-
Forum
-
webboard คนยิ้มสู้หนี้
-
ห้องถาม- ตอบปัญหาหนี้
-
ค้างชำระบัตรเครดิต/บัตรกดเงินสด สามารถฟ้องยึดทรัพย์ที่ติดจำนองแบงค์ได้รึป่าวค่ะ
ค้างชำระบัตรเครดิต/บัตรกดเงินสด สามารถฟ้องยึดทรัพย์ที่ติดจำนองแบงค์ได้รึป่าวค่ะ
-
Sirisom
-
ผู้เขียนหัวข้อ
-
ผู้เยี่ยมชม
-
9 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #55286
โดย Sirisom
เป็นครั้วแรกที่สมัครค่ะ และพยายามอ่านข้อความเก่าๆเพื่อเป็นแนวทาง แต่ก็ยังมีข้อสงสัยที่ต้องการอยากทราบความชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ ดิฉันมีหนี้บัตรเครดิต/สินเชื่อเงินสดหลายสถาบัน ดังนี้ค่ะ
1.บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ธนาคารยูโอบี 40,000+60,000
2.บัตรควิกแคช 57,000
3.บัตรเฟิร์สช้อยส์ 43,000
4.บัตรกรุงไทย 25,000
5.บัตรอิออน 30,000
6.บัตรเครดิตกสิกรไทย 25,000
แต่ตอนนี้เริ่มส่งไม่ไหวแล้วค่ะ ก็จะเริ่มหยุดจ่ายเพื่อเก็บเงินรอ H/C
แต่ดิฉันมีหนี้กับธนาคารกรุงไทยที่เอาที่ดินไปจำนองแบงค์ 1 ล้านบาท ผ่อนเดือนละ 12,700 บาท
และดิฉันยังมีรถยนต์ ที่ยังผ่อนอยู่กับธนาคารทิสโก้ เดือนละ 6,300 บาท ซึ่งเงินเดือนดิฉัน แค่ 25,000 บาท แต่ดิฉันต้องรับผิดชอบหลานๆ ซึ่งอยู่ในวัยเรียน 3 คน และต้องช่วยน้องชายผ่อนบ้านที่ดิฉันอาศัยอยู่ ดิฉันกลุ้มใจอย่างมากเลยค่ะ เพราะที่เอาที่ดินไปจำนองแบงค์ เพราะติดหนี้บัตรเครดิต และธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลาม ซึ่งปิดไปแล้ว แต่หนี้ที่กู้มาก็ชำระไม่หมด และมีเงินกู้นอกระบบ ที่ต้องชำระดอกเบี้ยเดือนละ 8,000 บาท เพราะยืมโฉนดน้องไปค้ำ ...ดิฉันเริ่มผ่อนบัตรเครดิตไม่ไหวแล้วค่ะ จึงอยากจะหยุดจ่ายไปก่อน แต่ก็กลัวว่าถ้าหยุดจ่ายพวกบัตรเครดิตต่างๆ ทางเจ้าหนี้สามารถให้ศาลสั่งฟ้องบังคับคดีให้ขายที่ดินที่ติดจำนองแบงค์กรุงไทยได้มั้ยค่ะ ? แล้วดิฉันสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างไร รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ ดิฉันมืดแปดด้านไปหมดแล้วค่ะ .. ขอบคุณนะค่ะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
น้อย
เพิ่มเติม
-
จำนวนโพสต์: 5911
-
ขอบคุณที่รับ: 2590
-
-
-
Sirisom
-
ผู้เขียนหัวข้อ
-
ผู้เยี่ยมชม
-
9 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #55342
โดย Sirisom
ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าดิฉันมีหนี้บัตรกรุงไทย ก็ควรที่จะจ่ายแบบปกติ หรือขอปรับโครงสร้างเพื่อจ่ายให้น้อยลง เพื่อกันปัญหาในการฟ้องบังคับคดี ซึ่งที่ได้ติดจำนองกับกรุงไทยไว้ แล้วถ้าบัตรตัวอื่นดิฉันหยุดจ่าย จะสามารถฟ้องบังคับคดีได้มั้ยค่ะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
น้อย
เพิ่มเติม
-
จำนวนโพสต์: 5911
-
ขอบคุณที่รับ: 2590
-
-
9 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา - 9 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #55345
โดย jackTs
Sirisom เขียน: แล้วถ้าบัตรตัวอื่นดิฉันหยุดจ่าย จะสามารถฟ้องบังคับคดีได้มั้ยค่ะ
อุตส่าห์ทำ Link ให้อ่านแล้ว
กรุณาไปอ่านให้ครบถ้วนสิครับ
กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64#54671
