ไม่ได้ชำระหนี้มาเกือบ 4 ปี

จะรบกวนถามทางแอดมินและสมาชิกนะคะ ย้อนไปซัก 5-6 ปี เคยได้ขอสินเชื่อจากบัตรต่าง ๆ ซึ่งนับจำนวนก็ประมาณ 7-8 แห่ง และจนถึงบัดนี้เลิกชำระทุกบัตรไปแล้วค่ะเป็นเวลาประมาณ 4 ปี เนื่องจากไม่สามารถรับภาระหนี้ที่จะต้องชำระโดยประมาณ 11,000 บาท ตรงนี้ได้หมด เนื่องจากว่าเงินที่กู้มาก็เอามาให้เพื่อน ๆ ซึ่งร่วมลงทุนทำหนังสือกัน ก็ได้เข้ามาอ่านกระทู้ต่าง ๆ ในนี้แล้ว และประกอบกับที่ผ่านมาก็มีสนง.กฎหมายโทรมาทวงให้ชำระหนี้ก็มียื่นข้อเสนอในการปิดบัญชีต่าง ๆ เหมือนกับที่มีในกระทู้ค่ะ แต่เราก็บอกไปตรง ๆ ว่ายังไม่มีเงินที่จะไปชำระหนี้เป็นเงินก้อน และก็ไม่ได้รับโทรศัพท์อีกเลย จนถึงเมื่อวาน 12/3/55 สนง.กฎหมายที่ทวงหนี้ของซิตี้แบงค์โทรมาตอนเย็นเข้ามือถือแล้วก็พูดจาเหมือนไปเหวี่ยงจากที่ไหนมาแล้วมาลงกับเราเราก็ไม่ได้พูดอะไรมากเพียงแค่บอกว่าค่ะ ๆ ๆ แล้วก็ค่ะ จากนั้นพนักงานคนนั้นก็บอกว่าหนี้พวกนี้ก็ติดตัวเราไปจนตายแหละ เราก็เลยปรี๊ดตรงนี้แล้วเค้าก็แจ้งมาว่าถ้ายังไม่ดำเนินการหรือยังนิ่งเฉยอยู่เค้าจะให้ฝ่ายกฎหมายทำเรื่องไปเพื่อขออายัดเงินเดือน 30% จากที่ทำงาน เค้ายังมีย้ำอีกนะว่าไม่ได้ข่มขู่ เห้อ...
ตรงนี้ก็เลยอยากจะถามว่ามันถึงขั้นตอนที่เค้าจะอายัดเงินเราแล้วหรือคะ จากยอดหนี้ 47,300 บาท เค้าลดเหลือให้ 20,000 กว่าบาทแต่ก็ยังไม่มีเงินชำระ เค้าบอกว่าให้วันสุดท้ายวันที่ 15/3/55 ก็เลยคิดหนักเลยค่ะไม่มีเงินทำอะไรไม่ได้
รบกวนสมาชิกและแอดมินช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

คุณโดนหมายศาลฟ้องแล้วหรือครับ? ถึงได้ถูกขู่ว่าจะอายัดเงินเดือน

ถ้าหากยังไม่มีการส่งหมายศาลมาฟ้องเสียก่อน...ก็ไม่สามารถอายัดอะไรได้เลยนะครับ

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=4606&Itemid=29#4710

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=5009&Itemid=29#5021

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=531&Itemid=29#3875



แล้วหยุดจ่ายมานานตั้งประมาณ 4 ปี แล้วเนี่ย อายุความไม่ขาดไปหมดแล้วเหรอ?

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=29



และที่สำคัญ...อย่าไป"จ่ายหยอด"หรือทำ"สัญญา นรก"เด็ดขาด

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=6343&Itemid=29

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=4682&Itemid=29

ถ้าศาลท่านยังไม่ได้ตัดสิน จะมาอายัดเงินเดือนไม่ได้ การอายัดต้องมีหมายอายัดจากกรมบังคับคดีด้วย และการอายัดก็ไม่น่ากลัว เป็นการใช้หนี้คืนอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ข้อดีคืออายัดได้ทีละเจ้า และเราสามารถนำหลักฐานไปขอส่วนลดจากกรมบังคับคดีได้
ทุกอย่างเมื่อสติมา ปัญญาเกิด หนี้หมดอย่างถูกวิธี เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ พี่อัง สวยประหาร

