หยุดจ่ายแต่เหมือนจะไม่สำเร็จ

ขอออกตัวว่าเป็นน้องใหม่นะคะ จากการที่ได้รู้จักชมรมนี้ เริ่มหยุดจ่ายเมื่อเดือน ส.ค. 58 ค่ะ เพราะว่าหมุนเงินจ่ายไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ก็พยายามรักษาเครดิตไว้ตลอด และก็รับรายได้แค่ทางเดียว

ขออนุญาตแจ้งยอดและจำนวนบัตรที่มีนะคะ

เงินเดือน 17000 โดนหักสินเชื่อบ้าน 9940 และค่าใช้จ่ายต่างๆที่หักจากบัญชี คงเหลือในบัญชีเงินเดือนประมาณ 6000 บาท
1. FC 45000
2. Tesco Premier 40000
3. K-express 30000
4. Kasikorn master card 35000
5. TMB 40000
6. Power buy 40000
7. Citybank 25000
8. KTC revolve 45000
9. KTC master card 35000
10. Umay 45000

ตอนนี้ที่หนักใจคือ Umay ค่ะ เพิ่งจะหยุดจ่ายไปแค่ 1 เดือน ซึ่งวันที่ 2 ต.ค. นี้มีกำหนดจ่ายค่ะ เจ้าหน้าที่โทรถี่มากค่ะ ก็แจ้งเขาไปแล้วนะคะว่าเริ่มมีปัญหาการเงิน ไม่สะดวกจ่ายในตอนนี้ เพราะแค่เงินเดือนยังไม่พอใช้จ่ายเลย แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าต้องเห็นใจบริษัทด้วยนะคะ โดยลูกค้ามีสัญญาที่จะต้องจ่ายทุกเดือน ทำแบบนี้จงใจจะไม่จ่ายหนี้มากกว่า

พอวันนี้เงินเดือนออก ก็โทรมาแต่เช้าเลยค่ะ ว่าทำไมไม่จ่าย เราก็บอกไปว่าจะไม่ให้เราใช้เลยหรือไง พนักงานเลยบอกว่าก็จ่ายเข้ามาก่อนและกดออกไปใช้ พูดแบบนี้วนไปวนมา ว่าเรามีเงินไม่จ่าย เงินเดือนก็มีใช้มาตั้ง 2 เดือน ทำไมบอกว่าไม่มีเงิน

บอกได้คำเดียวค่ะ จะร้องไห้ ท้อเลยค่ะ หรือว่าเหตุผลเราไม่เพียงพอ ถึงแม้เราจะมีเงินเหลือตามที่แจ้งไป แต่เราไม่สามาถเก็บไว้ใช้ได้เลยหรอคะ

เพื่อนๆพี่ๆในชมรมพอจะมีคำแนะนำให้น้องใหม่คนนี้ไหมคะ สำหรับการรับมือกับ Umay หรือว่าสาเหตุที่แจ้งไปไม่ดีพอ และวันนี้แจ้งว่าจะโทรมาอีกที 6 โมงเย็น เราไม่มีเหตุผลอะไรจะบอกเลยค่ะ

---

ตอนนี้ยอมรับว่าเครียดมากนะคะ จิตตกค่ะ แต่ตอนนี้เจ้าอื่นก็ยังไม่โทรถี่นะคะ แจ้งไปทุกสายว่า "ไม่สะดวกชำระในตอนนี้ มีปัญหาการเงินแล้ว" ทุกทีก็วางสายไปอย่างง่ายดาย

---

อ่อ แต่มี TMB ที่โทรมาเมื่อวานว่าไม่จ่ายมา 3 รอบบิล จะส่งชื่อไปให้ทางสนง.กฎหมายแล้วนะ เราก็ตอบไปว่าค่ะ เรายอมรับสภาพ

FC ก็เคยแจ้งไปเพราะตอนนั้นมี พนง.โทรมาแจ้งว่า 3 รอบบิลแล้วเหมือนกัน แต่ตอนนั้นคุยเหมือนเข้าใจเราว่า พี่จะรอ H/C ใช่ไหมครับ ถ้าจะทำได้คงต้องรอให้หนี้เน่าก่อน แต่ก็ยังโทรมาทวงเป็นระยะนะคะ

