ตัดสินใจเริ่มหยุดชำระรอบบิลนี้ค่ะ

เล่าความคืบหน้าหลังจากผ่านมา4เดือนได้โดยประมาณ วันนี้ของเจ้าใหญ่ KT โทรมาบอกว่าจะฟ้องแล้ววันที่ 26 มี.ค.57 ด้วยยอดเงินรวมสองบัตรประมาณ สองแสนต้นๆ ถ้าสนใจจะประนอมหนี้จะมีส่วนลดให้และให้แบ่งชำระได้ 6 งวด แต่ต้องชำระงวดแรกก่อนฟ้อง 1 สัปดาห์ 30% แต่จะหยุดดอกและคำนวนส่วนลดให้
ส่วนเจ้าเฟิส หลังจากที่ยังตกลงกันไม่ลงตัวด้วยการเจรจาเรื่องส่วนลดยังไม่เรียบร้อย ก็ยังไม่ได้คุยกันต่อเลยหายไปสองอาทิตย์ได้แล้ว
ตอนนี้ ที่ถี่ๆเจ้าใหญ่กลางๆ Sc แปดหมื่นฟ่าๆ สนง.ทวงหนี้โทรมาบ่อยเหมือนกันทุกสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่มีข้อเสนออะไร ก็รอๆกันไปก่อน
เจ้าเล็กสุด กสิตะกอน ก็เงียบๆ ไปรับโทรศัพท์ไม่ค่อยทันบ้าง แต่ไม่ได้คุยกันมาเป็นเดือนแล้วอ่ะ รอมากๆเลยสำหรับเจ้านี้
แต่ว่า อยากปรึกษาเหมือนกันค่ะ ว่าเราจะเหมือนกับทุกๆท่านที่ได้รับหมาย ใช่มั้ยคะว่าวันที่นัดขึ้นศาลนั้นคือเราไปเจรจาไกล่เกลี่ย กันได้ (แต่ จนท.เค้าบอกแค่ว่าถ้าไม่อยากขึ้นศาลก็ให้ทำกับเค้า6งวดถ้าไปผ่อนที่ศาลจะเสียดอกเบี้ยนะยาวไป36งวดเลย)แต่ในใจเราตั้งไว้ยังไงๆเจ้านี้ เราคงจะขอผ่อนแบบขั้นบันไดเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้และเอาเงินก้อนรอปิดเจ้า เฟิสที่มีส่วนลดมากๆ ดีกว่าแถมยอดหนี้ใกล้เคียงกันด้วย ส่วนSc คงต้องผลัดไปเรื่อยๆก่อน อาจจะได้รับหมายศาลเป็นเจ้าที่สอง ดูๆ เจ้านี้ก็ไม่ค่อยลดเหมือนกัน

ขอสอบถามหน่อยค่ะถ้าเราได้รับหนังสือจาก สนงทวงหนี้และในจม.เค้าบอกให้เราติดต่อกลับเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จะให้เจรจาต่อรองกันได้ก่อนดำเนินการขั้นต่อไป เราควรจะติดต่อกลับมั้ยคะหรือรอให้เค้าติดต่อมาใหม่เอง ตอนนี้ย่างเข้าเดือนที่5 เป็นของเฟิส ที่ยังต่อรองกันไม่ลงตัวน่ะค่ะ

มาเล่าความคืบหน้าสถานการณ์ให้ฟังนะคะหลังจากหยุดมาประมาณ6 เดือน เจ้าแรกที่ตกลงกันได้คือ น้องเฟิส ยอดหนี้ร่วมๆสองแสน ตกลงคงจ่ายกันได้ที่ 102000 บาทแบ่งจ่าย6งวดๆละ 17000 บาทตอนนี้กำลังจะจ่ายงวดที่สองแล้วค่ะ พูดจากันดี แต่เป็นสนง.กฏหมายที่สองนะคะ เจ้านี้ขออดทนอีกแค่ห้างวดเราก็ได้เป็นไท แล้ว
เจ้าที่สอง กสิกร ยอดหนี้ถึงเดือนเม.ย.57 ปาเข้าไป 38000 กว่าๆ ตกลงเจรจากปิดจบงวดเดียว 16000 บาท ชำระเรียบร้อยแล้ว หมดศัตรูรายเล็กไปอีกหนึ่ง
ทีนี้ เหลือเจ้าหญ่ายยยย ไม่ง้อใคร ktซวย จนท.โทรมาบอกนัดขึ้นศาล 22 พ.ค. 57 แต่แปลก รอหมายศาลจนถึงวันนี้ ทำไมยังมิมาแขวนซักกะที จำได้แค่ว่ายอดฟ้อง สองบัตรก็ตกใบละแสน กะแสนฟ่าๆๆ เจ้านี้เหมือนเพื่อนๆหลายๆคนบอกไว้ ลดน้อย ฟ้องเร็ว จริงๆ
และยังเหลือเจ้าใหญ่กลางๆ scโบ๋ ยังคงทวงอยู่แบบเรื่อยๆมาเรียงๆ แปดหมื่นฟ่าๆ ป่านนี้งอกเงยไปเก้าหมื่นแล้วมั้ง เราตั้งไว้ก่อนเจ้านี้ ขอจัดการกับน้องเฟิส ที่ให้ส่วนลดงดงามแถมยอมให้แบ่งจ่ายหกงวดอีก
ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆ ที่ยังสู้อยู่นะคะ อดทน อดออม แป๊บเดียว เราทุกคนจะผ่านไปได้ค่ะ ไว้มาเล่าให้ฟังวันหลังอีกค่ะ

เมื่อวานไปที่ศาลมาแล้วค่ะ อุตส่าห์ไปรอตั้งแต่แปดครึ่ง กว่าทนายจะมาเก้าครึ่ง(ไม่รักษาเวลาเลย)เหมือนที่ชมรมบอกนะคะ คือไม่ได้น่ากลัว แต่เจอคนรู้จักเพียบเพราะจังหวัดเราเป็นจังหวัดเล็กๆ การทำงานก็ต้องพบปะผู้คน เท่านั้นไม่พอทนายยังคุ้นหน้าเราซะอีกเลยบอกว่าพาลูกไปเรียนพิเศษซอยบ้านของทนายงัย และทำงานที่....(กลัวเค้านอนไม่หลับน่ะ555)เค้าเลยอ๋อไป แต่ปัญหาของเราไม่เหมือนของเพื่อนๆที่ไปศาลของktcเลยอ่ะ มีตัวแทนของบริษัทฯ มาด้วยแล้วจะมัดมือชกเลยว่าหนี้ของเรา ยอดฟ้องประมาณแสนเก้ากว่าๆ แต่เค้าให้เราทำยอมสองแสนหนึ่งหมื่นกว่าๆ โดยคิดมาให้เสร็จพิมพ์ใบมาเลยว่า ต้องผ่อนเดือนละ 6500 บาท แต่เราไม่ยอม จะขอผ่อนแบบขั้นบันได จนท.ทำหน้าเหรอว่าไม่มีแบบนี้ เราก็ว่าต้องมีสิคนรุ้จักยังทำได้เลยเยอะแยะ จะส่งยังงัยไหวแบบนี้ ทนายก็ถามว่าเราจะส่งได้เท่าไร เราว่าประมาณสักสามพันก่อนได้มั้ย 12 งวด พองวดที่13 ค่อยส่งมากขึ้นน่ะ ทนายก็หันไปถาม ตัวแทนว่าจะว่างัย โทรไปที่บริษัทฯ สิได้มั้ย สรุปเลยว่าลดได้สุดๆเดือนละ 5000 บาท แบ่งใบละ 2500 บาท เซ็งเบย ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้อ่ะเพราะตอนนี้ต้องผ่อนของเฟิสช้อย อยู่เดือนละ 17000 บาท อีก4 เดือนหมด เจอเจ้านี้ซ้อนอีกเดือนละ5000 เครียดเลย อุตส่าห์ว่าจะไม่เครียดแล้วมาเจอบริษัท โหดๆ มันไม่เห็นใจลูกหนี้เลยแบบนี้ ต้องกัดฟันสู้อีกครั้ง

รบกวนมาสอบถามเพิ่มเติมหน่อยนะคะ ของKTCนี่ไปพบกับทนายแล้วและเค้าบังคับให้ชำระใบละ5000แต่ต่อรองจนมาเหลือ2500ซึ่งอย่างที่บอกว่าไม่ไหวเหมือนกันจ่ายตรงแค่สองงวดหลังจากนั่นจ่ายได้ใบละ1500บ้าง1000บ้างแต่เดือนธ.ค.57ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายจริงๆเลยค่ะ ถ้าเราผิดนัดเค้าจะมีปัญหาอะไรตามมามั้ยคะหรือเค้าจะให้เป็นโมฆะที่เราจ่ายๆมาแต่ก็ไม่มากนะค่ะคิดว่าเดือนก.พ.58นี่จะเริ่มผ่อนให้เค้าใหม่ จะฟ้องศาลเราอีกครั้งมั้ยคะ

yui2551 เขียน: รบกวนมาสอบถามเพิ่มเติมหน่อยนะคะ ของKTCนี่ไปพบกับทนายแล้วและเค้าบังคับให้ชำระใบละ5000แต่ต่อรองจนมาเหลือ2500ซึ่งอย่างที่บอกว่าไม่ไหวเหมือนกันจ่ายตรงแค่สองงวดหลังจากนั่นจ่ายได้ใบละ1500บ้าง1000บ้างแต่เดือนธ.ค.57ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายจริงๆเลยค่ะ ถ้าเราผิดนัดเค้าจะมีปัญหาอะไรตามมามั้ยคะหรือเค้าจะให้เป็นโมฆะที่เราจ่ายๆมาแต่ก็ไม่มากนะค่ะคิดว่าเดือนก.พ.58นี่จะเริ่มผ่อนให้เค้าใหม่ จะฟ้องศาลเราอีกครั้งมั้ยคะ

เค้าไม่ฟ้องศาลแล้วครับ แต่เค้าสามารถส่งเรื่องบังคับคดีได้เลย

ลองติดต่อสำนักงานกฎหมาย หรือ ธนาคาร เพื่อเจรจาดูครับ

อ้อ..ลืมบอกไปค่ะเวลาไปชำระแต่ละครั้งทำไมในเดือนถัดไปktc ถึงไม่ส่งใบแจ้งหนี้มาให้ล่ะคะ เพื่อเราจะได้ดูยอดที่ชำระและยอดคงเหลือเราเองก็จะได้ทราบว่าktcรับชำระค่าบัตรของเราแล้วตั้งแต่พบกับทนายไม่เห็นมีใบแจ้งหนี้ส่งมาเลยค่ะ ของท่านอื่นๆเป็นมั้ยคะ

yui2551 เขียน: อ้อ..ลืมบอกไปค่ะเวลาไปชำระแต่ละครั้งทำไมในเดือนถัดไปktc ถึงไม่ส่งใบแจ้งหนี้มาให้ล่ะคะ เพื่อเราจะได้ดูยอดที่ชำระและยอดคงเหลือเราเองก็จะได้ทราบว่าktcรับชำระค่าบัตรของเราแล้วตั้งแต่พบกับทนายไม่เห็นมีใบแจ้งหนี้ส่งมาเลยค่ะ ของท่านอื่นๆเป็นมั้ยคะ

คุณได้ไปเซ็นต์สัญญาไกล่เกลี่ย ประนีประนอมยอมความ กับทนายโจทก์ที่ชั้นศาลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วน่ะสิครับ

ลองไปอ่านดูสิครับ ในแนวทางที่ 2. ตามที่ได้อธิบายไว้ในกระทู้นี้

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64

ขอบคุณนะคะที่ท่านประธานกรุณาให้คำแนะนำ แต่ขอถามต่ออีกนิดค่ะแล้วพอสิ้นเดือนม.ค.58เราชำระตามที่ตกลงกับเค้าไว้ และคิดว่าตัวเองจะผ่อนตามที่ตกลงไว้ได้ตลอดแล้วค่ะเค้าจะถือว่าเงินที่เราชำระทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นโมฆะมั้ยคะ หรือยอดก็จะตัดๆไปตามที่เราจ่ายค่ะ เพราะไม่เคยมีใบเสร็จส่งกลับมาเลยทุกครั้งที่ไปจ่ายก็คือถ่ายสำเนาใบแจ้งหนี้ที่เค้าเคยส่งมานั่นแหล่ะค่ะ ไปชำระทุกครั้ง

ลองย้อนกลับไปอ่านในกระทู้ที่ผมทำ Link เอาไว้ให้ดีๆสิครับ...มันมีคำตอบอธิบายเอาไว้หมดแล้ว

ดังนั้น ตัวของลูกหนี้เอง จะต้องมีความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า หากเซ็นต์ชื่อลงในสัญญาแล้ว จะต้องปฎิบัติให้ได้ตามข้อตกลงในสัญญา เพราะในสัญญาฉบับนี้ มีลายเซ็นต์ของผู้พิพากษาลงนามเป็นพยานด้วย หากลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายตามข้อตกลงได้ สัญญาประนีประนอมยอมความที่เซ็นต์ไปนี้ ก็จะถือว่าเป็น“โมฆะ” และจะถูกย้อนให้กลับไปใช้ตัวเลขตามมูลหนี้ทั้งหมด ที่ยังคงเหลือค้างอยู่ตามในสัญญาทันที
*** คิดง่ายๆก็คือการเอา"ตัวเลขสูงสุด"ในหมายฟ้อง ลบด้วยจำนวนเงินต้นที่ได้เคยผ่อนไปบ้างแล้วตามสัญญาฉบับนี้(ถ้ามี) แล้วที่เหลือก็คือเงินหนี้ที่จะต้องจ่ายต่ออีก บวกด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี(ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา) โดยดอกเบี้ยจำนวนนี้ จะเดินต่อไปเรื่อยๆไม่มีหยุด จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ไม่ว่าจะชำระด้วยวิธีการอย่างใดก็ตาม ***