freedom_life ชีวิตอิสระ...

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8695 โดย freedom_life

Benten เขียน: มารอ อ่าน วิธิเก็บเงินครับ

จริงๆเมื่อก่อนตอนยังไม่รู้จักชมรม ผมเคยทำนะครับเรื่องไม่ให้ฝ่ายบัญชีหักเงินไปล่วงหน้า ที่บริษัทที่ผมทำงานอยู่เจ้าหน้าทีบัญชีจะให้ส่งรายการลดหย่อนต่างๆ ตอนต้นปีเพราะเขาจะวางแผนการหักให้

Benten เนื่องจากเก๋าเกมส์ที่นี่ ทำงานมานาน บอกฝ่ายบัญชีว่าไม่ให้หักอะไรเลย ยกเว้นประกันสังคม เดี๋ยวภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป จะจัดการเอง

ปรากฎว่า พอเงินเดือนเหลือเยอะขึ้นก็เอาไปจ่ายขั้นต่ำ่เจ้าหนี้บ้าง ซื้อของบ้าง เที่ยวบ้าง(พฤติกรรมแย่ๆห้ามเลียนแบบ) พอถึงเวลาจ่ายให้หลวงจริงๆ ก็ไม่มีเงินเหลือจ่ายอยู่ดี หลังจากนั้นก็เลยไม่กล้าทำอีก

แต่ตอนนี้รัดเข็มขัดแล้ว เดี๋ยวจะนำเทคนิคเรื่องเงินนำส่งภาษี ของคุณ freedom_life ไปใช้ครับ


โห ดีใจครับ ดึกแล้วยังมีเพื่อนคุย เรื่องเงินหักภาษีที่กลับคืนมานั้น ต้องมีวินัยครับ ไม่อย่างนั้นปลายปีเลือดสาดแน่ๆ :vomit:

ต้องนำเงินไปฝากให้ได้ดอกเบี้ย หรือ นำไปลงทุนพวกกองทุนรวมต่างๆ ไม่อย่างนั้นหักไปแต่ละเดือนแล้วไปขอคืนก็จะใช้เวลานาน และเงินของเราก็จะไม่ออกดอกผล ส่วนปลายปีหากจะต้องจ่ายเพิ่มเราสามารถขอผ่อนจ่ายกับสรรพากรเป็นงวดๆ ได้ครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8697 โดย freedom_life
ครั้งก่อนได้แนะนำเกี่ยวกับวิธีการต่างๆ เพื่อให้เราสามารถเก็บเงินได้ แต่เก็บไว้เฉยๆ เงินก็คงจะไม่งอกเงยขึ้นมาเป็นแน่แท้ นายเสรีภาพ ก็เลยขอนำเสนอวิธีการส่วนตัวที่ใช้แล้วได้ผล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มีความเสี่ยงปนความเสียวด้วยนะครับ

ต้องเตือนก่อนว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้มากๆ

คือ เงินสำหรับเก็บไว้รอปิดหนี้ เนี่ย เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกห่านจิกมันจะให้ส่วนลดจนเป็นที่พอใจของเราใช่หรือเปล่าครับ ส่วนใหญ่ก็จะเก็บไว้ในธนาคาร ง่ายๆ คือ แบบสะสมทรัพย์ นั่นแหละ หรือบางท่านก็เก็บไว้ในฝากประจำ แต่ว่า ดอกเบี้ยที่งอกออกมาเนี่ยน้อยนิด ผิดกับเวลาที่เราเป็นหนี้ธนาคารดอกเบี้ยเนี่ยโตไวยิ่งกว่าลูกซะอีก

ดังนั้นก็ต้องหาทางที่จะทำให้เงินที่เก็บเอาไว้ออกดอกออกผลบ้าง ผมเลือกที่จะเอาไปลงทุนในกองทุนรวมครับ อย่างที่บอกไว้ในกระทู้ก่อนว่า ผมหักเงินออกจากเงินเดือนทุกเดือนเป็นเงินออมสำหรับการปลดหนี้ ดังนั้นทุกๆ เดือนเงินที่หักออกไปผมก็จะนำไปลงทุนในกองทุนรวม

แต่เราก็ต้องมีวิธีการเลือกกองทุนด้วยเช่นกันเลือกไม่ดีสูญเงินต้นก็เป็นไปได้เช่นกัน ดังนั้นเราก็ต้องหาข้อมูลว่ากองทุนรวมกองไหนที่ให้ผลตอบแทนดี ซึ่งความรู้ตรงนี้ศึกษาได้จากเว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุนรวมต่างๆ ได้ หรือห้อง สินธร ใน pantip ซึ่งมีกูรูเยอะแยะ แต่ผมใช้วิธีลัด คือ ดูจากอันดับกองทุนที่สามารถทำผลตอบแทนได้สูง ในเว็บ www.morningstarthailand.com ซึ่งเค้าจะเปรียบเทียบผลการดำเนินงานไว้ทุกกองทุน

อย่าลืมว่า ยิ่งให้ผลตอบแทนสูงยิ่งเสี่ยงสูงนะครับ แต่ผมจับจังหวะได้ว่าเมื่อปีที่ผ่านมาน่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นของตลาด สังเกตจากดัชนีหุ้นขึ้นพรวดๆ เลยรีบลงทุนในกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นเป็นหลัก ดังนั้นผมสามารถได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมเมื่อปีที่ผ่านมาเกือบๆ 20% หรือหากเป็นจำนวนเงินก็คือ มากกว่า 10,000 บาทที่ได้ ซึ่งผมก็พอใจ เงินจำนวนนี้เลยทำให้ผมปิดบัตรบางบัตรได้แบบไม่ต้องคิดมาก แม้จะได้ส่วนลดน้อยแต่ผมถือว่าเรามีส่วนต่างจากการลงทุนตรงนี้ครับ

และการลงทุนในกองทุนรวม เราจะได้เงินคืนหลังจากส่งคำสั่งขายไปแล้ว 4 วันทำการนะครับ ไม่ใช่ขายวันนี้ได้เงินทันที ตรงนี้ต้องระวังด้วยเช่นกัน กับวันที่พวกเจ้าหนี้ระบุให้ชำระเงินในหนังสือเงื่อนไขปิดหนี้

บางท่านอาจจะอ่านแล้วฟังดูยาก และไม่กล้าเสี่ยง ก็เป็นเรื่องปรกติครับ ผมเองกว่าจะค้นพบวิธีการนี้ก็ต้องศึกษาข้อมูลเยอะมาก หากเรามีข้อมูลเยอะเรายิ่งได้เปรียบ นอกจากนี้ผมยังมีความเชื่อที่ว่า กองทุนที่ผลงานดีๆ ยังไงหากเราไปลงทุนแล้ว ผู้จัดการกองทุน กองนั้นก็ต้องพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด หากนำเงินไปลงทุนแล้วผิดพลาด เงินต้นสูญ ย่อมมีผลกระทบกับตัวเค้าเองแน่นอนรวมไปถึงชื่อเสียงของบริษัทด้วย

และผมก็ไม่ได้ลงทุนแบบเก็งกำไร เวลาลงทุนจะทะยอยซื้อทุกเดือนๆ เท่ากัน ซึ่งเค้าเรียกในศัพท์ว่า Dollar cost average หรือ DCA ครับ คือซื้อเฉลี่ยแต่ละเดือนเท่าๆ กัน จึงทำให้ราคาที่เราซื้อถัวๆ กันไปซึ่งมีการทดสอบและพิสูจน์แล้วว่าในเวลา 1 ปีสามารถให้ผลตอบแทนได้จำนวนหน่วยลงทุนมากกว่าซื้อแบบครั้งคราว หรือแบบเก็งกำไรแน่นอนครับ

ตรงนี้หากสงสัยก็สามารถโพสถามได้นะครับ ยินดีให้ข้อมูลเต็มที่

วิธีการที่สอง อันนี้เสี่ยงน้อยหน่อย แต่ก็ต้องอาศัยความใจเย็นนิดนึงครับ คือ ลงทุนในทองคำ ผมเองก็แบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนผ่าน กองทุนทองคำ ผลตอบแทนก็น่าพอใจครับ หรือบางคนจะเปลี่ยนไปลงทุนแบบซื้อทองคำเก็บไว้ก็ได้ แต่ต้องเป็นทองคำแท่งนะครับ หากเป็นทองรูปพรรณ ไม่แนะนำ เพราะซื้อมาปุ๊ปขาดทันปั๊บทันที จากค่ากำเหน็จ นั่นเอง หากเป็นทองคำแทง ตอนนี้ก็มีแบบราคา 1-2 บาทด้วยแต่ก็มีค่ากำเหน็จเช่นกันแต่น้อยกว่าทองรูปพรรณ

ที่แนะนำให้ลงทุนซื้อทองเก็บไว้ เพราะว่าทองคำยังไงราคาก็ไม่ลดลงแน่นอนในระยะยาว ทีนี้อาจจะเกิดปัญหาขึ้นเวลาที่เงื่อนไขปิดหนี้ ช่วงนั้นราคาทองดันลง เราซื้อไว้ขาดทุน จะทำยังไง ก็มีวิธีแก้คือ ไปโรงจำนำสิครับ 555 อาจจะดูเหมือนตลก แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คิดออก เพราะดอกเบี้ยโรงจำนำถูกแสนถูกไม่มีเงินไถ่ก็จ่ายดอกได้ ดีกว่าเอาไปขายเพราะขาดทุนแน่ๆ แบบนี้เรายังมีโอกาสได้เก็บทองไว้ต่อ แต่ผมเชื่อว่า ราคาทองคำไม่ผันผวนมากสำหรับลูกค้ารายย่อยอย่างเราครับ

โดยส่วนตัวผมไม่ซื้อทองเก็บไว้ครับ เพราะเกรงเรื่องความปลอดภัย กลัวสูญหาย และขาดทุนจากค่ากำเหน็จและไม่สะดวกหากต้องพกเอาทองคำไปขาย เลยเลี่ยงไปลงทุนในกองทุนรวมทองคำดีกว่า เพราะวัตถุประสงค์ของผมคือ หาดอกผลให้ได้มากที่สุด เลยไม่ได้เน้นที่ทองคำจริงๆ

ผมใช้สองวิธีนี้แหละครับในการบริหารเงินที่สะสมไว้สำหรับปิดหนี้ให้ได้ผลตอบแทนเพิ่ม เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ก็เงินก้อนใหญ่นะครับสำหรับปิดแต่ละใบ อย่างน้อยช่วงระยะเวลาที่เรารอหรือต่อรองก็เป็นเดือนแล้ว บางคนหลายเดือน เลยต้องหาวิธีทำให้เงินเก็บเพิ่มค่า

บางท่านที่กลัวเรื่องความเสี่ยงมากๆ ผมก็แนะนำว่าเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากประจำ จะดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์ครับ ต่ำสุดก็ 3 เดือนเก็บไว้เลย ตอนนี้ธนาคารต่างๆ แข่งขันกันเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ เพียงแค่เราขยันหาข้อมูลก็จะพบสิ่งดีๆ เช่นกัน และตอนนี้ก็เห็นว่าแม้เราจะถอนออกมาก่อนครบกำหนด ยังไงดอกเบี้ยที่ได้ก็ยังมากกว่าฝากแบบออมทรัพย์ ลองหาดูครับเวลาไปธนาคารสอบถามเอาได้ หรือง่ายสุด ก็ห้องสินธร ณ pantip มีคำตอบให้เช่นกัน


แถมให้อีกหนึ่งวิธีการ แต่ไม่ใช่วิธีเก็บเงินนะครับ คือวิธีหาเงิน หากว่ามีข้อเสนอดีๆ แต่เราไม่มีเงิน จะไปหยิบยืมใครก็ยากลำบากด้วยกัน ลองค้นดูสิครับว่า มีประกันชีวิต ที่ซื้อไว้และจ่ายเบี้ยประกันไปแล้วเกิน 2 ปี บ้างหรือเปล่า หากมี นี่ก็เป็นขุมทรัพย์อีกอย่างหนึ่งเช่นกัน
คือ ประกันชีวิตที่เราซื้อไว้ หากครบกำหนดระยะเวลา 2 ปีแล้วทุกแบบประกันทุกบริษัทนะครับ สามารถนำกรมธรรม์ที่ได้ไปขอกู้เงินสดได้ จากบริษัทประกันนั้นๆ อยากจะรู้ว่าได้เท่าไหร่ก็ลองโทรสอบถามคนขายประกันที่มาขายให้เรา หรือ call center บริษัทประกันได้ครับ

กู้เงินจากกรมธรรม์ คือ เวลาที่เราจ่ายเงินไปประกันนั้นๆ จะมีมูลค่าเงินสดสะสมอยู่เสมอ ยิ่งจ่ายไปเยอะเท่าไหร่และนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีเงินสะสมอยู่มาก การกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิต ก็เหมือนเราไปขอยืมเงินจากบริษัทประกันมา โดยมีกรมธรรม์ประกันชีวิตของเราเองเป็นหลักค้ำประกัน โดยที่เค้าจะคิดดอกเบี้ยการยืมด้วย แต่ถูกมาก ง่ายๆ คือ เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 4 % ครับ ถามตัวแทนก็ได้ หรือเล่มกรมธรรม์ก็บอกไว้เช่นกันว่าเวลาขอกู้เงินเค้าจะคิดดอกเบี้ยเท่าไหร่

วิธีการนี้มักจะไม่ค่อยทราบกัน เรากู้เงินออกมา แต่กรมธรรม์นั้นก็จะยังมีผลบังคับใช้อยู่เหมือนเดิม เพราะส่วนใหญ่แล้วจะให้กู้ 80 % ของมูลค่ากรมธรรม์ทั้งหมด อีก 20 % บริษัทจะเหลือไว้เพื่อรักษาสิทธิ์ของเราเอง
หลายคนใช้วิธี เวนคืนเงินสด ออกมา วิธีนีจะทำให้กรมธรรม์ของเราสิ้นสภาพบังคับ และเวนคืนในปีแรกๆ ก็จะขาดทุนแน่นอน แต่หากคำนวนแล้วเบี้ยประกันที่ส่งไปน้อยกว่ามูลค่าเวนคืนเงินสด ก็ทำได้

แต่ผมแนะนำให้ใช้วิธีกู้เงินจากกรมธรรม์จะดีกว่าครับ หากเราส่งมาไม่นาน ก็เป็นแหล่งเงินอีกแห่งหนึ่งที่เรามักจะมองข้ามไป

ก็เลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเองนะครับ สงสัยตรงไหนโพสถามได้เลย

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8698 โดย freedom_life

เรื่องการลงทุนผมเองต้องบอกว่าหากไม่เป็นหนี้จะก็จะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เลย เป็นหนี้บัตรเครดิตทำให้ผมหันมาสนใจเรื่องการลงทุนและเรื่องวางแผนการเงิน แบบนี้กระมังที่เขาบอกกันว่า เหรียญมักมีสองด้านเสมอ หากเราตั้งใจมองดีๆ ด้านหนึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่าเหนื่อยและท้อแท้ แต่อีกด้านหนึ่งเรื่องเดียวกันก็เป็นตัวกระตุ้นให้เราลุกขึ้นมาทำอะไรดีๆ ได้เช่นกัน


ทองคำตอนนี้ซื้อไม่ไหวจริงๆ ครับ อยากจะได้สักสองสามบาทแขวนพระยังคิดหนัก จำได้ว่าซื้อทองบาทแรกอยู่แค่เจ็ดพันกว่าบาทเมื่อสักสิบปีที่ผ่านมา

สองปีที่ผ่านมาน้องสาวหอบเอาทองที่เก็บไว้จะเอาไปขายเพื่อดาวน์รถใหม่ ผมก็บอกว่าอย่าขายให้เอาไปจำนำจะดีกว่า ขายไปแล้วก็ซื้อกลับมาไม่ได้อีกแล้ว จำนำอย่างน้อยก็จะมีภาระให้หาเงินมาไถ่ออกไป และเรื่องซื้อรถยนต์ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยตั้งแต่แรก เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซื้อมาก็มีแต่ "ลด" สมชื่อ แต่ก็หาได้ฟังไม่ จะเอาให้ได้ ได้มาก็ไม่ได้เอาไปทำประโยชน์เพื่อหาเงิน แค่ขับโก้เก๋ เค้าบอกว่าอยากมีสมบัติติดตัว บอกไปว่าสมบัติมีตั้งหลายอย่าง รถน่ะเป็นสมบัติที่ห่วยที่สุดมีแต่ราคาตก เค้าก็ไม่ฟังก็ช่างเค้า ผ่อนให้รอดแล้วกัน

อ่านกระทู้พี่กอบัวบอร์ดเดิม เห็นว่าเสียภาษีขาดอีกพันเดียวจะครบแสน เหอๆ เรื่องนี้แหละครับที่ทำให้ต้องมานั่งคิดเช่นเดียวกันว่า เราทำงานงกๆ แต่เงินที่เสียภาษีไปเนี่ยเอาไปทำประโยชน์ได้คุ้มค่าจริงๆ หรือเปล่า เสียดายหากว่าเอาไปเพิ่มความร่ำรวยให้กับพวก here' here'

ลองคิดกันดูเล่นๆ พวกเราเสียภาษีกันเท่าไหร่ ง่ายๆ เลยคือ ทำงาน 12 เดือน ต้องเสียภาษีให้กับรัฐ 1 เดือน ดังนั้นใครได้โบนัสมา 1 เดือนอย่าเพิ่งดีใจครับ เพราะว่าโบนัสนั้นเราไม่ได้ แต่หากได้ 2 เดือน เราก็เหลือโบนัสแค่ 1 เดือน ลองหยิบ 50 ทวิ มาดูครับ รับรองไม่หนีไปจากนี้แน่

ดังนั้นต้องดึงเงินเรากลับคืนมาให้ได้มากที่สุด พวกลดหย่อนต่างๆ หากเป็นไปได้จะต้องใช้ให้คุ้ม พูดแล้วชักคันมือ ขอแถมเรื่องวางแผนภาษีอีกสักนิด เพราะช่วงนี้เป็นช่วงยื่นภาษี หากไม่ทันก็ถือว่าเตรียมตัวไว้ปีหน้าครับ

1. ค่าลดหย่อน
- ประกันชีวิต ควรจะมีบ้างนะครับไม่มีเลย ตรงนี้ก็เสียสิทธิ์ เลือกเอาแบบที่เราจ่ายไหว สูงสุดตอนนี้ได้ 100,0000 บาท คือ หากฐานภาษี 10 % ก็ได้คืน 10,000 ฐานภาษี 20% ก็ได้คืน 20,000 ส่วนประกันบำนาญต่างๆ ที่จะลดหย่อนได้เพิ่มอีก 200,000 นั้น เท่าที่ศึกษาดูยังไม่เหมาะสำหรับพวกเราครับ เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้สูงมากๆ และทำเพื่อลดหย่อนภาษีจริงๆ ประกันตัวนี้จะเป็นภาระระยะยาว เอาแค่แสนแรกพอครับ อย่าลืมว่าประกันคือ ภาระอย่างหนึ่ง ดังนั้นทำเท่าที่เราจ่ายได้ไม่เดือดร้อน มีดีกว่าไม่มีเลยนะครับ อ้อ จะนำมาลดหย่อนได้ความคุ้มครองจะต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 10 ปีด้วย ไม่อย่างนั้นจะนำมาลดหย่อนไม่ได้

เวลาซื้อ หากจะซื้อให้ลูก ควรใส่ชื่อผู้เอาประกันเป็นพ่อ-แม่ ผู้รับผลประโยชน์เป็นลูก เพราะพ่อแม่จะนำเอาเบี้ยที่จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ หากเป็นชื่อลูก จะลดหย่อนภาษีไม่ได้ ยิ่งหากทำเป็นทุนการศึกษาให้ลูกยิ่งต้องทำเป็นชื่อพ่อแม่ เพราะมีโอกาสที่จะเสียชีวิตก่อนลูก ความเสี่ยงสูงนั่นเองครับ

ทำประกันให้พ่อแม่ที่อายุเกิน 60 ปีและไม่มีรายได้ เรานำเบี้ยมาลดหย่อนได้แต่ต้องดูแบบประกันด้วยว่าจะลดหย่อนได้หรือไม่ แต่ได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

ซื้อประกันอย่าสักแต่ว่าซื้อนะครับ ซื้อแล้วต้องรู้ด้วยครับว่าเราใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ต้องวางแผนก่อนจ่ายเสมอ อีกอย่างตอนนี้ประกันไม่ได้ทำกันง่ายๆ เพราะบริษัทส่วนใหญ่จะเรียกตรวจสุขภาพ หากสุขภาพแข็งแรงรีบทำไว้ก่อนนะครับ อย่ามาคิดทำตอนที่เจ็บป่วยหรือรอไว้ๆ ไม่อย่างนั้นเบี้ยจะแพงมากจนเรารู้สึกไม่คุ้ม

- LTF & RMF สองตัวนี้ถือว่าเป็นการลงทุนและการออมสำหรับคนที่หน้าตาคล้ายๆ เราแต่ว่าแก่และสูงวัยมากในอีก 30-40 ปีข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็นำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน ผมแนะนำให้เริ่มจาก LTF ก่อนครับสำหรับกลุ่มพวกเราหากเป็นไปได้เพราะลงทุนแค่ 5 ปีปฏิทิน หรือเวลาจริงๆ แค่สามปีกว่าๆ เราก็ขายออกมาได้หากจำเป็นโดยไม่ถูกเรียกคืนภาษี แต่หากเป็น RMF เงื่อนไขมันจะยุ่งยากเป็น เอาไว้มีเวลาค่อยมาออมกัน แต่หากเงินเยอะ ก็ไม่ว่าครับ ดีเช่นกันแต่ความยืดหยุ่นน้อยกว่า

ที่แนะนำ LTF เพราะว่าเราสามารถทะยอยซื้อได้ในแต่ละเดือนและอย่าไปทุ่มซื้อตอนปลายปีช่วงที่ได้โบนัสเนื่องจากราคาหน่วยลงทุนจะแพงเนื่องจากคนแห่ไปซื้อกัน ควรจะทะยอยซื้อเก็บไปทีละเดือนเปรียบเทียบกันแล้วซื้อแบบนี้จะได้ราคาหน่วยลงทุนที่ถูกกว่าซื้อตอนปลายปี ขั้นต่ำก็เดือนละ 2,000 บาทครับ นี่แหละที่ผมแนะนำว่า ใช้สมการ รายได้-เงินออม = ค่าใช้จ่าย ที่ผมใช้อยู่ตอนนี้

พอครบกำหนด 5 ปีปฏิทิน เราก็เอาเงินก้อนนี้แหละมาวนซื้อต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสิทธิลดหย่อนภาษีครับ เวลาไปซิ้อพวกกองทุน หากผ่านธนาคาร มักจะถูกพนักงานแนะนำว่า อย่าซื้อเลย ตอนนี้ราคาตก หรือไม่ ช่วงปลายปีก็จะบอกว่าอย่าซื้อเลยช่วงนี้ราคาสูง แล้วจะแนะนำให้เราซื้อประกันแทน 555 ตรงนี้อย่าไปเชื่อครับให้ตั้งสติแล้วซื้อไปเลย อย่าสนใจราคา เพราะเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่ซื้อวันนี้แล้วจะขายเลยสักหน่อย อย่างน้อยต้องถือไว้สามปีกว่าๆ เลย

ยิ่งราคาตก เหมือนเช่นช่วงนี้ต้องรีบกวาดไว้ครับ เพราะได้ของถูก ต่อไปยังไงก็ขึ้น แต่หากราคาแพงก็ดีเพราะที่เราซื้อมาก่อนหน้านี้ก็จะได้กำไร ซื้อมาวันนี้ก็จะถัวราคากับที่ซื้อมาแล้ว ยังไงก็ไม่ขาดทุน ตรงนี้ผมรับรองได้ เพราะทำมาแล้ว 3 ปี อิอิ

แล้วเราได้กำไรจากการลดหย่อนภาษีด้วย ถือว่ารัฐเค้าเอาเงินใส่กระเป๋ากลับคืนมาให้เรา แม้ว่ากองทุน LTF ที่เราซื้อมาจะขาดทุนแต่จริงๆ แล้วไม่ขาดทุนหรอกครับ ลดหย่อนภาษีจะเป็นตัวชดเชยให้ แต่ก็ลงทุนทั้งทีทำไมจะไปขาดทุนล่ะ เสียชื่อหมด ก็แนะนำเข้าเว็บที่บอกไว้ด้านบน หน้าแรกเลยก็บอกครับว่ากองไหนที่ผลงานดี ดูย้อนหลักแค่ 5 ปีก็พอ เลือกเอา อันดับ 1-3 พอแร่ะ สักกอง

มนุษย์เงินเดือนต้องสนใจนะครับเรื่อง LTF ไม่สนใจไม่ได้เท่ากับคุณจะไม่ได้ทั้งเงินออมและลดหย่อนภาษี ขาดทุนสองอย่างเลย เดือนละ 2,000 บาทเอง ใครมีบัตรเครดิตที่ยังไม่มีปัญหา ก็ใช้บัตรเครดิตนี่แหละรูดก่อนได้ เอาเงินธนาคารมาลงทุนก่อน แบบนี้สิครับคุ้มค่า แต่อย่าลืมไปจ่ายให้ครบด้วยล่ะครับ อิอิ ห้ามจ่ายขั้นต่ำ ไม่งั้นก็ขาดทุนแน่ๆ

2. เงินบริจาค จากที่เคยบอกไว้ว่า อย่าบริจาคเงินให้พวกขอทาน หรือพวกเดินขอ ด้วยเหตุตอนนี้เราไม่อยู่ในฐานะที่จะเอาเงินไปใช้จ่ายแบบนั้นได้ เราต้องคิดถึงตัวเราก่อน ไม่ใช่เห็นแต่ตัวนะครับ การช่วยเหลือทำได้หลายแบบ ไม่ใช่แค่เงินอย่างเดียว ดังนั้นเวลาจะบริจาคเงิน ก็ต้องวางแผนเช่นกัน ผมแนะนำให้บริจาคให้กับโรงเรียน หรือ การศึกษาจะดีที่สุด เพราะหักลดหย่อนได้สองเท่าของเงินที่บริจาค ยังไงดูเงื่อนไขของสรรพากรอีกทีนะครับว่า ต้องบริจาคลักษณะไหนถึงจะนำมาหักลดหย่อนได้ ผมเคยพลาดไปแล้วบริจาคเป็นทุนอาหารกลางวันให้โรงเรียน หักลดหย่อนไม่ได้ !!!!

แต่หากไปบริจาคให้วัดหรือมูลนิธิต่างๆ ก็ได้ตามนั้นครับ พวกซื้อโลงศพไม่เก็บใบเสร็จแต่เผาๆ ส่งไปก็เหมือนเผาเงินทิ้งไปด้วยนะครับ 555

ดังนั้นผมแนะนำว่า บริจากให้กับโรงเรียนดีที่สุดครับ ให้เรื่องการศีกษาเป็นกุศลแรง ส่วนทางวัดนั้นเราไปทำบุญตักบาตร สังฆทานกันได้


ค่าลดหย่อนอื่นๆ นั้นแล้วแต่กรณีอีกทีนะครับ ผมเขียนไว้กว้างๆ สงสัยตรงไหนก็โพสถามได้เช่นกัน
อย่างมองข้ามเรื่องลดหย่อนภาษีกัน ปี 52 ก่อนหน้านี้ผมวางแผนแค่ส่วนหนึ่งได้เงินคืนมา สองหมื่นกว่าบาท ปี 53 วางแผนอย่างดี แม้จะไม่ครอบคลุมทุกด้านแต่ได้เงินคืนมาเกือบหกหมื่น หรือปีล่าสุดที่ได้เงินคืนกลับมาแล้ว ก็ได้เกือบๆแปดหมื่นบาทกลับคืนมา
เค้าเอาเงินให้เราแต่เราไม่ยื่นมือออกมารับ เค้าก็เอากลับเท่านั้นเองครับ ^^ ^^

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8711 โดย meawpung
ขอบคุณมากครับ

ปีนี้กะว่าจะซื้อ LTF ให้เป็นแบบเฉลี่ยรายเดือนครับ จะได้ภาษีคืน

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา - 12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8717 โดย ntps
รู้สึกถูกทดสอบ ให้ลบกระทู้บ่อยๆ นะ ^^ เออ ขยันจังเลย
online ทั้งวันทั้งคืน โอม เพี้ยง ขอให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป :pray:
จับมัดมือให้อยู่กับบ้านซะเลย ^^
เคยอ่านเรื่องของเขาคนนี้ เขาออมทุกบาททุกสตางค์ จนน่า
ประทับใจมากๆ มีสลึงพึงใส่กระปุก ^^



ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8824 โดย ntps
โอ นายอิสระหายไปแล้ว :shy: ชมว่า ขยันหน่อยเดียว
ไม่ตั้งใจจะมัดเธอกับเก้าอี้เลยนะ :cry2: ผิดไปแล้ว
กลับมาเถิดนะ :pray:

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #8991 โดย Pych
เพิ่งไปทักทาย คุณแม่มา เลยแวะมาทักทายคุณลูกบ้าง
พอผมมา คุณก็หายไปไหนซะแล้ว

อย่าลืมกลับมาให้ความรู้เรื่องการลงทุนต่อนะครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9006 โดย freedom_life

kaewja เขียน: โอ นายอิสระหายไปแล้ว :shy: ชมว่า ขยันหน่อยเดียว
ไม่ตั้งใจจะมัดเธอกับเก้าอี้เลยนะ :cry2: ผิดไปแล้ว
กลับมาเถิดนะ :pray:



ไม่ได้หายไปไหนครับ มาดูทุกวันแหละ แต่ว่าตอนนี้หามุขใหม่ๆ มาเขียนอยู่อ่ะครับ
นี่เพิ่งไปเดินงานหนังสือมา ไปยืนอ่านบ้าง ซื้อบ้าง สักพักคงจะทะยอย นำเรื่องราวดีๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ
:สู้ๆ: :สู้ๆ:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9007 โดย freedom_life

Anakin เขียน: เพิ่งไปทักทาย คุณแม่มา เลยแวะมาทักทายคุณลูกบ้าง
พอผมมา คุณก็หายไปไหนซะแล้ว

อย่าลืมกลับมาให้ความรู้เรื่องการลงทุนต่อนะครับ



ไม่ได้หายไปไหนครับ อิอิ
กำลังซุ่มหาข้อมูลอยู่

ค้างเรื่องการเก็บเอกสารหนี้และเก็บตกจากการปลดหนี้ แปะไว้ก่อนครับกันลืม
^^ ^^

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9008 โดย Benten

freedom_life เขียน:

Anakin เขียน: เพิ่งไปทักทาย คุณแม่มา เลยแวะมาทักทายคุณลูกบ้าง
พอผมมา คุณก็หายไปไหนซะแล้ว

อย่าลืมกลับมาให้ความรู้เรื่องการลงทุนต่อนะครับ



ไม่ได้หายไปไหนครับ อิอิ
กำลังซุ่มหาข้อมูลอยู่

ค้างเรื่องการเก็บเอกสารหนี้และเก็บตกจากการปลดหนี้ แปะไว้ก่อนครับกันลืม
^^ ^^


กลับมาแล้ว คุณ Freedom_life มารออ่านครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9023 โดย ntps
เป็นไงค่ะ งานหนังสือ มีอะไรดีน่าสนใจไหมค่ะ เบื่อคนเยอะมากๆ
เห็นแล้วเวียน head ต้องมาเบียดแย่งกัน ทำให้หาหนังสือถูกและดีๆ
ไม่เจอค่ะ ปีนี้ยังไม่ได้ไปเลย กะว่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้จะไปค่ะ

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9027 โดย june

route55 เขียน: คุณ ฟรีดอม หาเบอร์ คุณไม่เจอ จะโทรถามเรือ่งห้องกรงแบงค์อยู่ ถามพี่เป้ บอก ลืมเบอร์ เด๋วไปค้นก่อน ยังไงดี พี่เป้คงมีเบอร์แล้วใหมค่ะ โทรถามพี่เป้ก็ได้ เด๋วโทรไปปรึกษานะค่ะ




เท่าที่หม่ามี๊จำได้ไม่ได้ลืมซักกะหน่อย ไอ้เจ้า route55 เค๊าถามหม่ามี๊ตอนไหนกันละเนี่ย ?




รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9048 โดย juthatip.jj
แวะมาเลี้ยงข้าวพี่ที่ Terminal 21 ด้วย ให้ไว

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9185 โดย freedom_life

kaewja เขียน: เป็นไงค่ะ งานหนังสือ มีอะไรดีน่าสนใจไหมค่ะ เบื่อคนเยอะมากๆ
เห็นแล้วเวียน head ต้องมาเบียดแย่งกัน ทำให้หาหนังสือถูกและดีๆ
ไม่เจอค่ะ ปีนี้ยังไม่ได้ไปเลย กะว่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้จะไปค่ะ


ได้มาเยอะมากครับ 19 เล่ม มีหนังสืออ่านไปอีกนานเลย คนเยอะมากกกกก แต่มองในมุมที่ดีว่าคนไทยเราสนใจอ่านหนังสือกันมากขึ้น ส่วนลดก็ลดกัน 15% น่ะครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9186 โดย freedom_life

แสนดี เขียน: แวะมาเลี้ยงข้าวพี่ที่ Terminal 21 ด้วย ให้ไว


โห ไปที่วัยสะรุ่นซะด้วยจิพี่แสนดี เลี้ยงอาหารญี่ปุ่นแล้วกันเนอะ
มาม่ากะชาเชียว ^^ ^^

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา - 12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9188 โดย freedom_life
ตอนนี้จะนำเสนอเรื่อง การจัดระเบียบเอกสาร
เอกสารสำหรับการปลดหนี้จำเป็นมากครับที่เราจะต้องจัดการให้ถูกต้องและเป็นระบบ ไม่อย่างนั้นชีวิตคุณจะยุ่งเหยิงและไม่มีข้อมูลเวลาคุยกับเจ้าหนี้ทั้งหลาย ตอนแรกผมไม่เก็บอะไรทั้งสิ้น ข้อมูลอยู่ไปทั่ว เวลาต่อรองก็ทำได้ไม่ดี เพราะขาดข้อมูล จดไว้โน่นไว้นี่ สุดท้ายเอามาใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

ทราบหรือเปล่าครับว่า บรรดา call center ที่ให้ข้อมูลเวลาเราโทรไปสอบถาม สิ่งที่ทำให้เค้ามั่นใจเวลาคุยหรือตอบคำถามพวกเราคือ ข้อมูล ที่มีการจัดเรียงไว้อย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะในรูปของเอกสาร หรือ ในคอมพิวเตอร์

และเช่นกันกับบรรดาพวกห่านจิก ห่านลาก ประดามีที่โทรมา ก่อนโทรเค้าก็จะอ่านข้อมูลเราทั้งหมดก่อนจากสิ่งที่บรรดารุ่นพี่ของพวกมันได้ช่วยกันบันทึกไว้ในระบบ ทุกอย่างที่จะรวบรวมจากเรา ทุกสิ่งที่เราพูดกับมันไป

ผมเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนที่กำลังอ่านกระทู้ผมอยู่ มีอาวุธอยู่ครบมือครับ อาจจะมีเยอะด้วยซ้ำไป แต่ปัญหาที่สังเกตคือ ไม่รู้จะหยิบเอาชิ้นไหนมาใช้ดี หรือจวนตัวเข้าไอ้อาวุธที่ว่ามันดันหายไปไหนก็ไม่รู้ หรือบางทีก็ "ทื่อ" ซะจนใช้ไม่ได้

บางคราก็หยิบมาใช้แบบสับสนกับตัวเอง เหอๆ หยิบผิดหยิบถูก 555 เลยไม่โดนเป้าหมายสักที

วันนี้ตาเสรีภาพก็จะมาช่วยทุกท่านในการจัดเรียงข้อมูลให้เป็นระบบครับ จะรบกับเค้าก็ต้องจัดระเบียบอาวุธกันสักหน่อย

1. ข้อมูลเครดิตบูโร หากยังไม่มี ลองไปอ่านวิธีการดูที่กระทู้หน้าถามตอบปัญหาหนี้เช็คเครดิตบูโร
เพราะข้อมูลตรงนี้เราจะต้องไว้ใช้สำหรับการตรวจดูยอดต่างๆ ว่ามันคิดดอกเบี้ยเกินไปมากแค่ไหน เราหยุดจ่ายเมื่อไหร่ ยอดหยุดจ่ายตอนนั้นเท่าไหร วงเงินบัตรเครดิตเราที่ได้มาเท่าไหร่ ข้อมูลตรงนี้สำคัญนะครับมีผลต่อการทำแฮร์คัทด้วย บอกหมดไม่ได้ เด๋วพวกห่านจิกรู้ อิอิ

2. บันทึกข้อมูล พวกห่านจิก อาทิ
-ชื่อห่านตัวนี้ชื่อ และนามสกุล ถามมันได้เลยเพราะทีมันยังถามย้ำชื่อและนามสกุลเราได้ หนามยอกต้องหนามบ่งเช่นกัน
- สำนักงานกฏหมา..ย ที่พวกมันสังกัดอยู่
- วันและเวลาที่โทรมา
- เบอร์ที่โทรมา มีกี่เบอร์จดไว้ให้หมดครับ อย่าให้พลาด เพราะพวกมันก็บันทึกเบอร์พวกเราทั้งหมดเช่นกัน มีประโยชน์ครับ เบอร์พวกมัน บอกไม่ได้ตรงนี้อีกเช่นกัน เด๋วมันรู้กลยุทธ์ หุหุ
- เรื่องที่คุย เอาคร่าวๆ ครับ ไม่ต้องลงละเอียดมาก อิอิ
- ยอดที่นำเสนอ เท่าไหร่ก็ต้องจดไว้
- อื่นๆ ทุกอย่างที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์จดไว้เลยครับ
อ้อ รวมรวมไว้ที่เดียวกันนะครับ หากเป็นสมุด ก็จดไว้เลยแยกตามบัตรเครดิตที่ติดด้วย แล้วพกพาไปได้สะดวก หรือจะบันทึกไว้ใน excel บนคอมม์เปิดเวลาที่มันโทรมาตอนทำงานก็กิ๊บเก๋ เหอๆ หลอกเจ้านายว่ากะลังทำงานอยู่ได้ด้วย อิอิ แล้วก็ปริ้นติดตัวไว้ด้วย ผู้หญิงยิ่งสะดวก มีกระเป๋าถือกันทุกคน อย่าเอาไว้แค่เก็บเครื่องสำอางค์ 555

3. เอกสารที่ส่งจากสนง. กฏหมายและธนาคาร หรือ ศาล
ที่ส่งมาให้ทุกเดือนๆ จนล้นตู้ไปรษณีย์ เก็บไว้ได้ครับ จะได้รู้ว่าเรื่องราวเราอยู่ที่สนง. อะไร ห่านตัวไหนที่คอยจิกเราอยู่ ยอดหนี้เท่าไหร่แล้ว ข้อเสนอที่ให้ ส่วนใหญ่จะมีอยู่ในจดหมายทุกฉบับนะครับ หากเจ้าไหนมันส่งมาประจานก็จัดการส่งเรื่องไปที่ ธปท. ได้เลย วิธีการดูที่กระทู้โด่งดังของหม่ามี๊ปูเป้

เอกสารทางศาล ตรงนี้ยิ่งสำคัญจะต้องเก็บไว้ และดูยอดหนี้ มูลฟ้องที่เจ้าหนี้เค้าฟ้องเรา ในนั้นจะมีรายละเอียดการใช้บัตรของเราทุกอย่าง ว่าใช้ไปแล้วเท่าไหร่ หยุดจ่ายตั้งแต่เดือนไหน ผมใช้ข้อมูลตรงหมายศาลนี่แหละครับในการทำยอด แฮร์คัท ที่ได้เล่าไปแล้วถึง 3 ใบหลัง ผมไม่ต้องจ่ายมากกว่ายอดที่ผมหยุด ยกเว้นห้องกรงแบงค์ที่มันโค-ตะ-ระ เขี้ยวมากถึงมากที่สุด ที่จ่ายไปมากกว่าใช้ หากไม่มีเงื่อนไขกู้บ้านผมจะลุยให้ถึงที่สุด ทุกวันนี้ยังแค้นอยู่ครับ ว่าที่มันคิดกับเราเกินกฏหมายกำหนดหรือเปล่า จะเล่นงานกลับครับ !!!! กำลังหาช่องทางอยู่

เอาแค่นี้ก่อนครับ ดูง่ายๆ แต่ตอนจัดเรียงยากเหมือนกัน แต่ความรู้สึกผมตอนที่จัดเอกสารพวกนี้ ผมสบายใจมากๆ ครับ จัดแบบมีความสุข จัดเสร็จเก็บเข้าแฟ้มแบบในรูปครับ เหอๆ พกไปทำงาน


ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา - 12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9189 โดย freedom_life
และอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก เช่นกัน คือ หลังจากเราได้ใช้อาวุธต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว สักวันย่อมประสบผลสำเร็จ สู้ชนะ หรือไม่ก็บรรลุสิ่งที่เราต้องการคือ ปลดหนี้ได้

แต่เรายังไม่หมดภาระนะครับ ต้องจัดการเอกสารเกี่ยวกับการปิดบัญชีให้เรียบร้อยก่อน เพราะจะมีผลกับเราต่อไปเวลายื่นทำธุรกรรมต่อไปในอนาคต เหมือนผมที่ปิดหนี้บัตรเครดิต แล้วแต่ไม่ค่อยชินที่ไม่มีหนี้เลยขอไปเป็นหนี้ต่อก้อนโต อิอิ

เอกสารที่ต้องเรียงไว้เวลาปิดบัญชี ขอเล่าซ้ำอีกรอบครับ

1. หนังสือยืนยันเงื่อนไขการชำระหนี้ ที่กรรมการย้ำนักย้ำหนาว่าต้องมีๆๆ ไม่มีไม่จ่าย
2. เอกสารการชำระเงิน ต้องเขียนใบ pay in ด้วยตัวเองทุกครั้ง ลงชื่อผู้จ่ายให้ชัดเจน
3. หนังสือยืนยันปิดภาระหนี้ อาจจะไม่จำเป็นก็ได้เพราะแค่ 1-2 ก็พอ แต่เพื่อความมั่นใจใส่เพิ่มไว้ก่อน

ทั้งหมดจัดเรียงตามลำดับไว้เลยครับ ต้นฉบับต้องเก็บไว้ดีๆ และผมถ่ายเอกสารสำรองไว้อีกหนึ่งชุดด้วย ยัง... ยังไม่พอ กลัวจะหาย อิอิ แสกน ไว้เป็น file เก็บไว้อีกต่างหากครับ ก็ใช้ของที่ทำงานนั่นแหละ เหอๆ

ได้แนวทางมาจากกระทู้เส้นทางปิดหนี้ใบที่ ....จนถึงใบสุดท้ายของพี่กอบัวนี่แหละครับ ที่ให้แนวทางว่าจะต้องเก็บเอกสารไว้ให้ดี บางที่เช่นของ KTC เนี่ยจะเป็นกระดาษคล้ายกระดาษจากตู้ ATM ซึ่งจะจางไวมาก ต้องรีบถ่ายเอกสารเก็บไว้ไม่งั้นข้อมูลจะเลือนหาย

ตอนจะใช้ยื่นสถาบันการเงินก็จัดเป็นชุดๆ ไปครับ ไล่จากปิดใบแรกจนถึงใบสุดท้าย แล้วก็ยื่นไปได้เลย รับรองยังไงก็ผ่านครับ

สงสัยตรงไหนถามได้เลยนะครับ


ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9190 โดย Benten
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆมีประโยชน์ครับ

ปล. ชอบซองเอกสารครับ อิอิ ชอบสีเขียวครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9360 โดย ntps
นายอิสระจ้ะ ได้เมล์ไหมค่ะ ชวนไปสวนลุมรดน้ำคุณอา และสาดน้ำคุณนกค่ะ วันอาทิตย์นี้ บ่ายโมง ที่สวนลุมค่ะ

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา #9424 โดย freedom_life

kaewja เขียน: นายอิสระจ้ะ ได้เมล์ไหมค่ะ ชวนไปสวนลุมรดน้ำคุณอา และสาดน้ำคุณนกค่ะ วันอาทิตย์นี้ บ่ายโมง ที่สวนลุมค่ะ


ผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดครับพี่แก้วจ๋า อดไปเลย
แล้วพี่แก้วจ๋าไปเที่ยวที่ไหนบ้างเอ่ย หยุดยาวนี้
:สู้ๆ: :สู้ๆ:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.089 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena