ว่ายน้ำกลางทะเลหนี้ 6 ล้าน

คุณ maruko น่ารักที่สุด มาบอกคุณส้มบางมด เธอเครียดเรื่อง กระทู้กิจกรรมชมรมฯ

มากไปมังค่ะ แก้วจ๋าเกรงว่า คุณส้มบางมดจะนอนไม่หลับ จึงไปหาภาพในอากู๋มาฝากค่ะ

นี้คือ หน้าตาของสวนลุมค่ะ เดินไปตามลูกศรค่ะ ศาลาด้านซ้ายมือค่ะ




เรื่อง กระทู้ไม่อยู่ ขอให้เป็นเรื่องของคุณนกกระจอกเทศ ในฐานะประธานชมรมฯ ดำเนินการ

ไปขุด ไปงมหาดีกว่านะค่ะ ท่านทราบดีว่า ต้องทำไงค่ะ

ส่วนเรื่องกิจกรรมของชมรมฯ ที่สวนลุม คงมีตามปกติ ตราบใดที่ท่านประธานไม่มีแจ้งใน

บอร์ดว่า งด หรือ ย้ายสถานที่ค่ะ



ส่วนคุณส้มบางมดค่ะ ในฐานะที่เราหนี้หลักล้านแล้วจ้าเช่นกัน ขอฝากว่า เอาเวลาอันมีค่า

ของคุณไปกำจัดเจ้าหนี้ดีกว่านะค่ะ กว่าคุณจะปลดหนี้ได้ ตัวเลขหนี้อาจขยับไปอีกนะค่ะ

เลย 6 ล้านค่ะ ของแก้วจ๋าตอนเริ่มหยุดนับได้ เกือบ 4 ล้าน พอผ่านไป 3ปี จนจบหนี้ตัวต้น

ทุนหนี้ กลายเป็น 5 ล้านกว่า แต่ใช้เวลา 3 ปี กับเงินปิด 2 ล้านกว่าบาทค่ะ

ช่วงนี้ทำโครงการปรับปรุงระบบของบริษัทอยู่
เวลาเข้าเวป และอ่านกระทู้ได้น้อยลง

ขอบคุณ คุณ maruko และคุณแก้วจ๋า ค่ะ ที่ให้ข้อมูล เรื่องสวนลุม
ส้มคงต้อง แปะลิงค์ให้เพื่อนอ่านเองค่ะ
ส้มไม่มีเวลาอธิบาย คงให้เขาเข้าเวปอ่านเอง ตามกระทู้ที่ลิงค์ให้

เพื่อนเขาน่าจะไปที่สวนลุมถูก ตามที่คุณ maruko อธิบาย และคุณแก้วจ๋าส่งรูปมา
อีกอย่างคือ ส้มจะได้บอกเขาว่า การให้คำปรึกษาที่สวนลุมยังมีอยู่ กลัวเขาไปเก่อค่ะ

ส่วนหนี้ของส้มนั้น แม้มันจะมากก็ตาม
แต่ในช่วงเวลานี้ ส้มก็สามารถจัดระเบียบการชำระให้เจ้าหนี้
ไม่ว่า Hair cut หรือจ่ายตามคำพิพากษาก็ตาม

ทำให้มีเวลาในการทำงาน และสามารถช่วยเพื่อน ๆ ที่ประสบปัญหาอย่างเดียวกันได้
เวลานี้ไม่ต้องเครียดในการหมุนเงินค่ะ
มีเวลาที่จะดูคนรอบตัวเรา มีเวลาใส่ใจคนรอบข้างได้
สามารถช่วยคนที่กำลังเป็นทุกข์ได้ โดยจัดแบ่งเวลา

ทุกวันนี้ จัดระเบียบการเงินให้ดี ก็จบแล้ว

แนวทางของชมรมทำได้จริง ความสุขก็กลับมา
มีเวลาใส่ใจคนในครอบครัว และคนรอบข้าง
ไม่จมกับความทุกข์ในการหมุนเงินค่ะ

UOB เป็น มารยู หรือ เป็นเทพ

การจ่ายหลังคำพิพากษา 2 คดี กับ UOB เป็นอย่างไร

ไว้จะมาเล่าให้เพื่อน ๆ อย่างละเอียดค่ะ

โปรดติดตามค่ะ

คุณส้มช่วยเล่าให้ฟังบ้างนะคะกรณีของ UOB เค้าฟ้องเร็วมากแค่ไหน และสามารถเจรจาต่อรองได้ไหมคะ เห็นคุณส้มเขียนแล้วอยากรู้จังค่ะ ขอบคุณนะคะ และเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ส้มบางมด เขียน: UOB เป็น มารยู หรือ เป็นเทพ

การจ่ายหลังคำพิพากษา 2 คดี กับ UOB เป็นอย่างไร

ไว้จะมาเล่าให้เพื่อน ๆ อย่างละเอียดค่ะ

โปรดติดตามค่ะ

ส้มบางมด เขียน: UOB พิพากษาแล้ว 2 คดี คือหนี้บัตรกดเงินสด, บัตรเครดิด โดยที่เราไม่รู้เรื่องเลย
ให้ชำระตามมูลฟ้อง + ดอกเบี้ย 10%

UOB โทรมาแจ้งว่า

UOB : จะบังคับคดี อายัดเงินเดือน ใน 2 คดีที่พิพากษาแล้ว คุณส้มจะจ่ายปิดหมดได้ไหม?
ส้ม : ถ้าจ่ายปิดจะเป็นยอดเท่าไรค่ะ ผ่อนได้กี่งวด
UOB : จ่ายตามยอดเงินต้นค่ะ
สัม : ตอนนี้ไม่มีเงินปิดเลย ช่วงแรกก็เก็บเงินให้เจ้าหนี้รายใหญ่ ไม่ว่า สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด,
กรุงศรี, UOB ก็สอบถามยอดปิด แต่ไม่มีใครสนใจ เจ้าหนี้รายเล็ก ก็เสนอยอดปิดที่ส้มจ่ายไหว ก็เลยเอาเงินไปปิดเขาก่อน ส้มไม่เคยคิดว่าจะไม่จ่ายนะค่ะ
ส้ม : แต่ถ้าอายัดเงินเดือน ทาง UOB ก็คงได้เพียงเดือนเดียว และส้มก็ตกงาน UOB ก็จะไม่ได้เงินอีก มีแนวทางอื่นไหมค่ะ ที่ส้มพอจะทำได้บ้างไหม
UOB : ก็พอมี
ส้ม : ส้มถูกโกง ตอนนี้ฟ้องร้องกันอยู่ ส้มมีหลักฐานเป็นใบแจ้งความของกองปราม จะถ่ายสำเนาให้ก็ได้ว่าเป็นความจริง
UOB : เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ทาง UOB ให้คุณส้มผ่อนแค่เงินต้น โดยไม่คิดดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 งวด
หลังจาก 6 งวดแล้ว ค่อยมาคุยกันว่า คุณส้มสามารถปิดได้ไหม ถ้าปิดได้ก็ปิดโดยมีส่วนลดให้ แต่ถ้าปิดไม่ได้ คุณส้มก็ผ่อนต่อ แต่ UOB ขอคิดดอกเบี้ย แต่ไม่เกินคำพิพากษา ก็คือไม่เกิน 10%
ถ้าตกลงตามนี้ คุณส้มต้องผ่อนบัตรกดเงิน เดือนละ 10,000 บาท และบัตรเครดิต เดือนละ 5,000 บาท
ต้องผ่อนต่อเนื่อง 6 เดือน ถ้าผ่อนไม่ต่อเนือง ทาง UOB ก็บังคับคดี อายัดเงินเดือนโดยไม่แจ้งคุณส้มแล้ว
ส้ม : ขอบคุณค่ะ ขอเลื่อนไปอีก 2 เดือนได้ไหม เพราะ 2 เดือนนี้ผ่อนค่างวดปิดบัตรเซ็นทรัลอยู่
UOB : คงไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มผ่อนงวดแรก สิ้นเดือน ก.ค.นี้นะค่ะ OK ไหม ไหวไหม ช่วยเต็มที่แล้ว
ส้ม : ไม่ไหว ก็ต้องไหว แม้ว่าจะต้องผ่อนบัตรเซ็นทรัลอีก 2 งวดก็ตาม
UOB : อย่าพลาดนะค่ะ
ส้ม : คุณช่วยส้มมากแล้ว ขอบคุณค่ะ
UOB : พอครบ 6 งวด คุณส้มอาจจะปิดได้ ถ้าคุณส้มได้เงินจากการฟ้องร้อง
ส้ม : ขอบคุณที่ช่วยเหลือค่ะ ยังเหลือ UOB อีกคดี
UOB : ไม่เป็นไร ถ้าคดีนั้นพิพากษา ดิฉันก็จัดการแบบที่คุยกันไว้ คือ 0% 6 งวด แบบนี้นะค่ะ
เพียงแต่คุณส้ม ต้องแสดงให้ UOB เห็นความตั้งใจในการชำระของคุณ
อย่าลืม ถ้าคุณส้มทำตามที่ตกลงได้ 6 เดือน ทาง UOB ก็ไม่ใจร้ายค่ะ

ใครจะเรียก UOB ว่า มารยู

แต่ส้มเรียกว่า เทพเทวามาช่วย

ก็คงผลจากการคิดดี ทำดี สวดมนต์ ไหว้พระ

ไม่คิดโกงใคร
ไม่หาประโยชน์บนความทุกข์ของคนอื่น

มาร ก็กลับเป็นเทพได้

สรุป UOB พิพากษาให้จ่ายตามมูลฟ้อง + ดอกเบี้ย 10% + ค่าทนายอีก 3,000 บาท
แต่ส้มจ่าย จากเงินต้น + ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 6 งวด
หลังจากนั้น คุยกันใหม่ คือ ปิด หรือผ่อนต่อ + ดอกเบี้ย ไม่เกิน 10%

เพื่อน ๆ อย่ากลัว UOB ไม่ได้เป็นมารเสมอไป
ขึ้นอยู่กับเรามีความตั้งใจในการชำระ หรือที่ UOB ว่า เราจะคิดเบี้ยวรึเปล่า

ถ้าเรามีความจริงใจ ก็แสดงให้เขาเห็น ก็คือ 0% 6 งวด เป็นการพิสูจน์ความจริงใจไม่โกง

เขาก็ช่วยเหลือ หลังจาก 6 งวดไปแล้ว
1. ปิดได้ส่วนลด
2. ผ่อนต่อ + ดอกเบี้ยไม่เกินคำพิพากษา

ดังนั้น การจ่ายหลังคำพิพากษา อาจจ่ายต่ำกว่า และมีข้อเสนอที่ดีก็ได้
ไม่ใช่ว่า หลังคำพิพากษาแล้ว เราต้องตายเสียเมื่อไร

อดทน, อดกลั้น, อดออม, รอคอย

เราก็เป็นไท ไม่มีหนี้ต่อไป

ส้มบางมด เขียน: ตอนนี้ยังมีกิจกรรมที่สวนลุม ไหม???

ส้มหากระทู้กิจกรรมสวนลุมไม่เจอ
ส้มจำได้ว่า อยู่ห้องถาม-ตอบปัญหาหนี้

หรือว่า จำผิด???

เพื่อน ๆ ช่วยส้มหาด้วย
ส้มจะแปะลิงค์ให้เพื่อน แต่หาไม่เจอ

ช่วยด้วยจ้า
ช่วยหาให้ด้วย

สวัสดีครับ บังเอิญผมทำเป็น file เพื่อ Print มาใช้ช่วยในการนำทางตอนไปสวนลุมครั้งแรก เนือหาทั้งหมดของกระทู้จะแนะนำการเดินทางไปสวนลุม ตาม file แนบนะครับ ขอให้เพื่อน คุณส้มบางมด พิจารณาประเด็นที่จะสู้คดี และจุดมุ่งหมายที่จะสู้คดี เพื่อตัดสินใจด้วยนะครับ

พยายามแนบ เป็น PDF แต่แนบไม่ได้ จึงต้องแนบเป็น JPG นะครับ ความละเอียดอาจจะน้อยไปหน่อยครับ ต้นฉบับจะเป็น Word file ครับ

ขอบคุณ คุณ Rider V1 ที่กรุณาส่งข้อมูลค่ะ

จะส่งให้เพื่อนค่ะ
ส่วนเรื่องประเด็นต่อสู้ ต้องเตจียมข้อมูล ให้ตุณอาประพัฒน์พิจารณาค่ะ

คุณส้มคะทำไมเพื่อนคุณส้มไม่สมัครมาเป็นสมาชิกและเรียนรู้ไปพร้อมๆกับพวกเราล่ะคะ คุณส้มจะได้ไม่เสียเวลาที่ต้องมาถามและส่งต่อค่ะ เพื่อนคุณส้มจะได้ถามปัญหาที่ไม่เข้าใจได้ด้วยตนเองค่ะ

pompam เขียน: คุณส้มคะทำไมเพื่อนคุณส้มไม่สมัครมาเป็นสมาชิกและเรียนรู้ไปพร้อมๆกับพวกเราล่ะคะ คุณส้มจะได้ไม่เสียเวลาที่ต้องมาถามและส่งต่อค่ะ เพื่อนคุณส้มจะได้ถามปัญหาที่ไม่เข้าใจได้ด้วยตนเองค่ะ

ส้มอ่านกระทู้และหยุดจ่ายมาเกือบ 5 เดือน และ Hair cut ไป 2 ราย โดยไม่ได้สมัครสมาชิก
ตอนที่ส้มสมัครสมาชิก ก็เพราะถูก UOB ฟ้องโดยไม่ได้รับหมายศาล
ตอนที่กรอก Profile ก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นส้ม
บางครั้ง คนเราก็ไม่อยากเปิดเผยข้อมูล

เพื่อนส้มมีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องการเปิดเผยให้ใครรู้

ส้มจึงแนะนำเพื่อนให้อ่านกระทู้ปักหมุด และไปปรึกษาที่สวนลุมแทน
เป็นการปรึกษาทางกฎหมายจากคุณอาประพัฒน์ (ทนาย)
การไปปรึกษาที่สวนลุม ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิก
เขาน่าจะถูกใจ สวนลุมแนะนำข้อมูลในเชิงลึกได้ดีค่ะ

แต่ที่ตามหากระทู้สวนลุม ไม่มีเจตนาอะไร
มากไปกว่าจะขอถามว่ากิจกรรมให้คำปรึกษาที่สวนลุมยังมีอยู่รึเปล่า ก็เท่านั้น
กลัวว่ายกเลิกไปแล้ว เพื่อนจะไปแล้วเก่อค่ะ

pompam เขียน: คุณส้มคะทำไมเพื่อนคุณส้มไม่สมัครมาเป็นสมาชิกและเรียนรู้ไปพร้อมๆกับพวกเราล่ะคะ คุณส้มจะได้ไม่เสียเวลาที่ต้องมาถามและส่งต่อค่ะ เพื่อนคุณส้มจะได้ถามปัญหาที่ไม่เข้าใจได้ด้วยตนเองค่ะ

คุณ pompam ถามถึง UOB
แต่พอส้มตอบ UOB ให้ไป
คุณ pompam กลับไม่คุยเรื่อง UOB
กลับถามถึงเพื่อนที่คุยมาหลายกระทู้ก่อนหน้านี้
ดูแปลก ๆ นะ

คุณ pompam ไม่คุยเรื่อง UOB แล้วหรือ

คุณส้มคะ...ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่อง UOB น่ะค่ะ สุดท้ายที่เล่ามาก็มีเจ้าหน้าที่จากบริษัทรับทวงหนี้มาหาถึงที่ทำงานเลยค่ะโดยไม่ได้โทรติดต่อมาก่อน แต่เค้าก็สุภาพมากค่ะ มาถามหากับลูกน้องว่ามาส่งเอกสาร พอเจอกันเค้าก็บอกว่าจะไม่ประจานลูกหนี้ พอบอกว่ายังไม่มีจ่ายเค้าก็กลับไปบอกว่าคงต้องทำตามระบบ แต่พอตอนเย็นก็ได้รับโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าถ้าไม่จ่ายเข้าไปให้บัตรก็จะใช้ไม่ได้แล้วซึ่งความจริงบัตรใช้ไม่ได้มาตั้งสองเดือนแล้วค่ะ แต่วันนี้ไม่มี UOB ติดต่อมาเลยมีแต่ ไทยพาณิชย์ กับ CIMB ค่ะ
ต้องขอโทษคุณส้มด้วยนะคะที่สอบถามเรื่องเพื่อนของคุณส้ม ไม่มีเจตนาอื่นค่ะ เพียงแต่สงสัยว่าทำไมเค้าไม่มาเป็นสมาชิกเท่านั้นค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ

น่าสงสารจังที่น้องส้มคิดเช่นนั้นนะครับ การที่จะรู้เชิงลึกจำเป็นต้องใช้ข้อมูลทุกอย่างที่เป็นจริง ด้านกฎหมาย ด้านสภาพแวดล้อม ด้านการเงิน ด้านสังคมของผู้เป็นหนี้ แล้วนำมาสรุปทั้งหมด การที่เน้นว่าต้องไปที่ไหนดีกว่าที่ไหนมันเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะทุกที่ที่คุณได้รับข้อมูลตัวคุณเองเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง อย่างเช่น จะ HairCut ไหม ทำไม่ถึงไม่ทำ จะสู้คดีไหมทำไมถึงต้องสู้ สู้แล้วคุ้มไหม แล้วเมื่อถึงที่สุด ไม่ว่าใครก็ตามถ้าไม่ทำอะไรเลย มันก็ไปอายัดเงินเดือน ยึดทรัพย์อยู่ดี ถ้าไม่จ่าย
สรุปถ้า ไม่มีอะไรเป็นทรัพย์สิน ก็ไม่ต้องทำอะไร เก็บเงินไปเลยๆๆ อายัดเงินเดือนก็โดนแค่ 30% เอง เห็นไหมว่า ทุกอย่างมันจบด้วยตัวของมันเอง แต่สิ่งที่ชมรมทำเสมอมาคือ เมื่อคุณรู้ตัวว่ามีปัญหาแล้วให้มีสติคิเอาว่ามีแนวทางใดบางที่เหมาะสมกับคุณ และเมื่อรู้จุดจบเราก็เร่งทุกอย่างให้มันเกิดซะให้มันหลุดพ้น โดยไว้ ไม่ใช้เป็นหนี้แล้วเริ่มมีปัญหา กว่าจะหลุดหนี้ทุกข์เป็น 10ปี(ถ้าไม่รู้วิธีการ) วิธีที่ชมรมให้ทำเป็นการทำให้ 10ปี เหลือ 2-5ปีโดยความสามารถของคุณเองไม่ใช้ผู้อื่น
สำหรับผม ให้อายัดเงินเดือนครับ ตอนนี้ก็ยังไม่หมดแต่อยู่ได้โดยไม่กระทบกับชีวิตและคนรอบข้าง คดีสู้ไป 3-4คดีเอง ผลคือ เหมือนเดิมลดแค่ดอกเบี้ยได้ตามกฎหมายแต่ดอกก่อนหน้านั้นไม่ต้องไปหวังเลยได้ก็น้อยมาก นอกจากเจอทนายที่ไม่รู้เรื่องคดีเรา มาอ่านก่อนเข้าห้องพิจรณาคดี อันนี้พลาดปุ๊บ เสร็จเราทันที่นะครับ แต่บอกเลย 1:1000 ครับ

ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อมูลและคำเตือน

มาอ่านกระทู้นี เจอเรื่อง คำให้การ พอดีตัวเอง อยากรู้และสงสัยในสิ่งทีตัวเองเจอ
เก็็บในใจมานานไม่กล้าถาม เพราะเราไม่รู้จะพูดไง อย่างแรกไม่มีความรู้เรือ่งกฏหมาย

เรามีหนี้รวมๆ 2 ล้านได้ค่ะเยอะค่ะ แต่เจ้าแรกที่ฟ้องคือ scb สินเชื่อ 500000 บาท
ยอดนี้เป็นหนี้ที่เยอะสุดของเราแล้วค่ะ ตอนที่ฟ้องเราฟ้องโตใกล้คลอด เรามาปรึกษาที่นี่ โทรไปที่สวนลุมเจอคุณอาไพโรจน์ คุณอาไพโรจน์ให้โทรหาคุณอาประพัด

เราโทรไปคุณอาก็ให้เอาหมายศาลไปให้ เพื่อให้คุณอาเขียนคำให้การและไปขึ้นศาลแทน กรณีเราเราให้คุณอาไปขึ้นศาลแทนด้วยเพราะ เพิ่งคลอดลูกพักฟื้นออกไปไม่ไหว


ตอนแรกคุณอาไพโรจน์โทรมาบอกว่า ของเรามีสิทธิ์สู้เพราะ ดูเหมือนว่ากู้ไปทำธุรกิจแล้วเจ๊งเพราะดอกแพงเรามีหวังมากเพราะเราผ่อนไปแสนกว่าบาทแล้ว น่าจะ 130000-150000 เยอะพอควร อย่างน้อยได้ลดต้น บ้างก็ดีค่ะ รอๆๆ

แต่ตอนจบ คือ ยอมความ ผ่อนที่ยอดฟ้อง 500000 นิดๆ คือมากกว่า ตอนไปกู้อีก มีดอกบวกมาหน่อย ทำยอมเดือนละ 7000 สองปี ต้องโปะให้หมด ไม่ได้เลื่อนอะไรนอนกจากเลื่อนรอบเดียวเดือนเดียว

ตอนนั้นบอกตรงๆไม่รู้ทำไงต้องยอม เพราะลูกอ่อนคาอก ไปศาลเองไม่ได้ และก็ไม่มีความรู้กฏหมาย เสียใจนะคะในใจ ทำไมไหนชมรมนี้บอกว่าเราสู้ได้ ทำไมสุดท้ายเราแพ้เจ้าหนี้ราบคาบ

คำให้การมันช่วยเราได้จริงเหรอคะ การต่อสู้มันมีจริงเหรอ

หนี้เจ้าอื่นยังรุมเราอีก เกือบ 20 เจ้า หนี้ยอดนี้เป็น 1 ใน 4 ของหนี้ทั้งหมด แต่เราต้องทำยอมผ่อนแบบเต็มจำนวน ที่เหลือก็ไม่รู้จะผ่านไหม

ใครตอบเราได้ว่า การต่อสู้เพื่อรักษาผลประโยชน์แบบที่ไปอบรมมามันมีจริงไหม หรือแค่ตำนาน

ใบต่อๆ มาเราไม่รู้ทำไง เราไปทำยอมมาเรือ่ยแล้วไม่รู้จะผ่อนได้นานแค่ไหน หมดกำลังใจ ไร้ทางสู้


แอบร้องไห้บ่อยๆ ว่า สรุป ที่ผ่านมา ที่ชมรมให้ความหวังว่า เราสู้ได้ มันคือคำพูดเกินจริงหรือเปล่า คะ


กรรมการคนไหนมาตอบเราทีค่ะ

อดีตกรรมการตอบแล้วกันนะครับ
การสู้คดี หรือยอมความมันต้องได้รับความยินยอมจากเราก่อนนะครับ โดยในทางปฎิบัติ
ผมสู้คดีมาหลายคดีที่ได้คือ
ดอก 13% บาง 7.5% บาง 10% บางตามดุลพินิจของศาลครับ เรื่องเงินต้นนั้นต้องสู้ทุบาททุกสตางค์ โยนการสืบให้อีกฝ่ายบางสืบจากเราบาง (สืบคดีหน้าบัลลัง) ทนายเราต้องคุยแนวทางว่าจะสู้แบบไหนแล้วถ้าไม่ได้ต้องทำอย่างไร มีแนวทางอื่นไหม อันนี้มันเป็นข้อมูลที่ต้องคุยกันนะครับ คุณออกมาบอกแบบนี้ตอนคุยกับทนายที่คุณให้ทำคดี ข้อมูลว่าอย่างไร ตกลงกันอย่างไร อันนี้มันจับต้องไม่ได้ พูดลำบากครับ

เอาเป็นว่า ผมสู้แบบในเว๊บบอร์ดนี้ครับ แถมตอนเพือนที่เป็นทนายเขียนคำให้การให้ผมเป็นคนแก้ไขก่อนนะครับว่าต้องใส่แนวทางไรเพิ่ม บางครั้งเพื่อนผมเขียนสมบูรณ์แล้ว ผมจะแก้เพื่อนยังบอกว่าถ้าแก้มันจะตีความว่าอย่างไร ถ้าไม่แก้ตีความว่าอย่างไร อันนี้ต้องคุย แล้วการซักซ้อมเรื่องการให้การหน้าบัลลังควรพูดอะไรไม่พูดอะไรอีก

ส่วนกรณีคุณอันไหนผ่านไปแล้วก็ต้องปล่อยไปนะครับ เอาเป็นบทเรียนว่าไม่ควรทำอย่างนี้อีก

ขึ้นศาลครั้งแรกมันเลื่อนได้ครับ แต่ครั้งที่สองต้อสู้คดีเลย ถ้าไม่สู้คดีก็ตามที่เขาฟ้องครับ
คดีเรื่องกู้ยืมมันไม่มีแพ้หรือชนะนะครับมีแต่ ต้องจ่าย จ่ายเท่าไร ครับ

คดีกู้ยืมเงินจริงๆแล้วแพ้ทั้งคู่ำไม่มีหรอกคำว่าชนะ

เจ้าหนี้ ฟ้องเพราะตั้งเป็นหนี้สงสัยจะสูญตามกฎหมายทางบัญชี
ลูกหนี้ ก็มีเลือก 2 ทางคือจ่ายตามคำพิพากษา กับ จ่ายตามยอด Hair Cut ที่เรามีกำลังจ่ายไหว

อยากให้สมาชิกอ่านข้อมูลรอบด้านก่อนตัดสินใจ ประเมินศักยภาพของตนว่า
จะสู้คดีหรือยอมความ หรือปล่อยอายัดเงินเดือน เพราะข้อจำกัดหลายๆอย่าง
ทั้งกายภาพ มีแตกต่างกัน

มาขยายความต่อนิดนึง พอดี จะได้เป็นแนวทางว่า ที่ฟ้องตามมาอีกหลายเจ้าเราจะทำยังไงดีคะ

เรื่องไทยพาณิชย์ 500000บาท ตอนที่หมายศาลมา เราโทร สาย hot line ค่ะว่าจะทำยังไงก็ได้รับคำแนะนำให้ไปสวนสุม แต่เราไปไม่ได้ ท้องแ่ก ก็เลยให้โทรหาคุณอาไพโรจน์

คุณอาไพโรจน์ บอกให้โทรหาคุณอาประัพัด แกเป็นทนาย

เราก็โทรคุณอาประัพัด คุณอาให้เอาหมายศาลไปให้ เราฝากแมสเซนเจอร์ไป คือ เราอาจจะไม่ได้ไปด้วยตัวเองแต่เราโทรถามตลอดว่าจะทำยังไง

คุณอาประพัดบอกจะเขียนคำให้การสู้คดีดู ไม่นานก่อนวันขึ้นศาลสักเดือนคุณอาไพโรจน์โทรมาบอกว่า มีประเด็นสู้เรื่องดอกเบี้ยที่สูงเกินกำหนด จะให้เราสู้เรื่องเราเอาเงินไปทำธุรกิจค่ะ อาจจะได้ลดเงินต้นหรือยืดเวลาอะไรก็ว่าไป


เราก็ติดตามโทรถามตลอด แต่คุณอาประพัด แกดูยุ่งแกบอกว่า จะโทรกลับมาเอง และแล้วก่อนวันไปขึ้นศาลนัดแรก เราก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณอา ว่า เรามีบ้าน มีทรัพย์สินอาจจะสู้ลำบาก รอบแรกจะไปเลื่อนนัดให้ก่อน เดือนนึง คุณอาไม่ได้พูดถึงคำให้การ อะไรอีกเลย เราก็ไม่ทราบจริงๆค่ะ เพราะเราคิดว่า ถึงมือสวนลุมแล้วยังไง ก็ต้องสู้สุดใจ

สุดท้ายเลื่อนครบเดือนนึงก็ยอมความ ตามที่บอก ยอด 500000 ผ่อน 7000 สองปี แล้วปิดจบ

ทำให้เรางงว่า การเขียนคำให้การมีไว้ทำไม พอดีคดีมันจบไปแล้ว เราเก็บไว้ในใจ ตลอดจนเจอคดีเคสนึงในนี้เร็วๆนี้ ของคุณ papa คล้ายๆ เราคือผ่อนไปแล้วจำนวนนึง จะสู้คดีเพื่อให้ลดเงินต้นที่จะฟ้อง เราไมได้สู้คดีเพื่อจะชนะ เราอยากลดยอดฟ้อง จะได้ผ่อนน้อยลง ไม่ใช่นี่เหมือนไปกู้เงินมาใหม่อีกรอบ

เรากู้มา 500000 ผอ่นไปแสนกว่าบาท แต่สุดท้ายต้องมาทำยอมผ่อนอีกรอบที่ยอด 500000 แล้วเราจะมีคำให้การกับไปสู้ที่ศาลทำไม เราไม่ไปศาลแล้วให้เค้าตัดสินเลยดีกว่าไหมคะ


หลังจากหมายศาลนีเราก็ให้คุณอาประพัดทำคดีให้เราอีกสองเจ้าจบเหมือนกันค่ะ ยอมความ เราก็เลยเกิดความสงสัยว่า เรามีสิทธิ์ สู้เพื่อ

1.ยืดเวลาไหม มารู้ทีหลังจากการอ่านเคสคนหลังว่า สู้อุทรณ์สามารถยืดเวลาพิพากษษได้เป็นปีๆ ทำให้เรามีเวลาหายใจ ไม่ใช่แบบที่เราเจอคือ เลือนได้เดือนเดียวหลังจากนั้นยอมความผ่อนอาน
2.ลดยอดฟ้องให้เหลือยอดที่เหลือจริงๆ


เพราะ หลังจากนั้นเราหมดหวังเพราะในมุมเราขนาด มีทนายเขียนคำให้การ ยังต้องทำยอมแล้วเราจะเอาความหวังที่ไหนคะ หลังๆ เราพยายามแฮร์รคัทให้่หมด แต่มันก็ลำบากมาก เพราะเงินก็้ต้องไปทำทุัน ไม่งั้นก็ไปทำยอมที่ศาล


คือตอนไปอบรม กับตามอ่านตอนแรกๆ ไม่ใช่แบบนี้ คือ ให้เราสู้ได้ มีประเด็นก็สู้ได้เรืองดอกเบี้ย หรือยืดเวลา ให้เราเก็บเงิน

เราอยากรู้ว่า บัตรที่เหลือต่อจากนี้เราจะทำอะไรได้บ้างค่ะ เพื่อให้เรารอดตาย หรือทำยอมไปจนผ่อนไม่ไหว ก็ให้เค้ายึดบ้านไปจบ เพราะขนาดเราไปพึ่งสวนลุมแล้วก็จบแบบนี้ เราควรทำไงดีค่ะ

ไม่ได้มาสร้างประเด็นอะไร แต่อยากหาทางแก้ไขเราเหลือหนี้อีกบานเลย เราจะไปไงต่อคะ ยอมความหมดทุกเจ้า เราจะรอดไหมเราคิดทุกวันเครียดนะคะ เจ้าที่ยอมความไปก็ผ่อนรวมๆกันเป็นหมื่นต่อเดือนแล้ว


มันอัดอั้นจริงๆค่ะ ตอบเราทีเถอะค่ะ

ปล สงสัยอีกข้อ คนมีบ้านผ่อนอย่สู้คดีไม่ได้เหรอคะ พอดีที่ผ่านๆ มาเหตุผลที่ต้องทำยอมเพราะมีบ้านผ่อนอยู่จะโดนยึดได้ แต่เราไม่มีเงินเดือนนะคะ เราทำงานอิสระ ถ้าเพราะบ้าน เราหมดสิทธิ์สู้เราจะได้รู้ไว้ไม่ดิ้นรนสู้อีกค่ะ