ผมควรทำอย่างไรดีครับ หนี้ UOB โดย สนง. ธรรมศิริรัฐ

เพิ่งสมัครวันนี้ครับ อ่านกระทู้ปักหมุดแดงแล้วครับ และลองอ่านตัวอย่างกระทู้อื่นๆแล้ว ได้ความรู้เพิ่มขึ้น ขอบคุณผู้ให้ข้อมูลทุกท่าน ผมมีเรื่องปรึกษาดังนี้ครับ

ผมเป็นหนี้บัตรเครดิต UOB วงเงินบัตร 35,000 บาท ถูกฟ้องแล้วเมื่อปี 2552 ยอดฟ้องประมาณ 47,000 บาท ดอกเบี้ยถึงปัจจุบัน 67,000 บาท ( ตามที่ จนท.สนง. ธรรมศิริรัฐ แจ้ง)

ปัญหาคือ ผมออกจากงานมาหลายปี ได้แต่รับจ้างทั่วไป รายได้น้อย เลยไม่ได้จ่าย ตอนนี้เข้าทำงานบริษัทได้ 1 ปี ปัจจุบันถูกอายัดเงินเดือนครับ โดย สนง. ธรรมศิริรัฐ ผมได้คุยเรื่องยอดปิดกับเขาแล้ว ผมขอให้ช่วยลด ครั้งที่ 1 เป็นผู้หญิง แจ้งว่า ปิดเต็ม 40,000 บาท หรือ ผ่อน 2 งวดรวม 50,000 บาท ผมบอกเขาว่า ยังมากไปไม่มีกำลังพอ ช่วยคุยกับ UOB ให้หน่อย ปรากฎว่าเขาอ้างว่าผม ถูกอายัดแล้ว ลดได้ไม่เยอะหรอก ถึงแม้คุยกับ UOB ให้ก้อคงไม่ได้ (ยังไม่ได้คุยบอกไม่ได้แล้วครับ)

วันต่อมาผมเลยตัดสินใจโทรฯ ไปถามทาง UOB ส่วนงานกฎหมายโดยตรงว่า มี สนง.โทรฯมาคุยว่าผมจะปิดหนี้โดยขอลดยอดหนี้ลงบ้างไหม แล้วถ้าผมขอปิดยอดต่ำกว่า 4 หมื่นบาทจะได้ไหม กับได้คำตอบว่าคงต้องคุยผ่านกับ สนง. ธรรมศิริรัฐ ก่อนว่าผมจะขอมาที่เท่าไหร่ ไม่รับปากว่าจะได้น้อยลงหรือไม่ ผมเลย งง งง ว่าผมเป็นหนี้ใครกันแน่ ระหว่าง UOB กับ สนง. ธรรมศิริรัฐ ใครมีอำนาจตัดสินใจ

หลังจากนั้น 10 นาที จนท.สนง. ธรรมศิริรัฐ โทรมาแจ้งว่า จะลองขอให้ใหม่ สรุป มีผู้ชายโทรฯมาแจ้งกลายเป็น ปิดเต็ม 50,000 บาท ผ่อน 2 งวดรวม 55,000 บาท ผมโมโห เลยบอกไปว่าถ้างั้นคงต้องลาออก (ผมไม่ได้อยากหนี คิดว่าได้ยอดน้อยลงจะได้ปิดจบกันสักที) แต่แทนที่จะได้ยอดปิดที่น้อยลง กลับมากขึ้นครับ ปวดหัวเลยครับ

วันต่อมาผู้ชายโทรฯมาแจ้ง ถามว่าจะให้ปล่อยตามระบบอายัด หรือ จะปิดบัญชี ผมบอกว่า ยอดมากขนาดนี้ไม่มีกำลังที่จะจ่าย บอกให้ช่วยทำลดยอดหนี้ แต่ไม่เห็นช่วยเลย จนท.สนง. ธรรมศิริรัฐ อ้างอีกครั้งว่า ถูกอายัด และมี ค่าทนายค่าศาลด้วยเป็น 75,000 บาท ดังนั้นยอดเลยเพิ่มขึ้น