สู้ๆครับ อ่านกระทู้หาความรู้ในนี้ไปเยอะๆครับ อ่านประสบการณ์ของแต่ละคนแล้วจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติมากๆเลยช่วงแรกๆของการหยุดจ่าย ส่วนตัวแนะนำว่าพูดน้อยๆครับ เพราะเค้าไม่ต้องการฟังเหตุผลจากเรา เค้าอยากได้แค่เงินในกระเป๋าตังค์เราแค่นั้นแหละ ผ่านสามเดือนไปรับรองภูมิต้านทางสูงละครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ ผมก็หยุดจ่ายของ Umay+ เริ่มเดือนสิงหาคมเช่นกันครับ วันนี้โทรจิกสุดๆ เริ่มจิกกันตั้งแต่สองสามวันแรกๆ ที่ครบกำหนดชำระบิลแรกแล้วครับ ผมใช้มุกพลัดจ่ายมาตลอด บอกว่าของอีกสองวันสามวันบ้าง บอกว่าตอนนี้ไม่มีกำลังหาคนยื้มไปชำระบ้าง จนกลางๆ เดือนสิงหาคม ผมใช้มุกว่ารอเงินเดือนออก ก็พลัดกันมาตลอดครับ เจ้าหน้าที่ก็ตามติด ให้จ่ายร้อยสองร้อยก็เอาครับ จนมาถึงวันนี้ผมก็ยังเล่นมุกพลัดอยู่ครับ

โทรหาผมแต่เช้า ผมบอกว่าเดี๋ยวเย็นไปจ่าย นี้ตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังโทรจิกอยู่ กะว่าจะรับสายอีกทีวันจันทร์เลยครับ กะใช้มุกว่าบัญชีเงินเดือนโดนอายัตแทน ไม่รู้จะไปได้หรือเปล่า...

มีคำแนะนำของเพื่อนผมครับ เขาก็มีอาการแบบเราๆ นี้หละ แต่ตอนนี้เขาเหลือบัตรใบเดียวแล้ว เขาเคยแนะนำผมว่า ต้องแถลงไปเรื่อยๆ ครับ เราไม่จำเป็นต้องซื่อตรงถูกคำพูด ผมเลยกะใช้มุกพลัดไปเลือยๆ หนะครับ ไม่ต้องเครียดนะครับ ผมว่ามาถึงตรงนี้แล้ว ผ่านไป 1 รอบบิล อะไรๆ น่าจะทำให้เราแกร่งแล้วหละครับ

จิตใจต้องเข้มแข็ง อย่าไปกลัวครับ ทุกคนในที่นี้หลายๆคนผ่านด่าน umay มาแล้วแทบทั้งนั้น แต่สุดท้ายทุกคนก็ผ่านมันไปได้ ผมก็มี umay เหมือนกัน โทรกระหน่ำยิ่งกว่าฝนตกซะอีก เค้าอยากโทรมาก็ให้โทรมาคับ รับสายก็บอกไปครับ ช่วงนี้มีปัญหาการเงิน ตอนนี้ไม่สะดวกจ่าย ไม่ต้องไปหาเหตุผลในการตอบให้เค้ามากครับ คำ basic ที่ท่องไว้ตอบคือ ไม่มี ไม่พร้อม มีแล้วจะจ่าย ถ้าเค้าถามมาอีกก็วนลูปคำพวกนี้ออกไปครับ เดี๋ยวก็วางสายไปเอง ขอให้โชคดีครับ

ปล. เจ้านี้ใจดีสุดๆแล้ว ถ้าคุณผ่านเค้าได้ คุณจะรักเค้าเลยล่ะถ้าเทียบกับเจ้าอื่นๆ

อดทนรับมือจากการทวงคะ ถึงแม้เราจะมีข้ออ้างอย่างไร คนทวงเค้าก็ต้องทวงค่ะ เค้าทำตามหน้าที่คงไม่มาเข้าใจหัวอกคนเป็นหนี้เหมือนเราหรอกคะ

ถ้าเก็บเงินได้เร็ว ยูเมะเป็นเจ้าแรก ๆ ที่จะเสนอส่วนลดมาแน่นอนค่ะ ทนรับสายสัก 2-3 เดือนไปก่อนคะ ที่สำคัญคือการเก็บเงินคะ บอกตรง ๆ เห็นข้อมูลรายจ่ายคุณเป็นห่วงคะ ว่าจะเก็บเงินทันหรือไม่ ค่าบ้านหนักเอการนะคะ

บ้านนี่ละค่ะ ที่เป็นสาเหตุให้หมุนเงินจากที่นั้นไปเติมที่นี้ จนหมุนไม่ทัน หาทางออกจนมาเจอชมรมนี้

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะผ่านมันไปได้ไหม

บ้านเราจะได้ผลกระทบไหมคะ เพราะบ้านก็เป็นชื่อเรา

ไม่รู้ว่าจะมีเงินเก็บ ไว้ H/C ได้เมื่อไหร่ สงสัยต้องได้หมายศาลแน่ๆเลยค่ะ

Tann เขียน: สู้ๆครับ อ่านกระทู้หาความรู้ในนี้ไปเยอะๆครับ อ่านประสบการณ์ของแต่ละคนแล้วจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติมากๆเลยช่วงแรกๆของการหยุดจ่าย ส่วนตัวแนะนำว่าพูดน้อยๆครับ เพราะเค้าไม่ต้องการฟังเหตุผลจากเรา เค้าอยากได้แค่เงินในกระเป๋าตังค์เราแค่นั้นแหละ ผ่านสามเดือนไปรับรองภูมิต้านทางสูงละครับ

เรามีสิทธิตัดสายเขาไหมคะ แบบว่าพูดไปแล้ว ว่า ไม่สะดวก ไม่มี มีปัญหาทางการเงิน ไม่พร้อม

บอกได้ครับ ว่าไม่สะดวกคุย ให้โทร เวลานี้ เค้าก็ไม่ว่าอะไรนะครับ
ผมนี่อยากเจอพวกพูดกวนส้นแบบนี้มาก ผมยักไม่เคยเจอคนพูดแบบนี้ เจอแต่คนพูดดีๆทั้งนั้นเลย รับสายไปเลยครับ ไม่มีบอกไม่มี ไม่ต้องจิตตกครับ ฟ้องก็ต้องฟ้องครับ

ของเรารอบบิลนี้เดือนแรกคะ...สงสัยจะรับสายจนปวดเมื่อยแย่เลย....สู้สู้เนอะ

เดือนที่1-3 ผมปิดเสียง จะรับสายเจ้าละครั้ง ให้รู้ว่ายังติดต่อเราได้ ถ้ารับทุกวันไม่เป็นอันทำงาน คุยไปก็ไร้ประโยชน์หนี้ยังไม่เน่า ทำวิธีนี้เพราะผมไม่กลัวมันโทรเข้าบริษัทหรือมาหานะครับ
สู้ๆครับ เดียวมันก็จบ ชินแล้วก็ไม่กลัว

เราก็เป็นหนี้กับ umay ค่ะ เกินรอบบิลที่ 2 ก็เริ่มเสนอส่วนลดแล้วค่ะ เบ้าหมายมีไว้พุ่งชนค่ะ ถ้าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะล้างหนี้ทั้งหมดก็ต้องหยุดเพื่อรอจ่ายเมื่อพร้อมค่ะ
เดือนเเรกเจอปัญหาเดียวกันค่ะคือ umay โทรบ่อยมากวันละ 4 - 5 สาย เราเองก็จิตตกเหมือนกัน แต่พอผ่านรอบบิล 2 ทุกบัตรจะโทรน้อยลงค่ะ ที่สำคัญคือต้องเตรียมเก็บเงินไว้รอข้อเสนอ
เราหยุด 2 รอบบิลได้ข้อเสนอมาแล้ว จาก 57112.22 เหลือ 25000 แบ่งชำระ 4 งวด
เราผ่อนกับบัตรนี้มาเกือบ 6 ปี สู้ๆค่ะ หนี้เราใกล้เคียงกัน รายรับพอๆกัน ผ่านไปให้ได้ด้วยกัน

แนบใบเสนอส่วนลดมาให้ดูเพื่อเป็นกำลังใจค่ะ และจะบอกว่าในบรรดาเจ้าหนี้ umay โทรน่ารำคาญที่สุดก็จริงแต่เสนอส่วนลดเร็วมาก และลดให้เยอะมาก สู้ๆนะคะ

คุณ kanyanut คะ ก่อนที่ umay จะเสนอส่วนลดให้ มี key word ให้เราพอรู้ตัวไหมคะ ว่านี่ละสัญญานที่ดี

