เตรียมตัวสู้หนี้ 62x,xxx บาทจ้าาา ^^

พยายามทำการบ้านและศึกษาหลายๆกระทู้ ได้คำตอบหลายๆอย่าง ขอบคุณทุกๆกระทู้ก่อนเลยนะคะ

หลังลาออกจากบริษัท มาเป็นสัญญาจ้างอยู่ 2-3 ที่ กับทำธุรกิจเล็กๆ แต่รายได้ไม่มั่นคง หมุนเงินจากบัตรเครดิตมาเรื่อยๆ โดยการใช้บัตรรูดซื้อสินค้า เอาไปขายแล้วจ่ายคืน จากนั้นก็รูดอีก บางรายการก็เอาไปทำเป็นยอดผ่อน เพื่อลดดอกเบี้ย ไม่มีการกดเงินสด เพิ่งจะมามีปัญหาในช่วงปีนี้เอง เพราะความผิดเราหลายๆเรื่อง และหละหลวมกับการวางแผนการเงิน ทำให้ยอดหนี้ยิ่งบานปลาย

ยอดทั้งหมดประมาณ 62x,xxx บาท จากบัตร 9 ใบ บางใบเริ่มหยุดจ่ายแล้ว
Non-bank
1. Krungsri first choice บัตรเครดิต (บจก. อยุธยา แคปิตอล เซอร์วิสเซส) ยอด 44,xxx บาท ชำระล่าสุด 21/10/13 หยุดชำระ 1 งวด มีโทรศัพท์ตามวันเว้นวันเลย
2. Central card บัตรเครดิต (บจก.เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส) ยอด 47,xxx บาท ชำระล่าสุด 17/11/13 สถานะบัญชีปกติ
3. KTC บัตรเครดิต (บจก.บัตรกรุงไทย (มหาชน)) ยอด 96,xxx บาท ชำระล่าสุด 24/11/13 เดือนล่าสุด ชำระบางส่วน มีจดหมายปิดผนึกตาม 1 ฉบับ และโทรอีก 1 ครั้ง

Bank
4. K-bank บัตรเครดิต ยอด 36,xxx บาท ชำระล่าสุด 20/11/13 สถานะบัญชีปกติ
5. Standard chartered บัตรเครดิต ยอด 50,xxx บาท ชำระล่าสุด 16/11/13 สถานะบัญชีปกติ
6. Citi bank บัตรเครดิต ยอด 51,xxx บาท ชำระล่าสุด 31/10/13 หยุดชำระ 1 งวด มีโทรตาม 1 ครั้ง
7. UOB บัตรเครดิต ยอด 51,xxx บาท ชำระล่าสุด 6/11/13 หยุดชำระ 1 งวด
8. ธ.ธนชาติ บัตรเครดิต ยอด 61,xxx บาท ชำระล่าสุด 11/11/13 หยุดชำระ 1 งวด มีโทรตาม 2 ครั้ง
9. ธ.ทหารไทย บัตรเครดิต ยอด 130,xxx บาท ชำระล่าสุด 1/11/13 หยุดชำระ 1 งวด มีโทรตาม 2 ครั้ง