อายุความในการฟ้องร้อง คดีแพ่ง (หนี้เงิน) คลิกอ่าน

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=29

ใครที่ยังไม่เข้าใจว่า Hair-cut คืออะไร?...กรุณาเข้ามาอ่าน

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=749&Itemid=29


เกณฑ์การยึด-อายัดทรัพย์-อายัดเงินเดือน
การถูกยึดทรัพย์
เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน
(ขอให้มียอดเข้าไปหลังมีคำพิพากษาภายในช่วงเวลานี้ คือ จ่ายคืนบางส่วนก็ได้ ไม่ใช่จ่ายเต็ม)
เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์หรืออายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ได้
โดยให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อออกหมายยึดและอายัดต่อไป

1. ทรัพย์สินที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต มูลค่ารวมกัน 50,000 บาทแรกห้ามเจ้าหนี้ยึด ทรัพย์ที่จำเป็นในการดำรงชีพ เช่น
โต๊ะกินข้าว เก้าอี้ โทรทัศน์ เครื่องครัว แต่ถ้าเป็นสร้อย แหวน นาฬิกา
ของเหล่านี้แม้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของลูกหนี้ แต่เจ้าหนี้ก็มีสิทธิยึดได้เพราะไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต

2. ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของลูกหนี้ ถ้ามูลค่ารวมกัน 100,000 บาทแรก ห้ามเจ้าหนี้ยึด เครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร(ถ้าประกอบธุรกิจรับถ่ายเอกสาร) ในกรณีที่เครื่องมือประกอบอาชีพมีราคาสูงกว่า 100,000 บาท และจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ก็สามารถขอต่อศาลได้

หากมีเจ้าหนี้หลายราย ทรัพย์ใดถูกยึดไปแล้ว ห้ามเจ้าหนี้รายอื่นมายึดซ้ำ เจ้าหนี้รายใดยึดก่อนก็ได้สิทธิก่อน


การอายัดเงินเดือน โบนัส ค่าตอบแทนต่างๆ

หากศาลตัดสินแล้ว เราควรติดต่อทนายโจทก์ว่าจะจ่ายอย่างไร จะผ่อนชำระหรือจ่ายงวดเดียวก็แล้วแต่จะตกลงกัน
แต่หากลูกหนี้เพิกเฉยไม่ติดต่อ ไม่ยอมจ่ายเงิน หรือตกลงเรื่องการจ่ายเงินไม่ได้ ทนายโจทก์ก็จะทำเรื่องขอยึดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือน และหากเจ้าหนี้รายแรกขออายัดเงินเดือนแล้ว เจ้าหนี้รายที่ 2, 3, 4 ... จะทำเรื่องขออายัดซ้ำ้ไม่ได้ ต้องรอคิว ให้รายแรกอายัดครบก่อน หรืออาจจะขอหารส่วนแบ่งเงินที่ถูกอายัดจากเจ้าหนี้รายแรกก็ได้ ถ้ารอก็จะรอได้ไม่เกินสิบปี หากเกินสิบปีก็จะหมดอายุความ
.........................................................

เกณฑ์การอายัดเงินเดือนของกรมบังคับคดี หากลูกหนี้เป็นข้าราชการ/ลูกจ้างประจำของข้าราชการจะไม่ถูกอายัดเงินเดือน หากลูกหนี้เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง หรือเป็นพนักงานบริษัท ฯลฯ จะถูกอายัดเงินเดือน โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

1. อายัดเงินเดือนไม่เกิน 30 %

*** ลูกหนี้เงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาท --- อายัดไม่ได้

*** ลูกหนี้เงินเดือนเกิน 10,000 บาท อายัดได้ 30 % แต่จะต้องเหลือเงินให้ลูกหนี้ใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 10000 บาท

เช่น

- ลูกหนี้เงินเดือน 9,500 บาท ไม่ถูกอายัด
- ลูกหนี้เงินเดือน 12,000 บาท ถูกอายัด 2,000 บาท เหลือไว้ใช้จ่าย 10,000 บาท
- ลูกหนี้เงินเดือน 15000 บาท ถูกอายัด 4500 บาท เหลือไว้ใช้จ่าย 10,500 บาท

***หากลูกหนี้มีค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ เช่นค่าเลี้ยงดูบุตร ค่ารักษาพยาบาล สามารถนำหลักฐานไปขอลดหย่อนที่ กรมบังคับคดีเพื่อให้ลดเปอร์เซ็นต์การอายัดเงินเดือนได้

