แต่ คุณจะใช้อีกรึคะ

คนที่เป็นหนี้ย่อมมีความทุกข์ใจเป็นธรรมดา

เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า "ตัวหนี้สิน" ไม่ได้เป็นก้อนทุกข์ . . เพราะบางคนมีหนี้ก็ไม่ได้เป็นทุกข์ เช่น นักธุรกิจบางคน นำเงินแบงค์มาลงทุน เขากลับดีใจเสียอีกว่าแบงค์ให้เครดิต

สิ่งที่จะบอกก็คือ "ตัวหนี้สิน" ไม่ได้เป็นตัวทุกข์ แต่คนเป็นทุกข์เพราะความไม่อยากมีหนี้ ***เจ้าความ "อยากหรือไม่อยาก" ที่อยู่ในใจคนนี่แหละ ที่ทำให้คนเป็นทุกข์

ถ้ามีหนี้เกิดขึ้นแล้ว ก็ดูและรับรู้ว่ามีหนี้ แต่อย่าเอาใจของเราไปแบกหรือไปต้านว่า ฉันไม่อยากมีหนี้ เพราะมันจะทำให้เราหนักและเหนื่อยในความรู้สึก และนั่นคือตัวทุกข์

สิ่งสำคัญคือ เราต้องรักษาใจไว้ไม่ให้เป็นทุกข์ ไม่ให้เศร้าหมอง เพราะจะทำให้ดึงดูดเรื่องไม่ดีเข้ามาเพิ่มขึ้น ถ้าใจเศร้าหมอง

มีหนี้ ก็มีหนี้ ... ค่อยๆผ่อนใช้คืนเจ้าหนี้เขาไป .. พยายามเจรจาขอผ่อนรายเดือนให้น้อยหน่อย โดยขอยืดเวลาออกไป .. เพราะเราจำเป็นต้องมีเงินสดหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต หรือใช้ในการลงทุนให้เกิดเงินงอกเงย

ได้ขึ้นชื่อว่ามีหนี้ ไม่ทำให้เราตายหรอก แต่ถ้าไม่มีเงินกินข้าวนี่สิอาจจะทำให้ตายได้

สิ่งสำคัญคือ อย่าก่อหนี้เพิ่ม โดยเฉพาะหนี้ที่เอาไปซื้อของฟุ่มเฟือย หรือซื้อของที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้กลับมา เช่น มือถือรุ่นใหม่ TV ฯลฯ

การเรียนรู้เรื่องการบริหารเงินก็เป็นสิ่งจำเป็น ลองหาหนังสือพวกนี้มาอ่านดู จะช่วยทำให้เราปลดหนี้ได้เร็วขึ้นหรือแม้กระทั่งมั่งคั่งรำรวยขึ้นมาได้ด้วย

ความจริงหลักสูตร "ไขความลับสู่ความมั่งคั่ง" จะสอนเรื่องการบริหารเงินแบบง่ายๆ และสอนแนวคิดของความมั่งคั่งหลายอย่างเลยครับ ถ้ามีโอกาสลองศึกษาดูนะครับ

เงินเดือนประมาณ 25000 บาท ค่าใช้จ่ายไม่พอกับรายได้ **ตอนนี้ติดลบประมาณ 20000 บาท ถ้าไม่ส่งบัตรเครคิตรจะเหลืออยู่ประมาณ 5พันบาท ต่อเดือนค่ะ

รายการเป็นหนี้ค่ะ ยังไม่หยุดจ่าย กำลังคิดว่าจะหยุดจ่าย

city redy 1 แสน **ฟ้องเร็ว**
cibm 5 หมื่น
uob สินเชื่อ 6 หมื่น
uob บัตรกดเงินสด 5 หมื่น
ธนชาติ กดเงินสด 6 หมื่น
aig บัตรกดเงินสด 3หมื่น 5 พัน
standard สินเชื่อ 8 หมื่น
standard visa 8 หมื่น
HSBC สินเชื่อ 5 หมื่น
easy by 1 แสน