ผมจึงขอปรึกษาว่ามีพี่ ๆ ท่านใด มีวิธีต่อรอง หรือ ผมจะต้องคุยอย่างไรดี เห็นกระทู้ " ไปศาลนัดแรกกับ UOB " ก็เป็นเหมือนกัน ตอนแรกบอกยอดน้อย พอคุยอีกทีกลับเพิ่มขึ้น วงเงินบัตรผมไม่มาก ทำไม
กลายเป็นแบบนี้ ช่วยชี้แนะด้วยครับ เพราะ วันที่ 23 เงินเดือนจะออกแล้ว เห็นมีคนบอกว่าถ้าถูกหักเงินแล้วยิ่งต่อรองยากขึ้นอีก ขอบคุณครับ

ponpipp เขียน: เลย งง งง ว่าผมเป็นหนี้ใครกันแน่ ระหว่าง UOB กับ สนง. ธรรมศิริรัฐ ใครมีอำนาจตัดสินใจ

ก็เขามีส่วนได้ส่วนเสียกับหนี้ของคุณอยู่น่ะสิครับ...แต่ก็มีบางท่านที่คุยกับ สนง.ไม่รู้เรื่อง เลยไปแอบปิดกับเจ้าหนี้ตัวจริงซะเลย....ดัดหลังมัน

ponpipp เขียน: ผมจึงขอปรึกษาว่ามีพี่ ๆ ท่านใด มีวิธีต่อรอง หรือ ผมจะต้องคุยอย่างไรดี เห็นกระทู้ " ไปศาลนัดแรกกับ UOB " ก็เป็นเหมือนกัน ตอนแรกบอกยอดน้อย พอคุยอีกทีกลับเพิ่มขึ้น วงเงินบัตรผมไม่มาก ทำไม

วงเงินไม่มากก็จริงอยู่ แต่ศาลพิพากษาแล้ว ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นมาในระหว่างที่คุณตกงาน แล้วไม่กระตือรือร้นที่จะเคลียร์ มันก็เพิ่มขึ้นตามกาลเวลาไงล่ะ...ส่วนวิธีต่อรองน่ะ มันเป็นศิลป์ในการเจรจา บอกหน้าบอร์ดไม่ได้หรอกครับ....เดือนหน้ามีอบรมฟรี ไม่รู้ว่าเต็มหรือยัง ลองไปลงชื่อดูนะครับ แล้วไปถามเทพกรรมการเอาเอง หรือถ้ารอไม่ไหว ก็สายฮอทไลน์ก็ได้

ponpipp เขียน: กลายเป็นแบบนี้ ช่วยชี้แนะด้วยครับ เพราะ วันที่ 23 เงินเดือนจะออกแล้ว เห็นมีคนบอกว่าถ้าถูกหักเงินแล้วยิ่งต่อรองยากขึ้นอีก ขอบคุณครับ

เงินเดือนสูงมากเลยหรือครับ...ถึงได้กังวลขนาดนี้....เงินเดือนไม่เกินหมื่นอายัดไม่ได้ เงินเดือนเกินหมื่นอายัดได้ 30 เปอร์เซ็นต์...แต่ต้องเหลือเงินไว้ยังชีพไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่น....
ก็ในเมื่อคุณยังไม่พอใจกับยอดปิด คุณก็ปล่อยมันไปก่อนสิครับ...ถ้ามันไม่อยากได้เงินก้อนคืน ก็ให้มันเก็บเบี้ยหัวแตกไปสิครับ...อายัดเงินเดือนก็เหมือนใช้หนี้น่ะแหละคุณ...จะกังวลไปทำไม...วันข้างหน้าคุณอาจเก็บเงินก้อนได้ หรือฟรุ๊คถูกหวยขึ้นมา ค่อยเอาเงินไปฟาดหน้ามันก็ยังทำได้

ประหยัดอดออมเข้าไว้นะครับ....มีเงินเสียงดังฟังชัดเสมอครับ......

ponpipp เขียน: ปัจจุบันถูกอายัดเงินเดือนครับ โดย สนง. ธรรมศิริรัฐ ผมได้คุยเรื่องยอดปิดกับเขาแล้ว ผมขอให้ช่วยลด ครั้งที่ 1 เป็นผู้หญิง แจ้งว่า ปิดเต็ม 40,000 บาท หรือ ผ่อน 2 งวดรวม 50,000 บาท ผมบอกเขาว่า ยังมากไปไม่มีกำลังพอ ช่วยคุยกับ UOB ให้หน่อย ปรากฎว่าเขาอ้างว่าผม ถูกอายัดแล้ว ลดได้ไม่เยอะหรอก ถึงแม้คุยกับ UOB ให้ก้อคงไม่ได้ (ยังไม่ได้คุยบอกไม่ได้แล้วครับ)

ถ้าปล่อยให้เรื่องไปถึงมือของกรมบังคับคดีแล้ว จะได้ส่วนลดยาก หรือถ้าได้ ส่วนลดก็จะไม่งาม
เพราะทางเจ้าหนี้(โจทก์)จะมองว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่าลูกหนี้(จำเลย)เป็นอย่างมาก เพราะมีคำพิพากษาของศาลอยู่ในมือ
จึงทำให้ได้เปรียบลูกหนี้ทุกประตู และมีโอกาสเล่นตัวได้สูงมาก

ponpipp เขียน: วันต่อมาผมเลยตัดสินใจโทรฯ ไปถามทาง UOB ส่วนงานกฎหมายโดยตรงว่า มี สนง.โทรฯมาคุยว่าผมจะปิดหนี้โดยขอลดยอดหนี้ลงบ้างไหม แล้วถ้าผมขอปิดยอดต่ำกว่า 4 หมื่นบาทจะได้ไหม กับได้คำตอบว่าคงต้องคุยผ่านกับ สนง. ธรรมศิริรัฐ ก่อนว่าผมจะขอมาที่เท่าไหร่ ไม่รับปากว่าจะได้น้อยลงหรือไม่ ผมเลย งง งง ว่าผมเป็นหนี้ใครกันแน่ ระหว่าง UOB กับ สนง. ธรรมศิริรัฐ ใครมีอำนาจตัดสินใจ

ไม่ใช่คุณเป็นคนแรก ที่เจอมุข"โยนลูก"แบบนี้(โยนเรื่องกันไป-โยนเรื่องกันมา) ลูกหนี้ทุกคนในนี้เขาก็โดนมุข"โยนลูก"แบบนี้เหมือนกันหมดทุกคน
ถ้าหากเรื่องไปถึงศาลแล้ว(มีหมายศาลฟ้องแล้ว) ทางฝ่ายเจ้าหนี้ตัวจริง(สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้)มักจะโยนลูก ให้ไปคุยกับสำนักงานทวงหนี้(สำนักงานกฏหมาย)เพียงอย่างเดียว
โดยมักจะพูดอ้างว่า "เรื่องไปอยู่ในมือของสำนักงานกฏหมาย xxxx แล้ว หากต้องเจรจาติดต่ออะไร ก็ให้ไปคุยกับสำนักงานกฏหมายเอาเอง"
(เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดทุกราย)

ponpipp เขียน: ผมจึงขอปรึกษาว่ามีพี่ ๆ ท่านใด มีวิธีต่อรอง หรือ ผมจะต้องคุยอย่างไรดี เห็นกระทู้ " ไปศาลนัดแรกกับ UOB " ก็เป็นเหมือนกัน ตอนแรกบอกยอดน้อย พอคุยอีกทีกลับเพิ่มขึ้น วงเงินบัตรผมไม่มาก ทำไม
กลายเป็นแบบนี้ ช่วยชี้แนะด้วยครับ

ไม่มีข้อแนะนำเพิ่มเติมครับ...เพราะลูกหนี้เป็นรองอย่างมากตามข้อกฏหมาย หากถูกหมายบังคับคดีแล้ว
แต่ฝ่ายลูกหนี้ก็สามารถไปทำเรื่องลดการอายัดเงินเดือน ให้ลงมาเหลือ 15% ได้ หากลูกหนี้มีเงินเดือนไม่สูงมากมัก (เช่น เงินเดือนประมาณ หมื่นกว่าบาท หรือไม่เกินสามหมื่นบาท)
โดยไปเขียนคำร้องที่กรมบังคับคดี พร้อมกับแนบหลักฐาน และสาเหตุของการลดหย่อนการอายัด

ponpipp เขียน: วันที่ 23 เงินเดือนจะออกแล้ว เห็นมีคนบอกว่าถ้าถูกหักเงินแล้วยิ่งต่อรองยากขึ้นอีก ขอบคุณครับ

มันต่อรองยากตั้งแต่ถูกศาลพิพากษาแล้วครับ ไม่ใช่เพิ่งมาต่อรองยากเอาในตอนนี้

ถ้าถามก็คงตอบแบบท่านอื่นว่า ค่อนข้างสายไป แต่อยากรู้ว่า
ตกลงคุณคิดจะจ่ายเขาเท่าไรละค่ะ ไม่เห็นบอกไว้

เพราะเท่าที่ดูยอด ณ ตอนนี้ ก็เกือบ 70000 บาท ถ้าเขาลด
มากสุดก็ตามที่เขาเสนอ งวดเดียว 40000 บาท คุณบอก
ไม่ไหว แล้วเท่าไรถึงไหว ทำไมไม่เสนอเขาไป ตอนที่คุย
กับแบงค์ ทำไมไม่บอกว่า ปัญหาคืออะไร ให้เขาได้แค่ไหน
แต่มากสุดที่นี่ 50% ตอนก่อนอายัดนะ และงวดเดียวเท่านั้นค่ะ

หากไม่อยากถูกอายัด และไม่มีเงินก้อนเดียวปิด ก็ต้องขอเจรจา
จ่ายเป็นงวด ซึ่งต้องดูว่า สิ่งไหนคุ้มและถูกสุดสำหรับคุณ
ระหว่างอายัดกับจ่ายผ่อนค่ะ น่าจะอายัดดีกว่านะ ปิดทาง
เจ้าอื่นได้ด้วย คิดให้รอบคอบค่ะ อย่าให้ความกลัวมาทำให้
ขาดสติค่ะ

เรื่องโยนกลองนะ เป็นเรื่องปกติ แต่หากเรายืนยันว่า เราคุย
กับสำนักงาน แล้ว มีปัญหา แต่เรามีเจตนาอยากปิดจบน่า
จะช่วยนะ เพราะของแก้วจ๋าก็ตื้อแบบนี้ละ ไม่สน สำนักงาน
เพราะเจอบางคนไม่มีคำว่า เห็นใจ นะ

ขอบคุณครับ พี่ทั้ง 2 ท่าน batk และ นกกระจอกเทศ

อ่านแล้วเข้าใจเลยว่า ผมคงอยู่สถานะเป็นรองจริงๆ ส่วนเงินเดือนผม 30,000 บาทครับ เรื่องอายัดจากเงินเดือน 30 % ผมไปทำเรื่อง ลดเหลือ 15 % ที่กรมบังคับคดีเรียบร้อยแล้ว ผมเกรงว่าถ้าได้ Bonus เดือนนี้ แล้วถ้าข่าวในที่ทำงานเป็นจริงว่า ผมได้ Bonus 3 เท่า (ผมตั้งใจทำงานนะครับ )
แล้วต้องถูกอายัด 50 % รวมเท่ากับ 4,500 + 45,000 = 49,500 บาท เกือบเท่ายอดที่มันขอเลยครับ ที่ติดใจอยู่คือ อยากจะปิดไปเลยจะได้ไม่ค้างคา เงินตอนนี้มีแค่ 10,000 ส่วนที่เหลือคงต้องหาอีกที ถ้าผมปล่อยอายัดเงินเดือนไปเรือย ๆ คงไม่ดีใช่ไหมครับ

ทีนี้ขอถามเพิ่มนะครับว่า

1.ในเมื่อผมเป็นรองหลายด้าน พี่ ๆ คิดว่า ยังพอมีข้อต่อรองได้บ้างไหมครับ อยากได้สัก 40,000 บาทพอไหวไหมครับ (ตอบในกระทู้ไม่ได้ เข้าใจครับ Case อย่างผมควรจะโทรฯหาเทพกรรมการท่านไหนครับ )

2.ยอดปิดงวดเดียว 50,000 บาท ส่วน จ่าย 2 งวดรวม 55,000 บาท ต่างกัน 5 พัน
ถ้าปิดเลยต้องไปยืมมา (ไม่เสียดอกแต่ถูกว่า) ส่วนจ่าย 2 งวด ไม่ต้องรบกวนคนอื่น แต่ก็เสียดาย 5 พัน มัน 2 จิต 2 ใจ

3.มุข ลูกโยนแบบนี้ เท่ากับว่าผมต่อรองกับ ทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่มีประโยชน์ ใช่ไหมครับ แล้วถ้าผมขอไปปิดกับ UOB โดยตรงตามที่พี่ batk แนะนำ ผมจะคุยกับเจ้าหน้าที่ ท่านไหนได้ครับ พอมีรู้จักบ้างไหมครับ
ผมไม่อยากโทรฯไปแล้ว ก็โยนไปมาอีก อยากคุยให้จบจริงๆ ครับ แล้วถ้าผมไปคุยกับ UOB แล้วปิดไปเลย ทางสนง. ธรรมศิริรัฐ จะรู้ในทันทีไหมครับ ( ไม่ได้กลัวมันจะรู้นะครับ อยากแค่ให้มัน งง จะได้สะใจบ้าง )

4.ถ้าผมปิดกับ UOB ทางมันจะยังได้ค่าติดตามหนี้ผมอยู่ไหมครับ 555 ทำไงมันถึงจะได้ค่าคอม ฯ น้อยที่สุดครับ

5.สุดท้าย เห็นชมรมนี้ ทำประโยชน์ให้ส่วนรวมจริงๆ ซึ้งใจครับ เพราะผมเองหลายปีที่ผ่านมาก็กลัวในตอนแรก กลัวคนอื่นรู้มันน่าอาย ไม่ได้กลัวถูกทวงนะครับ แต่ตอนนี้ชินไปแล้ว เพราะเราทำตัวเราเอง ถ้าผมได้เข้ามาใน เว็ปนี้แต่แรก ๆ คงจะดีกว่านี้ ผมไม่รู้จะช่วยอะไรได้บ้าง แต่เชื่อว่าถ้าผมมีคนรู้จักที่ประสพปัญหาเช่นนี้ จะขออนุญาตแนะนำให้เข้ามาปรึกษานะครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณพี่ แก้วจ๋าครับ

พี่แก้วจ๋า บอก 4 หมื่นคงมากสุดแล้ว คงจะจริงครับ แต่ผมรู้สึกว่าเหมือนเขาหลอก เพราะวันต่อมาอีกคนโทรฯมาบอกว่า 5 หมื่นบาท ผมไม่เข้าใจว่าเปลี่ยนยอดกันง่ายๆ ตามใจคนทวงหนี้ได้เลยแบบนี้ มันไม่ถูกใช่ไหมครับ ผมเลยโทรฯไปหา UOB แจ้ง ปัญหาแล้ว ตั้งแต่ ตกงานหลายปี หนี้บัตรใบอื่น ภาระทางบ้าน ฯลฯ ก็ไม่เป็นผลครับ เขาคงไม่เห็นใจคนเป็นหนี้

ถ้าผมให้อายัดเงินต่อไป มันจะหักเงินจนครบ เงินต้น + ดอกเบี้ย + ค่าทนาย รวม 75,000 บาท เลยใช่ไหมครับ แสดงว่า ปิดหนี้ไปคงจะดีกว่า ถูกต้องไหมครับ

ถูกต้องไหมครับ ถูกต้องครับ
การปิดหนี้ด้วยวิธี Hair cut ดีที่สุดค่ะ ฟันธง!

พี่ๆครับ อีกเรื่องนะครับ

แล้วถ้าผมขอไปปิดกับ UOB โดยตรง ผมจะคุยกับเจ้าหน้าที่ ท่านไหนได้ครับ พอมีรู้จักบ้างไหมครับ
ขอชื่อและเบอร์ ที่พี่ๆ เคยคุยพอจะได้ไหมครับ ผมไม่อยากโทรฯไปแล้ว ก็โยนไปมาอีก อยากคุยให้จบจริงๆ ครับ

ponpipp เขียน: พี่ๆครับ อีกเรื่องนะครับ

แล้วถ้าผมขอไปปิดกับ UOB โดยตรง ผมจะคุยกับเจ้าหน้าที่ ท่านไหนได้ครับ พอมีรู้จักบ้างไหมครับ
ขอชื่อและเบอร์ ที่พี่ๆ เคยคุยพอจะได้ไหมครับ ผมไม่อยากโทรฯไปแล้ว ก็โยนไปมาอีก อยากคุยให้จบจริงๆ ครับ

ไม่มีใครรู้จักคนในนั้นหรอกมั๊งครับ....ไม่อยากรู้จัก.....

ถ้ามีเงินอยู่ในมือแล้วก็โทรไปก่อนก็ได้ คนที่ดูแลบัญชีของคุณน่ะ...บอกตามที่คุณเขียนมานี่แหล่ะ...

ไม่อยากคุญกับ สนง.แล้ว โยนไปโยนมา..ผมมีเงินอยู่เนี่ย..จะเอาไม่เอา..อยากคุยให้มันจบจริงๆครับ

O.K. ครับ 555 ผมก็ไม่อยากรู้จักเช่นกัน คงครั้งนี้ ครั้งเดียว ที่ขอ

จะลองโทรไปสุ่ม ๆ ดู เหมือนครั้งที่แล้ว หวังว่า คงจะจบได้ด้วยดีครับ ขอบคุณครับ

ได้คุยที่นี่แล้ว ดีขึ้นจริงๆ สบายใจ ที่จริงปัญหาอยู่ที่ จ่ายมัน สะ ก็ จบ เนอะ พี่ ๆ

หวังจะได้ยอดน้อย ๆ คงจะยาก และ ทำให้เรากลุ้มใจเปล่า ๆ ขอบคุณอีกครั้งครับ

ยังงัย เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้โชคดีครับ หัวอกเดียวกัน