immkung

ผมเครียดมาก อยากแอดมินเพจ หรือเพื่อนสมาชิกว่า ถ้าผมจะหยุดจ่ายหนี้ตั้งแต่เดือนนี้เลย ทั้งหมด 3 บัตร แต่เป็นบัตรกดเงินสดทั้งหมดนะครับ สิ่งแรกที่ผมต้องทำคืออะไร ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะได้รับการลดหนี้

แนวทางที่ศาลชั้นต้นพิพากษาเกี่ยวกับบัตรกดเงินสด
เรื่องที่ 1
ส่วนตามใบแจ้งยอดบัญชีสินเชื่อยูโอบี พรีวิลเลจ แคช 4043-6502-0002-7846 ที่โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราผิดนัดร้อยละ 28 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2554 นั้น พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คู่สัญญามีเจตนาเลิกสัญญากันโดยปริยายแล้ว โดยถือว่าสัญญาที่มีต่อกันสิ้นสุดลงในวันที่ 11 เมษายน 2554 เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 28 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาได้อีกต่อไป เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของโจทก์ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันแล้ว เห็นสมควรกำหนดดอกเบี้ยให้ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี
เรื่องที่ 2
ตามใบบันทึกรายการยอดหนี้ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5 จำเลยจ่ายชำระหนี้ให้โจทก์ครั้งสุดท้ายวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 แต่ในงวดวันที่ 5 มีนาคม 2556 จำเลยผิดนัดไม่ได้จ่ายชำระหนี้ให้โจทก์อีกเลย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คู่สัญญามีเจตนาเลิกสัญญากันโดยปริยายแล้ว โดยถือว่าสัญญาที่มีต่อกันสิ้นสุดลงในวันที่ 5 มีนาคม 2556 เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงแล้ว โจทก์จะอาศัยข้อตกลงในสัญญาผูกพันจำเลยอีกไม่ได้ การคิดดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ หลังเลิกสัญญา เท่ากับเป็นการคิดค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้
พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 182,211.96 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 83,357.08 บาท นับแต่วันที่ 20 เมษายน 2554 เป็นต้นไป และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 98,854.88 บาท นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2554 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทร้พย์ที่โจทก์ชนะคดี./
เรื่องที่ 3.
ตามใบบันทึกรายการยอดหนี้เงินกู้ ตามเอกสารหมาย จ.11 ที่โจทก์อ้างส่งศาลย่อมฟังได้ว่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตั้งแต่งวดที่ 6 ที่ต้องชำระเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555 ถือได้ว่าสัญญากู้ยืมเลิกกันโดยปริยายตั้งแต่วันดังกล่าว จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงิน 162,352.81 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ส่วนที่เจ้าหนี้เดิมคิดดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราร้อยละ 28 ต่อปี นับแต่งวดที่จำเลยผิดนัดเป็นต้นไปนั้น เห็นว่า เป็นข้อตกลงให้จำเลยต้องรับผิด เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินคืนโจทก์ภายในระยะเวลาตามรอบบัญชี เป็นการกำหนดค่าเสียหายล่วงหน้าเมื่อลูกหนี้ชำระหนี้ไม่ถูกต้อง อันมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ หากสูงเกินส่วนศาลมีอำนาจลดลงได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่ง เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้เดิมและโจทก์ทุกทางโดยชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันแล้ว จึงเห็นควรกำหนดให้ในอัตราร้อยละ 10 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดชำระเงินเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกินกว่าที่โจทก์มีคำขอ
เรื่องที่ 4.
สินเชื่อหมุนเวียนสปีดี้แคช
แต่เมื่อใบกำกับภาษี เอกสารหมาย จ.10 ปรากฎว่า จำเลยเบิกถอนเงินสินเชื่อหมุนเวียนสปีดี้แคช ครั้งสุดท้ายจากโจทก์วันที่ 31 กรกฎาคม 2554 ณ วันดังกล่าว จำเลยมีหนี้ค้างชำระจำนวน 30,698.69 บาท โจทก์กำหนดให้ชำระหนี้ครั้งต่อไปวันที่ 12 กันยายน 2554 แต่จำเลยผิดนัดจึงถือว่าสัญญาเลิกกันโดยปริยายในวันดังกล่าว การที่โจทก์คิดดอกเบี้ย เบี้ยปรับ และค่าธรรมต่างๆ ภายหลังผิดนัดดังกล่าว ถือว่ามีลักษณะเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน เห็นสมควรกำหนดให้อัตราร้อยละ 12 ต่อปี แต่ทั้งนี้ปรากฎว่าจำเลยได้ชำระหนี้คืนโจทก์หลังผิดนัดบางส่วน ตามใบกำกับภาษี และสรุปรายการยอดหนี้ถึงเดือนมกราคม 2556 เอกสารหมาย จ.10 และ จ.11 และจำเลยนำสืบว่าได้ฝากเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้สินเชื่อนี้คืนโจทก์ตามสำเนาใบนำฝาก เอกสารหมาย จ.4 ถือว่าจำเลยมีหลักฐานเป็นหนังสือเกี่ยวกับการใช้เงินมาแสดง จึงต้องนำเงินทั้งหมดดังกล่าวหักชำระหนี้ โดยหักชำระดอกเบี้ยในวันที่ชำระก่อน หากมีเหลือจึงให้หักชำระต้นเงินตามลำดับต่อไป

immkung เขียน: ผมเครียดมาก อยากแอดมินเพจ หรือเพื่อนสมาชิกว่า ถ้าผมจะหยุดจ่ายหนี้ตั้งแต่เดือนนี้เลย ทั้งหมด 3 บัตร แต่เป็นบัตรกดเงินสดทั้งหมดนะครับ สิ่งแรกที่ผมต้องทำคืออะไร ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะได้รับการลดหนี้

เข้าไปอ่านครับ

วิธีแก้ไขหนี้ที่ทุกคนต้องอ่าน
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=179&Itemid=64

*** อ่านแล้วไม่เข้าใจตรงไหน หรือสงสัยอะไรมาถามเพิ่มได้ตลอดครับ ***