ครอบครัวเรา จะปลดหนี้ให้ได้ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

ดิฉันได้เข้ามาศึกษาในเวปนี้มาสักพักแล้วค่ะ หลังจากที่เริ่มหมุนเงินจากบัตรนั้นมาจ่ายบัตรนี้ แล้วต้องก็ไปกดออกเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวใหม่ เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ เครียดมาก ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบนี้ อยากหาวิธีแก้ไข ปลดหนี้ เลยเสิร์ชใน google ว่า ปลดหนี้บัตรเครดิต จึงได้รู้จักกับชมรมนี้

รายได้หลักมาจากของสามีค่ะ สามีเป็นคนให้ดูแลเงินทั้งหมด แต่คงด้วยความไม่มีวินัยการใช้เงินของตนเอง จึงเริ่มมีหนี้จากบัตรเครดิตเยอะขึ้น แต่ก็ไม่กล้าบอกให้สามีทราบ ในช่วง 1 ปีหลัง การเงินเริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องแอบไปกดเงินจากบัตรกดเงินสด และ บัตรเครดิตออกมาใช้ ก็เริ่มเครียดมาก เงินเดือนดิฉัน 15,xxx รวมกับของสามีอีก 4x,xxx ก็เริ่มไม่พอกับการจ่ายขั้นต่ำของทุกบัตร

เมื่อตอนต้นปีดิฉันลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน รับทำเบเกอรี่ขายเป็นรายได้เสริมบ้าง แต่พอรายรับน้อยลง หมุนเงินไม่ไหวแล้วค่ะ เลยหยุดจ่าย

ตอนนี้มีหนี้บัตร
บัตรเครดิต
กสิกร visa หยุดเดือน ก.พ.56 ยอดหยุด 63,xxx ยอดปัจจุบัน ประมาณ 85,xxx
กสิกร robinson หยุดเดือน ก.พ. 56 ยอดหยุด 45,xxx ยอดปัจจุบัน ประมาณ 57,xxx
ธนชาติ หยุดเดือน เม.ย.56 ยอดหยุด 64,xxx ยอดปัจจุบัน 67,xxx
ยูโอบี Black card หยุดเดือน มี.ค.56 ยอดหยุด 87,xxx ยอดปัจจุบัน 99,xxx
เทสโก้ โลตัส เพิ่งหยุดเดือน ก.ค. 56 ยอดหยุด 113,xxx
บัตรกดเงินสด
กสิกร หยุดเดือน เม.ย. 56 ยอดหยุด 56,xxx ยอดปัจจุบัน 61,xxx
ธนชาติ flash หยุดเดือน มี.ค. 56 ยอดหยุด 81,xxx ยอดปัจจุบัน 87,xxx
ยูโอบี cash หยุดเดือน มี.ค. 56 ยอดหยุด 44,xxx ยอดปัจจุบัน 52,xxx
ยอดหนี้รวม 621,xxx .. เฮ้อ เยอะจริง ไรจริง

เนื่องจากบัตรเครดิตทั้งหมดเป็นชื่อของสามี หลังจากทยอยหยุดจ่าย ก็ไม่กล้าบอกสามี อยากบอก แต่ไม่รู้จะบอกอย่างไร อธิบายอย่างไร ลำบากใจมาก .. เลยเริ่มบอกสามีว่า เรื่องบัตรเครดิต จะทำ hair-cut นะ จะหยุดจ่ายแล้วนะ พร้อมกับส่ง link ของทางชมรมให้สามีไปศึกษาดู ว่ามันเป็นยังไง ..แต่เราก็ไม่กล้าคุยกันเรื่องนี้อยู่ดี

ดิฉันได้มาศึกษาเรื่องกฎหมาย และการรับมือการทวงหนี้จากชมรม สมาชิกหลายๆท่าน ไว้เป็นข้อมูล จนสามีก็เริ่มถามว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะจ่ายเงินใช้หนี้ น้อยกว่าที่เราเอาของแบงก์มา ดิฉันเลยเล่าเรื่องของคุณกอบัวให้สามีฟังคร่าวๆ แต่ไม่รู้จะเข้าใจมากน้อยหรือไม่

จนโอกาสดีมาถึง มีการจัดอบรมเมื่อครั้งที่ผ่านมา จึงรีบลงชื่ออบรม พร้อมกับให้สามีสมัครเข้าชมรมเพื่อร่วมอบรมด้วยซะเลย ในเมื่อเราไม่รู้จะอธิบายยังไง เลยใช้การอบรมเป็นการอธิบายแทน ตอนนี้สามีเข้าใจมากขึ้นค่ะ และคิดว่าควรจะเล่าเรื่องแนวทางการปลดหนี้ของเรา เพื่อให้เพื่อนๆร่วมชมรม ได้มีโอกาสรับทราบสถานการณ์ของแต่ละแบงก์ว่าตอนนี้มีนโยบายส่วนลดเท่าไหร่ (ตามที่คุณกอบัวแนะนำไว้ในห้องอบรมค่ะ)

ที่ผ่านมาสงสารสามีมาก เพราะต้องเป็นคนรับโทรศัพท์สายทวงหนี้ ตลอดที่ผ่านมา ตอนนี้ตั้งโอนสาย ถ้าสามีไม่ได้รับ ดิฉันจะรับเจรจาเอง

หลังจากที่หยุดจ่ายใบสุดท้าย เราจะเหลือเงินเพื่อทยอยปิดบัตร ประมาณ 15,xxx / เดือน รวมกับทองอีก 1 บาทที่เรามี น่าจะพอเป็นกำลังใจในการไปสู่การปิดหนี้

ตลอดระยะเวลาที่หยุดจ่าย แบงก์ก็โทรตามทวงตลอดเวลา ก็ได้แต่บอกว่า ยังไม่มี ยังไงก็จะพยายามหาดูให้นะ มาตลอด ช่วงหลังเริ่มซาลง

กสิกร โทรตามน้อยสุด ตอนนี้ส่งเรื่องมาที่สำนักงานกฎหมาย พนักงานสาวโทรถามจะให้ประนอมหนี้ ก็รับว่าจะขอศึกษาดูก่อน แล้วก็เงียบไป ล่าสุด ให้ส่วนลดจากยอดหยุด 50% แต่มันก็ยังเป็นเงินก้อนใหญ่ จึงยังไม่มีเงินพอจะปิดได้ ล่าสุด เมื่อสองวันก่อน โทรมาบอกว่ารวมยอดหนี้ทั้ง 3 บัตรที่เรามี ให้ส่วนลดปิดได้ที่ 120,xxx ก้อนเดียว ยิ่งไม่มีปัญญาจ่ายใหญ่เลย เลยแจ้งไปว่าขอเวลาเร่งหาเงินอีกหน่อย ซึ่งพนักงานก็ไม่เซ้าซี้อะไร พูดจาดีมาก

ธนชาติ โทรตามบ้าง แต่ยังไม่มีส่วนลดใดๆมาให้ เลยได้แต่บอกว่า ยังไม่มี จะพยายามหาให้อยู่

ยูโอบี ขยันโทรตามสุดๆ สองวันโทร สามวันโทร คนดูแลที่โทรมาทวงแยกบัตรกันดูแล พูดไม่ค่อยดีกันทั้งคู่
ก่อนหน้านี้ พอเราบอกยังไม่มีจ่ายให้ ก็บอกให้เราจ่ายขั้นต่ำมาก่อน เพราะเรายังใช้เงินไม่เต็มวงเงิน แล้วค่อยไปกดออกมาใช้ใหม่ ... รู้สึกเกลียดเธอมาก เพราะพยายามยัดเยียดให้เราเป็นหนี้มากขึ้น เราก็บอกว่าไม่เอาค่ะ กดมาอีกดิฉันก็เป็นหนี้เยอะขึ้นสิ พนักงานก็ตอบมาว่า ไม่หรอกค่ะมันจะมากกว่าเดิมได้ยังไง ... เลยไม่อยากพูดอะไรต่อ เธอช่างเห็นแก่ตัวสิ้นดี

เท่าที่คุยล่าสุดเมื่อตอนเที่ยง พยายามขอส่วนลดจากบัตร ยูโอบี cash เค้าก็ให้ปิดที่ยอด 46,xxx เลยบอกว่าไม่มี พนักงานที่ทวงก็บังคับให้ไปหามาจ่าย ตอนคุณเอาไปใช้ยังเอาไปใช้ได้ ทำไมตอนคืนไม่ยอมคืน .. อะไรทำนองนี้ ตอนนั้นปรี๊ดดดดเลย แต่พยายามสะกดกลั้นตอบไปว่าเรื่องของดิฉัน

พนักงานก็ยังไม่ยอมแพ้ บอกว่าจะมาตามเก็บที่บ้าน กับออฟฟิศ เลยบอกว่า อยากมาก็มาสิ แต่ก็ไม่มีให้อยู่ดี ไปออฟฟิศ ก็เข้าสำนักงานไม่ได้อยู่ดี เลยถามชื่อ นามสกุลพนักงานเอาไว้ เผื่อว่ามันจะพูดจากไม่ดีอีก จะได้มีข้อมูลเอาไว้ ขู่มันเอาไว้ด้วยว่าอัดเสียงการคุยกันเอาไว้แล้วนะ (ไม่รู้ว่ามันจะกลัวหรือเปล่า .. แต่ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก)

เท่าที่สอบถาม หลังจากหยุดของยูโอบีมา 5 เดือน เรื่องยังอยู่ที่ธนาคาร ฝ่ายเร่งรัดหนี้สิน เห็นว่ายูโอบีฟ้องเร็ว เลยไม่แน่ใจว่ายูโอบียังมีขั้นตอนในการส่งเรื่องไปสำนักงานกฏหมายก่อน แล้วถึงจะส่งฟ้องอยู่หรือเปล่า ???

บางครั้งพนักงานก็ไม่ยอมคุยโทรศัพท์กับดิฉัน เพราะจะคุยกับเจ้าของบัตร ซึ่งเป็นสามี แบบนี้จะทำยังไงดีค่ะ เนื่องจากสามีเจรจาต่อรองแบบนี้ไม่ค่อยเก่ง

ใครพอมีข้อมูลช่วยแบ่งปันด้วยค่ะ

lสู้ๆนะครับทุกปัญหามีทางออกครับ ผมก็พึ่งหยุดครับ คุณก็เก็บเงินได้เยอะอยู่แล้ว ต้องทำไ้ดอยู่แล้วครับ สู้ๆครับ

บอกกับตัวเองและสามีว่าเราจะสุ้ไปด้วยกันเป้นกำลังใจให้กันและกัน คุณโชคดีมากน่ะค่ะที่ได้เข้าอบรมเสมือนฉีดวัคซีนแบบตรงจุดเลย ใช้ความรู้และความเข้าใจในการอบรมให้มากที่สุด แล้วคุณกับสามีจะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ เป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้น่ะค่ะ

สู้ๆ นะคะ ยอดหนี้พอกันเลยค่ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะคะ อะจ้า อะจ้า!!

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจค่ะ

ไม่ต้องสนใจหรอกว่า เรื่องอยู่ที่เจ้าหนี้ หรือ สำนักงานหมาทวงหนี้ มันก็ทวงหนี้ทั้งนั้นเเหละ
ถ้ากลัวฟ้องเร็ว ก็เฝ้าระวังหมายศาลไว้

ให้สามีบอกไปซิ คุยกับผมก็ไม่มีทางได้เงินหรอก กระเป๋าไม่ได้อยู่กับผม เชิญคุยกับภรรยาโน่น
เเต่ถ้าสลับกันคุย ต้องจดไว้ด้วยว่าต่อรองถึงไหน เดี๋ยวลืม

ได้รับจดหมาย ซองขาว ไม่ระบุผู้ส่งมาให้ที่บ้าน ตอนแรกนึกว่าจดหมายลูกโซ่
แกะดู เป็นจดหมายเสนอส่วนลด จาก uob
ทั้งๆที่เวลาถามเจ้าหน้าที่ ที่โทรมาทวงว่าจากสำนักงานกฏหมายไหน
ก็เห็นตอบว่าจากแบงก์ .. แต่ดูจากจดหมาย น่าจะไม่ใช่แบงก์แน่ๆ
ไม่ทราบว่าลูกหนี้ uob ท่านไหนได้รับจดหมายแบบนี้บ้าง
...แล้วเสนอส่วนลดพิเศษสุดจิงจิ๊งๆๆ... ตั้งหมื่น ดีใจน้ำตาแทบไหล
เก็บตังค์ไปปิดของที่อื่นก่อนดีกว่า

เด็กหญิงส้มโอ เขียน: ไม่ต้องสนใจหรอกว่า เรื่องอยู่ที่เจ้าหนี้ หรือ สำนักงานหมาทวงหนี้ มันก็ทวงหนี้ทั้งนั้นเเหละ
ถ้ากลัวฟ้องเร็ว ก็เฝ้าระวังหมายศาลไว้

ให้สามีบอกไปซิ คุยกับผมก็ไม่มีทางได้เงินหรอก กระเป๋าไม่ได้อยู่กับผม เชิญคุยกับภรรยาโน่น
เเต่ถ้าสลับกันคุย ต้องจดไว้ด้วยว่าต่อรองถึงไหน เดี๋ยวลืม

ขอบคุณ เด็กหญิงส้มโอ กับประโยคโดนใจ
เดี๋ยวจดไปให้สามีท่องก่อน อิอิ

ไม่ได้มาอัพเดทกระทู้นานมากแล้ว แต่ก็ยังติดตามเวบอยู่เรื่อยๆ เพื่อหาข้อมูลของแบงก์ต่างๆอยู่เรื่อยๆค่ะ

มาอัพเดทข้อมูล

ตอนนี้ ปิดของ uob บัตรเครดิตไปได้ 1 แบงก์แล้วค่ะ
ยูโอบี Black card หยุดเดือน มี.ค.56 ยอดหยุด 87,xxx ยอดปัจจุบัน 108,918 (ณ.เดือน ม.ค.57)
ให้ส่วนลดเรา ปิดที่ 68,000 ค่ะ ปิดจบกันไปเมื่อวันที่ 30 ม.ค. นี้เองค่ะ ^__^
จ่ายงวดเดียว มีความรู้สึก ดีใจ และ ภูมิใจมากๆค่ะ

กับอีกแบงก์ เป็นของ เทสโก้ โลตัส (แบงก์กรุงศรี) หยุดเดือน ก.ค. 56 ยอดหยุด 113,xxx ยอดปัจจุบัน 133,854 ( ณ.เดือน ธ.ค. 56)
ให้ส่วนลด ปิดที่ 68,000 เช่นกันค่ะ แต่ให้ผ่อนจ่ายได้ที่ 5 งวด เริ่มจ่ายเมื่อเดือน ธันวาคม 56 ค่ะ
รู้สึกดีใจมาก เพราะเมื่อก่อน จ่ายยอดหมื่นกว่าทุกเดือน แต่ไม่เคยมีวี่แวว และความหวังว่ายอดหนี้จะหมด
แต่ทุกวันนี้ จ่ายเดือนละหมื่นกว่า แค่ ห้าเดือน เราก็จะหมดหนี้สินหลักแสนกันสักที

ส่วนแบงก์กรุงไทย มี 3 บัตร บัตรกดเงินสด 1 บัตร หยุดจ่ายไปได้ 6 เดือน
บัตรเครดิต 2 บัตร เป็นบัตรที่เราชำระตลอด เนื่องจากเป็นแบงก์ที่เงินเดือนเข้า จึงไม่อยากมีปัญหา แต่หยุดจ่ายไปประมาณ 3 เดือน และกำลังจะเอาเงินไปจ่าย จู่ๆ ก็มีหมายศาลมาถึงบ้านสะงั้น

กรุงไทยฟ้องรวดเดียว พร้อมกัน 3 บัตรเลย
ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่ไม่ได้เอาเงินไปจ่ายบัตรเครดิต ไม่งั้นก็ถือว่าเสียเงินเปล่า

สาเหตุที่ฟ้องเร็วมาก น่าจะเป็นเพราะ พนักงานที่โทรมาทวงไม่ยอมเจรจากับเรา ซึ่งเป็นภรรยาของเจ้าของบัตร
ต้องการจะคุยกับเจ้าของบัตร (สามี) เท่านั้น .. เลยกลายเป็นว่า ติดต่อลูกหนี้ไม่ได้ ส่งฟ้องซะเลย

ถือว่าเป็นเรื่องผิดคาดอย่างมาก เพราะเตรียมใจไว้แต่แรกว่า ยูโอบีโหด คงฟ้องเป็นรายแรกแน่
เพราะโทรมาทวงทีไร ก็เถียงกันประจำ ท้ากันให้ไปฟ้องศาลเลย ก็หลายต่อหลายหน ..
กลายเป็นว่าเจรจาต่อรองได้ก่อนรายอื่น..สะงั้น

วันที่ 8 ก.พ.นี้ ต้องไปขึ้นศาลคดี กรุงไทยแล้วค่ะ
ตัดสินใจไม่ถูกเลย ว่าต้องทำอย่างไรกับเคสนี้ดี เพราะเท่าที่เจรจาล่าสุด
ทางแบงก์ให้ปิดที่ยอด 95,000 งวดเดียว จากยอดหนี้ แสนต้นๆ
ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าต้องการผ่อนหลายๆงวด ยาวๆ ไปคุยกับทนายหน้าศาลดีกว่า
... ใครพอจะมีคำแนะนำมั้ยค่ะ สำหรับเคสกรุงไทยช่วงนี้ ????

ส่วนมือใหม่ ที่เพิ่งหยุดจ่าย ดิฉันมายืนยันว่า การทำ hair cut เป็นทางเลือกที่ทำให้หมดหนี้ได้จริงค่ะ
อย่าท้อ อย่าหมดกำลังใจ อย่าอาย .. ยืดอก ยอมรับว่าเราเป็นคนมีหนี้ แต่เรามีแนวทางที่จะหมดหนี้อย่างยั่งยืนค่ะ

ตัวเองได้หมายศาลของกรุงไทยแล้วเหมือนกันต้องไปศาล 28 เม.ย 57 เมื่อวานมีเจ้าหน้าที่กรุงไทยโทรมาว่าสนใจจะปิดบัญชีไหม
เราเลยตอบไปว่าก็ทางคุณฟ้องแล้วไม่ใช่หรือ เขาก็ตอบว่าใช่แต่สามารถเจรจาปิดได้ลดให้แต่ดอกเบี้ย แต่ยอดเราสูง 4 แสนกว่าเลยถามว่า
กรณีผ่อนจ่ายแบบขั้นบันไดให้จบใน 3 ปี ดอกเบี้ย 10% ทำได้เลยไหมเขาบอกว่าถ้ากรณีผ่อนจ่ายต้องไปทำที่หน้าศาลค่ะ
เท่าที่ติดตามข้อมูลที่เพื่อนสมาชิกไปศาลของกรุงไทยมีดังนี้
1. ลดดอกเบี้ยที่คิดไปช่วงหยุด จ่ายงวดเดียวจบ
2. แบ่งจ่าย 6 งวด
3. แบ่งจ่าย 12 งวด
4. ผ่อนจ่าย 3 ปี แบบขั้นบันได ดอกเบี้ย 10%
เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ

pfs เขียน: ตัวเองได้หมายศาลของกรุงไทยแล้วเหมือนกันต้องไปศาล 28 เม.ย 57 เมื่อวานมีเจ้าหน้าที่กรุงไทยโทรมาว่าสนใจจะปิดบัญชีไหม
เราเลยตอบไปว่าก็ทางคุณฟ้องแล้วไม่ใช่หรือ เขาก็ตอบว่าใช่แต่สามารถเจรจาปิดได้ลดให้แต่ดอกเบี้ย แต่ยอดเราสูง 4 แสนกว่าเลยถามว่า
กรณีผ่อนจ่ายแบบขั้นบันไดให้จบใน 3 ปี ดอกเบี้ย 10% ทำได้เลยไหมเขาบอกว่าถ้ากรณีผ่อนจ่ายต้องไปทำที่หน้าศาลค่ะ
เท่าที่ติดตามข้อมูลที่เพื่อนสมาชิกไปศาลของกรุงไทยมีดังนี้
1. ลดดอกเบี้ยที่คิดไปช่วงหยุด จ่ายงวดเดียวจบ
2. แบ่งจ่าย 6 งวด
3. แบ่งจ่าย 12 งวด
4. ผ่อนจ่าย 3 ปี แบบขั้นบันได ดอกเบี้ย 10%
เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ

ถ้าผ่อนจ่าย 3 ปี การชำระต่อเดือนเป็นยังไงครับ รบกวนช่วยแชร์ให้ฟังหน่ยครับ เพราะผมต้องไปศาล 8/3/14

ที่ได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่กรุงไทยที่โทรมา
กรณีผ่อน 3 ปี แบบขั้นบันได
ปี1 อย่างต่ำ 1% ของยอดหนี้ 12 งวด (ไม่แนะนำเพราะเท่ากับจ่ายดอกเบี้ยซื้อเวลาเท่านั้นแต่ถ้ามีเจ้าหนี้หลายรายก็อาจไม่มีทางเลือก)
ปี 2 และ 3 ก็เพิ่มขึ้นตามแต่กำลังที่เราจะจ่ายได้แต่ปีที่ 3 จะต้องจ่ายให้หมด (ทั้งนี้การกำหนดยอดที่จะผ่อนคุณต้องมั่นใจว่าขั้นต่ำสุดที่ต้องจ่าย
ได้ตลอดนะกำหนดต่ำไว้แต่จ่ายมากกว่าได้)
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยอดหนี้ของแต่ละคนค่ะ

ไม่ได้เข้ามาดูในกระทู้พักใหญ่ๆเลยค่ะ ได้แวะมาอ่านข้อมูลกระทู้ใหม่ๆบ้าง ที่เริ่มจะหยุดจ่ายกัน ก็ภาคภูมิใจตัวเองที่ผ่านจุดนั้นมาได้ ครบหนึ่งปีแล้ว ไม่ค่อยได้รับสายพวกทวงแล้ว

หลังจากที่ไปศาล คดี ktc แล้ว ตอนนั้น เงินเก็บเงินก้อนที่มี ก็เอาไปปิด lotus กับ uob black ไปหมดแล้ว เลยไม่รู้จะไปหาเงินจากไหนมาต่อรองกับ ktc เพราะมองแล้ว ศาลให้เลื่อนได้แค่เดือนเดียว ก็คงหาเงินมาเจรจากับทางแบงก์ไม่ทันอยู่ดี เลยทำเรื่องผ่อนกันไป 3 ปี เหมือนกันหลายๆท่านค่ะ

ตอนนี้ มีหมายศาลจากของ ธนชาติส่งมาถึงบ้านแล้ว นัดวันที่ 30 มิ.ย. นี้ ยอดฟ้องอยู่ที่ 170,xxx ..
ทางสำนักงานกฏหมายก็โทรมาหาเป็นระยะ นับตั้งแต่ได้รับหมายศาล ก็ปาเข้าไป 3 ครั้งแล้ว

ณ.เวลานี้ยังไม่มีเงินก้อนเลย ต่อรองไปว่าจ่ายได้ที่ 80,000 โดยขอผ่อน 2 งวด จากยอดหยุด 140,xxx ทางจนท.ก็บอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ ให้ได้ที่ 140,000 โดยจ่ายเพียง 1 งวด !!! ... เฮ้อออ ได้แต่ถอนหายใจ

ทำไมช่วงนี้ลำบากจัง รู้สึกหดหู่ท้อแท้เป็นพักๆ .. ต้องย้อนกลับมาอ่านกระทู้ปักหมุดเรือ่งของการไปศาล ว่าต้องทำยังไงต่อไปดี

ใครมีแนวทางของ ธนชาติบ้าง ขอคำแนะนำด้วยค่

ปล. บางทีก็ท้อแท้ซะเหลือเกินค่ะ

เช้านี้มานั่งรอที่ศาล คดีของ ธนขาต ยอดฟ้อง182,xxx ใจตุ้มๆ ต่อมๆ นัด 9.00 จนป่านนี้ ยังไม่ใทนายความฝั่งโจกย์มาเลย
เอ....งงๆ

มาอัพเดทเรื่องที่ไปศาลมาเมื่อวานให้ฟังกันค่ะ

คดีของ ธนชาติ

เผื่อเป็นข้อมูลไม่มากก็น้อยนะคะ

ยอดหยุดที่ 14x,xxx ทุนฟ้องที่ 18x,xxx หยุดเมื่อ เมษา ปีที่แล้วค่ะ
นัด 9.00 เราไปนั่งรอหน้าห้องพิจารณาคดี ทางทนายของแบงก์ยังไม่มา
มีพิจารณาคดีเดียวกัน 2 คดี คดีเรา กับอีกคดีไม่มา เสียดายแทนเค้าจริงๆ
ส่วนคดีอื่นๆ ก็เป็นของแบงก์ออมสินบ้าง แบงก์อื่นๆบ้าง
จนศาลนั่งบัลลังก์แล้ว ทนายแบงก์ก็ยังไม่มา เราเลยไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ไว้ก่อน ว่าเรามาแล้ว

ระหว่างรอ ก็นั่งฟังศาลพิจารณาคดีอื่นๆไปพลางๆ ... เห็นว่าศาลค่อนข้างใจดี และเห็นใจลูกหนี้มากๆ

ผ่านไปสองคดี ทนายแบงก์ก็มา เลยออกไปเจรจากันนอกห้อง
ทนายบอกแบบสั้นๆ ง่ายๆ ว่าให้ใช้คืนตามทุนทรัพย์ฟ้อง คือเงินต้น 14x,xxx บวกกับดอกเบี้ย รวมเป็น 18x,xxx
โดยแบงก์ให้ผ่อนจ่ายขั้นต่ำ 3,000 /เดือน โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ย 13% ซึ่งลดทาจาก 15% ให้แล้ว

เราต่อรองว่า เราจะผ่อนให้ได้จากยอดไม่เกินเงินต้น ขอให้ทางทนายคุยกับแบงก์ตัดดอกเบี้ยออกให้หน่อย

ทนายความก็ขู่แบบมะนาวไม่มีน้ำ ว่า ให้ไม่ได้หรอก แบงก์ไม่มีทางยอม

เราเลยจะขอเลื่อนนัด เพื่อไปเจรจากับแบงก์อีกที ทางทนายก็ขู่ว่ามันไม่ได้อยู่แล้ว เลื่อนไปก็เสียเวลา
เพราะแบงก์ไม่ยอมให้ส่วนลดต่ำกว่านี้แล้ว
แนะนำให้เราทำยอม แล้วมีเงินก้อนแล้วค่อยไปปิดกับแบงก์ดีกว่า
และพยายามบอกเราว่า ศาลไม่สามารถกำหนดให้ได้ว่าต้องจ่ายยอดเงินเท่าไหร่

เรากับแฟนเลยมานั่งคุยกันว่าจะเอาไง
เราเหลือต้องมาศาลอีกครั้ง คดีของกสิกร กับยอดฟ้องอีก สองแสนสาม ในสัปดาห์หน้า
และคดีของยูโอยีอีก ตอนสิ้นเดือน เงินก้อนก็หมดแล้ว คงมองหาส่วนลด และทำประนอมหนี้ เพราะฟ้องติดๆกัน และหนี้สูง


ทนายถามว่าเอาไง เรากับแฟนเลยบอกว่าจะขอความเห็นใจจากศาลเอาละกัน
ติดหนี้ ยังไงก็ต้องจ่าย ขอศาลให้ช่วยพิจารณาให้ เพราะทนายเคี่ยวเหลือเกิน

กลับเข้าไปในห้องพิจารณา ศาลก็เรียกพอดี
ศาลถามว่า ว่าอย่างไรกัน คุยกันหรือยัง
ทางทนายตอบว่า จำเลยต้องการจ่ายเฉพาะยอดเงินต้น แต่ทางแบงก์ให้ไม่ได้ เลยขอให้ศาลพิจารณาให้เลย
ศาลถามทางเราว่า ประมาณว่าจะให้ศาลพิจารณาให้ แล้วไปเจรจาผ่อนกันเองในภายหลังใช่ไหม

มาต่อจากเมื่อวาน...
สามีเราก็บอกว่า ครับ ขอให้ศาลช่วยพิจารณาให

ทางศาลสอบถามฝ่ายทนายเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารคิด และอัตราค่าปรับ ค่าทวงถามต่างๆ
และบอกว่า เก็บอะไรเยอะแยะไปหมดเลยเนี่ย

แล้วศาลก็บอกเราว่า เดี๋ยวศาลจะพิจารณาให้ และให้ทนายทำเอกสารเขียนชี้แจงอัตราดอกเบี้ค่าปรับต่างๆให้ดูด้วย

แล้วให้สามีไปเซ็นเอกสารที่โต๊ะหน้าบัลลังก์ แล้วมาคัดคำพิพากษาอีก 1 เดือน หลังจากได้รับเอกสารแจ้งกลับไปที่บ้าน

.....ตื่นเต้นรอยอดที่ศาลจะช่วยพิจารณาต่อไป