แล้วใบส่วนลดนี้ส่งเป็น จม. ตามมาให้หรอคะ

ยอมรับว่าเราอายนะคะ กับการที่ บริษัท พวกนี้โทรเข้าที่ทำงาน เพราะเราทำงานแบงค์ กลัวว่ามันจะส่งผลถึงหน้าที่การงานของเราน่ะค่ะ

แล้วอย่างที่บอกไปทุกที่ไม่ค่อยมีปัญหานะคะตอนคุย แต่ umay นี่อารมณ์ขึ้นตลอดเลยค่ะ โทรมาจิกๆๆๆ เราว่า umay อาจจะรู้ว่าเราอยากได้ส่วนลด แต่ก็บอกว่าเห็นใจเราแล้ว ช่วยลดจากขั้นต่ำประมาณ 2000 จ่ายเข้ามา 1000 ก่อน ก็ช่วยเต็มที่แล้ว

เฮ้อออออออ ช่วยตรงไหน เพราะเคยหยุดจ่ายของ umay ไปแล้วรอบนึง เจอบิลว่าเอาไปหักดอกเบี้ยก่อน รอบนี้ก็เลยไม่เชื่ออีกเลยค่ะ

เรานี่ อี่ซี่บายโทรมาจิกเช้า_สาย_บ่าย_เย็น ให้จ่ายเข้ามา350บาทก้อยังดี เราก้อตอบไปอย่างเดียวไม่มี อีซี่บายก้อบอกว่าในเมื่อ350ไม่มีพรุ่งนี้คุณจะกินอะไรครับ เราเลยตอบว่ากินมาม่า6บาทค่ะ ไว้มีและพร้อมจะจ่ายค่ะ ยังไงก้อเป็นกำลังใจนะค่ะ คิดซะว่าเขามีหน้าที่ทวงมันคืองานของเขาค่ะ เพียงแต่ก้อตอบไปตรงๆๆนี่แหล่ะค่ะว่าไม่มี ไม่มีแบบไม่มีเหตุผลค่ะว่าเอาเงินไปใช้อะไรหมด สู้ๆๆนะค่ะเดี๋ยวก้อผ่านไปได้

weakness เขียน: อย่างที่บอกไปทุกที่ไม่ค่อยมีปัญหานะคะตอนคุย แต่ umay นี่อารมณ์ขึ้นตลอดเลยค่ะ โทรมาจิกๆๆๆ เราว่า umay อาจจะรู้ว่าเราอยากได้ส่วนลด แต่ก็บอกว่าเห็นใจเราแล้ว ช่วยลดจากขั้นต่ำประมาณ 2000 จ่ายเข้ามา 1000 ก่อน ก็ช่วยเต็มที่แล้ว

เฮ้อออออออ ช่วยตรงไหน เพราะเคยหยุดจ่ายของ umay ไปแล้วรอบนึง เจอบิลว่าเอาไปหักดอกเบี้ยก่อน รอบนี้ก็เลยไม่เชื่ออีกเลยค่ะ

ข้อเสียของการ "จ่ายหยอด" เพื่อเดินบัญชี
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=19608&Itemid=64

weakness เขียน: คุณ kanyanut คะ ก่อนที่ umay จะเสนอส่วนลดให้ มี key word ให้เราพอรู้ตัวไหมคะ ว่านี่ละสัญญานที่ดี

แล้วใบส่วนลดนี้ส่งเป็น จม. ตามมาให้หรอคะ

ตอบข้อ 1
หลังหยุดจ่ายรอบบิลที่ 2 Umay ส่ง SMS มาค่ะว่า อี่ซี่บายมอบส่วนลดปิดบัญชีเงื่อนไขพิเศษ สนใจติดต่อ 02xxxxxxx (แต่เราไม่ได้ติดต่อกลับนะ เรารอเค้าติดต่อมาเอง เพราะถ้าโทรไปจะดูจงใจ)
key word ไม่มีค่ะ แต่เรายืนยันว่าจะไม่จ่ายหยอด ไม่จ่ายขั้นต่ำ เพราะไม่มี แต่กำลังจะหาทางปิดบัตรเนื่องจากมีปัญหาการเงิน หังหน้าแผนกเลยโทรมาหาว่าถ้าต้องการปิดจะพิจารณายอดช่วยเหลือให้ค่ะ เค้าพูดจาดีค่ะน่ารัก แต่ครั้งแรกเสนอมาที่ 35000 จ่ายงวดเดียว ซึ่งเราไม่ไหวเลยไม่ตอบรับ
สัปดาห์ต่อมา เป็นเจ้าหน้าคนใหม่ค่ะ พูดจาดีเหมือนกัน โทรมาคุย เลยบอกว่ามีเจ้าหน้าเสนอมา 35000 ไม่ไหวค่ะ เค้าเลยเสนอมาที่ 25000 เราเลยขอให้ช่วยอีกอย่างคือ ขอแบ่งจ่าย เค้าก็ทำเรื่องให้รอการพิจารณา 2 วัน ก็โทรกลับมาว่าตกลงค่ะ

ตอบข้อ 2
จดหมายเค้าส่งมาให้ที่บ้านค่ะภายหลังจากผู้บริหารอนุมัติการปิดหนี้โดยมีส่วนลด

สู้ๆค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ เจรจากับเค้าเมื่อพร้อม

ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย ( www.bot.or.th ) ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๒ ปรากฎว่า

บัตรเครดิต จำนวนบัญชีทั้งสิ้น ๒๑,๐๐๕,๖๑๕ บัญชี ยอดสินเชื่อคงค้าง ๒๙๗,๑๗๓ ล้านบาท หากคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒๐ ต่อปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยปีละ ๕๙,๔๓๔.๖๐ ล้านบาท

สินเชื่อส่วนบุคคล จำนวนบัญชีทั้งสิ้น ๑๒,๔๒๕,๑๗๕ บัญชี ยอดสินเชื่อคงค้าง ๓๑๘,๑๑๖ล้านบาท หากคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยปีละ ๘๙,๐๗๒.๔๘ ล้านบาท

รวมดอกเบี้ยบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นเงินปีละ ๑๔๘,๕๐๗.๐๘ ล้านบาท

หากไม่แก้ปัญหา ระยะเวลา ๑๐ ปี ผ่านไป เป็นค่าดอกเบี้ยมากถึง ๑,๔๘๕,๐๗๐.๘๐ ล้านบาท ถึงวันนั้น เศรษฐกิจประเทศไทยก็จะพังพินาศหมด เพราะประชาชนผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ ต้องนำเงินไปจ่ายดอกเบี้ยที่สูงมากเป็นเวลานาน การแก้ปัญหา จึงต้องทำให้ประชาชนผู้บริโภคมีกำลังซื้อ โดยพิพากษาให้ประชาชนผู้บริโภคเสียเบี้ยปรับอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ก็จะมีกำลังซื้อจากประชาชนผู้บริโภคกลุ่มนี้เกิดขึ้น จากการที่ไม่ได้บริโภคมาเป็นเวลานาน ธนาคาร/ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต,สินเชื่อบุคคลเสียหายหรือไม่ ไม่เสียหายครับ เพราะได้ไปมากถึง ๑๐ ปี แล้ว อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตร้อยละ ๒๐ ต่อปี ระยะเวลา ๑๐ ปี เป็นค่าดอกเบี้ย ๒๐๐% ของเงินต้นบัตรเครดิต ๑๐๐ บาท สินเชื่อส่วนบุคคลอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒๘ ต่อปี ระยะเวลา ๑๐ ปี คิดเป็นค่าดอกเบี้ย ๒๘๐% ของเงินต้นที่ให้กู้ยืม ๑๐๐ บาท ไปแล้ว เจ้าหนี้บางรายนำหนี้ที่ติดตามไม่ได้ ไปขายเพียงร้อยละ ๖ ของเงินต้นที่ค้างชำระ ประชาชนผู้บริโภคถูกไล่ล่าไม่เลิกรา กำลังซือจึงหายไป การคิดเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี เจ้าหนี้ได้มากกว่า เพราะต้นเงิน ๑๐๐ บาท ยังอยู่ครบ และยังได้เบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ลูกหนี้ก็มีกำลังใจที่จะชำระหนี้ให้หมด ประเทศชาติก็จะมีกำลังซื้อจากประชาชนผู้บริโภคกลุ่มนี้ ธุรกิจก็จะกลับมาเป็นปกติอีก ถ้าคิดอย่างนี้ ทุกคนได้ ไม่มีใครเสีย (Win-Win) เศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะฟื้นคืนขึ้นมาได้

เจ้าหนี้ส่วนใหญ่เป็นของทุนต่างชาติ คิดอย่างเดียวที่จะเอากำไรให้ได้มากที่สุด ไม่เคยคิดว่า ถ้าเศรษฐกิจของประเทศไทยพังพินาศลงไป ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร การจะแก้อัตราดอกเบี้ยที่สูงมากเช่นนี้ ยังไม่มีใครกล้าไปแตะ มีแต่ศาลเท่านั้น จะแก้ปัญหานี้ได้ โดยกำหนดเบี้ยปรับให้ในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๑๓/๒๕๔๗ จะทำให้กำลังซื้อค่อยๆ เกิดขึ้น จะเป็นการช่วยเสริมนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เศรษฐกิจของประเทศไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัว ช่วยชาติกันเถิดครับ

อยากทราบว่าถ้าแต่ละที่ยื่นข้อเสนอมาพร้อมๆกัน และอย่างที่แจ้งไปเบื้องต้น ว่ารายรับได้มาแทบจะไม่เหลือเก็บ เรายังมีโอกาสจะได้ต่อรอง H/C ไหมคะ

ตอนนี้เริ่มกังวลเพิ่มค่ะ

ถ้าเจ้าหนี้แต่ละที่เสนอให้เราประนอมหนี้ เราต้องปฏิเสธใช่ไหมคะ ควรตอบไปว่าขอพิจารณาก่อน หรือตอบไปว่าไม่ทำเลย อันไหนจะดีกว่ากันคะ

ยอมรับว่าตอนนี้ยังเก็บเงินก้อนไม่ได้เลยค่ะ แล้วถ้ามีที่ไหนเสนอส่วนลดมาให้พร้อมๆกัน จะทำอย่างไรดีคะ

ยอดเท่าไหร่คะที่จะได้รับหมายศาล เพราะคาดเดาจากสถานการณ์แล้ว ไม่พร้อมจ่ายให้ที่ไหนเลยค่ะ เงินเดือนแทบจะไม่พอ เงินเก็บก็ไม่กระเตื้องเลย ทั้งนี้บัตรบางใบก็ค้างมาหลายรอบบิลแล้ว

ช่วยแนะนำทีนะคะ ขอกำลังใจ พลังชีวิต หน่อยค่าาาาาาาาา

ส่วนตัวแรกๆผมตอบไปว่าขอคิดดูก่อน ถ้าถามมาอีกรอบผมก็ตอบไปคิดแล้วไม่ทำดีกว่า ทำไปเดี๋ยวส่งต่อไม่ได้ก็มีปัญหาอีก

เรื่องเก็บเงิน 2 เดือนแรกผมเก็บเงินไม่ได้เลยครับ เพราะเป็นช่วงแรกที่หยุดการหมุนเงิน มาเป็นใช้เงินสดทั้งหมด ต้องอาศัยการปรับตัวพอสมควร แล้วช่วงนั้นไม่รู้เป็นไร อันนั้นก็เสีย อันนี้ก็ต้องจ่าย ทำให้เก็บเงินไม่ได้เลยครับ

ยอดหนี้เท่าไหร่จะฟ้อง อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะบางตัวของผม ยอดเป็นแสนเกือบปีแล้วยังไม่ฟ้องก็มี แต่บางตัวยอดน้อยๆก็ขู่จะฟ้องจังแต่ก็ยังไม่ฟ้องก็มี แต่ส่วนตัวผมไม่ได้สนใจว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ผมเก็บเงินได้พร้อมก็จ่ายไปถ้าเค้าเสนอมา ถ้าเค้าเสนอมาแต่เงินไม่พร้อม ก็ให้เค้ารอไปก่อน จะฟ้องเหรอ ก็ฟ้องไปสิ ตกใจแต่ไม่แคร์

เป็นกำลังใจให้ครับ ก็พยายามเก็บเงินครับ แต่ไม่ถึงกับทำให้ตัวเองเดือดร้อน เอาตัวเองและครอบครัวให้รอดก่อนครับ ถ้าสุดท้ายแล้ว ทำดีที่สุดแล้วก็ let it go ครับ