- จำนวนโพสต์: 5911
- ขอบคุณที่รับ: 2590
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
คำว่า คดีขาดอายุความ มีความหมายว่า "ไม่สามารถเอาผิดได้ตามกฏหมายที่บัญญัติไว้"...แต่ไม่ได้หมายความว่า ฟ้องไม่ได้ หรือห้ามฟ้อง นะครับ...กล่าวคือถ้าอยากจะฟ้องก็ฟ้องไป แต่ฟ้องแล้วก็ไม่สามารถเอาผิดกับจำเลยได้
ที่สำคัญที่สุด...ถ้าคุณถูกฟ้องแล้ว และคุณมั่นใจว่าคดีนี้ขาดอายุความแน่ๆ...แต่คุณไม่ยอมไปศาลเพื่อต่อสู้คดีว่า คำฟ้องขาดอายุความตามกฏหมาย คุณจะถูกพิพากษาให้มีความผิด และต้องชดใช้หนี้ตามมูลฟ้องทันที ถึงแม้ว่าคดีจะขาดอายุความไปแล้วก็ตาม (การที่คุณไม่ยอมขึ้นไปศาล ท่านจะพิจารณาว่า คุณหนีศาล...ดังนั้นศาลท่านจะไม่ช่วยเหลือคุณใดๆทั้งสิ้น)
ที่สำคัญอย่าลืมว่า ถึงแม้คดีจะขาดอายุความไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าเจ้าหนี้มันดันยื่นฟ้องมา แล้วลูกหนี้ไม่ยื่นคำให้การ ในการต่อสู้คดี…ลูกหนี้จะเป็นผู้ “แพ้คดี” ทันที...ดังนั้นเมื่อลูกหนี้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี ลูกหนี้จะต้องต่อสู้คดีในประเด็นที่ว่า คดีของโจทก์ “ได้ขาดอายุความไปแล้ว” มิฉะนั้นศาลก็ไม่อาจหยิบยกเรื่องคดีขาดอายุความ ขึ้นมาเป็นเหตุให้ยกฟ้องของโจทก์ได้ (ตามมาตรา 193 / 29 )
สรุปให้ชัดๆก็คือ
ลูกหนี้ส่วนมากจะเข้าใจว่า เมื่อขาดอายุความแล้วเจ้าหนี้ฟ้องไม่ได้ก็จบกันแค่นั้น หรือถ้าฟ้อง ศาลก็คงจะไม่รับคำฟ้องเพราะขาดอายุความ แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เพราะถึงจะขาดอายุความไปแล้ว แต่ทางฝ่ายเจ้าหนี้ก็สามารถยื่นฟ้องได้ โดยศาลก็จะดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมายตามขั้นตอนต่างๆต่อไป
การที่จะให้ศาลหยิบยกเอาเรื่อง การขาดอายุความขึ้นมาพิจารณานั้น ลูกหนี้จะต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดีในเรื่องของการขาดอายุความ ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งศาลก็จะนำมาพิจารณาตรวจสอบดูข้อเท็จจริง และถ้าหากเป็นจริงตามที่ลูกหนี้ยื่นคำให้การต่อสู้มา ทางศาลก็จะทำการ"ยกฟ้อง"ต่อเจ้าหนี้ต่อไป
ซึ่งในเรื่องนี้ได้มีกฎหมายรองรับอยู่ตามมาตรา 193/29 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า เมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้
- และเรื่องสำคัญหนี้ที่เจ้าหนี้นำมาเรียกร้องเอาแก่ลูกหนี้นั้นขาดอายุความหรือยัง หากขาดอายุความแล้วเมื่อลูกหนี้ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นศาล ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
แต่ถ้าลูกหนี้ไม่รู้หรือไม่ยกปัญหาเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว ศาลก็ไม่สามารถนำปัญหาเรื่องหนี้ขาดอายุความหรือไม่มาวินิจฉัยได้ ลูกหนี้ก็เสียประโยชน์ไป
แนวทางที่ 1. ไปศาลเพื่อไปต่อสู้คดี เพื่อให้รู้ผล แพ้-ชนะ คดี กันไปข้างหนึ่ง ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ซึ่งแนวทางนี้ จะต้องเขียน คำให้การในการต่อสู้คดี โดยใช้แบบฟอร์มของศาลที่มี“ตราครุฑ” ๑๑(ก.) สำหรับคดีแพ่ง หรือแบบฟอร์ม ผบ.๓ สำหรับคดีผู้บริโภค โดยเขียนคำให้การต่อสู้เป็นภาษากฏหมาย ซึ่งถ้าเขียนเองไม่เป็น ก็ต้องจ้างทนายให้ช่วยเขียนให้
ไม่พบไฟล์ที่แนบ อาจจะถูกลบไปแล้ว
ขอย้ำว่า...การต่อสู้คดีบนชั้นศาล จะต้องยื่นคำให้การด้วยทุกครั้ง ไม่สามารถสู้คดีด้วยปากเปล่าได้
หากจำเลยไม่เขียนคำให้การไปยื่นต่อศาล...ศาลจะถือว่าจำเลยมีเจตนา“ไม่ต้องการสู้คดี” ต่อให้จำเลยมีหลักฐานอันแน่นหนาว่า โจทก์โกง , โจทก์ผิดกฏหมาย , โจทก์ฉ้อฉล , คดีขาดอายุความไปแล้ว...ฯลฯ ศาลท่านก็จะไม่พิจารณาตามหลักฐานดังกล่าวเลย เพราะถือว่า จำเลยไม่ยอมปฎิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนของศาล ดังนั้น คำพูดต่างๆของจำเลยในชั้นศาล ศาลจึงไม่ถือว่าเป็น"คำให้การ" แต่มันเป็นแค่เพียง"คำแก้ตัว"
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา
Tonnam เขียน: ขอบคุณมากๆ นะค่ะ ที่มาให้ความรู้ และคำแนะนำที่เป็นประโยช์มากๆ เลย สิ่งที่เคยรู้และเข้าใจมันไม่ถูกต้อง จริงๆแล้วถ้าเข้ามาหาข้อมูลหรือมาถามก่อนที่จะไปขึ้นศาล
ก็คงมีแนวทางในการแก้ไขปัญหามากกว่านี้ มันเป็นความผิดพลาดของตัวเองแท้ๆ เลย ก็เลยต้องรับ
ใช้ค่าโง่ของตัวเองไปตามระเบียบ .......ตอนนี้ก็คงต้องรีบติดต่อกับเจ้าหนี้ก่อนที่เขาจะไปอายัดเงินเดือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา