น่ากลัวมากกับคำว่าหนี้

sifar เขียน: หนูติดต่อไปมันบอกว่าต้องจ่ายปิดเลย 83,000 บาทคิดดอกเบี้ย 10% =91,300 ใช่ไหมคะหนูต้องจ่ายมันมันบอกว่าเรื่องของหนูกำลังดำเนินการบังคับคดีหนูก็กลัวมาก แล้วอย่างนี้หนูต้องขอหนังสือปิดยอดหนี้มันด้วยไหม หนูต้องวิ่งหาเงินปิดภายในเดือนมีนา 59 นี้ถ้าเดือนเมษาก็ไม่ใช่เท่านี้(โอ!ชีวิตการเป็นหนี้)ท่านประธานแนะนำหนูด้วยคะ

ผมให้คำแนะนำอะไรคุณไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมไม่ได้เห็นสัญญายอมความที่คุณไปเซ็นต์ไว้ที่ชั้นศาลเสียก่อน แบบตัวอย่างในกระทู้นี้
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=42953&limitstart=60&Itemid=64#81413



ปล.ผมได้เขียนเตือนไปแล้วนะครับ ถ้าคิดจะใช้แนวทางที่2....ลองไปอ่านดูให้ดีๆสิครับ

วิธีการนี้ เหมาะสำหรับลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้“เพียงรายเดียว”เท่านั้น...หรือ เหลือเจ้าหนี้แค่รายนี้“เป็นรายสุดท้าย”
เพราะถ้าหากลูกหนี้มีเจ้าหนี้หลายราย แล้วดันไปเซ็นต์สัญญา"ประนีประนอมยอมความ"ในชั้นศาล กับเจ้าหนี้หมดทุกราย แล้วจะมีปัญญาไปผ่อนจ่ายตามสัญญาหมดทุกฉบับไหวไหม?...มันก็เข้าอีหรอบเดิมเหมือนกับตอนที่ต้องผ่อนจ่ายหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทุกราย ก่อนที่จะถูกฟ้องศาลนั่นแหละ...จริงไหม?

ดังนั้น ตัวของลูกหนี้เอง จะต้องมีความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า หากเซ็นต์ชื่อลงในสัญญาแล้ว จะต้องปฎิบัติให้ได้ตามข้อตกลงในสัญญา เพราะในสัญญาฉบับนี้ มีลายเซ็นต์ของผู้พิพากษาลงนามเป็นพยานด้วย หากลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายตามข้อตกลงได้ สัญญาประนีประนอมยอมความที่เซ็นต์ไปนี้ ก็จะถือว่าเป็น“โมฆะ” และจะถูกย้อนให้กลับไปใช้ตัวเลขตามมูลหนี้ทั้งหมด ที่ยังคงเหลือค้างอยู่ตามในสัญญาทันที
*** คิดง่ายๆก็คือการเอา"ตัวเลขสูงสุด"ในหมายฟ้อง ลบด้วยจำนวนเงินต้นที่ได้เคยผ่อนไปบ้างแล้วตามสัญญาฉบับนี้(ถ้ามี) แล้วที่เหลือก็คือเงินหนี้ที่จะต้องจ่ายต่ออีก บวกด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี(ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา) โดยดอกเบี้ยจำนวนนี้ จะเดินต่อไปเรื่อยๆไม่มีหยุด จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ไม่ว่าจะชำระด้วยวิธีการอย่างใดก็ตาม ***
อีกทั้ง ทางฝ่ายโจทก์ยังสามารถยื่นเรื่องตรงไปที่“กรมบังคับคดี”ได้เลย โดยไม่ต้องฟ้องซ้ำอีกแล้ว และจำเลยก็ไม่สามารถอุทธรณ์ได้ด้วย เพราะถือว่าจำเลยได้ทำสัญญาดังกล่าวต่อศาลชั้นต้นไปแล้ว ซึ่งสัญญาฉบับนี้มีความหมายเทียบเท่ากับว่า โจทก์และจำเลยขอยินยันให้ศาลพิพากษาไปตามสัญญาการผ่อนชำระฉบับนี้ได้เลย โดยมีลายเซ็นต์ของทุกฝ่ายลงนามยืนยันไว้เป็นหลักฐาน

ดังนั้น...ถ้าหากลูกหนี้ทำการประเมินตัวเองแล้ว คาดว่าในภายภาคหน้าอาจจ่ายชำระตามข้อตกลงในสัญญาไม่ไหว ก็อย่าไปตกลงทำสัญญาดีกว่าครับ หันมาใช้วิธีการตามในแนวทางที่ 1 หรือแนวทางที่ 3 จะดีกว่า

อ้างอิงข้อมูลจาก
ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64

ขอบคุณคะท่านประธานหนูเหลืออยู่KTCคะ(อิออนหยุดเลย2ปีแล้วหนี้65000ขอปิด30000คะ)ตอนนั้นที่ทำสัญญาKtcก็กลัวมากคะตัดสินใจไม่ถูกเลยมามีปัญหาต้องดูแลแม่ป่วยอีกเลยติดขัดหนูมาดูที่สัญญาแล้วที่มันให้มาประนีประนอมให้สิ้นเสร็จภายใน 36เดือนไม่น้อยกว่าเดือนละ1000บาทตั้งแต่วันที่ 30 กันยา 57จะครบสัญญาก็จะเป็นกันยา60คะไม่มีลายเซ้นของผู้พิพากษามีลายเซ้นโจทย์และจำเลยเท่านั้นมันบอกว่าถ้าหนูจะผ่อนจต้องผ่อนเดือนละ7000บาทคะ

ขอขอบคุณท่านประธานและเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เป็นหนี้และที่จริงก็ขอบคุณการเป็นหนี้เหมือนกันนะที่ทำให้เราได้พบกันพอมาคิดดูแล้วการเป็นหนี้ก็ไม่น่ากลัวหรอกคะแต่คนที่ไม่เคยเป็นหนี้ก็มีความกลัวๆจริงคะเคลียดมากด้วยดิฉันอยากเป็นกำลังใจให้ทุกท่านคะขอให้ทุกท่านมีกำลังใจที่เข้มแข็งไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆโลกนี้เป็นอนิจจังทุกอย่างไม่เที่ยงปัญหาการเงินมันแก้ไขได้หาหนทางให้เจอ กราบขอบคุณอย่างจริงใจคะ

อาจารย์คะขอสอบถามว่ากู้เงินธนาคารกรุงไทยนะคะกู้อเนกประสงค์ช่วยเหลือน้ำท่วมคะดอกเบี้ยร้อยละ 5%หักเงินเดือนละหมื่นสองพันหกร้อยบาทก็ส่งได้ไประยะหนึ่งเงินเดือนไม่พอนะคะก็เลยไปทำเรื่องลดเงินส่งเหลือเดือนละเจ็ดพันบาทดอกเบี้ย 8%มาช่วงนี้เงินก็ไม่พออีกแต่ก็มีเงินเข้าให้ธนาคารทุกเดือนนะคะมาเดือนพค.มีหมายศาลมาคะเราได้ติดต่อธนาคารๆบอกว่าให้เรายอมๆไปแล้วเดี๋ยวธนาคารก็จะให้ปรับเงินส่งใหม่คะ 1.เราควรทำอย่างไรดีคะ 2.เราไม่ได้หยุดส่งธนาคารฟ้องเราได้เหรอคะ 3.ถ้าเราจะขอความเห็นใจจากศาลได้ไหมคะ ขอบคุณคะ

อยากทราบข้อมูลจริงๆคะ

เราไม่ได้จ่ายหยอดแต่ธนาคารมันหักเงินเดือนเราเลยนะคะแล้วมันก็ฟ้องเราติดต่อธนาคารแล้วเขาบอกว่าให้ไปปรับโครงสร้างกันใหม่ที่ศาล

อยากบอกทุกท่านว่าสุดท้ายแล้วตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะไปศาลมาคะโดนกรุงไทยฟ้องสินเชื่ออเนกประสงค์เงินต้นเจ็ดแสนสามดอกเบี้ยประมาณเก้าหมื่นไปถึงเวลานัดเก้าโมงทนายเอาเอกสารมาให้เซ็นเลยเราบอกยังไม่เซ็นขอฟังศาลก่อนพอศาลเรียกเราศาลก็อธิบายให้ฟังมีสองทางให้เรา 1.ถ้าให้ศาลพิจารณาก็จะลดได้แค่ดอกเบี้ยนิดหน่อยและต้องส่งให้เสร็จสิ่นภายใน 1ปีถ้าไม่จบก็จะโดนบังคับคดี 2.ทำปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารก็จะยืดระยะเวลาออกไปส่งประมาณ 8ปีตามขั้นบันได เราก็จะต้องเลื่อกข้อ2ค่ะในที่สุดเฮ้อน่ากลัวจริงกับการเป็นหนี้

ดอกเบี้ยปรับเป็นเท่าไหร่ครับ ส่งต่อเดือนเท่าไหร่ มีสินเชื่อตัวนี้เหมือนกัน รีไฟแนนซ์ดูบูโรมั้ยครับ

ของผมไม่ได้หยุดเพระดอกถูกแล้ว ถามเผื่อๆไว้เผื่อวันข้างหน้าส่งไม่ไหว

ขอบคุณครับ