สมาชิกใหม่รายงานตัวครับ

สวสดีพี่ๆ ทุกท่านครับ ผมชื่อเอ็มครับ

หลังจากที่เริ่มปวดหัว นอนไม่หลับ มาหลายเดือน ถึงสิ้นเดือนทีไร แทนที่จะดีใจได้เงินเดือน กลับต้องกลัวว่าจะหาเงินมาผ่อนจ่ายหนี้ให้ครบทุกที่ได้ยังไง ก็หาทางออกไปเรื่อย จนได้มาเจอเว็บนี้ ก็อ่านหาความรู้มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จนตอนนี้เริ่มหยุดจ่ายบางตัวตั้งแต่ สิ้นเดือน ธ.ค.54 และทุกตัวตั้งแต่เดือนนี้

รายการ
1.ธนาคารกรุงศรี ประเภทสินเชื่อบุคคล 89,888
2.ธนาคารธนชาตประเภทสินเชื่อบุคคล 84,598
3.ธนาคาร CIMB ประเภทสินเชื่อบุคคล 58,000 (หยุดแล้ว 1 เดือน)
4.ธนาคาร HSBC ประเภทสินเชื่อบัตรเครดิต 80,000 (หยุดแล้ว 1 เดือน)

5.PowerBuy ประเภทสินเชื่อเงินสด 80,000
6.Central Card ประเภทสินเชื่อบัตรเครดิต 30,000
7.นอกระบบ 45,000
*8.ธนาคารออมสิน ประมาณ 1,000,000 บาท อันนี้เป็นสินเชื่อสวัสดิการตอนอยู่ราชการ ยังคงส่งต่อเองอยู่เดือนละ 9,300 บาท

เงินเดือนตอนนี้ 25,000 (หักออมสิน 9300 เหลือ 15700)

สินเชื่อบุคคลกับบัตรเครดิตส่วนใหญ่ผ่อนมาประมาณ 10 เดือน มีของ HSBC ใช้เต็ม 80000 เคยจ่ายไปครั้งเดียวเอง 2000 เพราะเอาเงินจาก HSBC ไปหมุนเจ้าอื่น จะรอจนกว่า H/c ของ HSBC จะให้ส่วนลดไหมครับ ?

ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการตั้งรับเต็มตัว เสียดายไม่ได้ไปอบรบเพราะมีงานต่างจังหวัด ของคำแนะนำหรือชี้แนะเพิ่มเติมด้วยครับ

ขอให้กำลังใจก่อนละกันครับ....

ผมคิดว่าคุณคงศึกษาข้อมูลมาบ้างแล้ว และคงมีแนวทางแก้ไขของคุณเองคร่าวๆแล้ว....

ที่เหลือก็ต้องขยันหมั่นอ่านความรู้เพิ่มเติมอีกให้มาก...เอาที่เราสงสัยเกี่ยวกับแนวทางของตัวเองก่อน

แล้วก็ลองค้นหาอ่านดูนะครับ...อ่านแล้วถ้าสงสัยประการใดก็โพสต์ถามมาใหม่ในกระทู้เดิมนี่นะครับ..

batk เขียน: ขอให้กำลังใจก่อนละกันครับ....

ผมคิดว่าคุณคงศึกษาข้อมูลมาบ้างแล้ว และคงมีแนวทางแก้ไขของคุณเองคร่าวๆแล้ว....

ที่เหลือก็ต้องขยันหมั่นอ่านความรู้เพิ่มเติมอีกให้มาก...เอาที่เราสงสัยเกี่ยวกับแนวทางของตัวเองก่อน

แล้วก็ลองค้นหาอ่านดูนะครับ...อ่านแล้วถ้าสงสัยประการใดก็โพสต์ถามมาใหม่ในกระทู้เดิมนี่นะครับ..

ขอบคุณ คุณ batk ครับ ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร เลยไม่กล้าหยุดจ่าย แต่มาหาข้อมูลที่นี่แล้วช่วยเพิ่มความมั่นใจขึ้นเยอะครับ

รอที่จะโพสพูดคุยมานานแล้ว ได้แต่อ่านช่วงปรับปรุงเว็ป ตอนนั้นเครียดมาก

อย่าเครียด..... บังคับนิดหน่อย....

เอาเวลาเครียดไปศึกษาหาความรู้ดีกว่า...
หาวิธีตั้งรับการทวงหนี้โหด....ในนี้แหละ..มีเยอะเลย...
อ่านไปเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มพูนแล้วจะหายเครียด...กลายเป็นบ้า...เอ๊ย..ไม่ใช่...
บ้าน้ำลายเหมือนในห้องเรื่องเล่าชาวหนี้..มีเรื่องให้ฮาเยอะเลย...ถ้ามันจะเครียด...แวะไปนะ...หายๆๆๆ

ดูแลตัวเองและครอบครัวให้ดีนะ...อย่าได้เครียดกับหนี้..เรื่องขี้ประติ๋ว....เดี๋ยวก็หมด....สู้นะ...พี่ลี

4/2/2555 เจ้าแรก CIMB ให้ บ. ซีที คอลล์ จำกัด ส่ง จม.มาทวงแล้วครับ
ตามด้วย HSBC กับ Powerbuy ส่ง ข้อความเข้ามือถือ

กลยุทธ์และคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการทำ Hair-Cut 1.คุยดีๆ กับคู่สนทนา แสดงจุดยืนว่าอยากจะแก้ปัญหาหนี้ 2. แสดงถึงความลังเลเล็กๆมีลูกล่อลูกชน ว่าจะจ่ายเจ้าหนี้ที่กำลังคุยอยู่ หรือว่าจ่ายเจ้าอื่นดี (ที่ให้ส่วนลดเยอะกว่า) ถ้าคุณไม่เอาก็ไปต่อท้ายแล้วค่อยว่ากันใหม่ 3. กำหนดเวลาให้เจ้าหนี้ตัดสินใจว่าจะยอมตามเงื่อนไขที่เราเสนอหรือมีเงื่อนไขที่ดีกว่าหรือไม่ 4.อธิบายเจ้าหนี้ว่าได้เงินจากเรา ดีกว่าการฟ้องร้องถึงศาลเรามีเวลาไปสู้คดีและรู้ เข้าใจกฎหมายคดีแพ่งพอสมควร เจ้าหนี้จะฟ้องไม่ยอมลดจริงหรือ? 5. ถ้ามีเงินก้อน อยากทำ Hair-cut แล้ว และมีตัวเลขในใจที่อยากได้ส่วนลดแล้ว เจรจากับสถาบันการเงินเจ้าหนี้เราโดยตรงก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องติดต่อกับสำนักงานกฎหมายเสมอไป เพราะสถาบันการเงิน เจ้าหนี้จะตัดสินใจได้ง่ายกว่า เพราะสำนักงานกฎหมายจะได้ค่าคอมพิวเตอร์ หรือซื้อหนี้เราต่อมาจากสถาบันการเงินอีกที ดังนั้นถ้าเรามีเงินก้อนแล้ว ยังไงเสียสถาบันการเงินก็ต้องเสียค่าคอมให้สำนักงานกฎหมายอยู่ดี เค้าจึงลดหนี้ ตัดสินใจลดหนี้ให้เราได้ไม่อยากครับถ้าติดต่อกับสำนักงานกฎหมาย เค้าก็เป็นเพียงตัวกลางที่จะไปคุยกับสถาบันการเงินให้เท่านั้นเองดังนั้นในมุมมองของผมคุยโดยตรงเองเลยดีกว่าครับ ทั้งนี้ลดได้มากน้อยขึ้นอยู่กับการคุยเจรจาต่อรองด้วยครับ ย้ำไปเลยครับว่าลดตามที่เราต้องการ เราจ่ายได้ทันที 6. เงินที่จะนำมา Hair-Cut ต้องเงินที่ไม่ได้มาจากการกู้ยืมที่มีดอกเบี้ยนะครับ หรือเป็นเงินเก็บ หรือ โบนัส เพราะถ้าไปกู้มาอีก ก็ไม่จบไม่สิ้นซักทีซักหน้าไม่ถึงหน้าอีกเหมือนเคย 7. ถ้าเจ้าหนี้เป็นฝ่ายเสนอลดมาเอง อยากให้มองว่าอย่างกลางๆ ครับว่าเงื่อนไขที่ทางเจ้าหนี้เสนอมานั้น เราจ่ายไหวไหม? น่าสนใจและรับได้และพอใจหรือเปล่า? อย่าไปมองเพียงแค่ต้องการให้ได้ส่วนลดเยอะๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ให้พิจารณาว่าถ้าเราจ่ายไปแล้ว เราลดเจ้าหนี้ไปอีกหนึ่งราย(ได้ลดภาระหนี้ไปทีละจุดๆ)ที่เหลือก็ค่อยๆมาปลดหนี้ที่ละรายต่อไป ตามกำลังและความสามารถ(แต่ต้องจ่ายไหวด้วยตัวเองจริงๆนะ ไม่ควรไปกู้หนี้ยืมสินที่ต้องเสียดอกเบี้ยจากที่อื่นมาปิด Hair-Cut อีก มิฉะนั้นจะไม่มีวันจบสิ้น) ถ้าสามารถทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถค่อยๆปลดหนี้ได้สำหรับการ Hair Cut หนี้นั้นสามารถทำได้ตลอดทุกช่วงเวลา หลังจากที่หนี้ของเราเน่าเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในช่วง 1. ก่อนได้รับหมายฟ้อง(ต้องไม่จ่ายนานๆหลายเดือนพอสมควร) 2. ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาล 3. ขึ้นศาลแล้วยังไม่ได้พิพากษา แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี 4. ศาลพิพากษาเรียบร้อยแล้ว และรอการจ่ายชำระเงินคืนตามคำพิพากษาก็ Hair-cut ได้อยู่ 5.ศาลพิพากษาเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในระหว่างการถูกอายัด อายัดทรัพย์สินหรือเงินเดือน ก็ Hair-cut ได้อยู่ สรุปว่าถ้าตนยอม ยังไงก็ Hair Cut ได้ครับ ข้อพึงระวังก่อนตัดสินใจทำ Hair-Cut ประเด็นสุดท้ายที่สำคัญของการทำ Hair Cut คือ จะต้องให้ทางเจ้าหนี้ทำเอกสารยืนยันการปลดหนี้ หรือหมดซึ่งภาระหนี้ ซึ่งกันและกันด้วยทุกครั้ง โดยเราต้องได้รับหนังสือยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเจ้าหนี้ก่อนที่จะทำการชำระ Hair Cut ใดๆ เมื่อเจรจา Hair Cut ไม่สำเร็จ Hair Cut ไม่สำเร็จไม่เป็นไรครับ เพราะเรามีเงินก้อนถือว่าเป็นต่อแล้ว ถ้าไม่ไปเจรจาเจ้าอื่น เพราะมีหนี้ก้อนนี้ก้อนเดียว เก็บเงินสดไว้ก่อนครับ พร้อมกับบอกให้เจ้าหนี้ส่งเรื่องฟ้องศาลได้เลย หลายท่านคงถามว่าบ้าหรือเปล่าเร่งให้ฟ้องศาล การเจรจาต่อรองหนี้เหมือนเกมวัดใจครับ เหมือนเล่นไพ่ poker เหมือนกัน เพราะจิตวิทยาเจ้าหนี้ส่วนใหญ่รู้ว่าคนส่วนใหญ่กลัวโดนฟ้อง ลูกหนี้ไม่อยากขึ้นศาล วุ่นวายใหญ่โต ถ้าเราโชว์ให้เห็นไปเลยครับว่า เราพร้อมไปศาล เราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เสนอเงินคืนให้คุณก็ไม่เอา เจ้าหนี้ฉุกคิดแล้วครับ เพราะการเจรจา Hair Cut ถ้าเราได้ทำเอกสารแจ้งเจ้าหนี้เป็นลายลักษณ์อักษรไปแล้วและนำเอกสารนี้ไปแสดงต่อศาลว่าเรามีความพยามยามที่จะจ่ายแล้ว แต่เจ้าหนี้ไม่รับ ศาลก็เห็นใจเราครับ สู้คดี ค่อนข้างได้เปรียบ อย่าลืมว่า Hair Cut ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ศาลตัดสินแล้วยังทำได้เลย...ดังนั้นถ้ายอดที่เราเสนอไปครอบคลุมเงินต้นที่เราค้างชำระอยู่ บวกกับดอกเบี้ย ที่เจ้าหนี้ควรจะได้ในอัตราที่เหมาะสม (อย่างน้อยร้อยละ 15 ต่อปี) ถ้าเราเสนอยอดสูงกว่ายอดนี้และแสดงให้เห็นว่าเรายื่นข้อเสนอนี้ไปแล้ว ศาลอาจคำนวณยอดหนี้และดอกเบี้ยให้อย่างเป็นธรรม...ยังไงเราปลดหนี้ได้ในยอดที่น่าจะใกล้เคียงกับที่เสนอ Hair Cut ครับเพียงแต่ช้ากว่าหน่อยเท่านั้นเองครับ

ขอบคุณ พี่ chaowalert ครับ กว่าผมจะ Hair-Cut คงอีกนาน เพิ่งเริ่มครับ เห็นจดหมาย กับข้อความบนมือถือ บวกกับโดนโทรทวงตาม ใจมันยังไม่นิ่งครับ ต้องกลับมาอ่านซ้ำ(ไม่รู้กี่รอบแล้ว 555)เพื่อเพิ่มความมั่นใจ

ช่วงแรกนี้ ผมอาจจะเขียนมาปรึกษาพูดคุยเยอะหน่อยนะครับ เข้ามาคุยกับพวกพี่ๆ แล้วมันทำให้มีสติ แล้วเครียดน้อยลงครับ

หยุดเดือนแรก พวกทวงหนี้มันนึกว่าเราลืม
เริ่มเดือนที่ 2-4 เดือน มันจะกระหน่ำโทร
เริ่มเดือนที่ 5 ขึ้นไป จะเบาหู เบาขนาดว่า โค-ตะ-ระ คิดถึงมันจังเลย เมื่อไรจะโทรมาหานะ
เหงาปากมากเลย
อย่างไรก็ค่อยๆ เก็บเงินไว้ นานวันเข้าเป็นก้อนใหญ่ได้ เดือดร้อนนำมาใช้ได้ ข้อสำคัญไม่สร้างหนี้เพิ่ม
ประหยัดแบบไม่อด อยู่ให้ได้ด้วยเงินเดือนตัวเอง...

ปล. ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้เสมอ สู้ๆๆๆ พี่อัง สวยประหาร

6.2.55 วันจันทร์แรกของการทำงาน โดยกรุงศรี โทรมา ชำระค่างวดยังค่ะ ชำระก่อนวันที่ 10 นะค่ะจะได้ไม่โดนค่าปรับ
ผมโดนมา 2-3 งวดหลังเพราะเริ่มหมุนไไม่ทันจ่ายช้า งวดละ 200 กว่าบาท ค่าโทรแพงมาก ถึงว่าอาชีพนี้รวยจัง (ไม่รู้เจ้าหนี้ตามมาอ่านเปล่า เดี๋ยวรู้ว่าเราเริ่มหยุดจ่ายแล้ว 555)

7.2.55

เช้านี้ CIMB กับ HSBC โทรมาก็ใช้วิชาจากพี่ๆ ครับ ไม่มี ไม่รู้ ยังไม่พร้อมจ่าย
CIMB : จบด้วยคิดดอกเบี้ยเป็นรายวันนะค่ะ
HSBC : จบด้วยจะดำเนินการตามระบบ

พอบ่าย มีเบอร์ที่โทรมาชวนให้สมัคร City เครดิตและบัตรกดเงินสด เหมือนรู้เลยว่าเราต้องการใช้เงิน
ต้องขอขอบคุณชมรมและพี่ๆ ทุกคนที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ทำให้มีภูมิคุ้มกัน ไม่หมุนเงิน และต้องเป็นหนี้ไปจนวันตาย
ผมขอเล่าเหตุการณ์ของผมให้สมาชิกใหม่ๆ ได้อ่านนะครับ เพื่อเป็นการตอบแทนครับ

เพิ่งหยุดจ่ายมาเดือนนึงเเล้วครับเหมือนกัน
หยุดของ citi กับ Ready ได้ 2 งวด
โทรมาเกือบทุกวัน ล่าสุดจะโทรมาให้ทำประนอมหนี้
เเล้วเเจ้งว่าจะส่งเรื่องให้สำนักงานกฎหมาย

เราก็ตอบ ครับๆๆ ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเอามือถือวางไว้บนโต๊ะ สะพักเจ้าหน้าที่ก็ขอวางสายเอง เหอะๆๆ

ปล.ในใจคิดว่า จะส่งๆๆก็ส่งๆไป รอเผชิญหน้าอยุู่ รับโทรศัพท์จนจะด้านอยุ่เเล้วครับ

เป็นกำลังใจให้นะคับ เเล้วสู้ๆๆไปพร้อมกันครับ

สู้ๆๆ นะคะเป็นกำลังใจ เดี๋ยวก็ิชินเองคะกับการทวงหนี้เราจะตอบคำถามพวกมันโดยอัตโนมัติไม่ต้องกลัว

spiderwooter เขียน: เพิ่งหยุดจ่ายมาเดือนนึงเเล้วครับเหมือนกัน
หยุดของ citi กับ Ready ได้ 2 งวด
โทรมาเกือบทุกวัน ล่าสุดจะโทรมาให้ทำประนอมหนี้
เเล้วเเจ้งว่าจะส่งเรื่องให้สำนักงานกฎหมาย

เราก็ตอบ ครับๆๆ ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเอามือถือวางไว้บนโต๊ะ สะพักเจ้าหน้าที่ก็ขอวางสายเอง เหอะๆๆ

ปล.ในใจคิดว่า จะส่งๆๆก็ส่งๆไป รอเผชิญหน้าอยุู่ รับโทรศัพท์จนจะด้านอยุ่เเล้วครับ

เป็นกำลังใจให้นะคับ เเล้วสู้ๆๆไปพร้อมกันครับ

ครับสู้ๆ มีอะไรก็มาแชร์กันครับ

ของผมเจ้าหนี้ที่เหลือก็คงใกล้โทรมาละ เพราะจะครบกำหนดจ่ายค่างวดแล้ว

vin เขียน: สู้ๆๆ นะคะเป็นกำลังใจ เดี๋ยวก็ิชินเองคะกับการทวงหนี้เราจะตอบคำถามพวกมันโดยอัตโนมัติไม่ต้องกลัว

ขอบคุณครับ

เมื่อเดือนที่แล้ว ตามเจ้าหน้าที่โทรมาทวง เห็นบอกว่า ปัจจุบัน Central + powerbuy + กรุงศรี เป็นพัธมิตรเครือเดียวกันแล้ว จะส่งผลอย่างไรกับเราบ้างไหมครับ

nirun เขียน:

vin เขียน: สู้ๆๆ นะคะเป็นกำลังใจ เดี๋ยวก็ิชินเองคะกับการทวงหนี้เราจะตอบคำถามพวกมันโดยอัตโนมัติไม่ต้องกลัว

ขอบคุณครับ

เมื่อเดือนที่แล้ว ตามเจ้าหน้าที่โทรมาทวง เห็นบอกว่า ปัจจุบัน Central + powerbuy + กรุงศรี เป็นพัธมิตรเครือเดียวกันแล้ว จะส่งผลอย่างไรกับเราบ้างไหมครับ

ส่งผลให้เราต้องหยุดจ่ายรวมมิตรของมันเลยน่ะสิครับ....


ผมเคยเจอเหมือนกันของเครือบริษัทกรุงศรี จีอี อันได้แก่ เฟริสช้อยส์ วีซ่า มาสเตอร์ ที่ผมเป็นหนี้อยู่

และผมหยุดของ fc ก่อน มันบอกว่าเป็นเครือเดียวกัน อาจจะมีปัญหากับบัตรที่เหลือได้...

ผมก็เลยหยุดแม่ม...รวมญาติมันไปเลย...

"ส่งผลให้เราต้องหยุดจ่ายรวมมิตรของมันเลยน่ะสิครับ...." รับทราบพร้อมปฏิบัติตามครับ 555

วันนี้ยังเงียบอยู่ รอแบบกังวลเล็กน้อย ต้องค่อยๆ ฝึกไปครับ

สวัสดีทุกท่านครับ หายไปหลายวัน ช่วงนี้ออกไปปฏิบัติงานต่างจังหวัด อาทิตย์หน้าก็ต้องไปอีก แต่การทวงหนี้ก็ตามไปด้วยครับ คราวนี้เริ่มทยอยทวงมาทุกราย ก็ยังทวงดีอยู่เกือบทุกเจ้านะครับ ถามมาก็ตอบไป ส่วนใหญ่ผมจะตอบกลับเป็นคำสั้นๆ เพื่อให้การสนทนาไม่ยืดยาวจนส่งผลเสียต่อการทำงาน
จำได้ว่า HSBC เจ้าแรกที่หยุด พูดจายังดีถึงดีมาก มีเจ้าหนึ่งจำไม่ได้ว่าใคร เปลี่ยนเป็นผู้ชายโทรมาแล้วก็พูดจาน้ำเสียงเริ่มแข็งๆ

การทวงเริ่มเข้มข้น ต้องกลับมาเติมพลังในชมรมครับ

พวกเราจะอดทน และสู้ ไปพร้อม ๆ กันค่ะ ตามอ่านทุกคนนะคะ

ordinaryG เขียน: พวกเราจะอดทน และสู้ ไปพร้อม ๆ กันค่ะ ตามอ่านทุกคนนะคะ

ขอบคุณมาครับ เพราะมีชมรมกับสมาชิกที่น่ารักทุกคน ทำให้ผมมีกำลังใจสู้ ไม่คิดสั้น และไม่เสียครอบครัวไป

ตอนที่ไม่มีทางออก ขาดสติ มันทรมานมากกว่าการโดนทวงหนี้มากครับ สู้ ๆ ครับ

ผมก็กำลังจะเริ่มหยุดจ่ายเพราะเริ่มหมุนไม่ไหว ช่วงนี้โดนค่าน้ำมันไปเดือนละประมาณ หกถึงแปดพันบาท
เล่นเอาแย่เลย