**บัตรเครดิตที่มีวงเงินเหลืออยู่**

aig 5 หมื่น
lotus 5 หมื่น
้uob 6 หมื่น
้HSBC 5 หมื่น
ktc 1 แสน
้hompro 7 หมื่น

มีเรื่องอยากจะถามว่า บัตรเครดิต CITY BANK /UOB จะฟ้องเร็ว ดิฉันเลยคิดว่าถ้าดิฉัน จะเอา บัตรเครดิค ที่มีวงเงินเหลืออยู่มาปิด สถาบันที่ฟ้องเร็ว จะเป็นการดีหรือเปล่า เพราะถ้าฟ้องเร็วดิฉันจะเก็บเงิน แฮร์คัท ไม่ทัน ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

ตอนนี้เเค่ 665,000 ถ้าไม่หยุดหมุนหนี้ อีกไม่นาน คุณจะได้รับการยกฐานะเป็นชาวลูกหนี้ล้านอัพ

ผิดหลักการเเก้ไขปัญหาหนี้ชัดๆ
1 ต้องหยุดหมุนหนี้
2 อยู่ให้ได้ด้วยเงินเดือนตัวเอง
3 เงินที่ใช้ในการชำระหนี้ต้องมาจากเงินเดือน / รายได้ตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่เงินในอนาคต
เพราะคุณจะโดนค่ากด ดอกเบี้ยซ้ำซ้อน

เเล้วถ้าคุณยังมีบัตรพวกนี้อยู่กับตัว คุณจะทนกับเเรงกดดันจากการทวงหนี้ จากการคิดว่าถูกส่งฟ้องศาลไม่ได้
สุดท้ายคุณก็ต้องหมุนหนี้ใหม่มาจ่ายหนี้เก่าจนมันเต็มหมดทุกใบนั่นเเหละจึงจะหยุดหมุนได้

เเล้วคุณก็มัวเเต่คิดว่า เก็บเงิน haircut ไม่ทัน โดนฟ้องศาลเเน่ มันก็จะเป็นไปตามที่คุณคิดทุกอย่างนั่นเเหละ
ยังไม่ได้ลองเเก้ไขปัญหาให้เป็นระบบเลย รู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้

papa1 เขียน: เงินเดือนประมาณ 25000 บาท ค่าใช้จ่ายไม่พอกับรายได้ **ตอนนี้ติดลบประมาณ 20000 บาท ถ้าไม่ส่งบัตรเครคิตรจะเหลืออยู่ประมาณ 5พันบาท ต่อเดือนค่ะ

รายการเป็นหนี้ค่ะ ยังไม่หยุดจ่าย กำลังคิดว่าจะหยุดจ่าย

city redy 1 แสน **ฟ้องเร็ว**
cibm 5 หมื่น
uob สินเชื่อ 6 หมื่น
uob บัตรกดเงินสด 5 หมื่น
ธนชาติ กดเงินสด 6 หมื่น
aig บัตรกดเงินสด 3หมื่น 5 พัน
standard สินเชื่อ 8 หมื่น
standard visa 8 หมื่น
HSBC สินเชื่อ 5 หมื่น
easy by 1 แสน

**บัตรเครดิตที่มีวงเงินเหลืออยู่**

aig 5 หมื่น
lotus 5 หมื่น
้uob 6 หมื่น
้HSBC 5 หมื่น
ktc 1 แสน
้hompro 7 หมื่น

มีเรื่องอยากจะถามว่า บัตรเครดิต CITY BANK /UOB จะฟ้องเร็ว ดิฉันเลยคิดว่าถ้าดิฉัน จะเอา บัตรเครดิค ที่มีวงเงินเหลืออยู่มาปิด สถาบันที่ฟ้องเร็ว จะเป็นการดีหรือเปล่า เพราะถ้าฟ้องเร็วดิฉันจะเก็บเงิน แฮร์คัท ไม่ทัน ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

วิธีการแบบนี้ เขาเรียกว่า การทำ FOURTHWAY OUT
ไม่มีสอนในกระทู้ ถ้าอยากรู้ให้โทรมาถาม...จะสอนวิธีที่ถูกต้องให้

ระวังรับโทรศัพท์ไม่ไหวนะพี่ เห็นจ้องๆทางนี้อยู่หลายคน

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=23681 Thirdway out การรวมหนี้ มุมมองใหม่

