ขอคำปรึกษา

ปรึกษาหน่อยคะ พอดีเป็นหนี้บัตรกดเงินสด เกือบ 2แสน อิออนบัตรกดเงินสด16,000บัตรเครดิต 20,000 รวม 36,000 กรุงศรีเฟิร์ช้อย 25,000 ธนชาติ 15,000 ยูเมะ 26,000 ไทยพาณิชย์ 33,000 ซิตี้แบงค์ 23,000 เคทีซี 20,000 เมืองไทยลิสซิ่ง 15,000 รวม เกือบ2แสน
พอดีตอนสมัยนั้นทำตอนเงินเดือน12000
แต่ตอนนี้ได้งานใหม่เงินเดือนหมื่นห้า อยากปิดบัตร เลยคิดว่าจะเริ่มจ่ายอิออนก่อนเดือนละ10,000 แล้วบัตรที่เหลือจะจ่ายเดือนละ 500 แต่ก้อต่ะกว่ายอดขั้นต่ำของใบแจ้งหนี้ เราสามารถทำได้มั้ย เพราะไม่ได้หนีหนี้แต่เราแค่อยากปิดทีละบัตรที่ยอดเงินเยอะก่อนเรียงลำดับไปหาน้อย ถ้าทำแบบนี้ได้ก้อประมาณ2ปีก้อน่าจะหมดหนี้ แล้วแบบนี้เราจะโดนหมายศาลมั้ยคะ

ตอบคุณastone ถ้าคุณจะจ่ายขั้นต่ำทุกบัตร เดือนละ500 ค่าดอกเบี้ยยังไม่พอเลยคะ ต้นไม่ลด ดอกไม่ลด แถมหนี้เพิ่มอีก แต่ถ้าถามว่ามันจะฟ้องมั้ย
มันคงไม่ฟ้องคะ คงเรียนเชิญคุณให้ประนอมหนี้กับมันมากกว่า แต่ถ้าคุณจะทำตามแนวทางของชมรม คือหยุดจ่ายทุกบัตร เพื่อเก็บเงิน H/C
แบบนี้มีโอกาสที่หนี้จะหมดเร็วขึ้นนะคะ คุณลองทำรายรับ ราบจ่ายดูนะคะ ว่าจะเหลือเงินเก็บกี่บาทต่อเดือน เก็บให้มากที่สุด ประหยัดให้มากที่สุดคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆคะ

ถ้าหยุดจ่ายตั้งแต่เดือนนี้อีกกี่เดือนค่ะจะโดนฟ้อง เพราะหนี้เกือบ2แสนจะเก็บเงินยังทัน เพราะถ้าหยุดจ่ายทุกบัตร เงินที่เก็บได้ประมาณเดือนละ 10,000 ค่ะ แล้วตอนนี้เฟิร์ทช้อยก้อโทมาทวงว่ายังจ่ายไม่ครบ โทมาบ่อยมาก แล้วเขาจะโทเข้าออฟฟิสมั้ยคะ แต่ตอนนี้ก้อพึ่งย้ายที่ทำงานใหม่ พอดีเป็นฝ่ายบุคคล บางทีก้รุ้สึกอายๆ

"นิยาม" ของคำว่า Hair-cut
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=749&Itemid=64#6235

ระยะเวลา และขั้นตอนในการทวงหนี้


1. ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ (1-2 เดือนแรก) โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ตัวจริง

2. ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ + จดหมายทวงหนี้ (ช่วงเดือนที่ 2-3) โดยเริ่มมีการเสนอให้ทำ"ประนอมหนี้" , "ปรับโครงสร้างหนี้" (ซึ่งสรุปก็คือหลอกให้ทำ"สัญญานรก"นั่นแหละ แต่เรียกชื่อให้มันดูไพเราะสักหน่อย ก็เท่านั้น) หรือ อาจโทรมาหลอกลวงให้ลูกหนี้ทำการ"จ่ายหยอด"เพื่อเดินบัญชี...เป็นต้น
ข้อเสียของการ "จ่ายหยอด" เพื่อเดินบัญชี
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=19608&Itemid=64

3. ส่งเรื่องออกไปให้สำนักงานกฏหมายข้างนอก ให้เป็นผู้ทำการทวงหนี้แทน ซึ่งเป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1 (ช่วงเดือนที่ 4-6) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 20-30% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)

4. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1 ทวงหนี้ไม่ได้ ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ให้มาทวงหนี้ต่อ (เดือนที่ 7-9) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 30-40% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)

5. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ก็ยังทวงหนี้ไม่ได้อีก ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 3 ให้มาทวงหนี้ต่ออีก (ช่วงเดือนที่ 10-12) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 40-50% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด)

6. ถ้าเปลี่ยนสำนักงานกฏหมายทวงหนี้ไปตั้งหลายบริษัทแล้ว ยังไงก็ทวงไม่ได้สักที ก็ส่งฟ้องศาล (เดือนที่ 12 เป็นต้นไป จนถึงปีครึ่ง) โดยยังคงมีข้อเสนอเรื่องส่วนลดในการ Hair cut ให้อยู่ แต่เป็นราคาช่วงที่งามที่สุด (หรือที่เรียกกันว่า "นาทีทอง" ในการทำ Hair cut โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ เป็นผู้กำหนดราคา)

ดังนั้น หากมีลูกหนี้บางราย ที่เจ้าหนี้มันทำเรื่องฟ้องศาลช้ากว่าปกติ (เกินกว่า 1ปีขึ้นไป)
ลูกหนี้อาจถูกทวงหนี้โดยสำนักงานกฏหมาย(บริษัททวงหนี้) ที่ต้องถูกเปลี่ยนบริษัททวงหนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่ซ้ำหน้ากัน เกินกว่า 5บริษัททวงหนี้...หรือจนกว่าหมายศาลฟ้องจะมา


ข้อสังเกตุ : ณ ปัจจุบันนี้ มีบริษัทรับจ้างทวงหนี้ในประเทศไทยทั้งหมด ประมาณพันกว่าบริษัท

ซึ่งบริษัทรับจ้างทวงหนี้พวกนี้ ส่วนใหญ่มักตั้งชื่อที่ใช้จดทะเบียนในนามนิติบุคคลว่า "สำนักงานกฏหมาย" หรือ "สำนักงานทนายความ" เพื่อสร้างความตกใจต่อลูกหนี้...เพราะในชื่อของบริษัทดังกล่าว มีคำว่า "กฏหมาย" หรือ "ทนายความ" ปรากฏอยู่ด้วย

พอลูกหนี้ได้ยินหรือได้เห็นชื่อของบริษัททวงหนี้เหล่านี้ ก็มักเกิดความกลัวและคิดไปเองว่า "เรื่องหนี้ของฉัน ตกไปอยู่ในขั้นตอนของกฏหมายแล้วหรือนี่? , สงสัยจะโดนฟ้องแล้วแน่เลย?"...แต่โดยแท้จริงแล้ว บริษัทพวกนี้ มีอาชีพหรือรายได้หลักมาจากการ"รับจ้างทวงหนี้"เท่านั้น

และถ้าหากบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายแรก ไม่สามารถทวงหนี้ได้ตามที่ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ (ซึ่งส่วนมากทางสถาบันการเงิน จะกำหนดให้บริษัทที่รับจ้างทวงหนี้ ต้องทวงหนี้ให้ได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือนเท่านั้น) บริษัทที่รับจ้างทวงหนี้ดังกล่าว ก็จะถูกทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) ทำการ"ถีบหัวส่ง"ออกไป...เพราะถือว่า"ไร้ความสามารถ"ในการทวงหนี้ให้ได้ภายใน 2-3 เดือน ตามที่เจ้าหนี้ตัวจริงได้กำหนดเอาไว้

แล้วหลังจากนั้น...ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง)ก็จะไปทำการว่าจ้างบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายใหม่ ให้มาทำการทวงหนี้แทนบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายเดิมที่ถูก"ถีบหัวส่ง"ออกไป โดยกำหนดว่าจะต้องทวงหนี้ให้ได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือน เช่นกัน

หากบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายที่สองนี้ ก็ยังไม่สามารถทวงหนี้กับลูกหนี้ได้ภายใน 2-3 เดือนอีก ก็จะถูก"ถีบหัวส่ง"ออกไปอีก แล้วทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง)ก็จะไปว่าจ้างบริษัททวงหนี้รายที่ สาม , สี่ , ห้า ให้มาทำหน้าที่ทวงหนี้แทนเหมือนเดิม...เป็น"วัฏจักร"เช่นนี้เรื่อยไปตลอด จนกว่าจะทวงหนี้ได้สำเร็จ(Hair cut สำเร็จ) หรือจนกว่าจะฟ้องศาล ซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานเป็นปี

ในเมื่อ"บริษัทรับจ้างทวงหนี้"ในประเทศไทย มันมีจำนวนมากมายนับพันบริษัท
ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) จึงสามารถใช้บริการว่าจ้างบริษัทไหนก็ได้ โดยเรียกมาใช้งานได้โดยง่าย และก็สามารถ"ถีบหัวส่ง"เปลี่ยนให้ออกไปได้ง่ายๆเช่นกัน หากมันไร้น้ำยาในการทวงหนี้ได้สำเร็จ

แล้วอีกอย่างหนึ่ง บริษัทรับจ้างทวงหนี้เหล่านี้ ก็ไม่ได้มีรายได้เป็นเงินเดือน สำหรับค่าว่าจ้างในการทวงหนี้จากทางเจ้าหนี้ตัวจริง แต่จะได้รับเป็น"เงินค่าคอมมิชชั่น"ตามจำนวนเงินที่ทวงหนี้มาได้สำเร็จ (ก็คล้ายๆกับอาชีพ"เซลล์แมน"ขายของนั่นแหละ หากขายของได้ ถึงจะได้ค่าคอมมิชชั้น หากขายของไม่ได้ก็"อด")

ด้วยสาเหตุนี้...จึงเป็นบ่อเกิดแห่ง"การทวงหนี้ที่ไร้จริยธรรม"จากบริษัทที่รับจ้างทวงหนี้บางราย ซึ่งใช้วิธีการทวงหนี้แบบเลวๆ ในลักษณะของการข่มขู่และกดดันลูกหนี้ เพื่อให้ตัวเองได้เงินมาจากลูกหนี้ไห้ได้(ไม่งั้นจะโดน"ถีบหัวส่ง"และ"อด แdก ค่าคอมฯด้วย") จึงต้องใช้วิธีในการทวงหนี้แบบชั่วๆ หรืออ้างข้อกฏหมาย"มั่วๆ" เพื่อข่มขู่ลูกหนี้ต่างๆนาๆ

ถ้าธนาคาร(เจ้าหนี้ตัวจริง)จ้างบริษัททวงหนี้ ถ้าเรามีหนี้หลายธนาคาร เราต้องโดนเจ้าหนี้หลายบริษัททวงหรือเปล่าคะ แล้วถ้าบริษัททวงหนี้เสนอลดหนี้ให้50%แล้วเราชำระเราสามารถรู้ได้ไงว่าจะไม่มาทวงเราอีกคะ กลัวบริษัททวงหนี้หลอก

astone เขียน: ถ้าธนาคาร(เจ้าหนี้ตัวจริง)จ้างบริษัททวงหนี้ ถ้าเรามีหนี้หลายธนาคาร เราต้องโดนเจ้าหนี้หลายบริษัททวงหรือเปล่าคะ

-ใช่แล้วครับ บริษัททวงหนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ส่วนมากจะประมาณ 1 - 2 เดือนเปลี่ยนที
(ของแม่ผมหยุดมา 5 เดือน เปลี่ยนไปแล้ว 2 ครั้ง รู้สึกว่ากำลังจะเปลี่ยนอีก)

แล้วถ้าบริษัททวงหนี้เสนอลดหนี้ให้50%แล้วเราชำระเราสามารถรู้ได้ไงว่าจะไม่มาทวงเราอีกคะ กลัวบริษัททวงหนี้หลอก

-ถ้าบริษัททวงหนี้ให้ส่วนลด คุณต้องขอใบยืนยันส่วนลด เพื่อเป็นหลักฐานว่าลดให้จริง แล้วจึงจ่ายเงิน

ผมว่า คุณอ่านตามลิงค์ให้หมด
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=939&Itemid=64

ที่คุณทำเรียกว่า การจ่ายหยอด สิ้นคิด และหนี้จะบาน เอาเงินไปทิ้งลงทะเล ครับ
ทำยังไงให้ถูกต้อง อ่านตามลิงให้หมดทุกตัวอักษร

เวลาบริษัททวงหนี้โทรมาเขาจะบอกด้วยมั้ยคะว่าเป็นของธนาคารไหน และถ้าเราชำระหนี้หมดแล้ว บริษัททวงหนี้จะออกหนังสือปิดบัญชีหนี้เป็นของธนาคารไหมคะ

สำนักงานกฎหมายจะโทรมาทวงหนี้คะ และแจ้งว่าโทรจากเจ้าหนี้รายไหน ยอดตอนนี้เท่ารัย แล้วถ้าจนท.เสนอส่วนลด และเราพอใจมีเงินในมือพร้อม คุณต้องขอใบส่วนลดเพื่อยืนยันว่าเจ้าหนี้ลดให้จริงและปิดจบเท่านี้ หลังจากชำระเงินแล้ว ต้องมีใบยืนยันว่าคุณพ้นภาระหนี้แล้วคะ

เวลาเขาโทรทวงหนี้เขาโทรเข้ามือถือแล้วเรารับตลอด แล้วเขาจะโทรเข้าเบอร์บริษัทมั้ยคะ
แล้วคำถามที่ตอบเขาเราควรตอบว่ายังไงคะ เพราะเมื่อวานเราตอบว่าเราไม่ได้ทำงานเขาเลยบอกว่าเขาจะโทรกลับมาใหม่

ไม่มีประโยชน์ที่จะบอกว่าเราไม่ได้ทำงาน ถ้าเราอยู่ในระบบประกันสังคมเขาตรวจสอบได้หมดค่ะ จากประสบการณ์ถ้าเรารับโทรศัพท์มือถือและติดต่อกับเราได้ เขาจะไม่โทรเข้าที่ทำงาน แต่ถ้าเรารับมือถือแล้วและมีเบอร์มือถือที่ติดต่อเราได้แล้วยังจะโทรเข้าเบอร์บริษัท คุณก็บอกกับคนทวงไปเลยว่าให้ติดต่อทางมือถือเท่านั้น กำหนดช่วงเวลาที่สามารถรับสายได้ไปเลย ถ้ายังดื้อโทรเข้าที่เบอร์บริษัทก็โทรร้องเรียนเลยค่ะ
เคสของ pfs รับมือถือตลอดพอมีโทรเข้าบริษัท ก็พูดสวนออกไปเลยว่า "คุณมีจุดประสงค์อะไรถึงโทรเข้าเบอร์บริษัท ทั้งๆที่คุณก็ติดต่อทางมือถือได้ ดิฉันจะร้องเรียนคุณชื่อ-นามสกุลอะไร"
รับไปเถอะโทรศัพท์น่ะ ก็บอกไปตรงๆเลยว่ามีปัญหายังจ่ายไม่ได้ ขอเวลาเก็บเงินก่อน จะจ่ายให้เมื่อพร้อมแต่ถ้าไม่อยากฟัง ก็กดรับแล้ววางไว้เฉยให้เขาพูดไปเดี๋ยวก็วางไปเอง

พอเราหยุดจ่ายทุกบัตรแบบนี้ เราจะติดบูโรหรือแบลคลิสกี่ปีคะ

หลังจากที่จ่ายหนี้บัตรสุดท้ายและมีหนังสือยืนยันการชำระหนี้ แล้วนับไปอีก 3 ปีค่ะ

เกี่ยวไหมว่าบัตรกดเงินสดต้องนับหลังจากหนี้ใบสุดท้ายเสร็จ3ปี หรือบัตรเครดิตนับจากจ่ายใบสุดท้าย3ปี

วันนี้ยังไม่ถึง 9โมงค่ะโอน กรุงศรีเฟิร์ทช้อยกับยูเมะพลัสโทรทวง เลยบอกว่าตอนนี้มีปัญหาในการจ่ายอยู่และตอนนี้รีบเก็บตังชำระ ยูเมะใช้คำพูดหว่านล้อมให้ชำระเพิ่มอีก200เพื่อรักษาบัญชี ถ้าไม่ชำระเพิ่มจะมีผลต่อการใช้บัตร เลยตอบไปว่าไม่เแ็นไรค่ะตั้งใจจะปิดบัตรอยู่แล้ว ถ้ามีจะรีบแจ้งติดต่อกลับไป และขอเบอสำรองเราไว้ เราเลยบอกว่าไม่มีมีเบอนี้เบอเดียวมีปัญหาก้อโทมาเรารับ ส่วนเฟิร์ทช้อยเราบอกว่าเราพึ่งตกงานและกำลัฃรีบเก็บเงินจ่ายอยุ่ เจ้านี้คุยง่าย