ทุกบัตรมีทำเรื่องตัดบัญชีอัตโนมัติไว้หมด บัญชีส่วนใหญ่เอาไว้แค่ตัดบัตรเครดิต บัญชีที่มีการใช้งานจริงมี 5 ธนาคาร: กสิกรไทย, กรุงไทย, ทหารไทย, กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์ (2 ธนาคารหลัง ไม่มีบัตรเครดิต)
ลองคิดแนวทางปลดหนี้ไว้ประมาณนี้ค่ะ ไม่แน่ใจว่าโอเคมั้ย
1. K-Bank มีบัญชีออมทรัพย์เป็นบัญชีที่ใช้เป็นหลัก กลัวทางธนาคารดูดเงิน ตั้งใจจะจ่ายเดือนละ 6,000 บาท (มากกว่าขั้นต่ำ) จนปิดบัญชี ใช้เวลา 7 เดือน
2. Standard chartered เป็นยอดผ่อนเดือนละประมาณ 5,000 บาท fix ดอกเบี้ยไว้แล้ว ยังลังเลใจอยู่ว่าจะจ่ายต่อจนครบอีก 9 งวดดีมั้ย หรือหยุดแล้วเก็บเงินทำ haircut ดีกว่า
3. ถ้าหักเงินจ่ายรายการที่ 1 และ 2 แล้ว จะเหลือเงินเก็บได้อีกเดือนละ 3,000 บาทขึ้นไป บัตรที่เหลือตั้งใจ haircut ทั้งหมด
3.1 มีบัญชีทหารไทยอยู่ 1 บัญชี ที่ใช้เดินบัญชีของค่าเทอมน้อง มีเงินเข้า-ออก เรื่อยๆ กลัวธนาคารจะดูดเงิน ควรแก้ไขยังไงดีคะ จ่ายขั้นต่ำดีกว่ามั้ยคะ

วางแผนประมาณนี้พอสู้ไหวมั้ยคะ พยายามหารายได้เพิ่มอยู่ค่ะ มีคำถามเพิ่มเติมอีกนิดนึงนะคะ
1. เป็นห่วงเรื่องบัญชี เพราะที่บ้านเคยล้มละลายจากธุรกิจ และคุณแม่มาใช้ชื่อเราถือบัญชี และทรัพย์สินแทนค่ะ จากที่อ่านหลายๆกระทู้เข้าใจว่า ถ้าบัญชีออมทรัพย์ เป็นคนละเจ้าหนี้ของเราจะดูดเงินออกไปเองไม่ได้จนกว่าจะถึงขั้นบังคับคดี ถูกมั้ยคะ
2. ตอนสมัครบัตรเครดิต ยังทำงานอยู่ในบริษัทเก่า ทางเจ้าหนี้อาจจะโทรศัพท์หรือส่งจดหมายไปที่เก่าได้อยู่ใช่มั้ยคะ

ขอรบกวนเท่านี้ก่อนนะคะ อาจจะยาวไปซักนิด ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ตอบคำถาม และให้กำลังใจล่วงหน้าทุกคนนะคะ

ลองคิดแนวทางปลดหนี้ไว้ประมาณนี้ค่ะ ไม่แน่ใจว่าโอเคมั้ย


1. K-Bank มีบัญชีออมทรัพย์เป็นบัญชีที่ใช้เป็นหลัก กลัวทางธนาคารดูดเงิน ตั้งใจจะจ่ายเดือนละ 6,000 บาท (มากกว่าขั้นต่ำ) จนปิดบัญชี ใช้เวลา 7 เดือน
2. Standard chartered เป็นยอดผ่อนเดือนละประมาณ 5,000 บาท fix ดอกเบี้ยไว้แล้ว ยังลังเลใจอยู่ว่าจะจ่ายต่อจนครบอีก 9 งวดดีมั้ย หรือหยุดแล้วเก็บเงินทำ haircut ดีกว่า
3. ถ้าหักเงินจ่ายรายการที่ 1 และ 2 แล้ว จะเหลือเงินเก็บได้อีกเดือนละ 3,000 บาทขึ้นไป บัตรที่เหลือตั้งใจ haircut ทั้งหมด
3.1 มีบัญชีทหารไทยอยู่ 1 บัญชี ที่ใช้เดินบัญชีของค่าเทอมน้อง มีเงินเข้า-ออก เรื่อยๆ กลัวธนาคารจะดูดเงิน ควรแก้ไขยังไงดีคะ จ่ายขั้นต่ำดีกว่ามั้ยคะ


ผมแนะนำว่าหากพี่พิจารณาตัวเองแล้ว พบว่า หนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือนมันล้นเกิน 10 เท่าของรายได้ไปแล้ว

( ตัวพี่รายได้ไม่แน่นอนซะด้วย ) แนะนำว่าถ้าเลือกจะหยุดก็หยุดให้หมดทุกธนาคารไปเลยครับ

ที่เห็นควรว่าต้องส่งขั้นต่ำต่อก็จำพวก แบงค์ที่ผูกพันกับบ้าน โครงการ กยศ ตามที่ชมรมได้กล่าวไว้

เพราะไหน ๆ เครดิตก็เสียอยู่แล้ว ก็เสียไปเลยแลกกับความอยู่รอดปัจจุบันก่อนนะครับ จะได้เก็บเงินได้เป็น

ก้อน ๆ ด้วย หกพัน เจ็ดงวด ห้าพันเก้างวด นี่ เยอะนะเออ



วางแผนประมาณนี้พอสู้ไหวมั้ยคะ พยายามหารายได้เพิ่มอยู่ค่ะ มีคำถามเพิ่มเติมอีกนิดนึงนะคะ
1. เป็นห่วงเรื่องบัญชี เพราะที่บ้านเคยล้มละลายจากธุรกิจ และคุณแม่มาใช้ชื่อเราถือบัญชี และทรัพย์สินแทนค่ะ จากที่อ่านหลายๆกระทู้เข้าใจว่า ถ้าบัญชีออมทรัพย์ เป็นคนละเจ้าหนี้ของเราจะดูดเงินออกไปเองไม่ได้จนกว่าจะถึงขั้นบังคับคดี ถูกมั้ยคะ


เห็นพี่กลัว กรณีการดูดเงิน เอาเทคนิค เล่นเกมส์กดไปใช้ครับ

อ้างอิงจากกระทู้นี่ครับ

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40643&Itemid=64#46229


2. ตอนสมัครบัตรเครดิต ยังทำงานอยู่ในบริษัทเก่า ทางเจ้าหนี้อาจจะโทรศัพท์หรือส่งจดหมายไปที่เก่าได้อยู่ใช่มั้ยคะ

ไม่ต้องกังวลใจเลยครับ มันส่งไปทุกที่ ๆ เท่าที่มันมีข้อมูลของพี่หน่ะครับ



เป็นกำลังใจให้ครับ


สู้ ๆ ค้าบบบบบบบบบบ

Update สถานการณ์
ตอนนี้ first choice กับ central card โทรมาวันเว้นวัน บางวัน 2 ครั้ง แต่คนละคน ส่วนบัตรที่เหลือก็ยังโทรมาบ้าง เฉลี่ยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่มีจดหมายแจ้งยอดส่งมาเยอะเลย ทุกสายยังคุยดีด้วยหมดนะคะ ไม่มีขู่ ไม่มีพูดจาไม่ดี คิดว่าเพราะยังเป็นการติดตามจากทางแบงค์อยู่ พนักงานจะโทรมาแจ้งยอดรวม ขั้นต่ำ แล้วก็บอกเสนอให้ชำระขั้นต่ำมาก่อน เพื่อรักษาเครดิต แล้วก็สอบถามว่าเป็นหนี้ระยะยาวมั้ย จะให้ทำการประนอมหนี้

ตอนนี้เก็บเงินได้ประมาณ 2หมื่นแล้ว หนทางยังอีกยาวไกล ถึงจะเดินช้า แต่ก็จะไม่หยุดเดิน แล้วก็มี job offer มาด้วย คิดว่าจะทำเพิ่มควบคู่ไปกับธุรกิจด้วยเลย

สรุปแนวทางแก้ ตอนนี้จ่ายบัตรกสิกรใบเดียว ที่เหลือรอเก็บเงินก้อนทั้งหมด

แต่มีคำถามคือ บัตร citibank เดิมชำระเงินผ่านการหักบัญชีอัตโนมัติ ตอนนี้บัญชีนั้นไม่ได้เอาเงินใส่ไว้ในบัญชีแล้ว วันนี้เช็คยอดเงิน ปรากฏว่าติดลบ เป็นยอดหักเงินขั้นต่ำของบัตร citibank เลยสงสัยว่า ถ้าไม่มีเงิน ก็หักบัญชีได้หรอคะ คนละธนาคารด้วย

1 เรื่องบัญชี ธ.กสิกรไทย ตอนนี้ก็เคลียร์เรียบร้อยแลัว เป็นการตัดเงินของบัตร Citi bank แต่ได้ยอดเงินคืนหมดแล้วนะคะ

2 บัตร First choice ชำระครั้งล่าสุด 21/10/2013 วันนี้โทรมาแจ้งยอดล่าสุด 48,xxx บาท เสนอให้จ่ายปิดบัญชี พร้อมให้ส่วนลด เหลือยอด 30,000 บาท ยังสงสัยอยู่ว่า มันเร็วไปรึป่าว เห็นบอกว่าน่าจะต้อง 6 เดือน-1 ปีขึ้นไปก่อนค่ะ

3 ถ้าเป็นจริง ควรขอส่วนลดเพิ่มอีกมั้ยคะ กลัวเก็บเงินปิดบัตรอื่นไม่ทัน

ขอบคุณค่ะ

รบกวนถามหน่อยค่ะ

ตอนนี้ มี เหลือ 3 ธนาคาร ที่ยังไม่จบ มี KTC ทหารไทย และธนชาติ

KTC ฟ้องแล้ว นัดแรกวันที่ 4 สิงหาคมนี้ที่ราชบุรี ที่ยอด 101,xxx บาท แต่พ่อเป็นคนรับหมายศาล แล้วจะโทรไปคุยกับทางธนาคาร เพื่อขอปิดยอดก่อนวันนัดแรก พ่อบอกจะคุยกับธนาคารเอง ไม่อยากให้พ่อมารับผิดชอบแทนหนักเกินไป คิดว่าถ้าฌทรไปขอ HC เอง กับพ่อโทรไป อันไหนน่าจะเจรจาง่ายกว่ากันคะ

ขอบคุณค่ะ

coby เขียน: KTC ฟ้องแล้ว นัดแรกวันที่ 4 สิงหาคมนี้ที่ราชบุรี ที่ยอด 101,xxx บาท แต่พ่อเป็นคนรับหมายศาล แล้วจะโทรไปคุยกับทางธนาคาร เพื่อขอปิดยอดก่อนวันนัดแรก พ่อบอกจะคุยกับธนาคารเอง ไม่อยากให้พ่อมารับผิดชอบแทนหนักเกินไป คิดว่าถ้าฌทรไปขอ HC เอง กับพ่อโทรไป อันไหนน่าจะเจรจาง่ายกว่ากันคะ

ใครจะโทรก็มีค่าเท่ากัน

เพราะ KTC ไม่มีนโยบายลดหนี้เงินต้นให้ ลดได้แต่ดอกเบี้ยอย่างเดียว (ไม่เหมือนกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ)
พูดง่ายๆก็คือ มันยอมเอาดอกเบี้ยออกไปให้ ขอเพียงเอาเงินต้นก่อนที่จะหยุดจ่ายกลับคืนมา
โดยการให้จ่ายเงินคืนแบบเต็มก้อนเดียว หรืออาจขอผ่อนต่อก็ได้ แต่ต้องเป็นการผ่อนระยะสั้นๆเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น

หากลูกหนี้ไม่มีเงินก้อนจ่ายคืน แต่ต้องการจะผ่อนต่อแบบยาวๆอีกซัก 3ปี ก็ต้องไปทำ"ยอมความ"ที่ชั้นศาล และต้องยอมรับตัวเลขเต็มๆตามยอดที่ฟ้อง เอามาผ่อนจ่ายใหม่ โดยไม่มีส่วนลดใดๆเลย

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64