คุณอย่าลืมนะครับว่า หนี้ทุกบาท ทุกสตางค์ ของคุณนั้น คุณเป็นคนสร้างมันด้วยมือของคุณเองทั้งสิ้น
พวกเราในที่นี้
ที่ทำงานด้วยจิตอาสา(ไม่มีเงินเดือนสักบาท) พวกเราไม่ได้เป็นคนสร้างหนี้ให้กับคุณนะครับ
ถ้าหากคุณเดือดร้อนจากหนี้ที่คุณก่อขึ้นมาเอง แล้วคุณยังไม่ยอมขวนขวายหาอ่านความรู้ ที่พวกเราอุตส่าห์แนะนำให้เลย แต่คุณกลับมาตั้งคำถามไปเรื่อยเปื่อย เป็นวันๆ เมื่อมีความทุกข์หรือเกิดปัญหาหนี้ โดยที่ไม่ยอมอ่านกระทู้อะไรเลย ผมว่าคงแก้หนี้ให้คุณลำบากแล้วล่ะครับ
ขอแนะนำว่า กรุณาไปอ่านให้ครบถ้วนนะครับ อย่าอ่านแบบลวกๆเพียงแค่ผ่านตาไปเฉยๆ
ที่นี่ไม่ได้"
ห้ามถาม"นะครับ...แต่ขอความกรุณาว่า
ให้อ่านก่อนแล้วค่อยมาถาม...ทำได้ไหมครับ?
.
อนณสุข ปรมาลาภา
ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
Last edit: 9 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา by jackTs.
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
-
Met
-
-
ผู้เยี่ยมชม
-
9 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #55361
โดย Met
ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป ขายดาวน์รถไปเถอะครับ จะเบาขึ้นเยอะเลย มีเงินเก็บใช้หนี้เพิ่มขึ้นอีกเยอะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
-
Sirisom
-
ผู้เขียนหัวข้อ
-
ผู้เยี่ยมชม
-
9 ปี 9 เดือน ที่ผ่านมา #55391
โดย Sirisom
ขอบคุณสำหรับขัอมูลนะค่ะ เมื่ออ่านแล้วก็พอจะเข้าใจ แต่มันก็ยังหวั่นๆอยู่ว่า เพราะอาจในกระทู้เขาเรียกการปรับโครงสี้างหนี้ว่า"สัญญานรก แต่เมิ่อคิดดูแล้ว การทำ H/C น่ะดีที่สุด แต่จะติดตรงที่ว่าจะรวบรวมเงินได้พอขอ H/C ได้ยังไงไหว แต่ถ้าปรับโครงสร้างหนี้ เผื่อฉุกเฉินไม่สามารถชำระได้ ก็คงจะโดนขายมี่ดินทอดตลาดแน่ๆ กลุ้มใจจังว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
-
debtman
-
-
ผู้เยี่ยมชม
-
-
Sirisom
-
ผู้เขียนหัวข้อ
-
ผู้เยี่ยมชม
-
9 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #57237
โดย Sirisom
หลังจากหยุดชำระหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ธนาคารยูโอบี ก็มีสายโทรเข้ามาตลอด แต่ด้วยความไม่กล้าจึงยังไม่กล้ารับสาย แต่ความและจดหมายเรื่องขอให้ชำระหนี้ ใจความในจดหมาย"ธ.ยูโอบี ขอแจ้งว่าบัดนี้บัญชีของท่านได้ถูกพิจารณาให้มีกาีดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด หากไม่มีการติดต่อกลับ หรือชำระหนี้ ภายใน 10 วันนับจากวันที่ระบุในเอกสารนี้ และหากท่านถูกฟ้องร้องคดี ต่อศาลคุณตะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ทั้งนี้หากท่านมีเจตนาที่จะชำระหนี้ แต่ติดขัดประการใดๆแล้ว ธ.ยินดีที่จะเจรจาและให้คำปรึกษาในการประนอมหนี้ เพื่อระงับการดำเนินคดี ฯลฯ "หนังสือฉบับนี้ส่งตรงจากธนาคารยูโอบี ฉันอ่านกระทู้แล้วก็สับสนค่ะ คงต้องอ่านหลายๆรอบ แต่ถ้าจะกรุณาช่วยให้กำลังใจในการให้คำปรึกษาได้มั้ยค่ะ. เหนื่อยเหลือเกินค่ะ แต่ทุกคนก็มีหนี้ แต่ทุกคนก็ให้ข้อคิดที่ดี แต่ในกรณีนี้คือ ฉันควรทำอย่างไรดีค่ะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
น้อย
เพิ่มเติม
-
จำนวนโพสต์: 5911
-
ขอบคุณที่รับ: 2590
-
-
9 ปี 8 เดือน ที่ผ่านมา #57239
โดย jackTs
.
ระยะเวลา และขั้นตอนในการทวงหนี้
1. ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ (1-2 เดือนแรก) โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ตัวจริง
2. ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ + จดหมายทวงหนี้ (ช่วงเดือนที่ 2-3) โดยเริ่มมีการเสนอให้ทำ"ประนอมหนี้" , "ปรับโครงสร้างหนี้" (ซึ่งสรุปก็คือหลอกให้ทำ"สัญญานรก"นั่นแหละ แต่เรียกชื่อให้มันดูไพเราะสักหน่อย ก็เท่านั้น) หรือ อาจโทรมาหลอกลวงให้ลูกหนี้ทำการ"จ่ายหยอด"เพื่อเดินบัญชี...เป็นต้น
ข้อเสียของการ "
จ่ายหยอด" เพื่อเดินบัญชี
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=19608&Itemid=64
3. ส่งเรื่องออกไปให้สำนักงานกฏหมายข้างนอก ให้เป็นผู้ทำการทวงหนี้แทน ซึ่งเป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1 (ช่วงเดือนที่ 4-6) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 20-30% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)
4. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1 ทวงหนี้ไม่ได้ ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ให้มาทวงหนี้ต่อ (เดือนที่ 7-9) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 30-40% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)
5. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ก็ยังทวงหนี้ไม่ได้อีก ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 3 ให้มาทวงหนี้ต่ออีก (ช่วงเดือนที่ 10-12) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 40-50% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)
6. ถ้าเปลี่ยนสำนักงานกฏหมายทวงหนี้ไปตั้งหลายบริษัทแล้ว ยังไงก็ทวงไม่ได้สักที ก็ส่งฟ้องศาล (เดือนที่ 12 เป็นต้นไป จนถึงปีครึ่ง) โดยยังคงมีข้อเสนอเรื่องส่วนลดในการ Hair cut ให้อยู่ แต่เป็นราคาช่วงที่งามที่สุด (หรือที่เรียกกันว่า "นาทีทอง" ในการทำ Hair cut โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ เป็นผู้กำหนดราคา)
ดังนั้น หากมีลูกหนี้บางราย ที่เจ้าหนี้มันทำเรื่องฟ้องศาลช้ากว่าปกติ (เกินกว่า 1ปีขึ้นไป)
ลูกหนี้อาจถูกทวงหนี้โดยสำนักงานกฏหมาย(บริษัททวงหนี้) ที่ต้องถูกเปลี่ยนบริษัททวงหนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่ซ้ำหน้ากัน เกินกว่า 5บริษัททวงหนี้...หรือจนกว่าหมายศาลฟ้องจะมา
ข้อสังเกตุ
: ณ ปัจจุบันนี้ มีบริษัทรับจ้างทวงหนี้ในประเทศไทยทั้งหมด ประมาณพันกว่าบริษัท
ซึ่งบริษัทรับจ้างทวงหนี้พวกนี้ ส่วนใหญ่มักตั้งชื่อที่ใช้จดทะเบียนในนามนิติบุคคลว่า "
สำนักงานกฏหมาย" หรือ "
สำนักงานทนายความ" เพื่อสร้างความตกใจต่อลูกหนี้...เพราะในชื่อของบริษัทดังกล่าว มีคำว่า "กฏหมาย" หรือ "ทนายความ" ปรากฏอยู่ด้วย
พอลูกหนี้ได้ยินหรือได้เห็นชื่อของบริษัททวงหนี้เหล่านี้ ก็มักเกิดความกลัวและคิดไปเองว่า
"เรื่องหนี้ของฉัน ตกไปอยู่ในขั้นตอนของกฏหมายแล้วหรือนี่? , สงสัยจะโดนฟ้องแล้วแน่เลย?"...แต่โดยแท้จริงแล้ว บริษัทพวกนี้ มีอาชีพหรือรายได้หลักมาจากการ"
รับจ้างทวงหนี้
"เท่านั้น
และถ้าหากบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายแรก ไม่สามารถทวงหนี้ได้ตามที่ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ (ซึ่งส่วนมากทางสถาบันการเงิน จะกำหนดให้บริษัทที่รับจ้างทวงหนี้ ต้องทวงหนี้ให้ได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือนเท่านั้น) บริษัทที่รับจ้างทวงหนี้ดังกล่าว ก็จะถูกทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) ทำการ"
ถีบหัวส่ง"ออกไป...เพราะถือว่า"
ไร้ความสามารถ"ในการทวงหนี้ให้ได้ภายใน 2-3 เดือน ตามที่เจ้าหนี้ตัวจริงได้กำหนดเอาไว้
แล้วหลังจากนั้น...ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง)ก็จะไปทำการว่าจ้างบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายใหม่ ให้มาทำการทวงหนี้แทนบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายเดิมที่ถูก"
ถีบหัวส่ง"ออกไป โดยกำหนดว่าจะต้องทวงหนี้ให้ได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือน เช่นกัน
หากบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายที่สองนี้ ก็ยังไม่สามารถทวงหนี้กับลูกหนี้ได้ภายใน 2-3 เดือนอีก ก็จะถูก"ถีบหัวส่ง"ออกไปอีก แล้วทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง)ก็จะไปว่าจ้างบริษัททวงหนี้รายที่ สาม , สี่ , ห้า ให้มาทำหน้าที่ทวงหนี้แทนเหมือนเดิม...เป็น"วัฏจักร"เช่นนี้เรื่อยไปตลอด จนกว่าจะทวงหนี้ได้สำเร็จ(Hair cut สำเร็จ) หรือจนกว่าจะฟ้องศาล ซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานเป็นปี
ในเมื่อ"บริษัทรับจ้างทวงหนี้"ในประเทศไทย มันมีจำนวนมากมายนับพันบริษัท
ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) จึงสามารถใช้บริการว่าจ้างบริษัทไหนก็ได้ โดยเรียกมาใช้งานได้โดยง่าย และก็สามารถ"ถีบหัวส่ง"เปลี่ยนให้ออกไปได้ง่ายๆเช่นกัน หากมันไร้น้ำยาในการทวงหนี้ได้สำเร็จ
แล้วอีกอย่างหนึ่ง
บริษัทรับจ้างทวงหนี้เหล่านี้ ก็ไม่ได้มีรายได้เป็นเงินเดือน สำหรับค่าว่าจ้างในการทวงหนี้จากทางเจ้าหนี้ตัวจริง แต่จะได้รับเป็น"เงินค่าคอมมิชชั่น"ตามจำนวนเงินที่ทวงหนี้มาได้สำเร็จ (ก็คล้ายๆกับอาชีพ"เซลล์แมน"ขายของนั่นแหละ หากขายของได้ ถึงจะได้ค่าคอมมิชชั้น หากขายของไม่ได้ก็"อด")
ด้วยสาเหตุนี้...จึงเป็นบ่อเกิดแห่ง"การทวงหนี้ที่ไร้จริยธรรม"จากบริษัทที่รับจ้างทวงหนี้บางราย ซึ่งใช้วิธีการทวงหนี้แบบเลวๆ ในลักษณะของการข่มขู่และกดดันลูกหนี้ เพื่อให้ตัวเองได้เงินมาจากลูกหนี้ไห้ได้(ไม่งั้นจะโดน"ถีบหัวส่ง"และ"อด แdก
ค่าคอมฯด้วย") จึงต้องใช้วิธีในการทวงหนี้แบบชั่วๆ หรืออ้างข้อกฏหมาย"มั่วๆ" เพื่อข่มขู่ลูกหนี้ต่างๆนาๆ
หากใครโดนการข่มขู่ทวงหนี้ด้วยวิธีการเลวๆแบบนี้ ก็อย่าไปตกใจ สามารถไปดูวิธีการรับมือการทวงหนี้และการใช้สิทธิ์ปกป้องตนเองได้จากในกระทู้นี้
รู้ทันการทวงหนี้ / เตรียมรับมือการทวงหนี้
www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=18758&Itemid=64
ตัวอย่างจดหมายทวงหนี้ จดหมายขู่จากเจ้าหนี้
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=8&id=6076&Itemid=64
.
อนณสุข ปรมาลาภา
ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
ผู้ดูแล: Mommyangel, Badman, konsiam
-
Forum
-
webboard คนยิ้มสู้หนี้
-
ห้องถาม- ตอบปัญหาหนี้
-
ค้างชำระบัตรเครดิต/บัตรกดเงินสด สามารถฟ้องยึดทรัพย์ที่ติดจำนองแบงค์ได้รึป่าวค่ะ
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.602 วินาที