จะใช้เส้นทางใด เลือกเอาให้เหมาะกับตัวเอง
แต่บัว หมดหนี้แล้วหมดหนี้เลย
ไม่ได้ไปเป็นหนี้ตัวใหม่ สร้างซ้อนๆๆๆ ขึ้นไปอีก
ตัวของบัว ได้เงินจากการออกจากงาน และขายรถไปหนึ่งคัน
เก็บเงินเอาไว้...เก็บไว้ไม่บูดไม่เน่า
รอวันที่มันเหมาะสม ใช้หนี้คืนในราคาแฮร์คัท
หนี้เก้าแสนกว่าบาท ใช้หนี้ไป 4 แสนกว่าบาท
ใช้เวลา 1 ปี กับอีก 10 เดือน
ทุกวันนี้


"สุข สวย รวย โคตร ร ร ร ร ร "

และแล้วดิฉันก็ตัดสินใจหยุดจ่ายบัตรทั้งหมดค่ะ ตั้งแต่เดือนมิ.ยนี้ พร้อมรับมือทุกอย่าง เพื่อหมดหนี้ ๆๆๆๆ
ช่วยเป็นกำลังใจด้วยนะค่ะ

ทำไมไม่ต่อกระทู้เดิมของตัวเอง หือ...
จะแก้ไขหนี้ เอาสติไปก่อนดีไหม
จะเอาไหมเนี้ย กำลังใจ
กอบัวว่า คุณไปเอา "สติ" มาไว้กับตัวก่อนเถอะ
เจอคนทวงหนี้แย่ๆ จะหนาวกว่านี้ เฮ้อ...

ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ

ขอขอบคุณค่ะที่ให้การแนะนำ

จะแก้ไขนามสกุลค่ะ ทำไม่เป็นช่วยแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

แก้ไขข้อมูลส่วนตัวให้ถูกต้องแล้วค่ะ คลิกไปที่ profile ไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่าค่ะ ขอบคุณค่ะ

รบขอถามหน่อยค่ะ ดิฉันเริ่มหยุดจ่ายเดือนนี้

first choice ยอดหนี้ 55,000- ผ่อนไปบ้างแล้ว เหลือวงเงิน 13,000 และเขาเพิ่มให้อีก 10,000 ดิฉันเพิ่งไปกดมาจากยอดที่เหลืออยู่ 23,000

บัตรกดเงินสด standard ยอดหนี้ 78,000 เหลือวงเงิน 5,000 บาท ดิฉันก็เพิ่มไปกดมาเหมือน

บัตร credit hsbc ยอดหนี้ ทั้งหมดรวมกดเพิ่ม 60,000 ดิฉันไปกดเพิ่มมา อีก 20,000

บัตรกดเงินสด esyby ยอดหนี้ 108,000 ดิฉันไปกดเพิ่มมาอีก 10,000

บัตรทุกใบดิฉันเริ่มหยุดจ่ายแล้วเดือนนี้ ก็มีเจ้าหนี้โทรมาทวงบ้างเหมือน
เมื่อวันเสาร์ standard ก็โทรมาทวงเหมือนกัน บอกว่า ยอดหนี้ที่ผ่อนชำระเป็นรายเดือน ยังไม่ได้จ่ายเข้ามาเลยนะค่ะ และยอดที่กดใหม่งวดแรกก็ยังไม่ชำระอีกหรือค่ะ
ดิฉันก็ตอบว่า ตอนนี้ยังไม่มีเลยค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่าเงินที่กดออกไป 5,000 ทำไมไม่เอามาชำระก่อนละ
ดิฉันก็ยังยืนยันว่า ยังไม่มีเลยค่ะ
บัตรรายการอื่นที่ดิฉันกดเพิ่มมานั้น ตามใบแจ้งนี้งวดนี้ยังไม่มีแจ้ง ก็เลยยังไม่ได้ถูกทวง เหมือน standard
เหตุที่ดิฉันต้องกดเพิ่มนั้นดิฉันทราบว่าไม่ควรที่จะทำ แต่ด้วยความจำเป็น เพราะหลังจากที่ดิฉันตัดสินใจหยุดจ่ายบัตร ก็คุยกับสามีว่ามีหนี้เท่าไหร่บ้าง ซึงเค้าก็ตกใจ และก็เครียดมาก สามีดิฉันเป็นโรคเครียดมาเป็นเวาลา 2 ปีแล้วตอนช่วงน้ำท่วมกินยาตลอด อาการก็ดีขึ้นมาก หลังจากที่ดิฉันบอกเรื่องนี้ไปแล้ว อาการของสามีของดิฉันก็มีอาการกำเริบขึ้น หงุดหงิด และอยู่ในที่มืดไม่ได้เคยคิดค่าตัวตาย ซำ้ร้ายไปกว่านั้นดิฉันต้องใช้ิเงินผ่าตัดก้อนเนื้องอกอีก และเมื่อปีที่แล้ว แฟนดิฉันหักหลบรถทำให้เสียหลักขับรถชนจนต้องคืนทุนประกัน รถเพิ่งซื้อใหม่ ต้องหาเงินคืนไฟแนน์อีก ซึ่งแฟนดิฉันได้ยืมเงินคนอื่นมา และรับปากว่าจะใช้คืนประมาณเดือน มิ.ย พอดีกับที่ดิฉันจะหยุดการใช้บัตร แต่ด้วยสุขภาพแฟนหลังจากประสบอุบัติเหตุก็ขายของได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็หาเงินเก็บมาใช้หนี้เค้าไม่ได้ ดิฉันเลยต้องกดเงินออกมา เพราะไม่อยากจะให้คนอื่นมาทวงเงินจากแฟนเพราะตอนนี้เค้าเครียดไม่ค่อยปกติ และเงินส่วนนี้ก็ต้องไปจ่ายค่าเทอมลูกด้วย
ซึ่งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกแฟนจะเป็นคนรับผิดชอบ ดิฉันก็เลยรู้เครียด เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าเราหยุดจ่ายโดยที่เราไปกดเพิ่มมาโดยไม่ได้ส่งงวดแรกเลยจะมีผลอะไรบ้างค่ะ และจะได้ส่วนลดจากการทำ h/c น้อยลงไปหรือเปล่า บัตรทุกใบที่ดิฉันไปกดเพิ่ม ส่วนใหญ่จ่ายแล้วก็ไปกดมาใหม่ แต่ยกเว้นของ firstchoice ผ่อนจ่ายไปไม่เคยไปกดออกมาเลย เพิ่งจะกดครั้งนี้ ไม่ทราบว่าดิฉันควรหยอดจ่ายค่างวดไปสัก 1-2 งวดก่อนดีหรือไม่ จ่ายแล้วค่อยกดออกมาใหม่

ที่คุณทำอยู่เคยนึกถึงตอนจบไว้มั้ยครับ

ไม่ใช่ไม่เห็นใจนะครับ แต่วิธีการที่คุณทำไม่ได้ทำให้ปัญหามันลดลงเลย จ่ายแล้วกดออกมาเรื่อยๆ ยอดหนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วถ้ามันเต็มทุกวงเงิน จะไปทางไหนต่อหล่ะครับ

สามีเป็นโรคเครียด ก็รักษาที่โรคไม่ดีกว่าเหรอครับ การทำอย่างนี้ไม่ได้ทำให้โรคเครียดหายนี่ครับ ยอดหนี้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยิ่งทำให้เครียดเหรอ

คนลองทบทวนดูใหม่นิดนะครับ ถ้าตัดปัญหาเฉพาะหน้าเช่นการรักษาตัว ออก แล้วถ้าไม่กดบัตรออกมาใช้เลยและหยุดจ่ายทั้งหมด รายได้พอมั้ย ถ้าไม่พอ ปัญหาที่ต้องแก้ก่อนไม่ได้อยู่ที่ปริมาณหนี้สินแล้วนะครับ

ต้องแก้ไขเรื่องสมดุลย์ระหว่างรายรับ กับรายจ่ายก่อน

ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงอยู่เสมอหล่ะครับ จะหนียังไง ถึงจุดหนึ่งก็ต้องยอมรับอยู่ดี การยอมรับสภาพอาจไม่ง่ายสำหรับบางคน แต่ก็คงต้องค่อยๆพยายามปรับตัวเพื่อรับให้ได้

วิธีการผมก็ไม่รู้จะแนะนำยังไง แต่ที่แน่ๆคือถ้ายังคงถอยหลังไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีทางไปข้างหน้าได้หรอกครับ

ขอบคุณค่ะ พ่อยอด

ตามที่พ่อยอดบอกเลยค่ะ ทำแบบแบบนั้ฝืนไปได้อีกไม่ไกลหร อก คิดผิดคิดใหม่นะคะ