*** การอายัดเงินเดือนจะให้บริษัทนำส่ง หรือลูกหนี้นำส่งกรมบังคับคดีเองก็ได้

2. เงินโบนัส จะถูกอายัดไม่เกิน 50 %

3. เงินตอบแทนการออกจากงาน จะถูกอายัด 100 %

4. เงินค่าตอบแทนต่างๆ / ค่าสวัสดิการต่างๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าตำแหน่ง
*** การถูกอายัดจะขึ้นอยู่กับว่าเจ้าหน้าจะสืบทราบหรือไม่และร้องขอต่อศาลว่าจะอายัดเท่าไหร���

5. บัญชีเงินฝาก ---อายัดได้

6. เงิน กบข --- อายัดไม่ได้

7. เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ทำกับบริษัท ----อายัดไม่ได้ (พ.ร.บ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ)
แต่ถ้าทำกองทุนต่างๆกับธนาคารต้องดูตามหลักเกณฑ์ของ กองทุนว่าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้หรือไม่ และมีข้อห้ามการบังคับคดีหรือไม่ ถ้าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ และไม่มี ข้อห้ามก็จะอายัดได้

8. เงินค่าวิทยะฐานะ (ค่าตำแหน่งทางวิชาการ) ถ้าเป็นข้าราชการจะไม่ถูกอายัด แต่ถ้าเป็นสังกัดเอกชนจะถูกอายัด เพราะถือว่าเป็นเงินเดือน

9. หุ้น ---กรมบังคับคดีสามารถยึดใบหุ้นเพื่อขายทอดตลาดได้ หรือ ถ้ามีเงินปันผล ก็จะทำเรื่องอายัดเงินปันผลได้

10. เงินสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือพนักงานบริษัท หากเจ้าหนี้สืบทราบว่าเป็นสมาชิกสหกรณ์ใด สามารถอายัดเงินปันผล เงินเฉลี่ยคืน เงินค่าหุ้นสหกรณ์ได้

11. ร่วมทุนกับผู้อื่นเปิดบริษัท
---หากผู้ร่วมลงทุนมีปัญหาถูกอายัดทรัพย์---กรมบังคับคดีจะอายัดเฉพาะส่วนที่เป็นทรัพย์สิน
ของผู้ถูกอายัดเท่านั้น ไม่ได้อายัดทั้งหมด อาจดูเฉพาะส่วนของเงินปันผล
ใบหุ้นฯลฯ ของผู้ถูกอายัด
.........................................................

การถูกอายัดเงินเดือน กรมบังคับคดีจะอายัด 30% จากเงินเดือนเต็ม ก่อนหักภาษี และประกันสังคม เช่น 15000 บาท ถูกอายัด 4500 บาท จะเหลือเงินไว้ใช้ จ่ายภาษี ประกันสังคม ฯลฯ 10500 บาท
.........................................................

การอายัดเงินเดือน ลูกหนี้จะถูกอายัดจากยอดเงินเดือนเต็ม
หากลูกหนี้ผู้ถูกอายัดเงินเดือนมีภาระที่ต้องจ่ายเงินกู้ให้แก่ หน่วยงานอื่น เช่นสหกรณ์ต่างๆ
ลูกหนี้จะต้องคำนวณว่า เงินเดือนที่เหลือจากการถูกอายัดมีเพียงพอ
ที่จะใช้จ่ายประจำวันตลอดเดือน และเหลือพอที่จะจ่ายเงินกู้คืนให้สหกรณ์หรือไม่
- หากลูกหนี้ถูกอายัดเงินเดือน และถูกหักเงินกู้สหกรณ์แล้ว ยังมีเงินพอใช้และเหลือเก็บบ้างก็ถือว่าไม่เป็นไรไม่ต้องกังวล
- แต่หากถูกอายัดเงินเดือน และถูกหักเงินกู้สหกรณ์แล้วเงินเหลือไม่พอใช้จ่าย
ก็ควรหาทางแก้ไข เพราะถ้าไม่แก้ไขมันอาจจะนำไปสู่ปัญหาการหมุนจ่ายแบบเดิมอีกรอบ
ทำให้แก้ไขปัญหาหนี้ไม่หมดสักที โดยลูกหนี้ควรจะ...

1 .เจรจากับทางสหกรณ์ หาทางลดหย่อนยอดเงินที่ต้องชำระคืนในแต่ละเดือนโดยอาจจะยืดระยะผ่อนชำระ
ให้นานออกไป(ในกรณีที่ถูกหักบัญชีอัตโนมัติ)

2. อาจจะหยุดจ่ายและให้ทางสหกรณ์ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย
และอายัดเงินเดือนต่อไป (วิธีนี้อาจสร้างปัญหาให้กับสหกรณ์ได้)
ลูกหนี้ยังสามารถใช้วิธีที่ 3 คือ

3. ลูกหนี้สามารถนำยอดเงินที่ถูกหักจ่ายคืนให้สหกรณ์มาขอ ลดหย่อนเปอร์เซ็นต์การอายัดเงินเดือนได้ (ขอลดหย่อนได้สูงสุด 50% เท่านั้น)
หมายความว่า ให้ลูกหนี้นำยอดภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ลูกหนี้ต้องจ่ายรวมทั้งเงินที่ต้องชำระคืนแก่
สหกรณ์มารวมยอดและขอลดยอด การอายัดเงินเดือน ไม่ให้กรมบังคับคดีอายัดเงินเดือนจาก ยอดเต็มถึง 30 % ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ในการขอลดยอดการถูกอายัดจะขอลดยอดได้มากที่สุด คือให้กรมบังคับคดีอายัดไม่ต่ำกว่า 15%

***วิธีที่สามนี้เป็นวิธีที่น่าทำที่สุด**




อยากรู้อะไรเพิ่มเติมหาอ่านได้ในห้องต่างๆ เช่น ห้องรู้ทันกฎหมายหนี้ (คลังความรู้) ...

คิดว่าโดนหมายศาลไปตั้งแต่สองปีแรกแล้วนะคะแต่ว่าเค้าน่าจะส่งไปตามที่อยู่ในบัตรประชาชนซึ่งอยู่ที่จ.เชียงใหม่แต่ตัวเองได้มาทำงานที่ กทม. และไม่ได้กลับไปอีกเลย อีกอย่างที่อยู่นั้นก็ขายไปแล้วแต่เพียงแค่ยังไม่ได้แจ้งย้ายที่อยู่ในทะเบียนบ้านค่ะ เลยไม่เห็นรายละเอียดและก็ไม่ได้ไปขึ้นศาลเลยซักหน จะมีก็แต่ สนง.กฎหมายส่งจดหมายมาตามที่อยู่ใหม่และโทรเข้ามือถือเพราะไม่ได้เปลีี่ยนเบอร์เลยค่ะ

aeey510 เขียน: คิดว่าโดนหมายศาลไปตั้งแต่สองปีแรกแล้วนะคะแต่ว่าเค้าน่าจะส่งไปตามที่อยู่ในบัตรประชาชนซึ่งอยู่ที่จ.เชียงใหม่แต่ตัวเองได้มาทำงานที่ กทม. และไม่ได้กลับไปอีกเลย อีกอย่างที่อยู่นั้นก็ขายไปแล้วแต่เพียงแค่ยังไม่ได้แจ้งย้ายที่อยู่ในทะเบียนบ้านค่ะ เลยไม่เห็นรายละเอียดและก็ไม่ได้ไปขึ้นศาลเลยซักหน จะมีก็แต่ สนง.กฎหมายส่งจดหมายมาตามที่อยู่ใหม่และโทรเข้ามือถือเพราะไม่ได้เปลีี่ยนเบอร์เลยค่ะ

คุณมีงานใหม่ทำแล้วก็อายังเงินเดือนได้ทันที่ถ้าคิดว่าถูกฟ้องแล้วไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนของเมืองไทยและคุณทำงานในระบบประกันสังคมเจ้าหนี้ตามได้แน่นะนำให้ไปเช็คหมายศาลดูนะครับจะได้หาทางแก้ไขเรื่องหนี้จะกี่วันกี่ปีตาบใดเรายังไม่ใช้หนี้ หนี้มันก็ไม่หมดจากเรา การเปลี่ยนเบอร์โทรไม่ใช้สาระสำคัญเรื่องตามหนี้

แล้วถ้าเราจะเช็คหมายศาลต้องไปเช็คที่ไหนคะ ไม่ทราบจริง ๆ เพราะอยู่คนละจังหวัดกับศาลที่ฟ้องน่ะค่ะ อีกอย่างถ้าตอนนี้เราจะโทรไปขอ hair-cut กับสถาบันการเงินเลยจะทำได้หรือเปล่าคะ

aeey510 เขียน: แล้วถ้าเราจะเช็คหมายศาลต้องไปเช็คที่ไหนคะ ไม่ทราบจริง ๆ เพราะอยู่คนละจังหวัดกับศาลที่ฟ้องน่ะค่ะ อีกอย่างถ้าตอนนี้เราจะโทรไปขอ hair-cut กับสถาบันการเงินเลยจะทำได้หรือเปล่าคะ

การเช็คหมายศาลเราต้องไปที่ศาลตามจังหวัดที่เรามีทะเบียนบ้านอยู่ถ้าย้ายทะเบียนบ้านก็ไปเช็คตามขอบเขตอำนานศาลนั้นๆๆ
การh/cไม่จำเป็นต้องโทรไปหาเขาให้ประเมินตัวเราว่ามีกะตังมากน้อยแค่ไหนทางที่ดีเก็บเงินไว้ให้มากที่สุดแล้วรอเจ้าหนี้ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่โทรมาเขาโทรมาหาเราแน่
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?...d=1642&Itemid=29 ขอบเขตอำนาจศาลปี 55

หมายศาล...จะถูกส่งไปที่ไหน....คลิกเพื่ออ่าน...


debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=6974&Itemid=29

ขอบคุณทุก ๆ ความคิดเห็นมากเลยค่ะ ก็พอได้คิดอะไรหลายอย่างแล้วเพราะวันนี้นั่งดูกระทู้ทั้งวันแทบไม่ได้ทำงาน 555+ เพราะห่วงเรื่องที่่ว่าเค้าจะอายัดเงินเดือน อีกอย่างได้อ่านตรงหมายศาลนี่ก็ต้องมานั่งคิดอีกจะติดต่อยังไงเพื่อจะรู้เรื่องหมายศาล เพราะจากที่ฟังน้ำเสียงของคน สนง.กฎหมายแล้วรู้สึกเค้าไม่พอใจกับเรามาก อีกอย่างค่ะ ถ้าจะ Hair-cut ควรจะติดต่อกับสถาบันการเงินเอง หรือว่า สนง.กฎหมาย ดีกว่ากันคะ เพราะคิดว่าอยากจะเคลียหนี้ของตัวที่เค้าตามเราก่อน เห้อ...มันเป็นอะไรที่ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากเงินที่เอามาเลยต้องมานั่งรับผิดชอบให้คนอื่นเค้าเนี่ย

มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบค่ะ เมื่อสักครู่ตัดสินใจโทรไปหากรมบังคับคดีที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และได้คุยกับนิติกรเลยถามเค้าเรื่องของเรามีกี่เรื่องที่อยู่ที่นั่นเค้าเลยหาให้ตอบกลับมาว่ามีสองเรื่องคือของ citibank และกรุงไทย ตั้งแต่ปี 51 ซึ่งศาลพิพากษาแล้ว จากนั้นก็เลยถามเค้าอีกว่าแล้วจะทำเรื่องอายัดเงินเดือนหรือยังเค้าก็บอกกลับมาว่ายังไม่มีการแจ้งจากบริษัทให้ดำเนินการก็เลยบอกเค้าไปว่าเราเป็นพนักงานราชการเค้าก็บอกมาว่าอายัดเงินเดือนไม่ได้พนักงานราชการ เห้อ...ค่อยโล่งหน่อยแต่ก็ต้องรีบไปเคลียกับซิตี้แบงค์ก่อนละ แล้วถ้าเราจะโทรไปหาที่ซิตี้แบงค์เองเลยจะได้มั้ย แล้วต้องติดต่อฝ่ายไหนคะ รบกวนนิดนึง...

งั้นถามนิดนึงค่ะ ถ้าเค้าฟ้องแล้วและพิพากษาแล้วเรื่องไปอยู่ที่กรมบังคับคดีเราจะโทรไปขอปิดกับทางซิตี้แบงค์ได้อีกมั้ยคะ แล้วต้องติดต่อฝ่ายไหนคะ

aeey510 เขียน: งั้นถามนิดนึงค่ะ ถ้าเค้าฟ้องแล้วและพิพากษาแล้วเรื่องไปอยู่ที่กรมบังคับคดีเราจะโทรไปขอปิดกับทางซิตี้แบงค์ได้อีกมั้ยคะ แล้วต้องติดต่อฝ่ายไหนคะ

ได้สิครับ...เขาอยากได้เงินก้อนคืนจะตายชัก...ก็ขอคุยกับคนที่ดูแลบัญชีของคุณอยู่น่ะแหละครับ..

ไม่รู้ว่าพลาดไปหรือเปล่าที่โทรไปถามยอดจากธนาคารซิตี้แบงค์เองเลย และพนักงานก็บอกว่าเดี๋ยวจะคิดยอดให้เพราะมันจะมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยอะไรอีก กำแท้...

ไม่เป็นไรหรอกครับ ถามได้

ใจเย็น ค่อยๆต่อรองไป พอใจมีเงินก็ปิด

ถ้ามันฟ้องก็เลื่อนศาลไปก่อนหนึ่งนัด คุณต้องไปศาลนะครับ

ช่วงนั้นมันอาจจะให้ส่วนลดคุณมากหน่อยก็ได้ เพราะอยากได้เงินก่อน ไปปล่อยกู้คนอื่นต่อ

เมื่อวานตอนเย็นซิตี้แบงค์เค้าโทรมาค่ะ แจ้งยอดที่ต้องปิดเบ็ดเสร็จและเราก็ย้ำด้วยว่าปิดบัญชีเลยนะ เค้าบอกว่าจากยอด 48,000 บาท ลดเหลือ 20,000 บาทได้แค่นี้ก็เลยขอต่อรองอีกนิดหน่อยเค้าบอกสุด ๆ ก็ 19,000 บาท แต่ต้องภายในเดือนนี้นะ เดือนหน้ามันจะขึ้นอีก เอ้อ...ก็ยังดีเนอะว่ามั้ย เพราะนี่ตัดสินใจแล้วว่าเก็บเงินซักเจ้าละสามเดือน Hair-cut ให้หมด จะได้จบ ๆ ซะที

ถ้ายังไงก็เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังเริ่มต้นนะคะ สู้สู้

aeey510 เขียน: เมื่อวานตอนเย็นซิตี้แบงค์เค้าโทรมาค่ะ แจ้งยอดที่ต้องปิดเบ็ดเสร็จและเราก็ย้ำด้วยว่าปิดบัญชีเลยนะ เค้าบอกว่าจากยอด 48,000 บาท ลดเหลือ 20,000 บาทได้แค่นี้ก็เลยขอต่อรองอีกนิดหน่อยเค้าบอกสุด ๆ ก็ 19,000 บาท แต่ต้องภายในเดือนนี้นะ เดือนหน้ามันจะขึ้นอีก เอ้อ...ก็ยังดีเนอะว่ามั้ย เพราะนี่ตัดสินใจแล้วว่าเก็บเงินซักเจ้าละสามเดือน Hair-cut ให้หมด จะได้จบ ๆ ซะที

ถ้ายังไงก็เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังเริ่มต้นนะคะ สู้สู้

ส่วนลดดีจัง... ...ยินดีด้วยนะครับครับ


.

เฮ๊ย..จริงเรอะ..?..ใจดีขนาด..เห็นเจอแต่หินๆ

ให้เค้าแฟกซ์ใบปิดมาให้นะ...ค่อยไปจ่าย...

ดีใจด้วยมากๆ..ถ้าได้จริงๆ

ขอบคุณจ้า...
ตอนโทรไปเค้าก็มีทั้งอึ้งและงงนะคิดว่า 555+ เพราะว่าเรื่องตั้งแต่ปี 51 ตอนนี้ ปี 55 โทรไปหาเค้าเองเค้าก็คงดีใจอะเนอะ (คิดเอง) ที่โทรไปไม่ได้อะไรเลยนะคะคือหมั่นไส้สนง.กฎหมายที่พูดจาได้ห่วยแตกมากเลยค่ะ

คราวหน้ากะจะ Hair-cut อีกซักทีแต่ต้องดูกำลังเงินตัวเองก่อนจ้า...

aeey510 เขียน: ขอบคุณจ้า...
ตอนโทรไปเค้าก็มีทั้งอึ้งและงงนะคิดว่า 555+ เพราะว่าเรื่องตั้งแต่ปี 51 ตอนนี้ ปี 55 โทรไปหาเค้าเองเค้าก็คงดีใจอะเนอะ (คิดเอง) ที่โทรไปไม่ได้อะไรเลยนะคะคือหมั่นไส้สนง.กฎหมายที่พูดจาได้ห่วยแตกมากเลยค่ะ

คราวหน้ากะจะ Hair-cut อีกซักทีแต่ต้องดูกำลังเงินตัวเองก่อนจ้า...

เอ๊.. เข้าใจว่าคดีบัตรเครดิตอายุความสองปีไม่ใช่หรอครับ เข้าใจว่าถ้าสองปีไม่ฟ้องคดีความก็จบ ผมคิดถูกไหมเนี๊ยะ