วันนี้บัตรยูเเมะโทมาให้จ่ายยอด200ที่ค้างเพิ่ม เลยบอกว่าไม่มีเพราะเดียวจะรวบรวมเงินก้อนเดียวไปปิดบัญชี จนท เลยบอกว่าถ้าจ่ายยอด200นี้เข้าไปแล้วถ้าเดือน ธค หรือ มค ไม่จ่ายแล้วรอเก็บเงินก้อนปิดบัญชีครั้งเดียวก้อได้ แล้วจะมีส่วนลดให้ด้วย แล้วแบบนี้เราจะจ่ายดีไหมคะ

astone เขียน: วันนี้บัตรยูเเมะโทมาให้จ่ายยอด200ที่ค้างเพิ่ม เลยบอกว่าไม่มีเพราะเดียวจะรวบรวมเงินก้อนเดียวไปปิดบัญชี จนท เลยบอกว่าถ้าจ่ายยอด200นี้เข้าไปแล้วถ้าเดือน ธค หรือ มค ไม่จ่ายแล้วรอเก็บเงินก้อนปิดบัญชีครั้งเดียวก้อได้ แล้วจะมีส่วนลดให้ด้วย แล้วแบบนี้เราจะจ่ายดีไหมคะ

ใจเย็นๆ ครับ เอาแต่ถาม ได้ดูวิธีการปลดหนี้ ตามที่คนอื่นๆ แนะนำหรือยังครับ
หยุดจ่าย ก็คือหยุดจ่าย 100 หรือ 200 ก็ไม่จ่ายครับ
ตราบใดที่คุณจ่ายอยู่ เจ้าหนี้เค้าไม่มีทางให้่่ส่วนลดคุณหรอก ในเมื่อคุณยังจ่ายเงินได้อยู่

เข้าใจคำว่าหนี้เน่ามั้ยครับ หนี้ไม่เน่า ใครจะยอมให้ส่วนลด

และไม่ต้องไปบอกเค้าว่า จะรอเก็บเงินปิดบัญชี ม้นแสดงตัวตนว่าคุณมีเงิน แต่ตั้งใจไม่จ่าย เพื่อรอส่วนลด

ขอบคุณทุกคำตอบนะคะ ตอนนี้เริ่มหยุดจ่ายทุกบัตรจะเข้าเดือนแรก เจ้าหนี้ทุกรายโทรทวง จันทร์ถึงเสาร์ ไม่เป็นอันทำงานเรารับทุกสายโดนอิออนขู่ก็มี ได้แต่ทำใจว่าสักวันเราจะผ่านไปให้ได้ วันนี้แค่เราล้ม แต่สักวันเราจะลุกขึ้นใหม่ ประสบการณ์ครั้งใหญ่ในชีวิต สอนอะไรเราหลายอย่าง ตอนนี้เราแค่ใช้คำว่าอดทน อดทน ถามว่าเครียดไหม ตอบเลยเครียดมาก โดนอิออนขู่ หลายอย่าง จะแจ้งทีทำงาน จะแจ้งที่บ้าน บางทีก็ปลง ว่าเออ มึงแจ้งเหอะที่ทำงานที่แจ้งนั้นก็ลาออกมาแล้ว แจ้งที่บ้านเขาก็ไม่ได้ใช้หนี้แทน หรอก บางทีก็เซ้งไม่อยากรับเบอร์แปลก เพราะรู้ว่ายังไงก็คือพวกเจ้าหนี้ อยากตัดสินใจรอแค่ H/C แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วงเดือนไหน เจ้าหนี้จะแจ้ง H/C ไม่รู้ว่าเขาจะโทรมาแจ้งก่อนหรือแจ้งทางจดหมาย ทุกวันหลังเลิกงานก็ไปดูแต่จดหมายทวงหนี้ที่เขาจะส่งมาที่หอ เพลียจิงๆค่ะ

