Mustadio เขียน: ผมค้ำประกันรถให้กับน้าชาย โดยแกไม่จ่ายมาตั้งแต่ปลายปี 57 รถก็ไม่คืนโดยเอาไปให้ลูกชายที่อยู่คนละจังหวัดใช้(ผมกับน้าก็ติดต่อกันเรื่อยๆครับ แกเป็นลูกจ้างประจำของหน่วยงานรัฐในพื้นที่เดียวกันกับผม)
ช่วงที่ไฟแนนซ์โทรมา ผมก็โทรคุยกับแก แกบอกไม่ต้องสนใจ สุดท้ายมีหมายศาลมาแกก็บอกแกจะไปไกล่เกลี่ยขอลดยอดที่ผ่อนเอง และบอกไม่ต้องให้ผมไปศาลตามนัด
หากถูกหมายศาลฟ้องแล้ว
- ผู้กู้ จะถูกฟ้องให้เป็น
จำเลยที่1
- ผู้ค้ำประกัน จะถูกฟ้องให้เป็น
จำเลยที่2
หากต้องการไปไกล่เกลี่ยที่ชั้นศาล จะต้องไปศาลทั้งผู้กู้(จำเลยที่1) และผู้ค้ำประกัน(จำเลยที่2)...ต้องไปด้วยกันทั้ง 2คน หากจำเลยไปเพียงคนใดคนหนึ่ง จะไม่สามารถไกล่เกลี่ยตามขั้นตอนของกฎหมายได้ เพราะในสัญญาไกล่เกลี่ย จะต้องมีลายเซ็นต์ของจำเลยที่สองคนเซ็นต์กำกับเอาไว้
Mustadio เขียน: 1.ผมไม่ไปศาลแล้วน้าผมไปไกล่เกลี่ยกับไฟแนนซ์คนเดียวแล้วตกลงกันได้
เป็นไปไม่ได้ครับ หากจำเลยไปเพียงคนเดียว จะไม่สามารถไกล่เกลี่ยในชั้นศาลได้เลย
Mustadio เขียน: สัญญานี่ผมต้องร่วมรับผิดชอบไหมครับ
ต้องรับผิดชอบหนี้ร่วมด้วยครับ ในฐานะที่เป็นจำเลยที่2
Mustadio เขียน: แล้วปกติไฟแนนซ์เขายอมไหมครับ
ไฟแนนซ(โจทก์)มันไม่มีทางยอมหรอกครับ รวมทั้งศาลด้วย...ศาลก็ไม่ยอมเช่นเดียวกัน
Mustadio เขียน: ไปไกล่เกลี่ยแต่คนซื้อโดยคนค้ำไม่ไปเนี่ย ?
ก็ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้น่ะสิครับ
Mustadio เขียน: 2.ผมไม่ไปแล้วน้าผมไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ คดีขึ้นสู่ศาล ศาลจะตัดสินวันนั้นเลยใช่ไหมครับ?
ถูกต้องแล้วครับ ศาลจะพิพากษาภายในวันนั้นเลย
Mustadio เขียน: 3.ศาลตัดสินมาแล้ว แต่ภายหลังผมสามารถตามรถมาคืนไฟแนนซ์ได้จะยังสามารถลดหนี้ได้อยู่ไหมครับ?
การคืนรถให้กับไฟแนนซ์(โจทก์) ไม่ใช่เงื่อนไขของการลดหนี้ให้ครับ
Mustadio เขียน: 4.ผมมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านอยู่ 1 หลัง ศาลตัดสินมาแล้วไฟแนนซ์จะสามารถยึดได้เลยไหมครับ
เจ้าหนี้(โจทก์)สามารถยื่นเรื่องส่งไปให้กรมบังคับคดี เพื่อให้ทำการยึดบ้านของจำเลยที่2 ได้ครับ
Mustadio เขียน: มีกรอบกำหนดเวลาหรือเงื่อนไว้รึเปล่า ?
ไม่มีกรอบระยะเวลาเป็นบรรทัดฐานที่แน่นอน
Mustadio เขียน: 5.ถ้าผมไปศาลคนเดียว เท่าที่อ่านมาคืออย่าไปเซ็นประนีประนอม ให้ศาลตัดสินเลยใช่ไหมครับ?
ถ้าศาลตัดสินแล้ว จำเลยที่2 จะถูกศาลพิพากษาให้ต้องเป็นผู้ชดใช้หนี้แทนจำเลยที่1 นะครับ
.
