สวัสดีค่ะ ขอคำปรึกษาแก้ปัญหาหนี้ค่ะ

วันที่ 11/6/57 ทางกสิกรไทย โทรมาแจ้งเป็น บจก. ซีเอซี อะไรนี่แหละ เขาบอกแจ้งยอดชำระ แต่ทำไมเมื่อก่อนเป็นฝ่ายกฎหมายโทรมา แล้วก็แจ้งว่าให้ปิดยอดหนี้ แต่กสิกรไทยตอนนี้ไม่มีส่วนลดให้ แต่ให้เราจ่ายเข้าไปก่อน บัตรละ 1000 2000 เพื่อรักษายอดเดินบัญชี แต่ตอนนี้ไม่มีที่จ่ายจริง และให้จ่ายแบบหยอดเราคงไม่อยากจ่าย อยากจ่ายแบบปิดจบ แต่ส่วนลดก็น้อย พยายามขอส่วนลดจากเขาเขาบอกไม่มี เมื่อก่อนอาจจะมีแต่ก่อนนี้ไม่มี ขอสอบถามค่ะ

ขอคำปรึกษา ยูโอบีโทรมาแจ้งว่า ให้ปรับปรุงโครงสร้างนี้ ตอนนี้ยูโอบีไม่มีส่วนลด แต่ถ้าอยากได้ส่วนลดต้องเอาภาระหนี้ทั้งหมดไปให้เขาและจะได้รู้ว่าคุณมีหนี้แล้วคุณจะได้ส่วนลดเท่าไร ปัจจุบันนี้ ธนาคารยูโอบีเขามีส่วนลดให้ไหมค่ะ เพราะเขาแจ้งว่าถ้าไม่ชำระรักษาบัญชีก็จะส่งตามระบบค่ะ

คุณไปหาอ่านในกระทู้ปักหมุดเยอะๆ แล้วคุณจะพบคำตอบนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

วันนี้ยูโอบีโทรมาแจ้ง จะฟ้องแจ้งความ คุณหยุดจ่ายมา 6 เดือน จะเข้าเดือนที่ 7
เราก็ถามเขาว่าแล้วเรื่องอยู่ที่ไหน เขาบอกว่าธนาคาร พอไปมาก็บอกว่าถ้าไม่จ่ายจะส่งเข้า สำนักงาน
ต่อมาก็พูดว่า จะส่งฟ้อง สรุปว่าเขาจะทำอย่างไร พอพูดมาคนนั้นก็พูดว่าจะฟ้อง เรื่องไม่ส่งเข้าสำนักงานจะฟ้องเลย คือรบกวนค่ะ ขอสอบถาม ของยูโอบีมีส่งเข้าสำนักงานกฏหมายไหมค่ะ และถ้ายูโอบีฟ้องเขาจะมีส่วนลดให้หรือเปล่าค่ะ ขอบคุณค่ะ



ต้องขอความคุณชมรมค่ะ เนื่องจากได้เจอชมรมได้ปลดหนี้ของกสิกรไทย ไปแล้ว ถ้าไม่ได้ชมรมก็ม่ทราบว่ามีการปลดหนี้แบบมีส่วนลด แต่มันเป็นวิธีหนึ่งที่คนมีหนี้และสามารถลดหนี้ได้พอที่จะจ่ายและปิดบัญชีได้ (บัตรเครดิตเป็นบทเรียนที่สอนใจจริงๆ ไม่จำเป็นจะไม่ทำและถ้าปลดหนี้ได้หมด จะไม่ทำบัตรเครดิตเลย สิ่งที่ทำเพราะจำเป็นจริงๆ) ขอบคุณมากค่ะชมรม

AU_9 เขียน: วันนี้ยูโอบีโทรมาแจ้ง จะฟ้องแจ้งความ คุณหยุดจ่ายมา 6 เดือน จะเข้าเดือนที่ 7
เราก็ถามเขาว่าแล้วเรื่องอยู่ที่ไหน เขาบอกว่าธนาคาร พอไปมาก็บอกว่าถ้าไม่จ่ายจะส่งเข้า สำนักงาน
ต่อมาก็พูดว่า จะส่งฟ้อง สรุปว่าเขาจะทำอย่างไร พอพูดมาคนนั้นก็พูดว่าจะฟ้อง เรื่องไม่ส่งเข้าสำนักงานจะฟ้องเลย คือรบกวนค่ะ ขอสอบถาม ของยูโอบีมีส่งเข้าสำนักงานกฏหมายไหมค่ะ

มีครับ

AU_9 เขียน: และถ้ายูโอบีฟ้องเขาจะมีส่วนลดให้หรือเปล่าค่ะ

สมาชิกใหม่ สอบถามเกี่ยวกับ UOB ค่ะ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=5&id=35677&Itemid=64&view=topic&limitstart=0

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=5&id=35677&Itemid=64&view=topic&limitstart=20

เมื่อ 15/07/2557 ทาง กรุงศรีฯ โทรมาแจ้ง
BAY :คุณจะสามารถชำระหนี้ ภายใน 19/7/57 ได้หรือไม่
AU : ตอนนี้ยังไม่สะดวกค่ะพี่
BAY : งั้น ตัดหนี้เสียเลยค่ะ
แล้วทางเขาก็วางสายไป เรายังไม่ได้ทันเจรจาต่อเลย

สอบถามถ้าทาง BAY ตัดหนี้เสียคืออย่างไรค่ะ
ขอบคุณค่ะ

ขอขอบคุณทางประธานชมรมและทุกๆๆ คนค่ะ ปิดบัญชีกสิกรไทยได้อีก 1 ตัว เหลือ 2 ตัว

ยอดบัตรเครดิต 35000 ยอดบัตรกดเงินสด 30000 รวมเป็น 60000 ยอดปิดบัญชี 38000 ก็เลยปิดไปค่ะ

เหลือ กรุงศรีฯ กับ ยูโอบี ยูโอบีโทรมาแต่ไม่ทันได้รับค่ะ 3 - 4 ครั้ง เช้า - เย็น แต่ก็ไม่ได้โทรกลับค่ะ ส่วนกรุงศรีก็โทรมาให้ส่วนลด จากยอด 25000 ลด 14000 ขอความกรุณาให้ลดเหลือสัก 10000-11000 เขาไม่ให้เพราะหยุดมาแค่ 3 เดือน เพราะตอนนี้เอาเงินไปปิดกสิกรไทยหมดแล้ว

ต้องขอขอบคุณทางเว็บชมรมมาก ที่ได้เจอทางออกในการปลดหนี้ เพราะเครียดมากค่ะ เราเข้าใจว่าเราสร้างเองแต่ช่วงนั้นเกิดความจำเป็นจริงๆ ทางยูโอบีไม่ยอมให้ส่วนลด ให้ทำปรับโครงสร้างหนี้อย่างเดียว ขอขอบคุณมากๆค่ะ

สอบถามค่ะ ทางธนาคารกรุงศรีโทรมา แจ้งให้จ่ายยอดขั้นต่ำ 2500 แล้วจะขอส่วนลดได้อีก เขาก็แจ้งแบบนี้แต่เราไมมีเงิน ณ ตอนที่จะจ่าย (การจ่ายหยอดอ่านจากข้อมูลอย่าจ่าย) แต่ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่โทรมาอีก งั้นถ้าคุณไม่จ่าย ก็ตัดหนี้เสียไปแล้วกัน เขาก็วางสายไป เดือนนี้ 8 มีเจ้าหน้าที่โทรมาอีก ยอดปิดอยู่ 14000 ถ้าไมาจ่ายปิด ก็จ่ายมาที่ 2500 เราก็บอกว่าไม่มี เขาบอกว่าเดือนต่อไปจะไม่ได้ดูบัญชีคุณแล้วนะ แล้วก็จะแจ้งเข้ากรุงศรีว่า คุณไม่ยินยอมที่จะจ่าย เราก็๋บอกว่าอยากจ่ายแต่ตอนนี้เงินไม่มี ขอส่วนลดอีกสักหน่อยก็ไม่ลดให้ แต่ที่สงสัยว่าทำไม เจ้าหน้าที่คนแรกบอกว่างั้นตัดหนี้สูญ แล้วกัน อีกเดือนมีคนโทรมาทวงอีก สอบถามนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

.
ระยะเวลา และขั้นตอนในการทวงหนี้


1. ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ (1-2 เดือนแรก) โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ตัวจริง

2. ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ + จดหมายทวงหนี้ (ช่วงเดือนที่ 2-3) โดยเริ่มมีการเสนอให้ทำ"ประนอมหนี้" , "ปรับโครงสร้างหนี้" (ซึ่งสรุปก็คือหลอกให้ทำ"สัญญานรก"นั่นแหละ แต่เรียกชื่อให้มันดูไพเราะสักหน่อย ก็เท่านั้น) หรือ อาจโทรมาหลอกลวงให้ลูกหนี้ทำการ"จ่ายหยอด"เพื่อเดินบัญชี...เป็นต้น
ข้อเสียของการ "จ่ายหยอด" เพื่อเดินบัญชี
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=19608&Itemid=64

3. ส่งเรื่องออกไปให้สำนักงานกฏหมายข้างนอก ให้เป็นผู้ทำการทวงหนี้แทน ซึ่งเป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1 (ช่วงเดือนที่ 4-6) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 20-30% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)

4. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1 ทวงหนี้ไม่ได้ ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ให้มาทวงหนี้ต่อ (เดือนที่ 7-9) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 30-40% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)

5. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ก็ยังทวงหนี้ไม่ได้อีก ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 3 ให้มาทวงหนี้ต่ออีก (ช่วงเดือนที่ 10-12) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 40-50% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)

6. ถ้าเปลี่ยนสำนักงานกฏหมายทวงหนี้ไปตั้งหลายบริษัทแล้ว ยังไงก็ทวงไม่ได้สักที ก็ส่งฟ้องศาล (เดือนที่ 12 เป็นต้นไป จนถึงปีครึ่ง) โดยยังคงมีข้อเสนอเรื่องส่วนลดในการ Hair cut ให้อยู่ แต่เป็นราคาช่วงที่งามที่สุด (หรือที่เรียกกันว่า "นาทีทอง" ในการทำ Hair cut โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ เป็นผู้กำหนดราคา)

ดังนั้น หากมีลูกหนี้บางราย ที่เจ้าหนี้มันทำเรื่องฟ้องศาลช้ากว่าปกติ (เกินกว่า 1ปีขึ้นไป)
ลูกหนี้อาจถูกทวงหนี้โดยสำนักงานกฏหมาย(บริษัททวงหนี้) ที่ต้องถูกเปลี่ยนบริษัททวงหนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่ซ้ำหน้ากัน เกินกว่า 5บริษัททวงหนี้...หรือจนกว่าหมายศาลฟ้องจะมา

---

ข้อสังเกตุ : ณ ปัจจุบันนี้ มีบริษัทรับจ้างทวงหนี้ในประเทศไทยทั้งหมด ประมาณพันกว่าบริษัท

ซึ่งบริษัทรับจ้างทวงหนี้พวกนี้ ส่วนใหญ่มักตั้งชื่อที่ใช้จดทะเบียนในนามนิติบุคคลว่า "สำนักงานกฏหมาย" หรือ "สำนักงานทนายความ" เพื่อสร้างความตกใจต่อลูกหนี้...เพราะในชื่อของบริษัทดังกล่าว มีคำว่า "กฏหมาย" หรือ "ทนายความ" ปรากฏอยู่ด้วย

พอลูกหนี้ได้ยินหรือได้เห็นชื่อของบริษัททวงหนี้เหล่านี้ ก็มักเกิดความกลัวและคิดไปเองว่า "เรื่องหนี้ของฉัน ตกไปอยู่ในขั้นตอนของกฏหมายแล้วหรือนี่? , สงสัยจะโดนฟ้องแล้วแน่เลย?"...แต่โดยแท้จริงแล้ว บริษัทพวกนี้ มีอาชีพหรือรายได้หลักมาจากการ"รับจ้างทวงหนี้ "เท่านั้น

และถ้าหากบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายแรก ไม่สามารถทวงหนี้ได้ตามที่ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ (ซึ่งส่วนมากทางสถาบันการเงิน จะกำหนดให้บริษัทที่รับจ้างทวงหนี้ ต้องทวงหนี้ให้ได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือนเท่านั้น) บริษัทที่รับจ้างทวงหนี้ดังกล่าว ก็จะถูกทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) ทำการ"ถีบหัวส่ง"ออกไป...เพราะถือว่า"ไร้ความสามารถ"ในการทวงหนี้ให้ได้ภายใน 2-3 เดือน ตามที่เจ้าหนี้ตัวจริงได้กำหนดเอาไว้

แล้วหลังจากนั้น...ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง)ก็จะไปทำการว่าจ้างบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายใหม่ ให้มาทำการทวงหนี้แทนบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายเดิมที่ถูก"ถีบหัวส่ง"ออกไป โดยกำหนดว่าจะต้องทวงหนี้ให้ได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือน เช่นกัน

หากบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายที่สองนี้ ก็ยังไม่สามารถทวงหนี้กับลูกหนี้ได้ภายใน 2-3 เดือนอีก ก็จะถูก"ถีบหัวส่ง"ออกไปอีก แล้วทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง)ก็จะไปว่าจ้างบริษัททวงหนี้รายที่ สาม , สี่ , ห้า ให้มาทำหน้าที่ทวงหนี้แทนเหมือนเดิม...เป็น"วัฏจักร"เช่นนี้เรื่อยไปตลอด จนกว่าจะทวงหนี้ได้สำเร็จ(Hair cut สำเร็จ) หรือจนกว่าจะฟ้องศาล ซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานเป็นปี

ในเมื่อ"บริษัทรับจ้างทวงหนี้"ในประเทศไทย มันมีจำนวนมากมายนับพันบริษัท
ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) จึงสามารถใช้บริการว่าจ้างบริษัทไหนก็ได้ โดยเรียกมาใช้งานได้โดยง่าย และก็สามารถ"ถีบหัวส่ง"เปลี่ยนให้ออกไปได้ง่ายๆเช่นกัน หากมันไร้น้ำยาในการทวงหนี้ได้สำเร็จ

แล้วอีกอย่างหนึ่ง บริษัทรับจ้างทวงหนี้เหล่านี้ ก็ไม่ได้มีรายได้เป็นเงินเดือน สำหรับค่าว่าจ้างในการทวงหนี้จากทางเจ้าหนี้ตัวจริง แต่จะได้รับเป็น"เงินค่าคอมมิชชั่น"ตามจำนวนเงินที่ทวงหนี้มาได้สำเร็จ (ก็คล้ายๆกับอาชีพ"เซลล์แมน"ขายของนั่นแหละ หากขายของได้ ถึงจะได้ค่าคอมมิชชั้น หากขายของไม่ได้ก็"อด")

ด้วยสาเหตุนี้...จึงเป็นบ่อเกิดแห่ง"การทวงหนี้ที่ไร้จริยธรรม"จากบริษัทที่รับจ้างทวงหนี้บางราย ซึ่งใช้วิธีการทวงหนี้แบบเลวๆ ในลักษณะของการข่มขู่และกดดันลูกหนี้ เพื่อให้ตัวเองได้เงินมาจากลูกหนี้ไห้ได้(ไม่งั้นจะโดน"ถีบหัวส่ง"และ"อด แdก ค่าคอมฯด้วย") จึงต้องใช้วิธีในการทวงหนี้แบบชั่วๆ หรืออ้างข้อกฏหมาย"มั่วๆ" เพื่อข่มขู่ลูกหนี้ต่างๆนาๆ

หากใครโดนการข่มขู่ทวงหนี้ด้วยวิธีการเลวๆแบบนี้ ก็อย่าไปตกใจ สามารถไปดูวิธีการรับมือการทวงหนี้และการใช้สิทธิ์ปกป้องตนเองได้จากในกระทู้นี้

รู้ทันการทวงหนี้ / เตรียมรับมือการทวงหนี้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=18758&Itemid=64

-ขอบคุณค่ะ ธนาคารยูโอบีเนี่ยะโหดมากๆๆ ขอส่วนลดยากที่จะให้ จ้องจะฟ้องอย่างเดียวเลย เราก็ไม่ค่อยจะมีเวลาไปศาลซะด้วย เฮ้อ ไม่เหมือนกันแบงค์อื่นนะค่ะ เขาบอกว่า ธนาคารไม่มี ส่วนลดแฮร์คัท ถ้าเมื่อก่อนนะมีอยู่ค่ะ เอาไงก็เอา โธ๋ๆๆ แบงค์ยูโอบีนโยบายไม่เหมือนแบงค์อื่นๆๆ

แล้วมาเล่าให้ฟังบ้างนะค่ะว่าเปนอย่างไรบ้าง จะโดนฟ้องเหมือนกันค่ะ แต่ยอดเงินเยอะอยู่ค่ะ 2 บัตรรวมกัน 110,xxx Uob ลดให้ถ้าปิด 75,000 บาท แล้วยอดเยอะขนาดนี้จะไปหาเงินที่ไหนมาปิดค่ะ (เครียดมาก!!!) เพราะไม่อยากกลับไปวงวนเดิมคือหาเงินมาปิดนี้ก้อนนี้แล้ว ขอผ่อนผันเขาก็บอกว่าได้เท่านี้จริงๆ

UOB ของเราหยุด 10 เดือนก่อนส่งฟ้องศาลได้ส่วนลด 45%
บัตรกดเงิน 67,xxx ลดเหลือ 37800
Credit card 85,xxx. ลดเหลือ 47,000

เผื่อเป็นแนวทางคะ. เจ้าหน้าที่ก็มีทั้งที่พูดดีและพูดไม่ดีคะ. แต่คนที่ให้ส่วนลดพูดดีมากๆ จนอยากจะจ่ายให้เลยคะ. แต่ก็ต่อรองอยู่นานเหมือนกันนะคะ กว่าจะได้ยอดนี้ ซึ่งถ้าหลุดจากนี้เค้าจะฟ้องศาลแล้วคะ