มือใหม่ค่ะ อยากจะรอแฮร์คัต แต่ก็อยากกู้มาโปะ

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คะ
ขอชี้แจงสถานการณ์ให้ฟังก่อนนะคะ
รายได้ เงินเดือน 48,000 หักโน่นนี่แล้วเหลือ 42,000
รายได้พิเศษ 10,000 ต่อเดือน

ต้องหัก ค่าผ่อนรถ 9,500 (อีก 5 เดือนหมด)

หนี้บัตร
UOB ยอดรวม 84,000 (หยุดจ่ายขั้นต่ำมา 3 เดือนละค่ะ)
KTC ยอดรวม 50,000 (หยุดจ่ายขั้นต่ำมา 3 เดือนละค่ะ)
KRUNGSRI ยอดรวม 88,000 (หยุดจ่ายขั้นต่ำมา 3 เดือนละค่ะ)
KBANK ยอดรวม 10,000 (เคยโปะแล้วเมื่อสองเดือนก่อน เลยเหลือเท่านี้) เป็นธนาคารเงินเดือนเข้าด้วย
Citi ยอดรวม 5,000 (เคยโปะแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว เลยเหลือเท่านี้)

เล่าก่อนว่าเมื่อก่อนยังเกลี่ยขั้นต่ำของแต่ละบัตรไหวค่ะ แต่ก็เริ่มหืดขึ้นคอมาเรื่อยๆ ตั้งแต่มกราที่ผ่านมา
จนเดือนเม.ย. เริ่มวิกฤตค่ะ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่มีเงินสดติดตัวเลย ดังนั้นจึงเป็นวัฏจักรที่กินร้านแพงหน่อยให้เอาบัตรรูดได้ น้ำมันก็ไม่มีเงินสดจ่ายก็ต้องรูดค่ะ หนี้เลยพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ
ทีนี้ ได้เงินเปียแชร์มาก็แทนที่จะโปะบัตรให้หมด ก็ไปลงทุนทำร้านค่ะ คราวนี้ทุกอย่างต้องใช้เงินสด ก็หมุนไม่ทันละค่ะ อยากได้รายได้นะ แต่กลับมารายจ่ายซะนี่

ทีนี้ เพื่อนแนะนำว่า ให้ตัดหนี้ซะ แล้วเก็บเงินมาโปะบัตร
เข้ามาศึกษาชมรมแล้วค่ะ เลยเก็บเงินโปะบัตรได้ 2 ใบ (แต่แผลยังไม่สนิทดี เรียกว่ายังปิดไม่ได้ดีกว่า)
ทีนี้ ทุกเดือนพอหัก คชจ. ส่วนตัวแล้ว จะมีเงินจ่ายบัตรได้ 30,000 แบบสบายๆ ค่ะ
แต่ทีนี้ ที่หยุดจ่ายมาหลายใบนั้น ยอดหนักๆ ทั้งนั้น รวมแล้วที่ต้องจ่ายก็ 240,000 (5 เท่าของเงินเดือนเท่านั้นเอง)
ถ้าจะเก็บเงินให้ได้เท่านี้ ก็ตั้ง 8 เดือน แถมดอกก็วิ่งไปเรื่อยๆ เดือนละ 500 ต่อบัตรอีก
เลยคิดจะไปกู้ธนาคารค่ะ มาโปะ (THIRDWAYOUT) ซึ่งจริงๆ แล้วเสี่ยงมาก รู้ค่ะ
แต่ก็ไม่อยากเสียเครดิต เพราะปีหน้าอาจจะกู้ซื้อบ้าน แต่งงาน แล้วก็สามารถจ่ายเงินสินเชื่อรายเดือนได้ โดยไม่ต้องเสียอารมณ์รับสายคนทวงหนี้ (กรุงศรีทวงทุกวันค่ะ เพลีย)

แต่เดชะบุญค่ะ ธนาคารบอกว่าปล่อยกู้ไม่ได้ ต้องปิดบัตรนึงก่อน เราก็แบบ ไม่มีจะจ่ายแล้ว จะให้กูปิดบัตรไรวะคะ
ไม่ให้กู้ก็ไม่ต้องกู้ค่ะ ดวกส์

คำถามอยู่บรรทัดนี้แล้วค่ะ อยากถามว่า เราควรไปขอกู้ที่อื่น เช่น TMB หรือออมสิน มาโปะอยู่ หรือยอมเก็บอีกสองเดือนแล้วโปะตัวเล็กๆ ไปก่อนคะ?
เพราะตัวใหญ่ๆ อย่างยอด 80,000 สองใบนี่ หน้ามืดแล้วค่ะ ไม่รู้จะเอาเงินจากไหนไปโปะแล้วค่ะ

ขอคำแนะนำด้วยนะคะ กลัวเสียเครดิตมากไปมั้ยคะเรา?

คิคให้ดีน่ะค่ะ ระวังทำไปแล้วจะแก้ไขได้ยากขึ้น เอาให้มีสภาพคล่องดีๆค่อยคิคทำก็ได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ

ที่ผ่านก็คิดงี้ละค่ะ ทุกวันนี้ แทนที่จะมีแค่สองเจ้า ตอนนี้เลยมาเป็น 5-6 เจ้าไง

ยอมรับสิ่งที่เราสร้างขึ้นและแก้ไขมันให้ถูกทางดีกว่า

ผมขอแชร์ประสบการณ์ “การกู้โปะหนี้บัตรเครดิตของผมให้ฟังครับ”

เมื่อประมาณเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลนโยบายให้กู้เงินเพื่อเคลียร์บัตรเคดิต
โดยให้แบงค์ออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นผู้ให้กู้ยืม....
โดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าบัตรเครดิตต่างๆ อยู่ที่ร้อยละ 10% ต่อปี

ตอนนั้นผมเองก็คิดว่ากู้ 180,000 ผ่อน 5,400 กว่าบาท ก็เป็นทางเลือกที่ดี
เพราะไม่ต้องไปเสียดอกเบี้ยที่แพงมหาศาล, ผ่อนแค่ที่เดียว ก็มีเงินเหลือ
จึงตัดสินใจยื่นคำร้องขอกู้เงินที่แบงค์ออมสิน แต่แบงค์อนุมัติได้ประมาณ
80% โดยออมสินได้ออกเช็คสั่งจ่ายบัตรต่างๆ เพื่อให้ผมไปชำระ.....ดูดีใช่ไหมครับ
(เหลือประมาณ 2 บัตรที่ไม่ได้ปิด ก็จ่ายขั้นต่ำต่อไปก่อน)

แต่หลังจากนั้นประมาณ 3-6 เดือนได้..............

ผมมีค่าใช้จ่ายน้อยลง คือ เหลือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบัตรเครดิตแค่ 2 ใบ
และเงินกู้ยืม ออมสินที่ผ่อนประมาณ 5400 ต่อเดือน แล้วยังไงหรือครับ
เงินเหลือครับก็ใช้จ่ายซื้อนู่น นี่ นั่น ตามแรงปรารถนาเลยครับ กินเที่ยว
และจากบัตรอีกสองใบที่เหลือ ก็รูดปื๊ดเพลิดเพลินใจ จนวงเงินเต็ม......
บัตรที่เคยถูกกรรไกรตัดขาด ผมก็โทรไปออกบัตรใหม่ สุดท้ายก็คือเข้าสู่
วงวัฏจักรเดิม............

ใช่ครับ จากเหตุผลข้างต้นมันดีมากครับ แต่มันแฝงด้วยคมมีดที่บาดลึก
มาจนถึงวันนี้ ....

จริงๆ แล้วสิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานเลยคือ "ตัวเราเอง" ที่เกี่ยวกับการใช้จ่าย ถ้าหากเราสามารถควบคุม:
1) ค่าใช้จ่ายได้ รู้ให้จริงว่าอะไรควรซื้อ อะไรควรใช้ และจำเป็นจริงๆ (ไม่ใช่คิดเข้าข้างตัวเอง)
2) การเก็บออม พูดง่ายมากครับ “เก็บเงิน” แต่ความเป็นจริง ไม่ง่ายเลย “จริงไหมครับ???”
3) ข้อนี้ถ้าใครทำได้ และทำต่อเนื่อง คุณจะดูแลการเงินตัวเองได้ดีมากครับ คือการทำบัญชี รายรับ-รายจ่ายประจำวัน, ประจำเดือน (พอสิ้นเดือนมาวิเคราะห์ว่ารูรั่วอยู่ตรงไหน แล้วอุดซะ)

ทั้งหมดก็เป็นแค่ประสบการณ์ของผมนะครับ ไม่ได้มีข้อเสนอแนะหรือชี้นำให้คุณต้องทำอะไรอย่างไรครับ

ขอขอบคุณ Anakin ที่เตือนสตินะคะ และ ขอบคุณคุณ dnbb และ kitsawan ที่มาเม้นด้วยนะคะ

จริงค่ะ ขนาดกู้มาโปะ ยังกู้ไม่ผ่าน ยังจะหวังว่าไม่เสียเครดิตบูโรอีกเรอะ!

เอาเป็นว่า ใช้วิธีแรก กับวิธีสอง ผสมกันแทนดีกว่ามั้ยคะ? ขอคำแนะนำค่ะ
คือ จะเก็บเงินให้ได้เยอะที่สุดแล้วโปะ จากบัตรน้อยไปบัตรใหญ่ ต้องเก็บอีกประมาณ 2 เดือนสำหรับ KTC (60,000) และอีก 3 เดือนกับ UOB และอีก 3 เดือนกับ กรุงศรีค่ะ
หรือว่าหลังจากปิด KTC แล้ว เราก็ผ่อนจ่ายให้ UOB กับกรุงศรีอย่างละ 15,000 ดีคะ?

ตอนนี้ต้องทนกับกรุงศรีเยอะหน่อยค่ะ ในขณะที่ UOB และ KTC ยังเงียบ และยังทรีตเราแบบลูกค้าดีอยู่
ก็คือเราจะจ่ายน่ะแหละนะ แต่ช้าหน่อยนะตัว เค้ายังอยากใช้บัตรตัวอยู่
ตอนนี้หยุดก่อหนี้แล้วค่ะ กินข้าวโรงอาหาร 25 บาท กินไม่ได้ก็ต้องทน สังสรรค์น้อยลง ใช้เงินสดจ่ายหมด (เพิ่งเคยเริ่มทำค่ะ รู้สึกรวยกว่าเดิม สมัยใช้บัตรเสียอีก)
แล้วบอกเพื่อนๆ น้องๆ ที่ทำงานว่า เรากำลังตัดหนี้นะ ช่วยเตือนๆ เราด้วยว่าต้องประหยัด
บอกแฟน บอกแม่ว่า อดทนหน่อยนะ เอาใจช่วยเราด้วย เราเหนื่อย
อยากไปเที่ยวตปท. ก็ต้องปลดหนี้ก่อน

ตอนนี้ เอาเป็นว่าเรายอมให้เสียเครดิตไปละกันค่ะ
ไม่มีไรจะเสียแล้ว เพราะไม่มีไรจะจ่ายอ่า....

ขอบคุณคุณ Toob_pong ด้วยนะคะ www.consumerthai.org/debtclub/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/sweating.gif

เห็นภาพชัดเลยค่ะ ว่าคนนิสัยอย่างเราอ่ะ ถ้ามีเงินเหลือจะมือเติบอีกแค่ไหน

สังคมที่นี่อบอุ่นจังเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับการแชร์นะคะ

www.consumerthai.org/debtclub/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/sweating.gif มาแชร์ประสบการณ์ด้วยค่ะ เคยคิดเหมือนคุณค่ะ เรื่องของ Third way แต่ต้องบอกว่า นับว่าโชคดี ที่ธนาคารไม่ยอมให้กู้ค่ะ (กู้มาเพื่อโป๊ะบัตรจะได้เหลือหนี้เพียงที่เดียว โดยขอวงเงินที่น้อยกว่าหลักทรัพย์) เหตุผลที่ไม่ให้กู้คือ คุณมีหนี้บัตรเครดิตมากเกินไปความหมายคือ ภาระหนี้เกินตัว ข้อนี้เรายอมรับ ไม่งั้นจะเอาหลักทรัพย์มาค้ำเพื่อขอวงเงินคุณไปชำระหนี้หรือ แล้วอีกอย่างที่ให้คำตอบมาดูดีนะว่า

ทางธนาคารไม่อยากได้ หลักทรัพย์ของคุณหรอก มันยุ่งยาก เกิดคุณเบี้ยวหนี้มาไม่ยอมชำระ ทางเราขี้เกียจมายึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดมันยุ่งยาก

จากที่เคยคิดว่าจะเป็นลูกหนี้ที่ดี แต่การมีบัตรเครดิตจำนวนมาก ทางธนาคารมองว่า เรามีภาระหนี้สินมากเกินไป ถือเป็น หนี้สูญ ก็เป็นได้ ก็ดีเหมือนกันค่ะ ตอนนี้เลย หยุดจะทุกบัตรแล้ว เหลือจ่ายขั้นต่ำเพียงบางบัตรที่มีเงินเดือนเข้าและ ค่าใช้จ่ายที่ต้องตัดบัญชีธนาคารเท่านั้น นอกนั้นหยุดหมด ของเราเข้าเดือนที่ 2 แล้วก็มีโทรมาทวงบ้าง รับทุกสายค่ะ ถ้าพลาดไม่ได้รับ ไม่ต้องไปซีเรียสอะไร เดี่ยวเขาก็โทรเข้ามาใหม่


ตอนนี้ สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับทุกคนที่เป็นหนี้ และต้องการปิดบัตรคือ การเก็บเงินและอดออม แต่มันทำให้เรารู้คุณค่าของเงินมากขึ้น ถือเป็นบทเรียนในชีวิตค่ะ ตั้งใจว่า หมดหนี้เมื่อไร จะเก็บเงินพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ เหมือนเช่นคุณ สู้ สู้ แล้วเรามาหมดภาระหนี้ไปด้วยกัน

pritty เขียน: www.consumerthai.org/debtclub/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/sweating.gif มาแชร์ประสบการณ์ด้วยค่ะ เคยคิดเหมือนคุณค่ะ เรื่องของ Third way แต่ต้องบอกว่า นับว่าโชคดี ที่ธนาคารไม่ยอมให้กู้ค่ะ (กู้มาเพื่อโป๊ะบัตรจะได้เหลือหนี้เพียงที่เดียว โดยขอวงเงินที่น้อยกว่าหลักทรัพย์) เหตุผลที่ไม่ให้กู้คือ คุณมีหนี้บัตรเครดิตมากเกินไปความหมายคือ ภาระหนี้เกินตัว ข้อนี้เรายอมรับ ไม่งั้นจะเอาหลักทรัพย์มาค้ำเพื่อขอวงเงินคุณไปชำระหนี้หรือ แล้วอีกอย่างที่ให้คำตอบมาดูดีนะว่า

ทางธนาคารไม่อยากได้ หลักทรัพย์ของคุณหรอก มันยุ่งยาก เกิดคุณเบี้ยวหนี้มาไม่ยอมชำระ ทางเราขี้เกียจมายึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดมันยุ่งยาก

จากที่เคยคิดว่าจะเป็นลูกหนี้ที่ดี แต่การมีบัตรเครดิตจำนวนมาก ทางธนาคารมองว่า เรามีภาระหนี้สินมากเกินไป ถือเป็น หนี้สูญ ก็เป็นได้ ก็ดีเหมือนกันค่ะ ตอนนี้เลย หยุดจะทุกบัตรแล้ว เหลือจ่ายขั้นต่ำเพียงบางบัตรที่มีเงินเดือนเข้าและ ค่าใช้จ่ายที่ต้องตัดบัญชีธนาคารเท่านั้น นอกนั้นหยุดหมด ของเราเข้าเดือนที่ 2 แล้วก็มีโทรมาทวงบ้าง รับทุกสายค่ะ ถ้าพลาดไม่ได้รับ ไม่ต้องไปซีเรียสอะไร เดี่ยวเขาก็โทรเข้ามาใหม่


ตอนนี้ สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับทุกคนที่เป็นหนี้ และต้องการปิดบัตรคือ การเก็บเงินและอดออม แต่มันทำให้เรารู้คุณค่าของเงินมากขึ้น ถือเป็นบทเรียนในชีวิตค่ะ ตั้งใจว่า หมดหนี้เมื่อไร จะเก็บเงินพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ เหมือนเช่นคุณ สู้ สู้ แล้วเรามาหมดภาระหนี้ไปด้วยกัน

เรามาสู้ไปด้วยกันนะคะ เราหยุดมา 3 เดือนละค่ะ
หวิวๆ เหมือนกัน แต่เราใช้เงินอย่างประหยัดมากกกกกกกกกกกก
เรียกว่าไม่เคยคิดว่าเงินพันนึงมีความหมายจนกระทั่งช่วงนี้เลยค่ะ 5555

วันนี้ ตอนเช้าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ KTC โทรมาแล้วไม่ได้รับ
นางโทรเข้าบ้านทันทีเลยจ้า

Babyblue เขียน: วันนี้ ตอนเช้าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ KTC โทรมาแล้วไม่ได้รับ
นางโทรเข้าบ้านทันทีเลยจ้า

ผมว่าไม่ใช่ไม่ได้ยินหรอกครับ ผมว่าเจตนาให้ดังทีเดียวแล้วกดทิ้ง เพื่อเป็นข้ออ้างในการโทรหาบุลคลอื่น
พูดง่ายฯ ประจานหนี้ทางอ้อม เท่าที่ดูมาไม้นี้หมด แกล้งโทรเข้ามาแล้วกดทิ้งเพื่อกันไม่ให้เราวด่ามัน จะได้อ้างได้ว่าโทรมาแล้วไม่รับสาย

แล้วเรื่องที่จะกู้เงินแบงค์มาปิด ลองหาข้อมูลดีฯนะครับ เพราะมันมีค่าใช้จ่ายในการกู้ไที่ไม่น้อยนะครับ ส่วนมากคนลืมมองค่าใช้จ่ายตรงนี้ เพราะมันไม่น้อยเลยนะครับ ยิ่งถ้าเอาเป็นสินทรัพย์พวกบ้านเข้าแล้วด้วย ค่าใช้จ่ายตรงนี้เยอะมาก เพราะผมเกือบไปแล้วเอาง่ายฯ จะกู้ 3 ล้าน กู้ธุรกิจ โดนค่าประกันชีวิตที่แบงค์เด่วนี้บังคับให้ทําทางอ้อม ค่าจดจํานอง ค่าธรรมเนียมต่างฯ เชื่อไหมครับว่าทั้งหมด 3-4 แสนครับ กู้ 3 ล้านเงินหายไป 3-4 แสน แล้วหนําซํ้ามันให้ผ่อนด้วยครับ ขอโทษส่วนนี้โดนดอกเบี้ยอีกนะครับ คิดดูและกันโหดไหมยังไม่นับดอกเบี้ยเลคกู้ธุรกิจ 10%+ ต่อปีนะครับ พอคิดดูดีฯ จ่ายดอกอาน

ฺBEER เขียน:

Babyblue เขียน: วันนี้ ตอนเช้าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ KTC โทรมาแล้วไม่ได้รับ
นางโทรเข้าบ้านทันทีเลยจ้า

ผมว่าไม่ใช่ไม่ได้ยินหรอกครับ ผมว่าเจตนาให้ดังทีเดียวแล้วกดทิ้ง เพื่อเป็นข้ออ้างในการโทรหาบุลคลอื่น
พูดง่ายฯ ประจานหนี้ทางอ้อม เท่าที่ดูมาไม้นี้หมด แก้โทรเข้ามาแล้วกดทิ้งเพื่อกันไม่ให้เราว่าได้ว่าโทรมาแล้วไม่รับสาย

จริงด้วยค่ะ!!! เคยเจอสายแบบนี้สองสามที

เหนื่อยเหลือเกินค่ะ กว่าจะถึงวันเงินเดือนออก ที่ต้องทนรับสายโทรศัพท์จากบัตรเครดิต

ผ่านจุดย้ากส์ที่สุดไปได้ ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วครับ


เก็บเงินและวางแผนรับมือ พอครับ


สู้ ๆ ครับ

อย่าดีกว่าพี่ขอร้อง หนี้ไม่ได้หายไปแต่มันย้ายไปต่างหาก เก็บเงินดีกว่ากู้ใหม่คิดคอกเบี้ยใหม่เผลอจ่ายแพงกว่า

ข้อเสนอยั่วยวนใจมาอีกแล้วคร่า... CITIBank ที่เราเพิ่งโปะไปเดือนก่อน 40,000 นางมาบอกว่า เนี่ยแปลงวงเงินให้เป็นเงินสดไปโปะบัตรอื่นได้นะ ดอก 0.90% ต่อเดือน ถ้าผ่อน 4 เดือน เดือนละ 10,000 เสียดอกแค่ 1,400 เอง

เราไม่ควรหลงกลมัน ใช่มั้ยคะ? แต่มันก็โปะได้เร็วดี เพราะบัตรอื่น ยอด 88,000 ต้องเก็บ 30,000 ถึง 3 เดือนทีเดียวค่ะ
ถ้าโปะด้วยซิดี้แบงค์ "เงินสดโทรสั่งได้" แบบนี้ มันถือเป็น Firstwayout อยู่มั้ยคะ? หรือเป็นการกระทำโง่ๆ คะ?

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ

อย่าเลยค่ะ เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็เพิ่งโดน ยูโอบี๋ฝ่ายสินเชื่อโทรมาเชื้อเชิญ ให้สมัครสินเชื่อส่วนบุคคลวงเงินสูงสุดถึง เท่าของเงินเดือน ไม่คิดภาระหนี้ แถมยังฟรีดอกเบี้ย ให้สองเดือนแรกด้วยค่ะ ฟังแล้วก็รู้สึกเคลิ้มไปนิดนึงค่ะ ทางพนักงานก็พูดเหมือน ๆ ท่องมาว่า พี่เอาไปโปะหนี้ตัวเก่า แล้วก็มาจ่ายกับเราจ่ายเดียวจะดีกว่านะ พี่

ก็เลยตอบกลับไปว่า จริงเหรอ พี่เป็นหนี้อยู่ล้านกว่า เจ็ดเท่าของเงินเดือนคงโปะไม่หมด พี่ขอสักล้านได้มั้ยคะ แล้วที่สำคัญพี่เป็นหนี้ของยูโอบี๋อยู่ด้วย ไม่ได้จ่ายมาสองงวดแล้ว พี่ยังขอได้มั้ยคะ

พนักงานที่โทรมาเลยเงียบไปแล้วบอกว่างั้นไม่รบกวนล่ะค่ะ

ในใจก็รู้สึกดีใจค่ะ ที่ประวัติไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนและมาเจอชมรมก่อนไม่งั้นคงได้หนี้เพิ่มมาอีกไม่รู้เท่าไหร่ ดอกเบี้ยฟรี สองเดือนแต่ไปบวกเพิ่มเดือนต่อไปบานค่ะ นี่คือวิธีการทำมาหากินของเค้าค่ะ

ยินดีด้วยที่ยังไม่ได้กู้มานะคะ เราเก็บเอง ช้าแต่ชัวร์ค่ะ เป็นกำลังใจให้

มารายงานสถานการณ์ค่ะ
หลังจากหยุดจ่ายทุกบัตร เว้นกสิกร (บัญชีเงินเดือน) ตั้งแต่เดือน มิ.ย.
และทยอยปิดบัตร ตั้งแต่ 25 มิ.ย. ปิดบัตรกสิกร
25 ก.ค. ปิดบัตร citibank
25 ส.ค. ปิดบัตร KTC
เหลืออีก 2 ใบตัวเป้งๆ ค่ะ คือ UOB และ Krungsri + HSBC
25 ก.ย. เก็บเงินโปะบัตร ทั้งสามค่ะ

แต่ความพลาดของเราที่จะมาแชร์ ก็คือ บัตร HSBC เป็นหนี้ของเพื่อนให้เราช่วยรูด เราเลยให้มันจ่ายขั้นต่ำของบัตรนี้มาตลอดค่ะ ทั้งที่หยุดกรุงศรีไปนานแล้ว
พอเจ้าหน้าที่โทรมาทวง กลายเป็นเพิ่งตาสว่างว่า ที่เราโปะ HSBC (ที่ควบรวมกับกรุงศรี) นั้น มันไม่ได้แปลว่าเราหยุดจ่ายกรุงศรีเลย

เราเลยให้เพื่อนเลิกจ่ายบัตร HSBC ขั้นต่ำ และเก็บเงินโปะ เหมือนเราค่ะ
ซึ่งเราคาดว่า ถ้ามีแฮร์คัต ช่วงสิ้นปี เราน่าจะโปะบัตรใดบัตรหนึ่งได้ค่ะ

เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ


สู้! รอวันแฮร์คัต

โพสต์ไม่ทันขาดคำ เมื่อวานเย็น กรุงศรีขายหนี้ไปแล้วค่า
นางมาเสนอแฮร์คัตละค่ะ นางบอกว่ายอดหนี้คือ 93,000
นางเสนอครั้งแรก ลด 35% เหลืองวดเดียว 61,000 (กี๊ดดดด ถ้ามีนะ จ่ายครบจบเลย)
แต่มันไม่มีนี่สิคะ เลยเสนอ ผ่อน 3 งวด งวดละ 25,000 รวม 75,000 (ลดไม่เยอะเลยอ่ะค่ะ)
นางเลยเสนอขั้นสุดคือ 85,000 ผ่อน 5 งวด งวดละ 17,000 ค่ะ (ลดไม่เยอะเลยค่ะ) งั้นชั้นจะรอแฮร์คัตทำไม
เราเลยบอกว่า โทรมาใหม่เดือนหน้าได้มั้ย เผื่อเก็บตังค์ได้ (พูดน้ำเสียงดีๆ ตลอดการสนทนานะคะ)
นางบอกว่า เดี๋ยวปลายเดือนโทรใหม่

เฮ้อ............ อยากมีเงินนนนนนน อยากโปะแฮร์คัตแบ้ววววว

จะบอกว่า บัตรกรุงศรีฮ่องกงนั้น เพิ่งหยุดจ่ายไปหนึ่งเดือนค่ะ
ตอนนี้โทรศัพท์ที่โทรมา เลยจะเป็นบัตรนี้เสียส่วนใหญ่ (เดือนแรกๆ ก็งี้ รู้งี้หยุดพร้อมๆ กับบัตรอื่นๆ ดีกว่า จะได้มาทีเดียว)
กับบัตรกรุงศรีวีซ่า ที่โทรมาเจรจาแฮร์คัตค่ะ แต่ว่ายังไม่มีตังค์จ่าย และค่าผ่อนต่องวดก็ค่อนข้างแพง และจะเก็บเงินไม่ได้น่ะสิ เพราะตอนนี้ยังผ่อนของซิตี้แบงค์เดือนที่ 2/4 อยู่เลยค่ะ
กว่าจะเก็บเงินได้เยอะๆ อีกทีก็ธันวาโน่น เพราะจะได้โบนัสอ่ะค่ะ
แต่อุปสรรคก็ยังไม่หมดค่ะ เพราะค่าประกันชีวิต ประกันรถ ดาหน้ากันเข้ามาแล้วค่ะ
ไหนจะโอนรถช่วงธันวานี้อีก เฮ้ออออออออออ