หนทางนี้ยังอีกยาวไกลกับหนี้เกือบสามแสนบาท

สวัสดีเพื่อนๆครับ (ความจริงคงมีกันหลายวัยหลายรุ่น แต่ขอเรียกรวมๆกันว่าเพื่อนนะครับ)
หลังจากแอบซุ่มอ่านกระทู้ของเพื่อนๆมานาน
เลยอยากจะเขียนไว้เพื่อเตือนใจตัวเองบ้าง
หากว่าวันหนึ่งข้างหน้าที่เราหมดหนี้แล้ว จะได้ไม่กลับมาเดินรอยเดิมอีก

รายละเอียดยอดหนี้ครับ
KTC TRAVEL = 65,000
KTC PROUD = 65,000
FIRSTCHOICE = 45,000
KASIKORNTHAI = 45,000
SCB = 45,000
SUBTOTAL = 265,000
Status ; หยุดจ่ายพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 5 June 2015

มาถึงตอนที่หยุดจ่ายนี่ก็คือไม่ไหวจริงๆครับ แค่ขั้นต่ำก็ปาไปสองหมื่นกว่าแล้ว เลยตัดสินใจหยุด
สำหรับตอนที่หยุดจ่ายครั้งแรก ในเดือนแรกพนักงานขยันทวงนี้มากครับ
ทวงทุกวันตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสองทุ่ม ในเดือนแรกนี้ผมเองก็ยังทำใจให้นิ่งกับการโทรทวงไม่ค่อยได้
ก็เลยบอกเค้าไปว่าเดี๋ยวสิ้นเดือนจะไปจ่ายให้นะครับ ก็เลยเงียบๆกันไป

ทีนี้พอถึงสิ้นเดือนจริงๆปรากฎว่าผมตกงานครับ
แล้วยังต้องส่งน้องเรียน ในส่วนนี้ให้เดือนละ 10,000
แล้วก็ส่งที่บ้านอีกเดือนละ 5,000
พอถึงกำหนดจ่ายแล้วไม่มียอดชำระเข้าไปเจ้าหนี้ทั้งหลายกระหน่ำโทรมาเลยครับ
ช่วงนั้นก็จิตตกไปนาน เลยรับบ้างไม่รับบ้าง

ทีนี้พอตั้งหลักได้ก็เลยอธิบายเจ้าหนี้ทั้งหลายไปว่าต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ไม่ได้จ่ายตามสัญญาที่ให้ไว้
แต่ตอนนี้ผมมีปัญหาคือตกงาน แล้วยังมีรายจ่ายที่ต้องส่งน้องส่งทางบ้านจึงยังชำระหนี้ให้ไม่ได้
แล้วยังมีรายจ่ายที่ต้องส่งน้องส่งทางบ้านจึงยังชำระหนี้ให้ไม่ได้ ขอหยุดชำระไปก่อน
ถ้าหางานใหม่ได้แล้วจะเริ่มชำระให้อีกครั้ง

นึกว่าเจ้าหนี้จะเข้าใจ ที่ไหนได้วันต่อมาโทรจิกเป็นไก่ตั้งแต่แปดโมงเช้า
เจ้าหนี้ก็พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องอยู่นั่นแหละว่าจะจ่ายได้วันไหน
ผมก็อธิบายไปตามที่เคยบอกว่าตกงานมีภาระเยอะ ยังไม่พร้อมจ่ายจริงๆ
แต่เจ้าหนี้ก็หาว่าผมโกหก ความจริงแล้วมีเงินแต่ไม่ยอมจ่าย แล้วก็ลามมาด่าถึงบุพการี
ซึ่งตรงนี้ผมโกรธมาก ผมเป็นหนี้ก็ว่าผมคนเดียวก็ได้ทำไมต้องลามไปถึงพ่อแม่
พอได้ยินคำนี้เลยตัดสินใจไม่จ่ายแม่งเลย(กะจะชักดาบนั่นเอง ตอนหลังคิดได้ว่าเป็นหนี้เค้าก็ต้องจ่าย เดี๋ยวเป็นเวรกรรมต้องไปตามใช้เค้าชาติหน้า)
แต่ทั้งนี้ที่หยาบคายก็มีไม่กี่เจ้าหรอกครับ

วันต่อมาก็ยังคงโทรจิกตั้งแต่แปดโมงเช้าเหมือนเดิม(ขยันกันจริงๆ)
ผมเองก็เหนื่อยคุยแล้ว เลยบอกเค้าไปว่าเหตุผลที่ผมชำระให้ไม่ได้ผมก็ได้แจ้งไปหมดแล้ว หากไม่เชื่อก็ไปเช็คกับประกันสังคมได้
ส่วนทางคุณเองเมื่อเช็คแล้วจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ถือเป็นสิทธิ์ของคุณ
ทั้งนี้เมื่อผมได้งานใหม่แล้วจะติดต่อเข้าไปเพื่อขอชำระเอง แต่ในระหว่างนี้ผมจะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เพื่อตัดปัญหา(เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี อย่าทำนะครับ เพราะเราจะไม่รู้สถานะบัญชีว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว อีกอย่างก็มีความเสี่ยงสูงว่าเค้าจะโทรไปที่ทำงานหรือโทรหาคนรอบข้างเรา)

ผ่านไป 3 เดือน ไวเหมือนโกหก ตอนนี้ได้งานใหม่แล้ว (24 Sep 2015)
เลยติดต่อเจ้าหนี้กลับไป ปรากฏว่า KTC ทำเรื่องส่งฟ้องแล้ว
บอกว่าอีกประมาณอาทิตย์หนึ่งหมายศาลจะไปถึงบ้าน
ผมก็คิดในใจ เห้ย ทำไมมันเร็วจังวะ แค่สามเดือนเอง นี่ฟ้องแล้วเหรอ
ก็เลยถามเค้าไปว่าถ้าไปคุยกันในศาลจะได้ข้อสรุปแบบไหน
KTC เค้าเลยบอกมาว่าผ่อน 36 งวด ดอกเบี้ย 15% ต่อปี
ผมก็เลยบอกไปว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากขอจ่ายปิดบัตร แต่ลดหน่อยได้ไหม
เค้าตอบกลับมาว่าไม่มีนโยบายส่วนลด ผมก็เลยครับงั้นไปคุยในศาลก็ได้

ในใจผมคิดว่าจะขอให้ศาลท่านลดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆให้ เพราะว่าเก็บเงินก้อนไม่ทัน KTC ฟ้องรวมกันสองยอด 130,000 บาท
ไม่รู้ท่านจะเห็นใจหรือเปล่า ตอนนี้ก็ได้แต่รอหมายศาล ซึ่งคิดว่าเค้าน่าจะฟ้องจริงเพราะว่า
1.ติดต่อผมไม่ได้เป็นเวลานาน
2.เค้าแจ้งชื่อศาลที่เราต้องไปและประมาณวันที่ต้องขึ้นศาลให้แล้ว (อีกประมาณสองเดือน)

ในส่วนของเจ้าหนี้รายอื่นๆติดต่อไปแล้วทางเจ้าหน้าที่รับเรื่องบอกว่าเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ แต่ยังไม่เห็นมีติดต่อมาเลย
ในระหว่างนี้ผมก็กะว่าจะตั้งใจเก็บเงินไว้ H/C ถ้าได้ส่วนลดที่โอเค
แต่ไม่แน่ใจว่านโยบายของเจ้าหนี้เปลี่ยนไปแล้วรึเปล่า แบบว่าลดให้ได้มากสุดก็แค่เงินต้น ในใจกลัวจะเป็นแบบนี้ เพราะเจ้าหนี้ดูเงียบๆไม่สนใจผมเลย

แล้วถ้าเกิดว่ามีความเคลื่อนไหวจากเจ้าหนี้ยังไง เดี๋ยวผมมาอัพเดทอีกทีนะครับ

สู้ครับ อ่านเยอะๆ
ไปศาลกรณีของKTC มีให้อ่านเยอะแยะครับ
เท่าที่ทราบทางKTCจะจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยที่ศาลด้วย
ลองสอบถามดูครับ เพราะถ้าเข้าไกล่เกลี่ยที่งาน จะได้อัตราดอกเบี้ยที่7.5%
แต่ถ้าทำยอมหน้าศาลดอกเบี้ยก็จะประมาณ10% ผ่อนซักระยะมีเงินเราก็ขอปิดได้