ปรึกษาปัญหาหนี้ มอเตอร์ไซต์ ครับ

1. ผมได้เคยร่วมหุ้นเปิดกับบุคคลๆหนึ่ง ซึ่งเขาได้ชวนผมเปิดบริษัท
2. เขาขอให้ผมไปทำสัญญาผ่อนรถมอเตอร์ไซต์ในชื่อผม เป็นระยะเวลา 3 ปี ราคาเงินสด 43,738.32 ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,061.68 รวม 46,800.00 บาท หักเงินจ่ายตอนซื้อเหลือ 43,738.32 ราคาเงินสดที่เหลือ 36,336.48 รวมค่าเช่าซื้อทั้งสิ้น 80,074.80 บาท โดยยอดรวมเกิดจากดอกเบี้ย อันเนื่องจากผ่อนจำนวน 36 งวด ตกผ่อนงวดละ 2,380 บาท ทำสัญญากับบริษัท summit cappital เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2552 และต้องผ่อนงวดแรกเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน
3. ผมจับได้ว่าหุ้นส่วนมีการโกง ผมจึงทำเรื่องเพื่อถอนหุ้น ช่วงสิงหาคม ในขณะที่มอเตอร์ไซต์ผมไม่อยากรับเป็นภาระเพราะทีแรกเขาบอกจะให้แม่แฟนผ่อน ผมจึงทำสัญญาให้เขาผ่อนต่อ ถ้าเขาหยุดขาดส่งเกินสองเดือนผมจะรับรถคืน
4. ปรากฏว่าเขาไม่ยอมผ่อนต่อ 2 เดือน เขาโทรมาบอกผมว่าจะคืนรถไป เพื่อไปขายทอดตลาด ซึ่ง ณ ตอนนั้นผมก็ไม่คิดว่าจะมีส่วนต่างเกิดขึ้น
5. หลังจากที่รถโดนยึดคืนไป และขายทอดตลาดได้จำนวน 32,000 บาท ก็มีจดหมายมาทวงหนี้ผมจาก summit ว่า ยังคงมีมูลหนี้ที่บริษัท ยังขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 46,264.63 บาท ซึ่งแจ้งให้ผมชำระพร้อมกับภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 7 วัน หากเพิกเฉยพ จะต้องดำเนินคดียื่นฟ้องต่อศาล
6. มีจดหมายทวงหนี้ จากสำนักงานกฏหมาย เอซีเอส เซอร์วิสชิ่ง มาวันที่ 21 เมษายน 2553
โดยแจ้งให้ชำระยอดหนี้ที่ 49,503.15 บาท และวันที่ 08 มิถุนายน 2553 ก็ส่งมาอีกรอบจากสำนักงานเดียวกัน โดย ณ เวลานั้น ผมอยากจบปัญหา เลยเสนอจะจ่ายที่ 20,000 บาท แต่ทาง สำนักงานกฏหมายจะเอา 30,000 บาท ผมจึงเสนอว่า คนละครึ่งทางคือ 25,000 บาท แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ตอบรับ แล้วก็บอกว่าจะดำเนินคดีตามกฏหมาย รอโดนฟ้องหรือไม่ก็ติดบูโร อยู่แบบนี้ละกัน
7. หลังจากนั้นผมก็รอการไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่เคยมีจดหมายติดตามมาอีก
8. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 ได้มีจดหมายทวงหนี้มาอีกรอบจากบริษัท jmt network service โดยแจ้งยอดหนี้มาที่ 71,691.95 บาท ผมจึงได้ติดต่อไปว่า ผมพร้อมจะจ่ายที่ 20,000 บาท แต่พนักงานไม่ยอมรับ โดยเสนอให้ผมจ่ายที่ 47,000 บาท ซึ่งผมก็บอกไปว่า เจ้าเก่าเสนอมาให้ 30,000 แต่นี่ปล่อยให้เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้วทวงหนี้ผมที่ 7 หมื่นกว่า แล้วจะเอา สี่หมื่นกว่า มันไม่สูงเกินไปหรือ
9. วันที่ 7 ธันวาคม ทาง jmt ได้ส่งจดหมายยื่นข้อเสนอลดให้สูงสุดถึง 50% แต่ก็ยังลดได้เหลือเพียงแค่ 46,000 บาทเท่านั้น ผมก็ได้คุยตรงๆ ว่าผมขอจ่ายที่ 25,000 บาท แต่ทางบริษัทไม่ยอมรับข้อเสนอ พร้อมบอกว่า จะดำเนินการฟ้องศาล ต่อไป และทำเรื่องบังคับคดี จะยึดอายัดทรัพย์สินเพื่อนำไปชำระหนี้ และเขาเสนอว่า ส่วนลดนี้มีผลแค่ภายในเดือนนี้เท่านั้น หากไปไกล่เกลี่ยที่ศาล ก็จะคิดค่าธรรมเนียมศาลและค่าดำเนินการอื่นๆ พร้อมกับยอดหนี้จำนวนเต็ม

ผมจึงอยากปรึกษาว่ากรณีแบบนี้เราจะแก้ปัญหาอย่างไรดีครับ เพราะผมรู้สึกว่ามีการคิดมูลค่าหนี้ที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น ซึ่งผมก็ถามเขาว่ายอดเจ็ดหมื่นคุณคำนวณมายังไง เขาก็บอกให้ผมไปถามในศาลขอให้ชี้แจงทีหลังได้ หรือให้ไปลงบันทึกประจำวันเอาว่ามีการคิดยอดหนี้ที่ไม่เป็นธรรม แต่เขาก็ขู่ว่า ถ้าทำแบบนั้นแล้วยอดดังกล่าวเป็นจริง จะโดนข้อหาอาญาแจ้งความเท็จ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ผมสามารถโต้แย้งการชำระด้วยกฏหมายข้อนี้ไหมครับ

- ค่าเสียหายจากการที่ผู้เช่าซื้อใช้ทรัพย์สิน
ในความหมายนี้...หมายถึง การที่ลูกหนี้ไม่ยอมผ่อนจ่ายค่างวด จนถึงขั้นที่เจ้าหนี้บอกยกเลิกสัญญา และส่งคนมายึดทรัพย์สินกลับคืนไป
แต่เมื่อเจ้าหนี้ได้ทรัพย์สินกลับคืนมาแล้ว กลับพบว่าทรัพย์สินนั้นๆ มีความชำรุดเสียหาย และเมื่อนำเอาทรัพย์สินนั้นออกไปประมูลขายแล้ว ได้เป็นเงินกลับมาน้อยกว่ามูลค่าของทรัพย์สินที่พึงจะได้รับ(หรือเรียกว่าขายแล้วขาดทุน) เจ้าหนี้มีสิทธิ์ในการฟ้องลูกหนี้ ให้ชดใช้ค่าส่วนต่างที่ขาดทุนดังกล่าว โดยมีอายุความในการฟ้อง 6 เดือน โดยนับตั้งแต่วันที่ยึดทรัพย์สินกลับคืนมา
กฏหมายในข้อนี้ พูดถึงเฉพาะ ส่วนต่างที่ขาดทุน จากการขายของที่ยึดกลับมาได้ เท่านั้น

เห็นมีพูดถึงในกระทู้นี้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&catid=7&id=813&Itemid=64&view=topic
กับ

www.thailawyer.net/board/view.php?qid=23

แต่เห็นมีระบุว่า 6 เดือนเป็นเรื่องของเช่าทรัพย์ ไม่ใช่เช่าซื้อ
www.pamook.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&No=1326173