วันนี้ บัตรยูเมะ โทรมาขอเสนอลดหนี้ให้ ยอดหนี้เรา 26000 บาท แล้วเสนอลดให้เรา เหลือ 18600
โดยแบ่งเป็น 3 งวด
งวดที่ 1 จ่าย 28 ธ.ค 57 คือ 1600
งวดที่ 2 จ่าย 28 ม.ค. 58 คือ 2000
งวดที่ 3 จ่าย 28 ก.พ. 58 คือ 15000 รวม 18600
ตอนแรกให้จ่าย งวดแรก 1200 แต่ให้จ่ายทุกวันที่ 17 แต่ เงินเดือนเรายังไม่ออกเลยขอเลื่อน เลยมาเป็นทุกวันที่ 28 เลยเพิ่มมา 400 ค่าล่าช้าในการปิดบัญชี
ตอนนี้ จนท กำลังดำเนินเรื่อง อนุมัติยอดปิดอยู่ เขาบอกว่าห้ามจ่ายก่อนหรือหลังวันที่ 28 ไม่งั้นจะผิดเงื่อนไข เราเลยบอกว่าจะจ่ายก็ต่อเมื่อได้รับเอกสาร แต่ จนท บอกว่าถ้าเอกสารยังไม่ถึงเราสามารถจ่ายวันที่ 28 ได้ แต่เราก็ยืนยันว่าจ่ายก็ต่อเมื่อได้รับเอกสาร
แบบนี้เชื่่่อถือได้ไหมคะ อันนี้เป็นบัตรแรก ที่ยื่นข้อเสนอมา

astone เขียน: วันนี้ บัตรยูเมะ โทรมาขอเสนอลดหนี้ให้ ยอดหนี้เรา 26000 บาท แล้วเสนอลดให้เรา เหลือ 18600
โดยแบ่งเป็น 3 งวด
งวดที่ 1 จ่าย 28 ธ.ค 57 คือ 1600
งวดที่ 2 จ่าย 28 ม.ค. 58 คือ 2000
งวดที่ 3 จ่าย 28 ก.พ. 58 คือ 15000 รวม 18600
ตอนแรกให้จ่าย งวดแรก 1200 แต่ให้จ่ายทุกวันที่ 17 แต่ เงินเดือนเรายังไม่ออกเลยขอเลื่อน เลยมาเป็นทุกวันที่ 28 เลยเพิ่มมา 400 ค่าล่าช้าในการปิดบัญชี
ตอนนี้ จนท กำลังดำเนินเรื่อง อนุมัติยอดปิดอยู่ เขาบอกว่าห้ามจ่ายก่อนหรือหลังวันที่ 28 ไม่งั้นจะผิดเงื่อนไข เราเลยบอกว่าจะจ่ายก็ต่อเมื่อได้รับเอกสาร แต่ จนท บอกว่าถ้าเอกสารยังไม่ถึงเราสามารถจ่ายวันที่ 28 ได้ แต่เราก็ยืนยันว่าจ่ายก็ต่อเมื่อได้รับเอกสาร
แบบนี้เชื่่่อถือได้ไหมคะ อันนี้เป็นบัตรแรก ที่ยื่นข้อเสนอมา

สอบถามหน่อยคะว่า พอดีอาทิตย์ที่แล้ว จนท ยูเมะเขาได้โทรมาเพื่อให้ส่วนลดบัตร จาก26,000 เป็น 18,200 โดยแบ่งเป็น 3 งวด
งวดที่ 1 จ่าย 28 ธ.ค 57 คือ 1600
งวดที่ 2 จ่าย 28 ม.ค. 58 คือ 2000
งวดที่ 3 จ่าย 28 ก.พ. 58 คือ 14200 รวม 18200 เลยตอบตกลงไปว่าโอเคกับข้อเสนอนี้ อีกอย่างมัวแต่ดีใจว่าเขาลดหนี้ให้จนลืมตั้งสติเห็นในกระทู้หลายคนที่ยอดหนี้พอๆกับเราแล้วเขาลดให้เยอะมาก อันนี้เราควรทำยังไงเพราะตอนนี้ เขาบอกว่ากำลังจะส่งเอกสารมาให้เพื่อชำระงวดแรกแล้ว เราก็อยากจะได้ลดเยอะกว่านี้จะได้มีตังเหลือเก็บไปใช้หนี้บัตรอื่นบ้างค่ะ เพราะงวดที่ 1และ2 เราก็โอเคอยู่แต่จะมาหนักตอนงวดสุดท้าย เพราะเงินเดือนเราเองก็แค่15,000 เราควรโทรไปขอส่วนลดเพิ่มหรือว่านิ่งไปก่อนและไม่จ่ายเพื่อรอต่อไปดีค่ะ รบกวนสอบถามค่ะ