หนี้ 1.4 ล้าน หยุดจ่าย 7 เดือน ได้รับหมายศาล KTC แล้ว

หมุนหนี้ก้อนนี้มา 10 ปี แล้ว จากที่มีแค่ไม่กี่หมื่น กลายเป็นหลักแสน และสุดท้ายเป็นล้าน
หนี้เกิดจากอยากมีบัตรเครดิตเหมือนเพื่อนๆ อยากต่อเติมบ้าน เบื่องานที่ทำ อยากทำธุรกิจของตัวเอง
ก็ขอวงเงินสินเชื่อมาลงทุนเปิดร้านกาแฟ-เบเกอร์รี่ แบบที่ใครๆ ก็อยากทำ แต่ความที่ไม่มีประสบการณ์
ไม่รู้จักกลุ่มลูกค้าที่เราไปเปิดร้าน เปิดมาก็ขายไม่ได้ ขาดทุนต้องผ่อนเงินที่กู้มา แต่ก็ยังไม่ตระหนักถึงหายนะ ยังคงหมุนเงิน ขอสินเชื่อ เอารถที่ผ่อนหมดแล้วเข้าไฟแนนซ์ไปลงทุนทำอย่างอื่นอีก
จากสินเชื่อก้อนแรก ก็มีสินเชื่อก้อนสอง ก้อนสามตามมา แต่ความตั้งใจจริงยังไม่มี เปิดขายกี่อย่างก็ขาดทุน อุปกรณ์กองเต็มไปทุกอย่าง

แค่นั้นยังไม่พอ ยังคงใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เที่ยว กิน ซื้อของแพงๆ เพราะคิดแค่ว่าเดี๋ยวก็ผ่อนหมด
พอมี จนท ธนาคารโทรมาชวนทำบัตรเครดิต ทำสินเชื่อ โปรลดดอกเบี้ย รีไฟแนนซ์ โน่น นี่นั่น ก็ทำ
เงินเดือน 40,000 โบนัส 2-3 เดือน กับตำแหน่งเลขาผู้บริหารระดับสูง ก็ผ่านการอนุมัติจากแบงค์อย่างง่ายๆ
จนบัตร Platinum เต็มกระเป๋า ก็ยังคงใช้บัตรหมุนจ่ายไปเรื่อยๆ อยากไ้ด้อะไรก็รูดไปก่อน

จนปีที่น้ำท่วมใหญ่ เค้าลางหายนะเริ่มมา น้ำลด บ้านเน่า อยากเห็นบ้านสวยๆ ก็ใช้เงินจากบัตรที่มีวงเงินเหลือน้อยนิดแต่งบ้าน ทำสี ปรับปรุง พร้อมกับข่าวร้ายจากที่ทำงานว่า ต้องยุบส่วนงานที่เราทำอยู่
ไม่มีจ่ายชดเชย เพราะงานที่ทำตอนนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักกันชวนไปทำด้วย ก็ไม่กล้าที่จะเรียกร้องอะไร
เป็นครั้งแรกที่ไม่ขาดคิดว่าจะตกงานกระทันหัน เริ่มเห็น "หนี้ก้อนใหญ๋" ที่ก่อเอาไว้มานาน แต่ยังไม่สลด

หลังจากนั้น 2-3 เดือน ได้งานใหม่ก็ทำผ่อนหนี้ไป ใช้ไป หมุนหนี้มาเรื่อย
แต่การใช้เงินสิ้นเปลืองก็ยังไม่ค่อยลด เพราะยังมั่นใจว่า "หางาน หาเงินได้" เพราะเชื่อว่า Profile เราดี
ทำงานที่ใหม่มา หนี้ก็เริ่มลดลงบ้าง เพราะเงินดี จ่ายตรง โบนัสดี แต่ก็ยังต้องหมุน
ทำมาสัก 3 ปี เริ่มเบื่องานที่จะต้องทำ เริ่มไม่มีแรงบันดาลใจ เริ่มมองหางานใหม่อีก
อยากเพิ่มเงินเดือนมากกว่านี้มาจ่ายหนี้ ก็มีที่ทำงานนึงตอบรับเข้างาน แต่เงินเดือนลดลง 5,000 บาท
พอดีมีผู้ใหญ่ที่รู้จักแนะนำว่าเราจะมีโอกาสก้าวหน้าจากงานใหม่นี้ และเคยมีหลายคนติงว่าเรา
เคยคิดไหมว่าถ้าจะได้เงินมากขึ้น มีประสบการณ์ทำงานมากขึั้น ก็ไม่ควรคิดถึงเรื่องเงินเดือน
เราเลยตอบตกลงยอมลดเงินเดือนมาที่ใหม่ ทั้งๆ ที่นายที่เก่าก็คัดค้านไว้ แต่ใจตอนนั้นไม่อยู่แล้ว
และคิดว่ายอมลดเงิน เพื่อหาประสบการณ์ไปเพิ่มเงิน หลอกตัวเองให้อดทนเอาหน่อย หมุนจ่ายไปก่อน

งานใหม่นี้ คือ "หายนะ" ที่ทำให้ทุกอย่างที่เคยวาดฝันไว้พังลง เพราะไม่มีใครรู้ว่าภาพองค์กรดีๆ สวยๆ
ระดับ International แต่มีปัญหาการเงินขั้นรุนแรง ถึงขนาดจ่ายเงินเดือนไม่ตรง จ่ายไม่ได้
ประกันสังคมไม่จ่าย ติดหนี้ธนาคารเกือบทุกที่ แต่เพราะเป็นองค์กรที่เกี่ยวกับการศึกษา และมีเส้นสาย
ภายใน ทำให้ไม่ถูกดำเนินคดี และไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ตั้งแต่เดือนแรก เงินเดือนออกช้า เดือนต่อๆ มาก็ช้าแบบข้ามเดือน หนี้ที่หมุนอยู่ ก็งอกพอกพูนกลายเป็น "ดอกเบีั้ย" ต้องกดจากบัตรที่หนี้เริ่มลดไปแล้ว กดมาใหม่
จนวงเงินเต็ม เพราะไม่ทันคิดว่า กดมาหมุน ก็เสีย 3%+ดอกเบีั้ย ไปจ่ายอีกบัตร ก็จ่ายแต่ดอกเบี้ย
ผ่านมาได้ 8 เดือน จากหนี้ 7-8 แสน กลายเป็นล้าน และต้องออกจากงานเมื่อต้นปี เพราะเหนื่อยกับการตามทวงเงินเดือน และมีแววว่าทำแล้วจะไม่ได้เงินเดือนเลย

ก็มารับงาน part time สอนหนังสือ พยายามจ่ายเฉลี่ยทุกบัตรอย่างที่เคยทำ ยังหมุนเท่าที่จะหมุนได้ จน พ.ค. ที่ผ่านมา ความพยายามก็หยุดลง เพราะวงเงินเต็มทุกบัตร ที่จ่ายไปเป็นดอกเบี้ย จ่ายต้นนิดเดียว เงินไม่พอให้หมุนได้อีก จนมาเจอชมรมนี้ ใช้เวลาอ่านและตัดสินใจอยู่นาน ที่จะทำตามแนวทางชมรม คิดถึงผลที่จะตามมา แต่ก็หวังว่ามันจะทำให้เราหลุดจากวงจรหนี้ได้

พ.ค. 58 คือครั้งสุดท้ายที่จ่ายบางบัตร และ มิ.ย - ก.ค. 58 ก็หยุดจ่ายทุกบัตร คงเหลือไว้แค่ Aeon กับ กสิกร เพราะกลัวการทวงหนี้ของ Aeon และกสิกร ยังใช้เป็นบัญชีเงิน part time เข้า-ออก ธนาคารก็เริ่มกระหน่ำตามทวงนี้ โทรไปที่ทำงานทั้งที่ใหม่ที่เก่า ส่งเอกสารทวงหนี้มานับไม่ถ้วนใส่เก็บไว้เป็นลัง วันๆ รับแต่สายทวงหนี้เป็น 20 สาย เพื่อนที่เคยสนิท เคยรู้จักก็เริ่มทำตัวห่างหาย มีบางคนที่มาเปรยว่ามีบัตรเครดิตโทรมาตาม แล้วทุกคนก็หายไป แต่ก็โชคดีว่าเราไม่ได้ทำงานในที่ทำงานแล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียงนินทา พอมีใครโทรมาหาทีก็วิตกไปหมดว่าจะถามเรื่องทวงหนี้หรือเปล่า

ทุกครั้งเราจะบอก จนท ที่โทรมาว่าเราว่างงาน มีแค่เงินจากงานสอนนิดๆ หน่อย อยากจ่ายนะ แต่ยังไม่พอจ่าย พอเข้าเดือนที่ 6 หลายธนาคารก็ยื่นข้อเสนอ H/C มาแบบ 40% ยกเว้น Citibank, UOB, และ KTC แต่เราก็ยังไม่มีเงินมากพอมาปิดได้เลยสักบัญชี เพราะข้อเสียของงานสอน part time คือรายได้ไม่เยอะ และไม่แน่นอน มีแค่พอกิน บวกกับตอนนี้ใครๆ ก็มาตัดราคาค่าสอน แย่งกันสอนเต็มไปหมด เราเริ่มสมัครงานใหม่ และคาดว่าจะได้ตอบรับเริ่มงานใหม่ ม.ค. 59 นี้ แต่เงินเดือนก็ลดไปเยอะพอสมควร แต่เราก็ไม่เกี่ยงงานไม่เกี่ยงเงินถึงแม้จะมีวุฒิ ป โท และก็เริ่มไปฝึกอาชีพตามศูนย์ฝึกอาชีพ แบบไม่เสียเงิน ฝึกทำอาหารง่ายๆ ไม่ต้องลงทุน เพื่อที่จะได้รับจ้าง และทำของไปฝากวางขายได้

ในที่สุดก็ได้รับหมายศาล KTC นัดไกล่เกลี่ย 17 ธ.ค. 58 และนัดให้การและสืบพยาน 29 ก.พ. 59 ยอดหนี้ฟ้อง บัตรเครดิต 80,847.48 (ต้น 74,370.75) และบัตรกดเงิน 77,481.27 (ต้น 68,294.52) รวมยอดฟ้อง 158,328 และฟ้องให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความแทนโจทก์

สรุปยอดหนี้บัตรเครดิต ต้น ณ ตอนที่หยุดจ่าย รวมทั้งหมด 647,920
1. Citi M 64,900 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอก 75,500 ให้จ่ายเข้าไปก่อน 1,200 จะทำเรื่องลดค่าปรับให้ผ่อนต้น 66,500+ดอก 6% เป็นเวลา 1 ปี ปีต่อไปทำเรื่องขอลดดอกเบี้ยใหม่ เมื่อไหร่มีเงินค่อยขอพิจารณา H/C
2. Citi Cash Back 14,900 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอก 18,000 ให้ประนอมหนี้จ่าย 800 กว่าบาทต่อเดือน+ดอก 6% เป็นเวลา 1 ปี ปีต่อไปให้ทำเรื่องขอลดดอกเบี้ยใหม่ หรือให้ H/C 13,000
3. SCB 60,000 - เสนอ H/C 50,000 หรือให้ผ่อน 12 เดือน จากยอดรวมดอก 70,000 แต่จะหยุดดอกเบี้ยให้ หรือผ่อน 36 เดิอน ดอก 15%
4. UOB 57,000 - เสนอ H/C จากยอดตอนนี้ 70,000 กว่าๆ เหลือ 60,000 กว่าๆ จนท แจ้งว่าจะฟ้องแล้ว ให้ไกล่เกลี่ยหน้าบัลลังก์ จะให้ผ่อน 12 เดือน คงรอพิพากษาหักคอจ่าย หรือรอบังคับคดี เพราะน่าจะฟ้องพร้อมกันกับสินเชื่ีอและบัตรกดเงินสด รวมประมาณ 200,000
5. First Choice 41,700 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอก 57,000 ให้ H/C 28,000
6. Tesco 89,920 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอกเกือบ 1 แสน ให้ผ่อนหยุดดอก 12 เดือน ผ่อนไปสักระยะแล้วค่อยขอ H/C จะลดให้เหลือ 57,000
7. Central Card 86,900 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอก 9 หมื่นกว่า ให้จ่ายหยอด 700 และจะทำเสนอ H/C ให้ทีหลัง
8. Krungsri 45,300 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอก 58,000 ให้ประนอมหนี้จ่ายเดือนละ 1,400 ดอก 10% ล่าสุด จนท แจ้ังว่าจะเป็น NPL แล้ว
9. KTC Future 74,300 - ฟ้องแล้ว นัดไกล่เกลี่ย 17 ธ.ค. 58 นัดให้การสืบพยาน 29 ก.พ. 59 คิดว่าจะเจรจาผ่อนวันไกล่เกลี่ย
10. Aeon 60,000 - ยังจ่ายอยู่
11. Kbank 53,000 - ยังจ่ายอยู่

สรุปยอดหนี้สินเชื่อ ต้น ณ ตอนที่หยุดจ่าย รวมทั้งหมด 834,202
1. Citi Ready 82,900 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอก 9 หมื่นกว่า ให้ทยอยจ่ายบางส่วน และจะมีส่วนลดให้ หรือผ่อนจ่ายดอก 6% เป็นเวลา 1 ปี ปีต่อไปทำเรื่องขอดอกเบี้ยใหม่
2. TMB 114,200 - โทรมาน้อยมาก ให้จ่ายบางส่วน ส่วนใหญ๋เป็นจดหมายจากทนายจะดำเนินการทางกฏหมาย
3. Standard Charter 130,000 - เคยให้ H/C ตอนหยุดจ่าย 3 เดือนแรก ให้จ่าย 90,00 ก้อนเดียวปิดจบ แต่ตังค์ไม่พอ 3-4 เดือนแรก จนท โทรตามเป็นระยะ เดือนที่แล้วกับต้นเดือนนี้ โทรตามทุกวัน ทั้งวันจนกว่าจะรับสาย ช่วงนี้หายไป จนท แจ้งครั้งสุดท้ายว่าจะส่งฟ้องแล้ว
4. CIMB 114,000 - โทรมาครั้งสุดท้าย เดือนที่แล้ว เสนอให้ส่วนลด และถ้าพร้อมจ่ายเมื่อไหร่ให้รีบติดต่อธนาคารคุยส่วนลด
5. KTC Proud 65,300 - ฟ้องแล้ว นัดไกล่เกลี่ย 17 ธ.ค. 58 นัดให้การสืบพยาน 29 ก.พ. 59 คิดว่าจะเจรจาผ่อนวันไกล่เกลี่ย
6. UOB I Cash 80,602 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอก 90,000 กว่า ให้ H/C 80,000 จนท แจ้งว่าจะฟ้องแล้ว ให้ไกล่เกลี่ยหน้าบัลลังก์ จะให้ผ่อน 12 เดือน คงรอพิพากษาหักคอจ่าย หรือรอบังคับคดี
7. UOB Cash Plus 38,900 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอกเกือบ 5 หมื่น ให้ H/C 30,000 กว่า จนท แจ้งว่าจะฟ้องแล้ว ให้ไกล่เกลี่ยหน้าบัลลังก์ จะให้ผ่อน 12 เดือน คงรอพิพากษาหักคอจ่าย หรือรอบังคับคดี
8. Tesco Premier 70,000 - ข้อเสนอตอนนี้รวมดอกเกือบ 1 แสน ให้ H/C 40% ยังโทรตามทวงอยู่เรื่อยๆ
9. Krungsri 108,300 - นานๆ โทรมาที ล่าสุดเมื่อวาน ฝ่ายกฏหมายโทรมาแจ้งว่าธนาคารให้ฝ่ายกฏหมายดำเนินการ ก็แจ้งไปว่าว่างงานอยู่ อยู่ระหว่างหางาน ถ้าได้งานก็จะติดต่อเคลียร์กับธนาคาร ฝ่ายกฏหมายก็บอกจะไปดูให้ว่าธนาคารจะช่วยอะไรได้บ้าง
10. K Express Cash 30,000 - ยังจ่ายอยู่

ทรัพย์สินตอนนี้
1. รถยนต์ city อายุ 11 ปี - เคยผ่อนหมดแล้ว เอาไปเข้่า Citi Advance เอาเงินไปทำร้าน เหลือผ่อนอีก 121,200 กำหนดผ่อนถึงปี 2560 - น้องสาวรับผิดชอบผ่อนให้อยู่ กำลังคิดว่าจะขาย แต่ไม่รู้ว่าจะได้เงินพอปิดยอดหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ก็คงต้องผ่อนต่อไป *ถาม Citi Advance แล้วไม่มีนโยบายเปลี่ยนชื่อสัญญาผ่อนต่อ ต้องหาเงินมาปิดแล้วโอนเป็นชื่อเราก่อน แล้วถ้าเราขายก็ค่อยไปโอนให้คนที่มาซื้อ
2. รถยนต์ march เพิ่งผ่อน 2 ปี - คันนี้ซื้อชื่อเรา แต่เป็นเงินน้องสาวตั้งแต่ต้น ตอนที่ซื้อน้องเพิ่งเริ่มงาน เลยเช่าซื้อเป็นชื่อเรา แต่น้องสาวจ่ายตลอด - หลัง ม.ค. จะไปทำเรื่องเปลี่ยนชื่อเช่าซื้อกับนิสสันให้เป็นชื่อน้องสาวผ่อนต่ออีก 4 ปี
3. บ้านเป็นชื่อแฟน กู้คนเดียว เราอยู่ด้วยกันไม่ได้จดทะเบียน - เรามีชื่อเป็นผู้อาศัยในทะเบียนบ้าน - แฟนตัดสินใจให้ประกาศขาย เอากำไรส่วนต่างที่จะขายได้มาปิดหนี้เท่าที่จะทำได้ - ช่วงนี้แบงค์ปล่อยกู้ยาก คนติดแบล็คลิสต์เยอะ ขายยาก เพราะประกาศมา 1 ปีแล้วมีคนสนใจ แต่ยังกู้ไม่ผ่าน หากขายได้ก็คงโล่งไปอีก


หลังจากผ่านการรับสายโทรทวงหนี้มา 7 เดือน ตอนนี้สบายใจขึ้น สายน้อยลง หนังสือทวงก็น้อยลง เริ่มชิน ก็นั่งรอหมายศาล และก็รับงานทุกงานไม่เกี่ยงเงินมากเงินน้อย หาก H/C ไม่ทัน ก็ทำใจรับสภาพบังคับคดี ตอนนี้ก็รองานประจำตอบรับ กังวลแค่ถ้าเริ่มงานใหม่ แล้วมีธนาคารโทรไปทวงหรือมีหนังสือบังคับคดีไปอายัดเงินเดือนจะมีปัญหากับที่ทำงานใหม่หรือเปล่า ไม่กลัวการอายัดเงินเดือน กลัวแค่ที่ทำงานใหม่จะรับไม่ได้ หากพิพากษาแล้วยังจ่ายไม่ได้ ไปถึงบังคับคดี แล้วเจ้าหนี้ต้องต่อคิวกันยึด / อายัดเงิน ดอกเบี้ยตามพิพากษาจะพุ่งขึ้นไปมากกว่านี้ใช่ไหม เพราะเข้าใจว่าต้องมีดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันพิพากษา หลายธนาคารยังมีจดหมายใบแจ้งยอดบัญชี Statement มาตามปกติเกือบทุกเดือน จะมีผลอะไรกับการฟ้องไหม เช่น การนับอายุความ (ใน Statement จะระบุวันสรุปยอดบัญชีเป็นตามรอบบัญชีของทุกเดือน และกำหนดให้ชำระทันที) หรือการที่ทนายระบุในคำฟ้องว่าจำเลยรับทราบตลอดและไม่เคยมีการทักท้วง หรือการที่ จนท ติดตามหนี้จะพูดเสมอว่าถ้าไม่ประนอมหนี้ ไม่ทำอะไรเลย จนท ก็จะบอกว่าถือว่าได้แจ้งและเรารับทราบแล้วว่าถ้าขึ้นศาลต้องจ่ายต้นรวมดอกเบี้ยและค่าปรับทั้งหมดนะ เป็นยอดเงินเท่านั้น เท่านี้ ฯลฯ จะมีผลให้การเจรจาขอความเห็นใจในการให้ศาลท่านพิจารณาพิพากษาส่วนลดดอกเบี้ยทำได้ยากขึ้นไหม

โดยรวม จนท ทวงหนี้ที่โทรมาก็พูดดีทุกคน มีบางบริษัทของ Central Card ที่จะยียวนบ้าง เราก็ตอกกลับไปเบาๆ และจะบอกตลอดว่าเราเข้าใจนะว่า จนท ต้องทวงตามหน้าที่ และเราก็ตอบตามหน้าที่ จนท ก็จะตัดวางสายไป

เราไม่มีทรัพย์สินมีค่าอะไร เงินฝากในบัญชีก็ไม่มี ยังไม่ได้งานประจำก็ยังไม่มีเงินเดือน ในระบบประกันสังคมก็โชว์ว่าว่างงาน - ลาออก แต่ก็ตั้งใจแล้วจะรีบเก็บเงินไล่ปิดให้หมด หยุดการใช้เงินที่ไม่จำเป็นทุกอย่าง อยู่บ้าน ทำกินเอง ของฟุ่มเฟือยก็ขายเป็นมือสอง จะซื้ออะไรก็คิดแล้วคิดอีกว่าจำเป็นจริงหรือเปล่า
มีวินัยในการใช้จ่ายมากขึ้น และเป็นการสกรีนเพื่อนไปในตัว ก็ได้แต่หวังว่าจะปลดหนี้ให้หมดได้เร็วๆ

ของผม ktc ขึ้นเดือน กพ เหมือนกันครับ แต่เห็นขึ้นศาลบอก 2 นัดเลยงงว่าไม่เหมือนกันหว่าผมนัดวันเดียวเลย

ไปอ่านก็เข้าใจละ debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6915&Itemid=64

สู้ๆนะครับ อ่านแล้วก็นึกถึงตัวเอง ทำเองแท้ๆ แต่ต้องผ่านไปให้ได้

แวะมาเป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้การขึ้นศาลวันพรุ่งนี้ผ่านไปด้วยดีนะคะ

มาแล้วเหมือนกัน ฟ้องเร็วทันใจมาก KTC หกเจ็ดเดือน นัดไกล่เกลี่ยสืบพยาน 24 ธค นี้
ต้องรีบหาข้อมูลด่วนเลย