เลยกำหนดการจ่ายกี่วันถึงถูกฟ้อง

กับ UOB ก็ยังเป็นหนังเรื่องยาว ขู่จะฟ้องตลอดนึกว่าเรื่องไปถึงศาลแล้ว เมื่อวันจันทร์เดินทางไปทำธุระที่ กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่คนเดิม ชื่อภวพัส โทรมาดิฉันอยู่บนรถโดยสารประจำทางไม่สะดวกคุย บอกให้โทรมาใหม่พรุ่งนี้ เธอยังบอกพรุ่งนี้ไม่ได้ เดี๋ยวตอนบ่ายจะโทรมาใหม่ สรุปเธอไม่ได้โทรมา พึ่งโทรมาเมื่อเช้าด้วยสไตด์เดิม คือ ต้องจ่าย ไม่จ่ายจะฟ้อง พอเราให้เหตุผลว่ายังไม่มีเงิน เธอก็บอกว่าไม่ต้องพูดกันดีกว่าเรื่องไม่มีเงิน ดิฉันก็เลยบอกว่าได้ งั้นก็ไม่ต้องพูดกัน แค่นี้นะ แล้วดิฉันก็ตัดสายทิ้ง
เนื่องจากมีบัญชี 3 ประเภท ของ UOB เจ้าหน้าที่ดูแลบัตรอื่นเห็นภวพัส ติดต่อแล้วก็เลยไม่ติดต่อ ภวพัสดูแลบัญชีบัตรกดเงินสด เจ้าหน้าที่อีกคนเห็นบัญชีนานแล้วยังไม่มียอดเข้ามาก็เลยลองโทรมา เป็นคนดูแลบัตรเครดิต ปรากฏว่าพูดจาต่างกันราวกับฟ้าดิน เจ้าหน้าที่บัตรเครดิตถามตามปกติ ไม่พูดจาประชดประชัน ไม่พูดสวนขึ้นมา ฟังลูกค้าพูดให้จบก่อน พร้อมช่วยกันคิดทางออกว่าจะทำไงดี อธิบายรายละเอียดได้ดีมาก ๆ เธอบอกว่าเธอทำงานมา 4 ปีแล้ว ไม่เคยพูดจาไม่ดีกับลูกค้า และเธอจะไปขอหัวหน้าเจ้าหน้าที่อีก 2 บัตร ว่าเธอจะดูแลเอง ไม่ต้องโทรหาลูกค้าบ่อย ๆ ค่อยยังชั่วหน่อย เสียสุขภาพจิตมานาน

คุณ powerfully ค่ะ ไม่ทราบว่าหยุดจ่าย อีซีบายกี่เดือนค่ะ ถึงได้รับหมายศาล พอดีเพิ่งหยุดจ่ายเดือนแรกไปนะค่ะ จะได้เตรียมตัวรับมือได้ทันค่ะ

บัตรทุกใบหยุดชำระตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2555 คะ
ช่วงนี้อีซี่บายเร่งฟ้องลูกค้าคะ เห็นเพื่อนสมาชิกที่ยอดใกล้เคียงกันหยุดระยะเวลาใกล้เคียงกันได้หมายศาลแล้วทุกคนคะ ยอดหยุดประมาณเก้าหมื่นห้า ยอดฟ้องประมาณ แสนหนึ่งหมื่นหกพันคะ
ของอีซี่บายพูดจาดี แต่จะทวงถึ่มากคะ ช่วงแรก ๆ บางทีเช้า กลางวัน เย็น เลยคะ ช่วงหลังจากสี่เดือนก็หายไป จนได้รับหมายศาลนี่ละคะ

มาเล่าประสบการณ์ไปศาลครั้งแรกให้ฟังนะคะ คดีของอีซี่บาย บัตรยูเมะพลัส ศาลต่างจังหวัดน้องใหม่นัดเวลา 16.30 น. วันนี้มีคดีอีซี่บาย 4 คน มาศาล 3 คน ดิฉันก็ทำยอมความหน้าศาลไปคะ ให้ชำระที่ยอด 105,100 บาท น้อยกว่ายอดฟ้องหนึ่งหมื่น ผ่อนภายในะ 36 เดือน ขั้นต่ำเดือนละ 1,000 บาท ปลอดดอกเบี้ย ตอนแรกคุยกับทนายว่าปิดจบงวดเดียวให้ยอดที่เท่าไหร่ ทนายติดต่อเจ้าหน้าที่ให้ปิดที่ 75,000 บาท เงินเรามีแค่ 50,000 บาท ก็เลยทำยอมความไปก่อน ทนายให้เบอร์ติดต่อของเขา บอกว่าถ้าจะขอส่วนลดโทรหาเขาก็ได้เขาจะติดต่อให้ แต่เราก็ขอเบอร์ติดต่อทางอีซี่บายด้วย ในรายละเอียดให้ชำระงวดแรกวันที่ 5 ก.ค.56 ต้องชำระภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน อ่านรายละเอียดของการทำสัญญายอมความหน้าศาลก็หวั่น ๆ เหมือนกัน เพราะรายละเอียดบอกชัดเจนว่าถ้าผิดนัดชำระจะบังคับคดีได้ทันที พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 แต่เรามีความประสงค์ที่จะคุยกับอีซี่บายอีกครั้ง ถ้าได้ยอดปิดที่เรามีเงินพอก็จะปิดเลย วันนี้ผู้พิพากษาเป็นผู้หญิงก็ยังเน้นย้ำเราอีกว่าอ่านรายละเอียดเข้าใจแล้วนะ ถ้าผิดนัดโดนบังคับคดีเลยนะ เราก็รับทราบคะ วันนี้ที่มาทั้งสามคนก็ยอมความทั้งหมด มีเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ใส่ชุดทำงานมาจากต่างอำเภอ เขาบอกว่ายอดฟ้องเขาแสนสอง ดิฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวในคดีของอีซี่บาย เพราะผู้หญิงอีกคนไม่มาศาล

ขอบคุณ คุณ powerfully ที่มาแชร์ประสบการณ์ค่า อีซี่บายของเราหยุดจ่ายเข้าเดือนที่ 5 แล้ว ยอดก่อนหยุด 69,000 กว่าๆ ตอนนี้ยอดพุ่งขึ้นมาที่ 76,000 กว่าๆ แล้ว ยังไงก็เป็นกำลังใจให้สู้ๆ นะคะ

ได้ใบ H/C ของยูโอบีมาแล้วคะ แต่แนบไฟล์ให้ดูไม่ได้คะ เดี๋ยวจะพยายามอีกที

เขียนรายละเอียดให้ดูนะคะ
1. บัตรกดเงินสด ยอดปัจจุบัน 47,XXX ยอดปิด 30,000
2. บัตรเครดิต ยอดปัจจุบัน 18,8XX ยอดปิด 12,300
3. สินเชื่อบุคคล ยอดปัจจุบัน 13,3XX ยอดปิด 7,700
รวมยอดปัจจุบัน จาก 78,XXX H/C ที่ 50,000 จะไปจ่ายพรุ่งนี้เพราะได้เอกสารส่ง email มาก็ช่วงเย็น เกือบ 5 โมง มีลายเซ็นต์เรียบร้อย แต่เราก็กันไว้ก่อน บอกให้ส่งตัวจริงมาทางไปรษณีย์ด้วย อาจได้ส่วนลดไม่มาก ได้ประมาณ 36 % มีเงินพอก็ปิดให้จบ ๆ ได้เงินค่าช่วยเหลือ 3 เดือน จากต้นสังกัดพ่อที่เสียชีวิต ยอด 5 หมื่น พอดีกัน ตอนแรกจะต้องชำระยอดมากกว่านี้แต่บอกเจ้าหน้าที่ยูโอบีว่าช่วยพี่หน่อยพี่อยากชำระแต่มีเงินเท่านี้จริง ๆ เ้จ้าหน้าที่เสนอหัวหน้าตั้งแต่เช้ากว่าจะลงตัว

คิดถึงสมาชิกเดิมๆ เป็นห่วงคุณ powerfully อยู่เหมือนกันค่ะ
เพราะเราได้ติดตามกันมาตั้งแต่ทีแรก คุณคงเข้าใจบัว เดินทางบ่อยค่ะ ยังสงสัยอยู่เลยว่า ตอนแม่คลอดกอบัว บัวคาบเข็มทิศกะแผนที่ออกมาด้วยหรือเปล่า ฮ่าๆ
เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ อิสิควายเป็นไปตามที่เพื่อนเราแชร์บอกๆกันว่า
ช่วงนี้ถึงจะฟ้องเร็ว แต่ก็ให้ผ่อนจ่าย 36 งวดแบบปลอดดอก มีมากจ่ายมากๆ จะได้เป็นเงินต้น ไม่หนักตอนปลาย
มาถึงตรงนี้ บัวว่า คุณคงสบายอกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิมเหมือนเพื่อนเราหลายคน
ถึงไม่หมดหนี้ แต่เราก็ "ยิ้มสู้หนี้" ได้ มีชีวิตไม่รันทด เงินเดือนออกที อย่าถามว่าเหลือไหม เกินตัวไปตั้งเยอะ ต้องหมุนเงินไปมา เจอชมรมฯ เหมือนเห็นแสงสว่างอยู่ร่ำไร...
ถึงช้าถึงเร็ว ขอแต่อย่าหยุดเดินนะคะ
ยูโอเบบี๋ บอกได้เลยว่า เขาเข้ามาอ่านเว็บบอร์ดเราทุกวันค่ะ
เป็นสถาบันเดียวที่พนักงานทุกคน พูดคำว่า "แฮร์คัท" ได้เต็มปากเต็มคำ
ดีไม่ดี สมัครสมาชิกทำเนียนกะเราด้วยซ้ำ ฮ่าๆ
มาเทิ้ด ไม่ว่าอันใดหรอก หนี้ใครก็อยากจ่าย ขอแต่อยู่ในขอบเขตของใครของมัน อย่าก้าวล้ำกันให้มากนัก เดี๋ยวแม่โมโหมา เส้นกระตุก ฟ้องร้องแบงค์ชาติ เอาให้บรรลัยไปข้าง หุ หุ...
ไอ้ธนาคารนี้ กะกอบัว บีบคั้นจิตใจกันโคตรๆ แต่ช่วงเวลาปี 52 ส่วนลดเขาดีมากค่ะ ทวงแดกดัน แต่ให้ที่ 50% เลยอภัยให้ แผ่เมตตากันไป จำได้ว่า บัวได้ถึง 54%
แต่ณ.ช่วงปัจจุบัน จำได้ไหมค่ะว่า มีกฏข้อหนึ่งของหลักการแฮร์คัทคือ "นโยบายเปลี่ยนแปลงได้เสมอ"
ไม่ใช่ว่าส่วนลดจะได้แบบนี้ตลอดไป
ยกตัวอย่าง สมัยกอบัว เขาให้ครึ่งหนึ่งของยอดหยุด ปัจจุบันแทบจะไม่ให้ หรือให้ก็น้อยมาก
สมัยกอบัว Citi ให้ส่วนลดครึ่งๆ ตอนนี้ 40% ค่ะ

ฉะนั้นการติดตามข่าวสารของเพื่อนๆ การที่สมาชิกมีน้ำจิตน้ำใจ ส่งข่าวบอกกัน ไม่หนีหายไปเลย ทำให้เพื่อนๆได้ทราบสถานการณ์ปัจจุบันของแต่ละสถาบันว่า เปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด สิ่งสำคัญคือ "เราได้หยุดจ่าย และได้หยุดหมุนเงิน"
เรามีเวลาตั้งหลัก และใช้หนี้คืนในเวลา และราคาที่เหมาะสม ใช่ไหมคะ

ยกตัวอย่างของน้องอนาคิน น้องเป็นหนี้ UOB หยุดจ่ายเมื่อปีไหนไม่แน่ใจ ยอดหยุด 180,000 บาท
หยุดจ่ายเกือบสองปี ขาดอีกเดือนเดียวจะหมดอายุความ UOB ฟ้องที่ สองแสนสาม
กว่าจะไปศาล ขึ้นศาล ก็อีกหลายเดือน รวมเวลานับตั้งแต่หยุดจ่ายจนแฮร์คัทก็เกือบสองปีครึ่ง
ขอแฮร์คัท เขาให้ที่ 185,000 บาท
ถามว่า เราได้อะไรตรงนี้ แทบจะไม่ได้ส่วนลดจากยอดหยุดเลย แล้วเราจะหยุดเพื่ออะไร
หยุดเพื่อ ตั้งหลักไงค่ะ อย่างน้อยสองสามปีที่ผ่านๆมา เราไม่ต้องหมุนเงิน จ่ายแต่ดอก ไม่มีต้น แล้วเมื่อไหร่หนี้จะหมด
อย่าลืมว่า เจ้าหนี้ได้ดอกเราไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ จากการที่เราเป็นลูกค้าชั้นดีมานาน
แล้วเคสของน้องอนาคิน ได้แฮร์คัทน้อยเพราะ "ผ่อนบ้านอยู่กับ UOB " ค่ะ และศาลพิพากษาแล้ว เขาจึงมีแต้มต่อค่อนข้างมาก
แต่เราได้หายใจหลายปี จริงไหมค่ะ

บัวจึงอยากให้ทุกคนอย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง เป็นหนี้เราก็ต้องชดใช้ แต่ขอให้เราอย่าทุกข์ใจกับหนี้เหมือนที่ผ่านๆมา
บัวเขียนมาซ่ะเยอะ ขออนุญาตน้องอนาคิน ยกมาเป็นเคสตัวอย่างนะคะ เราพูดคุยกันตลอดเวลา น้องคงไม่ว่าพี่บัวนะ...

ส่วนคุณ powerfully บัวเป็นกำลังใจให้เสมอ แม้ไม่ได้เข้าบอร์ดนะคะ...สู้ๆค่ะ

ขอบพระคุณมากคะพี่บัว ดีใจมากที่พี่บัวเข้ามาตอบกระทู้
ตอนนี้หมดศัตรูไปหนึ่ง จอมเคี้ยว ยูโอบี เหมือนอย่างที่พี่บัวบอกคะเจอชมรมเหมือนเจอแสงสว่างจริง ๆ ต้องขอขอบพระคุณประธานนก พี่บัว กรรมการ อดีตกรรมการ เพื่อนๆ ในชมรมที่คอยให้คำแนะนำ และกำลังใจ ตอนนี้ความเครียดหายไปเยอะ ตั้้งหน้าตั้งตาหาเงิน เก็บเงิน มีอะไรก็จะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ในชมรมได้อ่านกันอีกเพื่อเป็นแนวทาง ตัวเองก็ได้แนวทางจากเพื่อน ๆ ในชมรมเช่นกัน ตอนนี้ก็มองหารายได้เพื่ม คือ ทำนา ได้ที่ทำฟรีไม่ต้องเช่า เพียงแต่พอได้ผลผลิตก็แบ่งให้เจ้าของที่แค่นั้น ตอนนี้ก็ไปทำการไถเตรียมดินแล้วคะ โดยส่วนตัวไม่มีประสบการณ์ในการทำนาคะ รู้จักแต่ทฤษฎี อาศัยพี่น้องสามีเขาเคยทำนา สามีเองก็ไปใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ หลายปีก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน ยังไงก็เป็นกำลังใจเพื่อน ๆ สมาชิกทุกคน อ่านเยอะ ๆ นะคะ powerfully อ่านเยอะเหมือนกัน ปริ๊นออกมาอ่านแล้วอ่านอีกก่อนไปศาล อันไหนไม่แน่ใจจริง ก็โทรไปปรึกษาประธานนกคะ ปลดหนี้ได้รายแรก ทำให้มีกำลังใจขึ้้นเยอะเลยคะ แม้หนทางจะยังอีกไกล เหลืออีกประมาณ 6 แสน 3 หมื่น แต่ต้องหมดแน่นอนคะ

เป็นกำลังใจให้ครับศิษย์น้อง

ห่างหายจากกระทู้ไปหลายวัน ปิดไปได้อีก 1 ตัว คือ ธนาคารกรุงเทพ ต้องบอกว่าตัวนี้ไม่ได้ทำ H/C เพราะตกลงกันไว้ตั้งแต่หยุดได้ 3 เดือน ว่าจะทำการผ่อนจ่าย 6 เดือน โดยให้ผ่อนเดือนละ 2 พัน บาท ที่เหลือปิดงวดสุดท้าย เพราะต้องการถือบัตรไว้ 1 ใบ วงเงินไม่สูง สามหมื่้นบาท รับรองว่าไม่เอาไปหมุนอีกแน่นอน แต่เก็บไว้เพราะเผื่อไว้ในกรณีที่ต้องใช้บัตรเครดิต เช่น จองตั๋วเครื่องบิน และกำลังจะปิดอีก 2 ตัว เจ้าหน้าที่กำลังขอส่วนลดกับทางธนาคารอยู่ เป็นในเครือกรุงศรีทั้งสองตัว
1) กรุงศรีวีซ่า ยอดปัจจุบัน 75,528 ยอดปิด 38,000
2) กรุงศรีดรีมโลน ยอดปัจจุบัน 41,712 ยอดปิด 21,000
รอใบยืนยันแฟกซ์มาที่ธนาคารกรุงศรี
เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเคลียร์ได้ แต่คนเรายอมมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง อยากให้กำลังใจเพื่อน ๆ ในชมรมนะคะ ว่าคุณทำได้แน่นอน สำหรับดิฉันชีวิตดีขึ้นเยอะเลยคะทั้งร่างกายและจิตใจตั้งแต่ตั้งใจใช้ทางเลือกที่สอง คือ แฮร์คัท มันอาจจะทรมานแค่ช่วงแรก ๆ ที่ถูกโทรทวงทุกวัน สู้ ๆ นะคะ

คุณเป็นลูกกตัญญู เชื่อสิ...ว่าผลนั้นจะตอบแทนให้เรามีความสุข
แม้เจอทุกข์ เราก็จะผ่านพ้นมันไปได้ด้วย สติสัมปชัญญะของเราเอง
ดีใจด้วยจริงๆค่ะ

.....ขอร่วมยินดีด้วยครับ...คุณผู้มีพลัง 555...

และแล้้ววันนี้ก็มาถึง..อุปสรรคทั้งหลายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี..

.......ความสำเร็จรออยู่ไม่ไกลแล้ว..

....ของผม..จะจบทุกตัวสิ้นเดือนนี้..13ใบ.แปดแสนกว่า..

.................กับเวลา..สองปี สองเดือน..สองฟ้อง..

........................เป็นกำลังใจให้นะครับ..


.......................

วันนี้ได้รับหมายศาลใบที่ 2 แล้วคะ เอกสารแนบเยอะมาก เป็นของ KTC ฟ้องรวม บัตรเครดิต และ บัตรกดเงินสด นัดขึ้นศาลวันที่ 25 มิถุนายน 2556 บัตรเครดิตมีสาีมีเป็นบัตรเสริม แต่อ่านแล้วก็ยัง งง คะ บัตรเครดิตดิฉันมีวงเงิน 8 หมื่นบาท เป็นของบัตรหลัก 6 หมื่นบาท ของบัตรเสริม 2 หมื่นบาท ส่วนบัตรกดเงินสด หรือที่ทางธนาคารเรียกว่าสินเชื่อพร้อมใช้ ยอดฟ้อง 27,003.12 บาท
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค บอกว่า
ขอให้ศาลโปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
1) ให้จำเลยที่ 1 คือ ดิฉัน ชำระเงินจำนวน 128,943.55 บาท พร้้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินต้น บัตรเครดิตหมายเลข XXXX-XXXX-XXXX-XXXX(บัตรหลัก) จำนวน 59,853.56 บาท ของเงินต้นบัตรหมายเลข 1234-5678-9012-3456(เลขสมมุติบัตรเสริม) จำนวน 18,297.61 และของเงินต้นสินเชื่อพร้อมใช้หมายเลข 0000-0000-0000-0000 จำนวน 27,003.12 บาท จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทย์
2) ให้จำเลยที่ 2 คือ ชำระยอดเงินแก่โจทก์จำนวน 23,675.90 พร้อมดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินต้น บัตรเครดิต 1234-5678-9012-3456 จำนวน 18,927.61 บาท จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทย์
คำถามคือว่า
ในเมื่อรวมยอดฟ้องจำเลยที่ 1 ไปแล้ว ทำไมยังมาแยกย่อยฟ้องจำเลยที่ 2 อีก ถ้าจะฟ้องจำเลยที่ 2 ทำไมไม่ตัดยอดของจำเลยที่ 2 ออกไปจากยอดฟ้องจำเลยที่ 1 ก็เข้าใจว่าบัตรหลักต้องรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ก็ยัง งง ว่าต้องชำระยอดตามข้อ 1 หรือ ต้องบวกยอดข้อ 2 ไปด้วย คะ
ของบัตรหลักใบแจ้งหนี้ล่าสุดที่แนบท้ายมากับหมายศาล ลงวันที่ 21/05/56 เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 70,295.99 ทำไมเขาไม่เอายอดนี้มาฟ้อง เพราะถ้ารวมยอดบัตรหลัก บัตรเสริมพร้อมดอกเีบี้ย สินเชื่อพร้อมใช้ ก็จะเป็นยอด 70,295.99 + 23,675.90 + 27,003.12 = 120,975.01 บาท ซึ่งไม่ตรงกับยอดที่ฟ้อง
ตอนแรกอ่านไม่ค่อยละเอียดเข้าไปอ่านในรายละเอียดของบัตรของวงเงินสินเชื่อพร้อมใช้ แจ้งว่า
จำเลยมีหนี้ค้างชำระจากวงเงินสินเชื่อพร้อมใช้อยู่กับโจทย์ ณ วันที่ 2 มีนาคม 2556 จำเลยมีเงินต้นค้างอยู่กับโจทย์เป็นเงินจำนวน 27,003.12 บาท ดอกเบี้ยจำนวน 2,498.91 บาท ค่าธรรมเนียมจำนวน 1,999.14 ค่าทวงถามจำนวน 1,872.50 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 33,373.67 บาท ซึงจำเลยจะต้องชำระค่าดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และ ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตรา ร้อยละ 12 ต่อปี ของจำนวนเงินต้นดังกล่าวคำนวณถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย 3,386.68 ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน 2,709.36 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 34,971.66 บาท
ตอนนี้ถึงบางอ้อแล้วคะ เขาเอา ยอด 70,295.99 + 23,675.90 + 34,971.66 = 128,943.55 บาท แต่ใบขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภคลงรายละเอียดไม่ถูกต้องในข้อ 1 เพราะแจ้งแต่ยอดเงินต้นไม่แจ้งดอกเบี้ย คือไม่แน่ใจว่าที่เขาไม่แจ้งเพราะเขาหมกเม็ดหรือเปล่า เพราะดิฉันก็คำนวณอัตราดอกเบี้ยไม่เป็นว่าเข้าคิดเกินกว่ากฏหมายกำหนดหรือเปล่าคะ

พรุ่งนี้ก็จะไปขึ้นศาลของ KTC แล้วคะ
มีแผนในใจคือจะให้ศาลท่านตัดสินเลย โดยขอความเมตตาให้ท่านลดดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ค่าิติดตามทวงถาม ค่าทนาย ค่าธรรมเนียมศาล ไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่านะคะ เพราะได้ทำ่ยอมความหน้าศาลกับอีซี่บายไปแ้ล้ว กลัวว่าถ้าทำยอมความหน้าศาลกับ KTC อีกกลัวจะส่งไม่ตลอดรอดฝั่งคะ

วันนี้ไปศาลของ KTC แล้วคะ มาเราสู่กันฟังนะคะ ตอนแรกก็จะให้ศาลท่านตัดสินเลย แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นยังไง ทนายทางโจทย์ก็พูดประมาณว่าศาลท่านจะตัดสินให้ชำระยอดทั้งหมด แล้วถ้าจะทำผ่อนต้องไปติดต่อทาง KTC เอง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะให้ผ่อนหรือไม่อย่างไร ก็เลยเกิดความลังเล ทางทนายโจทย์ก็เลยยื่นขอเสนอยอมความหน้าศาล ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ผ่อนจ่าย 36 งวด ติดตรงที่ว่าบัตรนี้มีสามีเป็นบัตรเสริม เป็นจำเลยที่ 2 แต่วันนี้ไม่ได้มาไปทำธุระต่างจังหวัด จึงทำยอมความหน้าศาลไม่ได้ เราก็นึกว่าบัตรหลักสามารถทำแทนได้ทุกอย่าง เพราะตอนเวลาสมัครบัตรก็บอกว่าบัตรหลักเป็นผู้รับผิดชอบ ตรงนี้ไม่ทราบจริง ๆ ก็เลยขอเลื่อนศาลโดยให้เหตุผลไปว่าจะทำยอมความหน้าศาลในนัดต่อไป ซึ่่งจะขอใบมอบอำนาจจากสามีมาด้วย วันนี้มีคดีของ KTC 4 ราย มาศาลเพีียง 2 ราย อีกคนทำยอมความหน้าศาลไป ยอดไม่เยอะประมาณหกหมื่น มีอีกรายย้ายไปทำงานอยุธยา โทรมาบอกทนายที่เป็นญาติกันให้มาคุยให้แต่ไม่มีคำแต่งตั้ง ซึ่งทางทนายโจทย์ก็ไม่สามารถจะทำเรื่องให้ได้ จึงต้องให้ศาลตัดสิน แต่วันนี้ศาลท่านไม่ขึ้นพิจารณาคดี มีแต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ดิฉันเลื่่อนได้ ทางทนายโจทย์นัดอีกที วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม 2556 เวลา 9.30 น. ดิฉันก็ได้เซนต์หลังคำให้การไป ไม่รู้ว่าถ้าจะเปลี่ยนใจเป็นให้ศาลตัดสินในนัดหน้าเลยจะมีความผิดหรือเปล่าคะ เพราะเซนต์ว่าจะยอมความในนัดหน้า แต่ัยังไงก็ยังมีเวลาเก็บเงินอีก 2 เดือน อาจจะมีอะไรดีขึ้น ไม่ต้องรีบชำระ เพราะต้องเริ่มชำระของอีซี่บายที่ทำยอมความหน้าศาลไป ภายในวัีนที่ 5 กรกฎาคม นี้ คะ

ติดตรงที่ว่าบัตรนี้มีสามีเป็นบัตรเสริม เป็นจำเลยที่ 2 แต่วันนี้ไม่ได้มาไปทำธุระต่างจังหวัด จึงทำยอมความหน้าศาลไม่ได้ เราก็นึกว่าบัตรหลักสามารถทำแทนได้ทุกอย่าง เพราะตอนเวลาสมัครบัตรก็บอกว่าบัตรหลักเป็นผู้รับผิดชอบ ตรงนี้ไม่ทราบจริง ๆ

คุณ powerfully คงพลาดกระทู้นี้ เพราะพี่นกกระจอกเทศได้อธิบายเรื่องนี้ชัดเจนมาก
เพราะเจ้าของกระทู้นี้ มีบัตรเสริมเป็นคุณแม่อายุมากแล้ว ลองไปอ่านดูค่ะ

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=10624 บัตรเสริมบัตรหลัก ใครต้องรับผิดชอบเมื่อถูกฟ้อง

ทนายทางโจทย์ก็พูดประมาณว่าศาลท่านจะตัดสินให้ชำระยอดทั้งหมด แล้วถ้าจะทำผ่อนต้องไปติดต่อทาง KTC เอง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะให้ผ่อนหรือไม่อย่างไร

ถูกครึ่งหนึ่งตรงที่ ศาลท่านจะลดหนี้จากยอดฟ้องให้กับจำเลยไม่ได้ เพราะศาลต้องเป็นกลาง จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าคุณไปศาลตามนัด ท่านก็เห็นเจตนาในการชำระหนี้ โดยไม่หนี ท่านก็อาจจะมีเมตตาดูเรื่องดอกเบี้ยให้ อย่างไรก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายกำหนดอยู่แล้ว
คือดอกเบี้ยร้อยละ 15 % ต่อปี ดีกว่าหาจ่ายขั้นต่ำชั่วนาตาปี จริงไหมค่ะ
ส่วนการตกลงกับเจ้าหนี้ ทำได้เสมอค่ะ ยืนยันเจตนาการชำระหนี้ มีหรือเจ้าหนี้จะไม่เอา ต่อให้ผ่อนๆไป ก็ยังแฮร์คัทได้เสมอ อย่าลืมคำพูดศักดิ์สิทธิ์ประจำชมรมของเราสิค่ะ
"แฮร์คัททำได้ตลอดชีพ"
เมื่อคุณเลื่อนมาแล้ว ก็เดินไปตามแนวทางที่เราตั้งเอาไว้

ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ดิฉันเลื่่อนได้ ทางทนายโจทย์นัดอีกที วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม 2556 เวลา 9.30 น. ดิฉันก็ได้เซนต์หลังคำให้การไป ไม่รู้ว่าถ้าจะเปลี่ยนใจเป็นให้ศาลตัดสินในนัดหน้าเลยจะมีความผิดหรือเปล่าคะ เพราะเซนต์ว่าจะยอมความในนัดหน้า

ศาลท่านไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ดีกว่าหนีหน้าไปเฉยๆ บอกแค่ว่ายังไม่สามารถไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ได้ เลยอยากขอให้ท่านช่วยพิพากษา และเมตตาดูเรื่องดอกเบี้ยให้ด้วย
และกลับบ้านไปรอคำพิพากษาที่บ้าน จะเอายังไง ก็ค่อยมาถามกันใหม่ ดีไหมค่ะ
มาได้ไกลขนาดนี้ คุณต้องยิ้มให้กว้างๆสิคะ จริงไหม?

เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้มีกำลังใจสู้ต่อไปค่ะ

ขอบพระคุณมากคะพี่กอบัวสำหรับคำชี้แนะ ไม่ได้เข้ากระุทู้หลายวันเนื่องระบบอินเตอร์เน็ตที่ทำงานใช้ไม่ได้ ส่วนคอมพิวเตอร์ที่บ้านก็มีปัญหา
ขอบคุณ คุณ pompam สำหรับกำลังใจนะคะ

ชีวิตต้องย้ายบ้านไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง คราวนี้ต้องย้ายอีกแล้วทั้งที่ย้ายมาได้ไม่ึถึงปี เนื่องจากบ้านที่เ่ช่าเขาประกาศขายแต่ไม่บอกเราแล้วมีคนซื้อแล้ว เราก็เอาเรื่องอะไรเขาไม่ได้่เพราะไม่ได้เซนต์สัญญา ตอนนี้ยังไม่รู้จะย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่ไหนดี เพราะยังเหลืออีกหลายบัตรที่จ่อฟ้องศาล สองบ้้านเช่าที่ผ่านมามีเทะเบียนบ้านก็ขอเขาย้ายเข้า เลยสะดวกในการรับหมายศาล ไม่มีบ้านเป็นของตัวเองมันก็เลยยุ่งยากแบบนี้ ถ้าจะย้ายเข้าบ้านญาติสามี ก็เกรงว่าพอมีหมายศาลมาเขาก็จะไม่เข้าใจ