เข้ามาเป็้นสมาชิกใหม่ค่ะ มีเรื่องสงสัยค่ะ

ก่อนอื่นต้องเราก่อนว่าตนเองมีหนี้ทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อ ทั้ง Bank และ non bank อยุ่หลายที่มาก ซึ่งไม่สามารถหมุนเงินมาได้สักพักใหญ่แล้วค่ะ สิ่งมี่มำคือหยุดการชำระทุกเจ้าหนี้ มาเป็นเวลาเกือบ 6 เดือนแล้วค่ะ แนะนำของทางกระทู้ของชมรม และผู้มีประสบการณ์ หลายๆท่านค่ะ สิ่งงที่ตามมาคือ ธนาคาร UOB ได้ดำเนินการฟ้องและมีหมายมาถึงบ้านให้ไปไกล่เกลี่ยที่ศาล ซึ่งตนเองได้ไปตามนัด แต่เมื่อไปถึงก็มีเจ้าหน้าที่ของทางแบงค์ ซึ่งเข้าใจว่าเป็น ทนาย ก็ได้พูดคุยกันโดยจำนวนหนี้ที่ถูกฟ้องอยุ่ที่ ประมาณ 180,000 บาทแต่จำนวนเงินในสำนวนที่ส่งฟ้องอยู่ที่ ประมาณ 203,000 ค่ะ ซึ่งได้มีการต่อรองกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ธนาคารมีนโยบายแค่ให้ผ่อนชำระ 12 งวดเท่านั้น ซึ่งคิดแล้วเป็นเงินเกือบ 20,000บาท ซึ่งปกติตอนที่ยังจ่ายอยู่ต่อเดือนๆละประมาณ 12,000 ยังไม่สามารจ่ายได้เลยค่ะ จึงเจราจาไกล่เกลี่ยขอให้ช่วยยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระออกไปแต่ทางทนายของแบงค์ก็ยังยืนยันว่ามีวิธีนี้วิธีเดียวแล้วยังขู่อีกว่าถ้ามีไม่จ่ายจะยึดทรัพย์สินและขายทอดตลาดเอาเงินมาใช้หนี้ค่ะ ซึ่งตอนนี้ตนเองมีผ่อนบ้านและรถอยู่ ซึ่งเขาบอกว่านั่นแหละจะนำมาขายเพื่อนำเงินที่ได้มาใช้หนี้ซึ่งเราเองก็ไม่ยอม สุดท้ายก็ไปต่อรองต่อเจ้าหน้าที่ศาลค่ะ ดดยเจ้าหน้าที่ศาลก็แจ้งต่อทนายของแบงค์ให้ช่วยผ่อนผันให้หน่อยเนื่องจากยอดเงินที่ผ่อนชำระนั้นสูงเกินไป ลูกหนี้ไม่สามารถชำระให้ได้หรอก แต่ทนายก็ยังยืนยันคำเดิมค่ะ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ศาลหันมาบอกเราว่า ถ้าอย่างนั้นก็รอให้เรื่องส่งไปถึงกรมบังคับคดีแล้วกันเพราะถึงอย่างไรก็โดนอาหยัดเงิน 30%ซึ่งไม่ถึง 10,000 แล้วเมื่อได้รับเอกสารจากกรมบังคับคดีให้ไปยื่นคำร้องขอต่อรองให้อาหยัดแค่ 15 % เพราะมีภาระอื่นๆอีก ในวันนั้นตนเองก็เซ็นต์เอกสารใด (เพราะเจ้าหน้าที่ศาลบอกไม่ต้องเซ็นต์เอกสารใดๆค่ะ) หลังจากนั้น ทางUOB ก็ติดต่อมาเรื่อยพร้อมแจ้งว่าพอจะมีเงินมาชำระได้หรือไม่ เพื่อจะได้ทำการยกฟ้อง เราก็ถามกลับไปว่าแล้วจะให้ผ่อนจ่ายอย่างไร ทางแบงค์ ตอบว่า แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด ดดยจะลดให้เหลือประมาณ 150,000 แต่คิดดูสิคะ แค่ 12 งวดยังจ่ายไม่ได้แล้วนี่ให้ 2 งวดจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่ะ เมื่อคืดดูแล้วเลยตอบกลับไปว่าคงหาเงินมาจ่ายไม่ได้ค่ะ ดังนั้นขอให้เรื่องไปสิ้นสุดที่กรมบังคับคดีเลยดีกว่าค่ะ เพราะว่าคิดแล้วแม้จะถูกอาหยัดยังไงก็ยังมีเงินเดือนเหลือกินใช้อยุ่ค่ะ หลังจากนั้นก็เงียบหายไปประมาณ 3 สัปดาห์ค่ะ เราก็เลยให้เพื่อนที่เป็นทนายเอาเลขคดีเข้าไปเช็คความเคลื่อนไหวค่ะ ปรากฎว่าศาลตัดสินดังนี้ค่ะ "จำเลยไม่มาตามนัดและยินยอมชำระหนี้ เป็นเงินจำนวน 203,000 โดยจะส่งเรื่องไปยังกรมบังคับคดีเพื่อทำการอาหยัดเงินเดือน" เนื้อความประมาณนี้ค่ะ หลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ ก็มีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาอีกค่ะ ถามว่าจะสามารถหาเงินมาชำระได้หรือไม่เพื่อเรื่องจะได้ไม่ไปถึงกรมบังคดี เราก็ตอบกลับไปเหมือนเดิมค่ะ ว่าให้ส่งเรื่องไปได้เลย (เพราะทำใจได้แล้ว) หลังจากนั้นผ่านมาจะ 3เดือนแล้วค่ะ ก็ยังไม่ได้รับเอกสารใดๆแจ้งมาเลยค่ะ เลยมีคำถามค่ะ
1.เมื่อศาลตัดสินแล้วอายูความถือว่าเริ่มนับเลยหรือไม่คะ
2. เนื่องจากยังไม่มีจดหมายใดๆส่งมาเลย แล้วเจ้าหนี้รายอื่นๆต่อไปจะสามารถฟ้องเราได้อีกหรือไม่คะ
3.สำหรับเจ้าหนี้รายอื่นๆจะเริ่มนับอายุความอย่างไรคะ

รบกวนผู้รุ้ช่วยไขปํยหาด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

เพื่อนที่เป็นทนายให้ข้อมูลคุณได้เเค่นี้เหรอ
เเถมไปบอกเจ้าหนี้อีกว่า ผ่อนบ้านเเละรถอยู่

คำถามคุณ
1 อายุความหลังมีคำพิพากษา 10 ปี
2 เจ้าหนี้อื่นฟ้องได้เรื่อยๆ เเม้ขาดอายุความ (บัตรเครดิต = 2 ปี สินเชื่อส่วนบุคคล = 5 ปี)
ถ้าลูกหนี้ไม่สู้คดีเรื่องอายุความก็จะเเพ้คดี
3 อายุความ (บัตรเครดิต = 2 ปี สินเชื่อส่วนบุคคล = 5 ปี) นับเเต่วันผิดนัดชำระครั้งสุดท้าย

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=813&Itemid=64

ขอบคุณมากค่ะ

บอกครงๆ อยากให้คุณไปที่ศาล ไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง ขอคัดคำพิพากษามาด้วย

คุณไม่คิดว่า มันแปลกเหรอ กับประโยคนี้
"จำเลยไม่มาตามนัดและยินยอมชำระหนี้ เป็นเงินจำนวน 203,000
โดยจะส่งเรื่องไปยังกรมบังคับคดีเพื่อทำการอายัดเงินเดือน"
ความจริง คุณไปศาล แต่คุณไม่ตกลงชำระหนี้ ไม่ได้เซ็นเอกสารใด

กระบวนการพิจารณาคดี
ถ้าคู่ความตกลงกันได้ ศาลจะพิพากษาตามยอม คือ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ตัวอย่างหมายเลข 40605
แต่ถ้าคู่ความตกลงกันไม่ได้ ศาลจะพิพากษา เนื้อความตามตัวอย่างหมายเลข 40603
ถ้ามีการเข้าใจผิดว่า คุณไม่ไปศาล หนีศาล ศาลจะพิพากษา เนื้อความตามตัวอย่างหมายเลข 40603
แต่ยอดที่ต้องชำระหรือบังคับคดี ระหว่างยอมความกับให้ศาลพิพากษาจะต่างกัน
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=8&id=40210&Itemid=64

คุณต้องรู้เกี่ยวกับคดีของคุณให้ได้ อย่าคิดว่า อายัดเงินเดือนก็พอกินพอใช้
เพราะคุณยังมีสมบัติ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ กับหนี้อื่นอีกหลายเจ้า

อย่าเชื่อว่า ทนายที่คุณบอกว่า “รู้จัก” จะอยู่ข้างคุณ

คุณมีเจตนาจะให้เจ้าหนี้อายัดเงินเดือนอยู่แล้ว จนท.ศาล จึงบอกว่า "ให้เรื่องไปจบที่กรมบังคับคดี"
จึงเป็นที่มาของการพิพากษาลับหลัง เสมือนหนึ่งหนีศาล เพราะคุณไม่ได้ไปเซ็นรายงานตัวเสียด้วยซ้ำ ข้อเสียคือ ไปถึงศาลแล้วแต่ไม่ได้รับความเมตตาเรื่องดอกเบี้ยเลย อันนี้ต้องมาดูกันว่า ในคำพิพากษานั้นคิดดอกเบี้ยที่เท่าไหร่ แต่ยังไงๆ ก็ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปีแน่นอน
อยากให้คุณอ่านมากๆกว่านี้หน่อยค่ะ เพราะคำถามที่ถามมันเป็นคำถามพื้นๆมาก และคำตอบก็มีอยู่แล้วในห้องกฎหมายหนี้
Step แรกของการปลดหนี้ เราให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายออกมา
ในช่องของเจ้าหนี้ เราก็ให้เขียนลงไปว่า หยุดจ่าย หรือจ่ายครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เพราะมีความสำคัญเรื่องของอายุความ
นับจากไหน คำตอบตามที่คุณส้มโอบอกไปเลยค่ะ
คุณแจ็คพ๊อทตรง โดนฟ้องจาก พี่ยู ซึ่งตอนนี้มันฟ้องเร็วมากและเขี้ยว เจตนาอยากจบที่การอายัดเงินเดือน ก็ปล่อยไปตามระบบเลย ซึ่งระยะเวลาในการอายัดก็บอกไม่ได้ว่า เจ้าหนี้มันจะขยันมากน้อยแค่ไหน
แล้วเจ้าหนี้รายอื่นๆล่ะคะ คุณมีแนวทางยังไง ยอดเยอะไหม สูงแค่ไหน แฮร์คัทไปได้หรือยัง เหลืออีกกี่ใบ คุณต้องบอกรายละเอียดมากกว่านี้
แนวทางการแก้ปัญหาต้องมีเผื่อไว้หลายๆทางค่ะ
หากพี่ยู อายัดเงินเดือนไปแล้ว เจ้าหนี้รายอื่นที่ยังไม่จ่าย เขาก็ต้องทะยอยฟ้อง คุณต้องหาทางชำระหนี้คืน ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องรับหมายศาลอีกหลายใบ
อายัดเงินเดือนไป คุณก็ยังเหลือบ้าน ซึ่งสามารถอายัดได้แม้จะผ่อนอยู่ ไปหาอ่านเอา ขี้เกียจแป๊ะยิ้ง พิมพ์ผ่านมือถือ ไม่ถนัดค่ะ
รถ ถ้าคุณผ่อนหมดเมื่อไหร่ เจ้าหนี้ก็ตามอายัด
เห็นไหมคะว่า ปัญหามันจะตามมาเรื่อยๆ หากคุณไม่อ่าน ไม่ศึกษาให้เข้าใจดีพอ
ตั้งสติดีๆ หยุดจ่ายมาตั้งครึ่งปีแล้ว ถามเหมือนมือใหม่ คุณจะแย่เพราะมุขของเจ้าหนี้นะคะ
ไม่เข้าใจอะไรถามใหม่ อ่านมากๆ ถามน้อยๆ คนถามมีเป็นร้อย คนตอบมีนิดเดียว

ปอลิง: ตอนแรกงงกับเลขที่คุณส้มโอแนะนำมาก นึกว่าเป็นเลขคดีดำคดีแดง หรือเลขอะไร
อ๋อ! ที่แท้เป็นเลขกระทู้ของเว็บบอร์ด เอิ่ม! เป็นไก่ตาแตกอยู่อึดใจ ละเอียดละอี้ จริงๆ