- จำนวนโพสต์: 1950
- ขอบคุณที่รับ: 1502
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
Chokdee เขียน: ไม่ทราบว่ากระทู้เก่าข้างล่าง ในหัวข้อเรื่อง "ขอเตือนอีกครั้ง...สำหรับผู้ที่จะไปขึ้นศาลด้วยตนเอง" เปิดไม่ได้คะ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรคะ ขอบคุณมากคะ
ขอให้เข้าไปดู "ตัวอย่าง" บางกรณี ได้จากในกระทู้ข้างล่างนี้
old.consumerthai.org/compliant_board1/view.php?id=15506 old.consumerthai.org/compliant_board1/view.php?id=15575http://old.consumerthai.org/compliant_board1/view.php?id=16971http://old.consumerthai.org/compliant_board1/view.php?id=18249 old.consumerthai.org/compliant_board1/view.php?id=18363http://old.consumerthai.org/compliant_board1/view.php?id=18458 old.consumerthai.org/compliant_board1/view.php?id=18480
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
Chokdee เขียน: 13 ตค 2558
หลังจากหยุดจ่ายมาประมาณ 10 เดือนได้รับหมายศาลของธนาคารต่างๆ ที่ทยอยส่งมา
ขอเล่าให้ฟังเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์นะคะ
1) การไปศาลนัดแรกเพื่อ เจรจา ไกล่เกลี่ย ทนายฝ่าย โจทก์จะให้ทำยอมความโดยมี การจ่ายขั้นต่ำ ต่อเดือน /ภายในระยะเวลา/ ดอกเบี้ย จากที่ได้ไปศาลมา คือ
1.1) ของ First Choice ทนายโจทก์บอกว่า หนี้เกิน 150,000 จ่ายต่อเดือน 3,000 บาท และให้ชำระให้หมดภายใน 36 งวดเท่านั้น ยอดต่ำกว่า 150,000 ให้จ่ายเดือนละ 1,000 บาทต่อเดือน และให้ชำระให้หมดภายใน 36 งวดเท่านั้น ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ให้ได้แค่นี้คะ จาก ประสบการณ์ ของ KTC และ First Choice เป็นแบบนี้คะ
เราเกิน150,000 มาหน่อยเลยขอจ่าย 2,000 ต่อเดือนเขาก็ยอมคะ
1. 2) กรุงศรี Master (HSBC) นโยบายคือให้จ่ายเดือนละ 2000 เท่านั้น สำหรับหนี้ไม่เกิน
200,000 ให้จ่าย 36 งวดให้หมด ดอก 7.5% แต่เห็นพี่อีกคน มากกว่า 200,000 ให้จ่าย เดือนละ 4,000
บาท – กรณีพี่คนนี้มีข้อสังเกต ที่น่าจะเป็น ประโยชน์ที่จะเล่าให้ฟังในภายหลังนะคะ
ตอนแรก สนง กม.โทรมาให้เราปิดก่อนขึ้นศาล บอกว่าถามไปศาล ต้องจ่ายขั้นต่ำ 4,000 ต่อเดือน ซึ่งไม่จริงถ้ายอดหนี้เราไม่ถึง 200,000
เขาจะโทรมาว่าไม่อยากให้เราขึ้นศาล จะลดให้ยอดหนี้ต้องจะปิดจบ เป็นต้น
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
Chokdee เขียน: เราต้องยอมความทุกคดี หรือไม่ ถ้าเรากำลังจะต้องถูกอายัดเงินเดือน
วิธีการนี้ เหมาะสำหรับลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้“เพียงรายเดียว”เท่านั้น...หรือ เหลือเจ้าหนี้แค่รายนี้“เป็นรายสุดท้าย”
เพราะถ้าหากลูกหนี้มีเจ้าหนี้หลายราย แล้วดันไปเซ็นต์สัญญา"ประนีประนอมยอมความ"ในชั้นศาล กับเจ้าหนี้หมดทุกราย แล้วจะมีปัญญาไปผ่อนจ่ายตามสัญญาหมดทุกฉบับไหวไหม?...มันก็เข้าอีหรอบเดิมเหมือนกับตอนที่ต้องผ่อนจ่ายหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทุกราย ก่อนที่จะถูกฟ้องศาลนั่นแหละ...จริงไหม?
ดังนั้น ตัวของลูกหนี้เอง จะต้องมีความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า หากเซ็นต์ชื่อลงในสัญญาแล้ว จะต้องปฎิบัติให้ได้ตามข้อตกลงในสัญญา เพราะในสัญญาฉบับนี้ มีลายเซ็นต์ของผู้พิพากษาลงนามเป็นพยานด้วย หากลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายตามข้อตกลงได้ สัญญาประนีประนอมยอมความที่เซ็นต์ไปนี้ ก็จะถือว่าเป็น“โมฆะ” และจะถูกย้อนให้กลับไปใช้ตัวเลขตามมูลหนี้ทั้งหมด ที่ยังคงเหลือค้างอยู่ตามในสัญญาทันที
ถ้าหากลูกหนี้ทำการประเมินตัวเองแล้ว คาดว่าในภายภาคหน้าอาจจ่ายชำระตามข้อตกลงในสัญญาไม่ไหว ก็อย่าไปตกลงทำสัญญาดีกว่าครับ หันมาใช้วิธีการตามในแนวทางที่ 1 หรือแนวทางที่ 3 จะดีกว่า
คุณตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วครับ...ถ้าคุณมีแค่เงินเดือนเพียงอย่างเดียวChokdee เขียน: ตอนนี้ได้ทำยอมทุกเจ้า และจ่ายตามที่มีมีคำพิพากษา แต่ตอนนี้ไม่สามารถจ่ายได้ ตามสัญญาแล้วคะ คงต้องหยุดจ่ายแล้วให้อายัดเงินเดือนแทน
ถ้าคุณมีหนี้เยอะมากๆๆๆ... ขนาดที่เรียกได้ว่าเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว(หนี้หัวโต)Chokdee เขียน: 1. ระหว่างที่เรารอว่าจะมีใครมาทำเรื่องมาอายัดเรา แต่ยังมีแบงค์อื่นทยอย ฟ้องมา เรายังต้องไปศาลใช่ไหม เพราะจะได้ไม่เป็นการหนีศาล
ได้อธิบายไปแล้วนะครับ อยู่ในกระทู้นี้Chokdee เขียน: 2. ถ้าใช่ เราก็ต้องทำยอมไปก่อนเหมือนที่เคยทำมาใช่หรือไม่คะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
ไม่ตลอดไปครับ ลดหย่อนได้เฉพาะเจ้าหนี้ในรายปัจจุบันนี้เ่ท่านั้นครับChokdee เขียน: 1) ในการณีที่เราถูกอายัดเงินเดือนแล้ว ถ้าเราทำลดหย่อนได้ 15 % เราจะได้ลด 15% ตลอดไปไหม
ถูกต้องแล้วครับ เจ้าหนี้รายที่สองมันก็จะยื่นเรื่องขออายัดเงินเดือนของคุณที่ 30%ใหม่อีกครั้งChokdee เขียน: ถ้าสมมุติเจ้าแรกเราจ่ายหมด ใน 2 ปี เจ้าที่ 2 มาอายัดต่อ เราต้องทำเรื่องขอลดหย่อนใหม่อีกไหมคะ
พอคุณเกษียณแล้ว เจ้าหนี้มันก็อายัดเงินเดือนของคุณต่อไปอีกไม่ได้Chokdee เขียน: 2) ถ้าเราจะเกษียณในอีก 7 ปีข้างหน้า เท่ากับเราไม่มีรายได้ประจำแล้ว เงินเดือน เจ้าหนี้เขาจะจัดการกะเราอย่างไร ต่อไปคะ
เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไม่สามารถอายัดได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตามChokdee เขียน: 3) Provident Fund- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เท่าที่อ่านในนี้ และข้างนอก บอกว่าเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์ยึด บางที่บอกว่ายึดได้ ในกรณีไหนคะ ยึดได้ไหม
เจ้าหนี้รายที่มันมาเข้าแถวเป็นรายหลังๆ สามารถขอแบ่งเงินที่ถูกอายัดจากเจ้าหนี้รายแรกได้ แต่มันต้องไปทำเรื่องขออนุมัติคำสั่งจากศาลแพ่งเสียก่อนChokdee เขียน: 4) เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งกะเราว่า กรณีอายัดเงินเดือน สมมติว่าโดน อายัดที่ 6000 บาท เรามีเจ้าหนี้กี่เจ้า เขาจะมาหารเงิน 6000 นี้กันเอง ไม่ได้เข้าแถวที่ละเจ้า ซึ่งมันไม่ตรงกับที่เราคุยกันนะคะ เลยงง เล็กๆว่าทำไม ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ศาลไม่ตรงกับที่เราเข้าใจนะคะ
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา