ขอตอบคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องข้อมูลของเจ้าหนี้ ที่มันหายไปจากในเครดิตบูโรก่อนนะครับ
ตามกฎหมายของเครดิตบูโรกำหนดไว้ว่า
หากหนี้ที่คงค้างชำระกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ได้มีการปิดบัญชีหนี้ไปแล้ว โดยไม่สนว่าจะปิดบัญชีด้วยวิธีการใดๆก็ตาม...อาทิเช่น...
การชำระหนี้ด้วยวิธี Haircut , ถูกอายัดเงินเดือน , ถูกยึดทรัพย์ หรือ แม้กระทั่งเจ้าหนี้"ขายหนี้เน่า"ของลูกหนี้ออกไป อันเป็นเหตุทำให้หนี้ที่คงค้างกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ กลายเป็นศูนย์บาท(0 บาท)
หลังจากนั้นลูกหนี้ก็ยังคงต้องติด Blacklist อยู่ในเครดิตบูโรอยู่ต่อไปอีก 3ปี...เมื่อผ่านพ้น 3ปีที่ว่านี้ไปแล้ว ประวัติข้อมูล"
หนี้เสีย"(Blacklist)ของลูกหนี้ ก็จะหายออกไปจากข้อมูลในเครดิตบูโรทันที
ตัวอย่างในกรณีของคุณ ที่ไม่มีข้อมูลของเจ้าหนี้อยู่ในเครดิตบูโร ก็แสดงว่าเจ้าหนี้มันได้ทำการ"ขายหนี้เน่า"ของคุณออกไปนานมากแล้ว ส่วนจะขายออกไปเมื่อไหร่นั้นก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือมีการ"ขายหนี้เน่า"มานานเกินกว่า 3ปีขึ้นไปแล้ว มันจึงไม่มีข้อมูลแสดงอยู่ในเครดิตบูโรอีกต่อไป
แต่การที่ไม่มีข้อมูลหนี้อยู่ในเครดิตบูโร ก็ไม่ได้หมายความว่าหนี้จะหมดไปนะครับ หนี้ก็ยังคงอยู่จนกว่าจะ"หมดอายุความ"ตามที่กฎหมายกำหนด...ส่วนผู้ที่ซื้อหนี้เน่าของคุณมา มันก็จะพยายามทวงหนี้ที่มันซื้อมาอยู่นั่นแหละ จนกว่ามันจะได้หนี้คืน หรือไม่ก็ Haircut กันสำเร็จ
ทีนี้มาอธิบายกันถึงเรื่องการซื้อขาย"หนี้เน่า"กันบ้างนะครับ
การซื้อขายหนี้กันระหว่างเจ้าหนี้กับผู้ที่มาซื้อหนี้ไป ถ้าหากผู้ที่มาซื้อหนี้ไปเป็นลักษณะของตัวบุคคล หรือเป็นบริษัท/ห้างร้านต่างๆ เช่นเป็น
บุคคลธรรมดา , สำนักงานกฎหมาย , สำนักงานทนายความ , บริษัททวงหนี้ทั่วไป...การซื้อขายหนี้กันแบบนี้ จะเป็นการซื้อขายหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย(ผิดกฎหมาย) ซึ่งผู้ที่ซื้อหนี้ไป จะไม่สามารถบังคับคดีกับลูกหนี้ได้ตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ใช่โจทก์ที่แท้จริงและกฎหมายไม่ยอมรับ
การที่จะซื้อขายหนี้กันให้ถูกต้องตามกฎหมายนั้น จะต้องเข้าเงื่อนไขดังนี้
ข้อ 1. ผู้ที่ซื้อหนี้ไป จะต้องเป็นธนาคารหรือ Non-Bank ที่อยู่ภายใต้การกำกับควบคุมดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ผู้ที่ซื้อหนี้ไปจะอยู่ในรูปแบบของบริษัทก็ได้ แต่ต้องจดทะเบียนเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์เสียก่อน จึงจะเป็นการซื้อหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมายในเบื้องต้น
ข้อ 2. ถึงแม้ผู้ที่ซื้อหนี้ไปจะมีคุณสมบัติตามข้อ 1. ในข้างบนแล้วก็ตาม แต่ผู้ที่ซื้อหนี้ไปก็ยังไม่สามารถบังคับคดี(ยึดทรัพย์/อายัดเงินเดือน)เอากับลูกหนี้ได้ จนกว่าผู้ที่ซื้อหนี้ไปจะไปทำเรื่องร้องขอต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ศาลแพ่งมีคำสั่งใหผู้ที่ซื้อหนี้ไป มีสิทธิ์ในการบังคับคดีกับลูกหนี้เสียก่อน
การร้องขอต่อศาลแพ่งในลักษณะแบบนี้ ไม่ได้ทำการฟ้องร้องใครนะครับ เพียงแต่ร้องขอให้ศาลแพ่งออกคำสั่งให้ผู้ที่ซื้อหนี้ไปมีสิทธิ์/มีอำนาจในการบังคับคดีกับลูกหนี้ เทียบเท่ากับเจ้าหนี้ตัวจริงรายเดิมที่เป็นผู้ขายหนี้ให้ ถ้าหากไม่มีคำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าว ผู้ที่ซื้อหนี้ไปก็ไม่สามารถบังคับคดีเอากับลูกหนี้ได้
ผมก็ไม่รู้นะครับว่า ไอ้ผู้ที่ซื้อหนี้ของคุณไป มันไปร้องขอต่อศาลแพ่งตามใน
ข้อ 2.แล้วหรือยัง ถ้ามันร้องขอต่อศาลแพ่งแล้ว มันก็สามารถทำเรื่องอายัดเงินเดือนของคุณได้เทียบเท่ากับเจ้าหนี้ตัวจริงรายเดิม
ถ้าคุณโดนอายัดเงินเดือนเข้าจริงๆ ก็มีทางเลือกให้คุณอยู่ 4 ทาง คือ
1.
ติดต่อเจรจาขอ Haircut กับมัน ว่ามันจะยอมลดหนี้ให้ได้เท่าไหร(ลองต่อรองดู) ถ้าคุณสามารถหาเงินมาปิดหนี้ได้ ก็จบกันไป แต่ถ้าคุณไม่มีเงิน...วิธีนี้ก็ใช้ไม่ได้
2.
ปล่อยให้มันอายัดเงินเดือนไป แล้วไปทำเรื่องขอลดหย่อนอายัดเงินเดือนให้ลดลงมาเหลือ 15%...แล้วคุณก็ทำงานเหมือนเดิมต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดหนี้(ซึ่งจะใช้เวลากี่ปี่ก็ไม่รู้)
การขอทำเรื่องลดหย่อนอายัดเงินเดือน
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=28147&Itemid=64#28153
3.
ปล่อยให้มันอายัดเงินเดือนไป แล้วไปทำเรื่องขอลดหย่อนอายัดเงินเดือนให้ลดลงมาเหลือ 15%...แล้วคุณก็ทำงานที่เดิมแบบนี้ต่อไปอีก 3ปี เพื่อให้มันครบ 10ปี นับจากวันที่ถูกศาลพิพากษา
กฎหมายเกี่ยวกับการบังคับคดีหนี้สิน
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_content&view=article&id=99:2011-12-17-02-39-30&catid=4:2008-12-16-19-39-10&Itemid=21
ที่ผ่านมา เจ้าหนี้มันไม่ได้ทำการ
ยึดทรัพย์/อายัดเงินเดือน หรือเล่นงานคุณมาเป็นเวลา 7ปีแล้ว ดังนั้นมันจึงเหลือเวลาในการเล่นงานคุณได้อีกแค่ 3ปีเท่านั้น
เมื่อผ่านพ้นขึ้นสู่ปีที่ 11...คุณก็ลาออกจากที่ทำงาน ณ ปัจจุบัน แล้วไปสมัครทำงานที่ใหม่ในปีที่ 11...เจ้าหนี้มันก็ไม่สามารถอายัดเงินเดือนเอากับบริษัทใหม่ของคุณในปีที่ 11ได้ เนื่องจากหมดอายุความในการ
ยึด/อายัดไปแล้ว เพราะในทางกฎหมายมองว่าเงินเดือนจากที่ทำงานใหม่ของคุณนั้น มันคือ"
ทรัพย์ใหม่" ที่เจ้าหนี้มาเจอหลังจากเกิน 10ปีไปแล้ว จึงไม่สามารถอายัดได้
แต่ถ้าคุณไม่ยอมลาออกจากที่ทำงานเดิม ณ ปัจจุบัน โดยยังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ เจ้าหนี้ก็ยังคงมีสิทธิ์อายัดเงินเดือนของคุณไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะหมดหนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปอีกกี่สิบปีก็ตาม
เพราะถ้าเจ้าหนี้ได้ยื่นเรื่องอายัดเงินเดือนของคุณจากที่ทำงาน ณ ปัจจุบันไว้แล้ว ถึงแม้จะผ่านพ้น 10ปีไปนานแค่ไหนก็ตาม เจ้าหนี้ก็ยังคงสามารถอายัดเงินเดือนไปได้เรื่อยๆ...ไม่มีอายุความ
ลองไปอ่านกระทู้นี้ดูนะครับ แล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้น
อายุความในการบังคับคดี (ยึดทรัพย์ + อายัดเงินเดือน)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=1296&Itemid=64#1296
4.
ลาออกจากที่ทำงาน ณ ปัจจุบันหนีหนี้ไปเลย แล้วไปทำงานอิสระเป็นของตัวเอง หรือไปสมัครทำงานกับที่ไหม่ ที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม เพื่อที่เจ้าหนี้มันจะได้ตามหาตัวเราไม่เจอ
วิธีนี้ ถึงแม้เจ้าหนี้มันจะไม่สามารถอายัดเงินของคุณได้ เนื่องจากมันสืบหาที่ทำงานใหม่ของคุณไม่เจอ แต่มันก็ยังมีเวลาเหลืออีก 3ปี ในการเล่นงานคุณในด้านอื่นๆได้นะครับ
เช่น ถ้าหากมันดันไปสืบเจอว่าคุณมีบ้านที่ยังผ่อนอยู่ โดยมีชื่อของคุณในฐานะผู้กู้ร่วมกับพี่ชาย มันก็สามารถทำเรื่องยึดบ้านที่ยังผ่อนอยู่นี้ได้นะครับ
แล้วไม่ต้องถามต่อนะครับ ว่าเจ้าหนี้ของคุณมันจะสืบเจอทรัพย์(บ้าน)ของคุณไหม?...หรือจะสืบเจอเมื่อไหร่?...เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
.