กำลังทำแฮร์คัท ตื่นเต้นและกลัวจังเลยค่ะ

ตอนนี้กำลังคิดทำแฮร์คัทค่ะ ตอนแรกจะประนอมหนี้ แต่โทรปรึกษามูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและอ่านเก็บข้อมูลในนี้ การประนอมหนี้ไม่น่าเวิร์ค
กำลังเริ่มทำแฮร์คัทสิ้นเดือนนี้แหละ ปลายมีนาจะได้โบนัส กะว่าจะเก็บไว้เป็นทุนเจรจานี่แหละ แต่อีกใจก็กลัวเรื่องการโทรทวงถามจากเหล่าเจ้าหน้าที่จริง ๆ กลัวจะรับความกดดันไม่ไหว T T กลัวว่าเค้าจะโทรเข้าที่ทำงาน โทรหาเจ้านายเรา โทรเข้าบ้านเรา เลยอยากทราบว่า ถ้าเรารับสายตลอด เค้าจะโทรเข้าทร่ทำงานเราหรือโทรหาเจ้านายเราไหมคะ
อีกเรื่องคือตอนนี้กำลังแพลนว่าอยากเปลี่ยนงาน กลัวจะหางานยากจังเลยถ้าเราติดแบลคลิสบูโร

ไม่ต้องกลัวนะคะ เข้มแข็งเข้าไว้
อย่างของเรา ตอนแรกก็กลัวแบบคุณนี่แหละค่ะ แต่ตอนนี้ชิลละ เราบอกเพื่อร่วมงานบอกครอบครัว ว่สเราจะทำแบบนี้ถ้าพวกทวงหนี้โทรมาก็ให้รับสายให้ด้วย แล้วบอกว่าให้มันโทรเข้ามือถือเรา เพราะเราจะรับสายตลอด แต่ถ้าพวกมันพูดมากกวนทีนเยอะก็ช่วยด่ากลับให้ที
แต่ตอนที่บอกครอบครัวนี่หนักสุด ไม่คุยกับแม่เลยเป็นเดือน แต่ตอนนี้แม่น่าจะเข้าในแล้ว ก็เลยคุยกันปกติ(คือเหมือนกับเขากลัวนั่นโน้นนี่กฝัวคนอื่นจะรู้กลัวมันโทรไปมันส่งจดหมายไปบ้านที่ต่างจังหวัด)
เรื่องหนี้เรามองว่สเป็นเรื่องปกติที่หลายคนต้องมี (เอามายืนร้อยคนเชื่อว่าแปดสิบคนมีหนี้) อย่าไปกลัวอย่าไปอาย เพราะถ้ามัวกลัวมัวอายเราก็จะไม่หมดหนี้ ถ้าใครพูดหรือนินทาเรา เราก็วางเฉยเสีย แต่ถ้าไม่ไหวก็เดินหนี(พวกที่นินทาเราก็อาจมีหนี้ แต่หน้าบางทำเป็นปิดก็เป็นได้ อย่าไปถือสาเลย)
...ซักวันจะเป็นวันของเราที่หมดหนี้ สู้ๆค่ะ...

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

ตอนนี้ปรึกษาเพื่อน ๆ เพื่อน ๆ ก็บอกว่าให้ลองกู้ของธนาคารอิสลามดูไหม๊ แต่เราคิดว่าถ้าได้จริง เงินที่อนุมัติมาก็ไม่พออยู่ดี แถมกลายเป็นสร้างหนี้เพิ่มอีก แต่เพื่อนเราอีกคนก็บอกว่าให้ทำแฮร์คัทไปเลย ไม่งั้นจ่ายไปอีกกี่ปีก็ไม่จบซะที

ที่กลัวที่สุดก็คือกลัวมีผบกระทบกับงานนี่แหละ กลัวเจ้านายจะด่า กลัวโดนไล่ออกจากงาน กลัวหางานใหม่ไม่ได้ กลัวเหล่าเจ้าหนี้ที่รักจะโทรลามไปหาเพื่อน เจ้านาย ที่บ้าน (กลัวมากไปไหม 55) แต่ในเมื่อนี่คือทางออกเดียวที่มี เราก็คงต้องสู้อ่ะเนอะ หุหุ

เรื่องแบบนี้ผมว่าไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องงานนะครับ เราไม่ได้โกงบริษัท เรามาทำงานปรกติ อันนี้มันเรื่อส่วนตัว แต่อย่าให้มีผลกระทบกับงานที่ทำเป็นพอ ถ้ามีคนสงสัยหรือถามก็อธิบายให้เค้าเข้าใจและก็เปิดเวบนี้ให้เค้าอ่านครับ เผลอๆบางทีอาจจะกลายเป็นเราที่ให้คำปรึกษาเรื่องแก้หนี้ก็ได้ใครจะไปรู้ เห็นหน้ากันทุกวัน เห็นมีตังใช้ แต่อาจจะมีหนี้เยอะกว่าเราก็ได้ใครจะไปรู้

ขอบคุณนะคะ

ตอนนี้ก็บอกกับที่บ้านเรียบร้อยค่ะ ใจเริ่มชื้น แม่ก็เข้าใจนะคะ (หรือมึนอยู่)

โบนัสกำลังออกเดือนหน้า จะเก็บไว้เป็นทุนเจรจาค่ะ ตอนนี้ก็กำลังเตรียมใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอยู่ แม่บอกอย่าไปเครียด สวดมนต์เยอะ ๆ จิตใจจะได้สงบ

รบกวนสอบถามเพิ่มเติมนะคะ คือกำลังอ่านเรื่องอายุความอยู่แล้วมันงง ๆ น่ะค่ะ
คือปกติบัตรเครดิตอายุความอยู่ที่ 2 ปี แต่ถ้าเป็นการดึงวงเงินในบัตรมาใช้ล่ะคะ นับเป็นสินเชื่อไหม เพราะ ดึงวงเงินบัตรมาใช้พนักงานเป็นคนมาชักชวนเรา พอเราตกลง อีกไม่กี่วันทางแบงค์ก็จะโอนเงินเข้าบัญชีเรา และมีการกำหนดจำนวนเงินจ่ายคืนพร้อมระยะมาด้วย เลยไม่แน่ใจว่าจะนับเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลไหมอ่ะค่ะ

สินเชื่อส่วนบุคคลหมายถึง แม้บัตรจะระบุเป็น บัตรกดเงินสด(เงินสดทันใจ)
แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนสัญญา และมีการโอนเข้าบัญชีเป็นก้อนแล้วให้ผ่อนเป็นงวด
งวดละเท่ากัน สัญญานี้ถือเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลค่ะ อายุความ 5 ปี
อายุความ 2 ปี คือ กดเงินสดมาใช้ แต่ไม่มีการแบ่งเป็นงวด ๆ นี้อายุความ 2 ปี


หากมีการฟ้องร้อง จะแพ้เพราะเรื่องอายุความ

ลองดูนะว่าเข้าข่ายไหม

ขอบคุณคุณ okok นะคะ สำหรับคำตอบ

จริง ๆ ก็รีบเก็บเงินขอปิดให้ทันก่อนขึ้นศาลมากกว่าแต่เจ้าหนี้เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก กลัวโดนฟ้องก่อนจะเก็บทันซักเจ้าจังเลย

รบกวนสอบถามอีกซักเรื่องนะคะ
เราเพิ่งหยุดจ่ายสินเชื่อบุคลล CIMB วันที่หยุดจ่าย ยอดเงินต้นอยู่ที่ 61,464.87 ดอกเบี้ย 58,140.55 รวม 119,605 บาท (แต่ยอดที่อนุมัติ 67,xxx บาท)

อยากทราบว่า ถ้าทาง CIMB จะฟ้องเรา หรือเจรจาปิดบัญชี เค้าจะคิดที่ยอดไหนคะ ยอดเงินต้น (หกหมื่นกว่าบาท)หรือยอดที่รวมดอกแล้ว (แสนกว่าบาท) จะได้ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินถูกน่ะค่ะ

ขอตอบกระทู้ luktarn นะคะ

เพิ่งคุยกับ cimb เมื่อเช้านี้เอง ชวนปิดบัญชี ยอดก่อนหยุด 16X,XXX วันนี้แจ้งว่าวิ่งถีง 190,000 ลด 30% เหลือ 120,000 ผ่อนได้ 6งวด ก็เลยถามว่าดอกเบี้ยคิดยังงัยคะถึงได้ขึ้นมาตั้ง 30,000 ไม่มีคำตอบคะ
ก็เลยบอกว่าตอนนี้ลดได้ 30% จากเมื่อก่อน 50% เลยบอกกลับไปว่า ไม่เป็นไรคะ ไม่มีหรอกตอนนี้ ถึงผ่อนได้ 6 งวดเดือนละ 20,000 ก็ไม่ไหวเหมือนกันคะ ไว้ลดได้มากกว่านี้แล้วโทรหานะ พี่อยากปิด แต่ยังไม่มีตังพอเลย

คือคิดรวม ต้น+ดอกเบี้ยคะ

สำหรับตัวเองถ้ามีหมายศาลมา จะยื่นคำให้การอย่างเดียว ไม่ไกล่เกลี่ยทั้งนั้น
ลองอ่านนี้ดูนะคะ ค่อยๆ ศึกษาไป
ต้องทำยังไงเมื่อได้รับหมายศาล(กรณีบัตรเครดิต)

หมายศาลจะถูกส่งไปตามเลขหมายของทะเบียนบ้าน โดยไปรษณีย์จะเป็นคนส่งให้คุณ โดยจะนำไปไว้ในกล่องจดหมายหรือเสียบไว้ที่ประตูบ้าน ไม่ต้องตกใจ หรือเอาไปทิ้งแล้วอ้างว่าไม่ได้รับหมายศาลเด็ดขาด
สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือ

* ให้ตรวจสอบรายละเอียดของหมายศาลว่าจะฟ้องที่ศาลไหน กำหนดวันขึ้นศาลเมื่อไร?
* ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับยอดหนี้ของคุณที่ทางเจ้าหนี้ยื่นฟ้องว่าเป็นมูลหนี้เท่าไหร่ เงินต้นเท่าไร ยอดฟ้อง+ดอกเบี้ยเป็นเงินกี่บาท?
* ตรวจสอบดูว่าทางเจ้าหนี้ฟ้องเกินอายุความหรือไม่ นั่นคือบัตรเครดิตอายุความ 2 ปี สินเชื่อ 5 ปี นับจากวันชำระครั้งสุดท้าย
* พิจารณาว่าจะสู้คดีอย่างไรหรือจะต่อรองกับเจ้าหนี้อย่างไร?

กรณีบัตรเครดิต

หลังจากตรวจสอบรายละเอียดของหมายศาลแล้ว คุณต้องกำหนดจุดยืนในการชำระหนี้ตัวนี้ว่า คุณต้องการเลือกวิธีแก้ปัญหาหนี้อย่างไรดี เช่น

1). อาจจะเอาหมายศาลไปให้ทนายช่วยดูว่าก่อนก็ได้ว่าเราจะมีข้อต่อสู้อะไรได้บ้าง ในกรณีที่เราต้องการระยะเวลาในการเก็บเงิน ก็คือให้ทนายยื่นคำให้การ

2).จะไปไกล่เกลี่ยในวันที่ศาลนัดเลย โดยขอผ่อนชำระ เป็นงวด และขอให้หยุดดอกเบี้ยระหว่างชำระหนี้ ขอให้ทำบันทึกโจทก์-จำเลยที่ศาล ระบุจำนวนงวดที่ชำระ และการชำระเงินก็ต้องจ่ายเข้าบัญชีเจ้าหนี้เท่านั้น

หมายเหตุ การผ่อนชำระงวดมีตั้งแต่ 6-60 งวด ขึ้นอยู่กับยอดหนี้มากหรือน้อย และการมีการผ่อนแบบขั้นบันได คือ ค่างวดอาจจะเพิ่มขึ้นในปี 2 จนครบจำนวนงวดก็ได้

3). หากคุณต้องการให้อายัดเงินเดือน คุณมีทรัพย์สินที่เจ้าหนี้สามารถอายัดได้หรือไหม เช่น รถยนต์ บ้าน เงินในบัญชีต่างๆ ที่ฝากสะสมไว้ก็ต้องพึ่งระวัง ไม่ใช่ว่าฟ้องแล้วไม่จ่ายเจ้าหนี้เขาจะอายัดเงินเดือนอย่างเดียว

หากคุณไม่มีทรัพย์สินเจ้าหนี้ก็จะมองที่เงินเดือน การอายัดเงินเดือน ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหนี้รายแรกที่ฟ้องเสมอไป หากเจ้าหนี้รายแรกคุณขอไกล่เกลี่ยที่ศาลตาม ข้อ 2 แล้ว มีเจ้าหนี้รายที่ 2 มาฟ้อง หากคุณไม่มีเงินชำระหนี้ คุณก็สามารถปล่อยให้เจ้าหนี้รายที่ 2 จนถึงรายสุดท้าย อายัดเงินเดือนได้เช่นกัน

อีกส่วนที่สนใจก็คือหากยอดหนี้ฟ้องเป็นจำนวน 100,000 บาทขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตหรือสินเชื่อ แต่ถ้าเป็นสินเชื่ออย่าลืม หากยื่นคำให้การต่อสู้หนี้ยังมีโอกาสลดลงได้สูงมาก หากเป็นหนี้บัตรเครดิตถึงแม้ว่าจะได้ลดไม่มาก แต่คุณก็ยังสามารถเจรจาต่อรองจ่ายชำระในอัตราที่ต่ำกว่า เช่น สมมุติหากจะต้องโดนอายัดเงินเดือน 30 เปอร์เซ็นแล้วประมาณ 3,000 บาท ต่อเดือน คุณสามารถเจรจาขอชำระต่องวด 2,000 บาท

4). เตรียมคำให้การกับศาล นั่นก็คือการทำข้อมูลแก้ต่างตามที่เจ้าหนี้ยื่นฟ้องเรามาว่าเรานั่นเอง โดยให้ทนายยื่นคำให้การต่อสู้ในศาล เพราะคุณจะสามารถยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีกประมาณ 6 เดือน - 1 ปี จะได้มีระยะเวลาเก็บเงิน และกลับมาเจรจาไกล่เกลี่ยได้อีกครั้งในนัดที่ 2 ยอดหนี้จะลดลงด้วย
กรณีสินเชื่อส่วนบุคคล

เมื่อถูกฟ้องในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคล คุณจะต้องกำหนดจุดยืนในการชำระหนี้ตัวนี้ว่า จะเลือกวิธีแก้ปัญหา

ควร นำหมายศาลไปให้ทนายแต่งคำให้การ กรณีที่ยอดหนี้สูง เพราะสินเชื่อบุคคลจะมีค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย ค่าปรับ ซึ่งในทางกฎหมาย ถือว่าพวกนี้เป็นดอกเบี้ย และการผ่อนชำระงวดแรกก็ไปตัดดอกเบี้ยอย่างเดียวไม่ได้นำไปตัดเงินต้น ทำให้ลูกหนี้รู้สึกว่าเมื่อชำระหนี้ไปแล้วหนี้ยังคงค้างอยู่สูง แต่หากกรณีที่ยอดหนี้ไม่สูงนักก็ยังสามารถเลือกใช้วิธีการตามข้อ 2 จนถึงข้อ 4 แบบคดีบัตรเครดิตได้เช่นกัน

การ ยื่นคำให้การต่อสู้ของสินเชื่อจะต่อสู้เรื่องดอกเบี้ย เพราะอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อจะสูงและมีค่าปรับ/ค่าธรรมเนียม ซึ่งจริงแล้วกฎหมายให้ถือว่าเป็นการคิดดอกเบี้ย แต่เมื่อค่าต่างๆ รวมกันแล้วก็จะเกินว่าในสัญญาออกไป ส่วนบัตรเครดิตจริงๆว่าอัตราดอกเบี้ยส่วนใหญ่จะค่อนข้างถูกต้อง แต่เมื่อมีค่าปรับเข้ามาร่วมด้วยก็จะทำให้ดอกเบี้ยสูงๆ เกินออกไปบ้าง ฉะนั้นการยื่นคำให้การต่อสู้ก็เพื่อขอระยะในการเวลาในเก็บเงินหรือมีเวลาใน การเตรียมตัวระยะหนึ่งเท่านั้น

อายุความสินเชื่อบุคคลนาน 5 ปี ส่วนใหญ่เจ้าหนี้จึงไม่ค่อยรีบฟ้อง ฉะนั้นลูกหนี้จึงควรเก็บเงินไว้ชำระหนี้ด้วย และหากชำระหนี้ไหวก็ควรชำระหนี้ยอดน้อยให้หมดก่อน หรือหากหยุดก็ควรหยุดในกรณีที่จำเป็นจริงๆ

ทั้ง นี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวท่านเองในอนาคต การชำระหนี้ของแต่ละคนเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องไตร่ตรองและเลือกวิธีชำระหนี้ ด้วยตัวคุณเอง ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ประสบอยู่ เพื่อให้ครอบครัวของคุณอยู่รอด และให้มองที่อนาคต "อย่าออกจากงานเพื่อหนีปัญหาหนี้"

4. คุณสามารถเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อปิดบัญชีหนี้ก่อนขึ้นศาลได้ กรณีที่คุณมีเงินก้อนที่เก็บไว้เมื่อคุณหยุดชำระหนี้ หากคุณสามารถนำเงินก้อนมาปิดได้ก็ควรทำ ในกรณีนี้เราเรียกว่า "การ HAIR CUT" แต่ก็ต้องให้เจ้าหนี้ / สนง.ออกจดหมายยืนยันการปรับลดยอดหนี้และระบุวันที่ชำระหนี้ หลังจากนั้นก็ให้แบงค์ออกหนังสือยืนยันปิดยอดหนี้ให้เป็น 0 แต่จะต้องได้รับจดหมายยืนยันการปรับลดยอดหนี้ ก่อนที่จะชำระหนี้

สำหรับอัตราส่วนลดโดยทั่วไปก็มีตั้งแต่ 20 %, 30% ,50% ถึง 60 % ของยอดหนี้เดิมที่มีดอกเบี้ยบวกไปเรียบร้อยแล้ว การชำระหนี้จะผ่อนชำระ เป็นงวด และขอให้หยุดดอกเบี้ยระหว่างชำระหนี้ ไม่มีการจ่ายเข้าบัญชี สนง.ติดตามหนี้ ควรไปจ่ายที่เคาน์เตอร์ของเจ้าหนี้โดยตรง

สิ่งสำคัญที่สุดที่ลูกหนี้ควรจะทำก็คือควรจะไปศาลในวันนัด เพราะไม่เช่นนั้น ศาลจะตัดสินคดีในวันนั้นเลย และคุณจะไม่มีโอกาสได้ต่อรองเพื่อลดหย่อนหนี้ของคุณเลย การขึ้นศาลเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว ถึงแม้มันทำให้ “คุณกลัวและตื่นเต้นบ้าง” แต่หลังจากผ่านมันไปได้ ทุกอย่างก็โอเค แต่คุณต้องผ่านมันไปให้ได้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ


ข้อมูลจาก ชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อนส่วนบุคคล

พวกเราอาจจะไม่ทันพวกทนายหัวหมอ

พวกค่าปรับ หรือการติดตามหนี้ เวลาไปศาลพวกนี้จะคิดเป็นดอกเบี้ย ซึ่งกฏหมายรับรอง
หาทนายดีๆๆ ไปผ่าศพพิศูจน์หลักฐานว่า พวกนี้มันหมกเม็ด แล้วยอดฟ้องจะลดลงเป็นใบไม้ร่วง

จะสังเกตุนะคะ เวลาไปศาล ทำไมพวกทนายถึงอยากให้เราเซ็นต์ยินยอมนัก ก็เพราะพวกนี้กลัว
รื้อแล้วเจอตอยังไงล่ะคะ ถ้าเกิดเจอไปเจอไปเรื่อยๆ ศาลก็จะเห็นแล้วว่า เออเจ้าหนี้รายนี้เอาเปรียบ
ประชาชนเกินไป เวลาเจอคดีรายๆ อื่นต่อไป มาเจอรายเจ้าหนี้รายนี้ ศาลก็จะมีการยึดเวลาพิจรณาอีกยาวขึ้น
เจ้าหนี้กลัวนักแล พวกเราอย่าไปทำสถิติในการยอมความให้พวกนี้นะ สู้ได้ สู้ไปเลย

ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วดีขึ้นเยอะเลย

มาอัพเดทค่ะ

หลังจากทีเริ่มหยุดจ่ายสินเชื่อบุคคล CIMB ผิดสัญญาวันที่ 17/2/58

วันนี้ 23/2/58 มีจดหมายฉบับนึง หน้าตาไม่คุ้นเลย แต่มีคำว่า Coll ในชื่อบริษัทที่ส่งมา เลยเดาว่าบ.ทวงหนี้รึเปล่านะ พอเปิดมาก็ใช่จริงด้วย เป็นทวงหนี้ของพี่ CIMB เค้านะเอง

กรี๊ดดดด อะไรจะมาเร็วปานนี้ ชั้นผิดนัดไปไม่ถึงเดือนจ้างบริษัทติดตามแล้วง่า 55
จริง ๆ กะว่าซักเดือนที่ 3-4 นะเราถึงจะเจอกับบริษัททวงหนี้

ชักหวั่นละว่าจะได้ขึ้นศาลเร็วกว่าที่คิดไว้

สินเชื่อ city advance เงินต้น 275000 ส่ง60งวด จะเสียดอกเบี้ย 23% =180940

สิเชื่อ standard เงินต้น 248000 ส่ง60งวด จะเสียดอกเบี้ย+ค่าธรรมเนียม 22% = 171000

มหาโหดเลยครับ ดอกเบี้ยรวมกัน 360000 ถึงว่าทำไมเราทำงานมาหลายปีแต่ไม่มีเงินเก็บ เลยกะว่า2ตัวนี้ถ้าไม่ลดให้ก็เจอกันในศาลครับ ดอกเบี้ยผิดกฏหมายทั้งสองตัว

รบกวนถามอีกเรื่องนะคะ

เราเพิ่งกู้ของ uob มาได้ (ก่อนตัดสินในหยุดจ่าย) แล้วครบกำหนดจ่ายแล้ว เรายังไม่ได้ไปชำระ จริง ๆ ยังไม่ได้ชำระซักบาทเลยค่ะ เพราะงวดแรกที่ต้องจ่ายคือวันนี้เลย

ตอนแรกเราตั้งใจจะหยุดจ่าย แต่อ่านมามีคนบอกว่าถ้าไม่ได้จ่ายเลย ทางนั้นจะเจรจายาก ส่วนลดน้อย และไม่มีหลักฐานว่าเค้าคิดดอกเบี้ยเกินนะ อะไรประมาณนี้

ถ้าเราจะจ่ายไปซักงวดแล้วจึงหยุดจ่ายจะดีไหมคะ หรือแน่วแน่ไปเลยว่าจะหยุด เก็บเงินต่อรองลูกเดียว
ต้นอยู่ที่ประมาณ 54,xxx รวมดอกแล้วยอดอยู่ที่ประมาณ 80,xxx ระยะเวลาผ่อน 3 ปี

ถ้าโพสผิดกฎหรือไม่เหมาะยังไง ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ โพสเสร็จมาอ่านอีกที ไม่แน่ใจว่ามันไม่เหมาะสมหรือเปล่า

ใครมีประสบการณ์กับยูเมะบ้างไหมคะ

เราหยุดจ่ายมาจะครบ 1 เดือนแล้ว โทรมาทุกวัน แต่โทรมาเช้าสายบ่ายเย็น โทรมาวันละ 3 เวลาหลังอาหารเลย 555 เราก็บอกแล้วว่าไม่พร้อม ยังไม่มีชำระ เค้าก็เสนอยอดช่วยเหลือ รวมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม แต่ไม่รวมต้นนะจ๊ะ !! เราไม่สนใจ เค้าก็พูดวนในอ่างอยู่นั่นว่าจะให้อีซี่บายช่วยเหลือยังไง พอเราถามว่ามีข้อเสนออะไรบ้าง เค้าก็บอกว่าได้แจ้งไปแล้วค่ะ (คือยอดช่วยเหลือ)
เราก็บอกว่าเราไม่รับ เพราะมันไม่ตัดต้นเลย เค้าก็พูดเหมือนจะให้เราไปยืมคนมาจ่ายแล้วกดเงินออก (ไม่เอาหรอก) พอเราไม่รับก็กลับมาลูปเดิมคือ แล้วจะให้อีซี่บายช่วยเหลือยังไงคะ คือคุยกัน 5 นาที 10 นาทีมากค่ะ
เราขอวางนางก็ไม่วาง คือเค้าอยากให้เรากำหนดว่าเราจะสามารถชำระให้เค้าได้วันไหน เราก็บอกว่าไม่มีคะ ยังหาไม่ได้เลย ไม่อยากบอกเพราะจะเสียคำพูดค่ะ พอเราบอกว่าก็ดำเนินตามระบบได้เลย เค้าก็บอกว่าถ้าตามระบบเราต้องจ่ายเค้าตั้งแต่วันที่ 2 แล้วนะคะ (ตาม Due)

คุยกับเจ้านี้เหนื่อยใจมาก ถ้ามีเงินคงยอมปิดยอดอ่ะ คุยไปมีแต่วนในอ่าง ทางนั้นก็ไม่ยอมวาง จากไม่เครียดเป็นแอบเครียดแล้วว

ตอบคุณ luktarn :-

ยังหยุดไม่พอคะ รับสายนะคะทุกครั้ง อดทน ทนฟังคะ คุ้มจริงๆ ช่วงเดือนที่3 ก็จะเงียบไม่โทรคะ ยิงอย่างเดียว จนน่ากลัว tip หยุดเดือน พย.57 ถึง มีค.58คะ ข้างล่างคือผลของการอดทน และรอคอยที่ได้

Umay*****หนังสือแฮร์คัทเจ้าแรกมาแล้ว ยอดก่อนหยุด 148,029.09 ปัจจุบัน 162,636.- ปิด 50,000 แบ่งชำระได้ 3งวดคะ หมดศัตรู 1 เจ้าแล้วคะ

ยูเมะผมหยุดได้ 5 เดือน ได้ส่วนลด 50% จากยอดเต็มที่ 80,000 เหลือ 40,000 ครับ แบ่งจ่ายได้ 3 งวด

อดทดรับสายไปครับ เจ้านี้เค้าทวงบ่อย คุยเวิ่นเว้อจริงๆครับ แต่สำหรับผม ยอมรับว่าเค้าค่อนข้างสุภาพกว่าเจ้าอื่นๆมากครับ แถมส่วนลดดีด้วย ผมเจอของ first choice นี่แทบอยากปาโทรศัพท์ทิ้งเลย ทวงไม่บ่อย แต่พูดจาดูถูก ถากถางมากครับ

อดทน สู้ๆๆครับ