เป็นหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดหลายรายการ รบกวนขอแนวทางแก้ไขค่ะ

สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามท่านผู้รู้ค่ะ เพิ่งสมัครเข้ามาเป้นสมาชิกค่ะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ ค่อนข้างเครียด นอนไม่หลับเลยค่ะ

ตอนนี้ได้เป็นหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดทั้งหมด 6 ธนาคารและรวมเป็นเงินร่วม 1 ล้านบาทค่ะ สาเหตุจาการทำธุกิจรับเหมาและได้เช็คเด้งมาค่ะ
**ปัจจุบันถูกแบงค์ธนชาติฟ้องแล้ว 1 แบงก์และวันนี้วันที่ 18 พ.ค. 58 ได้ไปขึ้นศาลมาครั้งที่ 2 แต่ก็ยังไม่มีจำนวนเงินที่จะผ่อนหรือปิดบัญชีได้ จึงให้ทางศาลพิพากษาและลดหย่อนภาระหนี้ให้ อยากทราบว่าถ้าศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ลัดดาจะถูกศาลยึดทรัพย์ส่วนไหนบ้าง
/*/*ทรัพย์สินที่ลัดดามีดังนี้คือ
> 1. บ้าน 2 หลังที่กำลังผ่อนกับทางแบงค์อยู่
- หลังที่ 1เพิ่งผ่านมาได้ 5 ปีระยะผ่อนทั้งหมด 30 ปีค่ะ
- หลังที่ 2 ผ่อนมาได้ 2 ปีค่ะ ระยะเวลาผ่อน 25 ปี
(อยากทราบว่า คำว่า "บ้านที่ติดจำนองอยู่ก็ก็สามารถถูกแบงก์ยืดได้" คำว่า"ติดจำนอง" อั้นนี้หมายถึงบ้านที่เพิ่งซื้อและผ่อนกับทางแบงก์อยู่ด้วยใช่มั้ยค๊ะ ไม่ใช่แค่บ้านที่เคยซื้อแล้วนำเอาเข้าแบงก์ไปจำนองเพื่อได้เงินมาอย่างเดียวใช่มั้ยค๊ะ)
> 2. รถยนต์1 คันและยังผ่อนกับแบงค์อยู่เหมือนกันผ่อนทั้งหมด 7 ปีแต่ตอนนี้ผ่อนไปได้ 2 ปีค่ะ และรถมอเตอร์ไซร์ผ่อนหมดแล้วเป็นชื่อของเราเองเลย แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้รถเองค่ะ
> 3. ทรัพย์สินภายในบ้านเช่นมี
-โทรทัศน์เครื่องใหญ่มูลค่าตอนซื้อ 30,000 กว่าบาท
-แอร์ทั้งหมด 5 ตัว รวมมูลค่าตอนซื้อ100,000 เศษๆ
-ตู้เย็นตัวใหญ่ราคาตอนซื้อ 50,000 ขึ้น
-เครื่องครัวตู้ครัว ราคามูลค่าตอนซื้อ 100,000 ต้นๆ
-เตาอบเตาไฟฟ้าไมโครเวฟราคาตอนซื้อ 50,000 ต้นๆ
-โซฟาที่นั่งโต๊ะรับแขก 2 ชุด และโต๊ะทานอาหารราคามูลค่าตอนซื้อ60,000- 70,000 บาท
-เตียงนอนที่นอนตู้เสื้อผ้าโต๊ะเครื่องแป้งราคามูลค่าตอนซื้อ 50,000-60,000 บาท
** ทั้งหมดนี้ทางแบงค์จะสามารถมายึดอะไรได้บ้างคะ ตอนนี้ที่อยู่บ้านนี้เป็นชื่อของเราเองและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นเจ้าบ้านด้วยค่ะ แต่มีชื่อกู้แบงค์ผ่อนบ้านร่วมกับพี่สาวค่ะ
** และสินทรัพย์ทั้งหมดนี้ก็เป็นของสามีที่จดทะเบียนกัน สามีเป็นคนซื้อทั้งหมดไม่ทราบว่าทางแบงค์จะสามารถยึดได้หรือไม่
** ถ้าจะบอกกับทางแบงค์ว่าทรัพย์สมบัติในบ้านนี้ไม่ใช่ของเราาเลยเป็นของสามีที่หาซื้อมาทางแบงค์จะเชื่อไหมค่ะหรือต้องหาหลักฐานอะไรบ้างที่จะโชว์ให้ทางแบงค์ทราบ ว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้เป็นของสามีพี่หาซื้อมาแต่เพียงผู้เดียวจริงๆ
**จริงๆสามีเราอาจจะหาเงินมาปิดบัญชีกับทางแบงค์ทั้งหมดได้ประมาณเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคมค่ะ ไม่ทราบว่าณเวลานั้นทางแบงค์จะมายึดทรัพย์แล้วหรือยังคะ
และแบงค์อื่นๆกำลังทยอยฟ้องมาเหมือนกัน
** ไม่ทราบว่าเราควรจะไปขึ้นศาลและทำเหมือนแบงก์ธนชาตแบงก์แรกที่ฟ้องเรามาแล้วกับแบงก์อื่นๆที่กำลังจะฟ้องตามๆกันมาด้วยดีมั้ยค๊ะ
** อีก 1 คำถามค่ะ และกรณีของเราแบงก์แรกที่ถูกศาลพิพากษาไปแล้วจะสามารถอุธรณ์เพื่อยืดเวลาไปอีกได้มั้ยค๊ะ เพราะกลัวหาเงินมาไม่ทันชำระค่ะ และที่สำคัญไม่อยากให้เกิดการยึดทรัพย์ด้วยค่ะ
** สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณทนายมากๆนะคะที่อ่านจนจบและตอบคำถาม หวังว่าคำตอบของทุกคนจะช่วยชีวิตและปัญหาอันยิ่งใหญ่ของเราได้หมดไป
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

Eik เขียน:

สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามท่านผู้รู้ค่ะ เพิ่งสมัครเข้ามาเป้นสมาชิกค่ะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ ค่อนข้างเครียด นอนไม่หลับเลยค่ะ

ตอนนี้ได้เป็นหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดทั้งหมด 6 ธนาคารและรวมเป็นเงินร่วม 1 ล้านบาทค่ะ สาเหตุจาการทำธุกิจรับเหมาและได้เช็คเด้งมาค่ะ
**ปัจจุบันถูกแบงค์ธนชาติฟ้องแล้ว 1 แบงก์และวันนี้วันที่ 18 พ.ค. 58 ได้ไปขึ้นศาลมาครั้งที่ 2 แต่ก็ยังไม่มีจำนวนเงินที่จะผ่อนหรือปิดบัญชีได้ จึงให้ทางศาลพิพากษาและลดหย่อนภาระหนี้ให้ อยากทราบว่าถ้าศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ลัดดาจะถูกศาลยึดทรัพย์ส่วนไหนบ้าง
/*/*ทรัพย์สินที่ลัดดามีดังนี้คือ
> 1. บ้าน 2 หลังที่กำลังผ่อนกับทางแบงค์อยู่
- หลังที่ 1เพิ่งผ่านมาได้ 5 ปีระยะผ่อนทั้งหมด 30 ปีค่ะ
- หลังที่ 2 ผ่อนมาได้ 2 ปีค่ะ ระยะเวลาผ่อน 25 ปี
(อยากทราบว่า คำว่า "บ้านที่ติดจำนองอยู่ก็ก็สามารถถูกแบงก์ยืดได้" คำว่า"ติดจำนอง" อั้นนี้หมายถึงบ้านที่เพิ่งซื้อและผ่อนกับทางแบงก์อยู่ด้วยใช่มั้ยค๊ะ ไม่ใช่แค่บ้านที่เคยซื้อแล้วนำเอาเข้าแบงก์ไปจำนองเพื่อได้เงินมาอย่างเดียวใช่มั้ยค๊ะ)
> 2. รถยนต์1 คันและยังผ่อนกับแบงค์อยู่เหมือนกันผ่อนทั้งหมด 7 ปีแต่ตอนนี้ผ่อนไปได้ 2 ปีค่ะ และรถมอเตอร์ไซร์ผ่อนหมดแล้วเป็นชื่อของเราเองเลย แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้รถเองค่ะ
> 3. ทรัพย์สินภายในบ้านเช่นมี
-โทรทัศน์เครื่องใหญ่มูลค่าตอนซื้อ 30,000 กว่าบาท
-แอร์ทั้งหมด 5 ตัว รวมมูลค่าตอนซื้อ100,000 เศษๆ
-ตู้เย็นตัวใหญ่ราคาตอนซื้อ 50,000 ขึ้น
-เครื่องครัวตู้ครัว ราคามูลค่าตอนซื้อ 100,000 ต้นๆ
-เตาอบเตาไฟฟ้าไมโครเวฟราคาตอนซื้อ 50,000 ต้นๆ
-โซฟาที่นั่งโต๊ะรับแขก 2 ชุด และโต๊ะทานอาหารราคามูลค่าตอนซื้อ60,000- 70,000 บาท
-เตียงนอนที่นอนตู้เสื้อผ้าโต๊ะเครื่องแป้งราคามูลค่าตอนซื้อ 50,000-60,000 บาท
** ทั้งหมดนี้ทางแบงค์จะสามารถมายึดอะไรได้บ้างคะ ตอนนี้ที่อยู่บ้านนี้เป็นชื่อของเราเองและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นเจ้าบ้านด้วยค่ะ แต่มีชื่อกู้แบงค์ผ่อนบ้านร่วมกับพี่สาวค่ะ
** และสินทรัพย์ทั้งหมดนี้ก็เป็นของสามีที่จดทะเบียนกัน สามีเป็นคนซื้อทั้งหมดไม่ทราบว่าทางแบงค์จะสามารถยึดได้หรือไม่
** ถ้าจะบอกกับทางแบงค์ว่าทรัพย์สมบัติในบ้านนี้ไม่ใช่ของเราาเลยเป็นของสามีที่หาซื้อมาทางแบงค์จะเชื่อไหมค่ะหรือต้องหาหลักฐานอะไรบ้างที่จะโชว์ให้ทางแบงค์ทราบ ว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้เป็นของสามีพี่หาซื้อมาแต่เพียงผู้เดียวจริงๆ
**จริงๆสามีเราอาจจะหาเงินมาปิดบัญชีกับทางแบงค์ทั้งหมดได้ประมาณเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคมค่ะ ไม่ทราบว่าณเวลานั้นทางแบงค์จะมายึดทรัพย์แล้วหรือยังคะ
และแบงค์อื่นๆกำลังทยอยฟ้องมาเหมือนกัน
** ไม่ทราบว่าเราควรจะไปขึ้นศาลและทำเหมือนแบงก์ธนชาตแบงก์แรกที่ฟ้องเรามาแล้วกับแบงก์อื่นๆที่กำลังจะฟ้องตามๆกันมาด้วยดีมั้ยค๊ะ
** อีก 1 คำถามค่ะ และกรณีของเราแบงก์แรกที่ถูกศาลพิพากษาไปแล้วจะสามารถอุธรณ์เพื่อยืดเวลาไปอีกได้มั้ยค๊ะ เพราะกลัวหาเงินมาไม่ทันชำระค่ะ และที่สำคัญไม่อยากให้เกิดการยึดทรัพย์ด้วยค่ะ
** สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณทนายมากๆนะคะที่อ่านจนจบและตอบคำถาม หวังว่าคำตอบของทุกคนจะช่วยชีวิตและปัญหาอันยิ่งใหญ่ของเราได้หมดไป
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64

อ่านให้ละเอียดครับ ตามนี้...

คุณยังไม่ได้ให้รายระเอียดว่าเป็นหนี้บัตรของที่ไหน ยอดเท่าไร รายรับ รายจ่าย ภาระ แต่คุณข้ามขั้นตอนไปกังวลเรื่องการอายัดทรัพย์สิน เรื่องด่วนที่คุณต้องรีบทำ
ย้ายทะเบียนบ้านจากการเป็นเจ้าบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า ของมีค่าถ้าขายได้ขายออกไปเก็บเงินไว้