20ปีแห่งวังวนของหนี้บัตร

สวัสดีค่ะ พีๆ, เพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน

หลังจากไม่เข้าบอร์ด มา ๓ วัน วันนี้มารายงานค่ะ หลังหยุดจ่ายได้ ๖ งวด ได้รับหมายศาลของ Diner แล้ว

นัดไกล่เกลี่ย และ สืบพยาน วันที่ ๓๐ สิงหาคม ช่วงเช้า ยอดฟ้อง ๒๐๐,XXX ทุนทรัพย์ ๑๙๕,XXX

(เป็นรายการของแฟนค่ะ)

หากสมาชิกท่านใด เคยมีประสพการณ์ใกล้เคียงกัน มาบอกเล่าแนวทางด้วยนะคะ

เคยอ่านเคสของพี่แก้วจ๋าค่ะ

มีความคืบหน้าอย่างไร จะมาเล่าให้ฟังค่ะ

โดน Diner ก็ยากหน่อยนะ คุยยากค่ะ เป็นเอกเทศจาก Citi แต่
มีส่วนลดแน่นอน ชัวร์ ฟันธง

ใจเย็นสู้ศึก เดินทีละก้าว แก้ปัญหาไปทีละครั้ง รอดูท่าทีเขาก่อนค่ะ สู้ๆ ค่ะ

kaewja เขียน: โดน Diner ก็ยากหน่อยนะ คุยยากค่ะ เป็นเอกเทศจาก Citi แต่
มีส่วนลดแน่นอน ชัวร์ ฟันธง

ใจเย็นสู้ศึก เดินทีละก้าว แก้ปัญหาไปทีละครั้ง รอดูท่าทีเขาก่อนค่ะ สู้ๆ ค่ะ

ขอบคุณ พี่แก้วจ๋าค่ะ น้ำมนต์มีเรื่องขอคำปรึกษา พอดี น้ำมนต์จะไปเข้ากรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๕ ถึง

อาทิตย์ที่ ๑๒ ไม่ทราบว่า ถ้าจะขอพบ คุณอาประพัฒน์ หรือ คุณอาไพโรจน์ นอกเหนือจากวันอาทิตย์ได้

หรือเปล่าคะ จำนำหมายไปขอคำปรึกษาจากคุณอาค่ะ

พี่น้ำมนต์คะ กอบัวเป็นกำลังใจให้สำหรับหมายศาลใบแรก คงเส้นคงวาจริงๆ สำหรับค่ายนี้
นอกจากกระทู้ของคุณแก้วจ๋า แล้ว บัวไปลองค้นๆ ดูในบอร์ดเก่าๆ มาให้
แล้วยังแอบไปเจอคำแนะนำ หรือแม้แต่คำถามของสมาชิกเดิม แต่เป็นกรรมการในวันนี้แบบน่ารักๆ ฮาๆ หลายต่อหลายกระทู้
แต่บัวไม่ได้เอามาดอก...กลัวเจ้าของคำถามเขิน 555++
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&id=40926&view=flat&catid=2 โดน Diners ฟ้องแล้วค่ะ
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=20915 ขอคำปรึกษา หนี้ของ CITY

อ่านๆแล้ว ก็เป็นนโยบายเดิมๆ ปัจจุบันส่วนลดของค่ายนี้อยู่ที่ 40%
ค่อยๆแก้ไปทีละ step ค่ะ
บัวเชื่อว่าพี่น้ำมนต์ มีสติกำกับประคับประคองใจทั้งตัวเอง และที่บ้านได้อยู่แล้ว
เรื่องปรึกษาคุณอา พี่อาจจะได้คำตอบจากมิตรดีๆไปแล้ว บัวเพิ่มเติมนิดหน่อยคุณอาประพัฒน์บ้านอยู่แถวๆรัชดา (หลังสถานทูตจีน) วันธรรมดาจะวนเวียนอยู่แต่ศาล อาจจะสะดวกในเวลาเย็นๆ
ส่วนคุณอาไพโรจน์ แถวๆอ่อนนุช สะดวกตลอด แต่ต้องโทรนัดหมายทั้งคู่ก่อน
พี่น้ำมนต์ อยู่ไกลจากคุณอาทั้งสอง ยังไงลองติดต่อดูค่ะ



บัวอยากขอบพระคุณพี่น้ำมนต์สำหรับถ้อยคำดีๆ ที่มีให้กันเสมอมา
อ่านตรงนี้ที่พี่แปะไว้ให้ในกระทู้แล้ว ออกอาการเขินๆอายๆ แต่เป็นความละมุนละไม มีความสุขเล็กๆ นิดๆว่า สิ่งที่เราทำ แม้เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แม้เราไม่เคยได้ยินแม้เสียง ไม่เคยเห็นหน้า แต่เราคงทำบุญร่วมกันมาก่อน ทำให้เรามีโอกาสได้มาเจอะกันตรงนี้

[/color][/b][/size]

ที่มา: พระไพศาล วิสาโล

บัวชอบอ่านหนังสือของจีน และอินเดียเพราะ มีความลุ่มลึก เป็นแหล่งของอารยธรรมเก่าแก่ และมีความเย็นๆสุขุม ติดตามประวัติความเป็นมาของ มหาตมะ คานธี มานาน หนังสือมีเต็มตู้
คำๆหนึ่งที่คานธี บอกเอาไว้ว่า "โลกทั้งผองพี่น้องกัน" สอนให้เรารู้ว่า เราทุกคนล้วนเวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ
ชาติที่แล้ว บัวอาจจะเคยเป็นพี่ เป็นน้อง เป็นแม่ เป็นเมีย เป็นคนรับใช้ ใครต่อใคร
ชาตินี้ เราก็ไหลเลื่อนไปตามกระแสกรรม
วันนี้ได้มาเจอกัน มีกุศลจิตในการคิดดี ทำดี...แค่นี้ก็รู้สึกโชคดีที่ได้เกิดมา
เป็นกำลังใจให้พี่คนนี้เสมอ...

น้ำมนต์ เขียน:

kaewja เขียน: โดน Diner ก็ยากหน่อยนะ คุยยากค่ะ เป็นเอกเทศจาก Citi แต่
มีส่วนลดแน่นอน ชัวร์ ฟันธง

ใจเย็นสู้ศึก เดินทีละก้าว แก้ปัญหาไปทีละครั้ง รอดูท่าทีเขาก่อนค่ะ สู้ๆ ค่ะ

ขอบคุณ พี่แก้วจ๋าค่ะ น้ำมนต์มีเรื่องขอคำปรึกษา พอดี น้ำมนต์จะไปเข้ากรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๕ ถึง

อาทิตย์ที่ ๑๒ ไม่ทราบว่า ถ้าจะขอพบ คุณอาประพัฒน์ หรือ คุณอาไพโรจน์ นอกเหนือจากวันอาทิตย์ได้

หรือเปล่าคะ จำนำหมายไปขอคำปรึกษาจากคุณอาค่ะ

ได้ค่ะแต่คุณอาประพัฒน์มักอยู่ศาลจันทร์-ศุกร์แต่เสาร์ต้องโทรนัดค่ะส่วนคุณอาไพโรจน์ว่างทุกวันค่ะโทรตามเบอร์สายด่วน
ถ้าคราวนี้ไม่ทันก็ไปขึ้นศาลเลื่อนนัดก่อนนะค่ะ

เป็นกำลังใจให้พี่น้ำมนต์ (เสมอ) ค่ะ ... สู้สู้นะคะพี่ ได้รับหมายศาลแรกแล้ว จริง ๆ ขอเลื่อนได้ใช่มั้ยคะ ส่วนเรื่องนัดคุณอาทั้งสองนั้นคงต้องตามที่พี่บัวกับพี่แก้วจ๋าแนะนำเนอะ (แฮะแฮะ) เล็กว่าพี่น้ำมนต์ต้องผ่านด่านครั้งนี้ไปได้ด้วยดีแน่นอนค่ะ เพราะอะไรรู้มั้ยคะ เพราะว่าพี่น้ำมนต์มีพุทธธรรมะในหัวใจ และด้วยการเจริญภาวนาที่ผ่าน ๆ มานั้นย่อมส่งผลดีให้พี่แน่ ๆ ค่ะ

เรื่องราวต่อไปหลังจากไปศาลแล้ว เล็กขอรอฟังจากพี่น้ำมนต์อีกครั้งนะคะ สู้สู้ค่ะพี่

สวัสดีค่ะ พี่แก้วจ๋า, คุณกอบัว, คุณ Mlek และ เพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน


ขอขอบพระคุณ ทุกกำลังใจ ทุกคำแนะนำ และ ความห่วงใย ที่มีให้กันเสมอค่ะ......

พี่แก้วจ๋า.... น้ำมนต์ได้รับข้อความเรียบร้อยค่ะ และขอขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำค่ะ

คุณกอบัว..... ดีใจค่ะที่คุณกอบัว ยังอยู่เป็นกำลังใจ และ คอยให้คำแนะนำ อยู่เสมอ ๆ

รวมทั้งเรื่องราวที่สนุกๆ พอให้คลายเหงา น้ำมนต์ชอบอ่านหนังสือ เกี่ยวกับกฏแห่งกรรมค่ะ

รวมถึงคำสอนและหลักธรรมของพระพุทธองค์

น้อง Mlek....... ขอบคุณค่ะ สำหรับกำลังใจ และความเป็นห่วงทีมีให้กัน......

พี่เองก็แอบหวังลึกๆ ว่า อนิสงส์แห่ง ทาน ศีล และ ภาวนา อันบริสุทธิ์ ที่พี่ได้สะสมไว้

คงจะเป็นบันไดให้พี่ได้มีสติ ปัญญา ที่จะแก้ไขบ่วงแห่งกรรมนี้ได้.....แต่ที่แน่ๆ อานิสงส์แห่งบุญ

ทำให้ได้มาเจอชมรมแห่งนี้ และ พี่ๆ เพื่อนๆ สมาชิกที่น่ารักทุกท่าน

(โดยเฉพาะจิตใจที่ดีงาม มีความเมตตา ที่คอยให้คำแนะนำ ปรึกษา ให้พวกเราได้หลุดพ้นวงจรแห่งหนี้สิน)

และนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป น่าจะเป็นเวลาแห่งการทยอยรับหมายศาล ของแต่ละสำนัก......(หนี้)

และได้ใช้ความรู้และข้อมูลที่ได้อ่านมาตลอดระยะเวลา ๖ เดือนแล้วนะ แก้ไขไปที่ละ step ค่ะ

เรื่องเล่าก่อนนอน.....

ทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตแต่งงานและครอบครัวที่มีความสุข ?

ชีวิตแต่งงานจะมีความสุขความทุกข์หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของคนสองคนที่จะต้องรับผิดชอบกันเอง
ปัจจัยสำคัญประการแรก คือ การเลือกคู่ครอง เราจึงไม่ควรแต่งงานเพราะถือเป็นหน้าที่หรือความจำเป็น
และควรเลือกคู่ครองด้วยปัญญาหรือเหตุผล ไม่ใช่ด้วยอารมณ์หรือความรู้สึก หรือด้วยการดูดวง

ชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขนั้น เริ่มจากการที่คู่ครองไม่มีความเหมาะสมกันในด้านต่างๆ

การเลือกคู่ครองจากอารมณ์อาจไม่มีผลเสียภายหลัง ถ้าหากคู่ครองเป็นคนดี แต่ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดี
เช่นนั้น พุทธศาสนาจึงแนะนำให้เราใช้ปัญญาหรือเหตุผลในการเลือกคู่ครอง เพื่อจะได้คนที่เหมาะสม
และเข้ากับเราได้มาเป็นสามีและภรรยา

ศาสตราจารย์สจวร์ตต้องการทราบว่า พุทธศาสนามีความคิดเกี่ยวกับความงามอย่างไร

ทั้งๆที่รู้ว่าความงามเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน แต่โดยเหตุที่ความงามเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยินดีและเป็นฐาน
ของความรักและความสุข

ศาสนาพุทธจึงถือว่าคนที่เกิดมาสวยเป็นคนมีบุญ ความสวยความงามเป็นผลบุญที่ได้ทำไว้ในชาติก่อน
แต่ศาสนาพุทธถือว่าความงามทางร่างกายและความดีเป็นคนละสิ่ง หากแต่
ความงามที่เราควรเอาใจใส่ให้มากคือ จิตใจที่งาม ซึ่งสังเกตุเห็นได้จาก
คำพูดกิริยาท่าทางและการกระทำต่างๆ

ดังนั้นผู้ที่ต้องการให้ชีวิตแต่งงานมีความสุข จึงควรแต่งงานกับคนดี ความงามที่เป็นความดีนั้นอยู่ใต้ผิวพรรณ

ความรัก ความเมตตา เป็นพื้นฐานสำคัญของหน้าที่ต่างๆ การที่ไม่ใช้คำว่า "ความรัก" อย่างเดียว
แต่มีคำว่า "ความเมตตา" ติดอยู่ด้วย เพราะต้องการไม่ให้เรามองดูความรักในแง่ที่เป็นกามกิเลสเกิด
จากราคะหรือเกิดจากสัญชาตญาณทางเพศ

ฉะนั้น เวลาพูดถึงสาเหตุของความสุขของชีวิตแต่งงาน เราจึงควรพูดถึง ความรัก
ความเมตตาอย่างอื่น เพราะสิ่งนี้เป็นคุณธรรมที่ครอบคลุมทุกส่วนของชีวิตแต่งงานรวมทั้งในเรื่อง
กามารมณ์ด้วย และเป็นคุณธรรมที่สามารถกำจัดความเห็นแก่ตัวทีเป็นรากเหง้าของปัญหาต่างๆ
ของมนุษย์ได้[/b]

ศาศตราจารย์สจวร์ตจึงเห็นด้วยกับหลวงพ่อที่กล่าวว่าความรัก ความเมตตาเป็นฐานสำคัญของชีวิตแต่งงาน ความสงสารเห็นอกเห็นใจกันเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งทึ่จะร้อยรัดจิตใจของคนทั้งสองเข้าด้วยกัน

ความรักความเมตตาทำให้สามีภรรยาเป็นคนไม่เห็นแก่ตัว คือไม่มีทิฐิมานะไม่ยึดถือตัวเองเป็นสำคัญ

หลวงพ่อไม่ได้มองข้ามความสำคัญของความรัก ในการเลือกคู่ครอง แต่ต้องการให้ความรักดังกล่าว
มีเหตุผลเป็นส่วนประกอบสำคัญ

การใช้เหตุผลในการเลือกคู่ครองจะทำให้มองเห็นความสำคัญของความงามทางจิตใจเหนือ
ร่างกายที่สวยงาม

พี่น้ำมนต์คะ เป็นคำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบ
มันอาจจะเป็นคำปรารภของบัวฝ่ายเดียว

ถ้าการแต่งงาน ที่เลือกมาจาก "ความถูกต้อง มากกว่าถูกใจ"
ชีวิตนั้น จะมีความสุข ได้อย่างไร หากคนสองคนเลือกเหตุผล เลือกปัจจัยจากสิ่งโน้นสิ่งนี้ จนลืมมองหัวใจของตัวเอง...
แล้วถ้าเอาแต่ใจของตัวเอง...ชีวิตแต่งงานของคนสองคน ก็จะไปรอดได้อย่างไร
บัวยังไม่เชื่อว่า "ความดี และความเมตตา" จะเป็นคำตอบของการอยู่รอดของชีวิตคู่
เพราะถ้าวันหนึ่ง คนที่ดีที่สุด คนที่เราไว้ใจที่สุด กลับกลายเป็น "คนไม่ดี" เราจะ "หมดรัก" เขาหรือ
หรือเราควรจะให้อภัยเขา เมตตาเขา ปล่อยให้เขาเหยียบย่ำหัวใจเราต่อไป
ไม่ต้องไปถือสาหาความ เราให้อภัย เราเมตตา
แล้วศักดิ์ศรีของเรา อยู่ตรงไหน?

บัวยังหาคำตอบเรื่องนี้อยู่ไม่วาย...
เพราะบัวเคยผ่านชีวิตคู่ ที่ดีแสนดี จนนึกว่าได้เทวดามาเป็นสามี
และบัวเคยได้รักผู้ชายคนหนึ่ง ที่ใครต่อใครว่า เขาเลว
สองคน...มีดีมีชั่วปะปนในดีในชั่วนั้น...ไม่มีเหตุผลอะไรเลยว่า
ดี จะทำให้ชีวิตคู่รอด
เลว จะทำให้ชีวิตแย่...
และรัก ก็ใช่ว่า จะตอบโจทย์ได้ทุกๆอย่าง
สิ่งที่ทำให้บัวเดินไปได้ทุกวันนี้คือ "ซื่อสัตย์กับหัวใจตนเอง"
รักก็บอกว่ารัก อยากจะเลิกกันก็บอกเหตุผลกันไป
ไม่ทนอยู่กับใคร เพียงเพื่อ สงสาร เมตตา หรือให้อภัย...
อยู่ด้วย เพราะเห็นว่า เขามีค่าพอที่เราจะฝากชีวิตเราและลูกไว้ให้
และรัก เพียงเพราะว่า อยากจะรัก ไม่ว่าเธอจะเลวเพียงใดก็ตาม...
บัวคิดว่า การรู้คุณค่าของตัวเอง สำคัญกว่าความดี หรือความเลว ของผู้ชายใดๆในโลก
เป็นแค่ความคิดของบัวคนเดียว อยากแชร์กับพี่น้ำมนต์เฉยๆ
พี่น้ำมนต์คนดี ที่มีกรอบ มีความสุข มีโลกที่แสนจะ...สะอาด จนบัวมองดูพี่น้ำมนต์แบบ...แม่พระ
พี่น้ำมนต์โชคดีมากๆ ที่มีพ่อบ้านแสนวิเศษ ลูกๆน่ารัก แม่ที่คอยเป็นกำลังใจ
เรียกว่า พี่น้ำมนต์ทำบุญมาดีมากๆ และยังสะสมบุญไม่เลิก
บางครั้งชีวิตของคนอื่นๆ ไม่โชคดีแบบพี่น้ำมนต์
อย่างบัวเองจะบอกตัวเองเสมอว่า...ไม่มีใครทำร้าย หรือมีอิทธิพลกับใจของเราได้ นอกจาก "ใจของเราเอง" ฉะนั้น เดินต่อ ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเราเอง
แหม...ฟังแล้ว แฟมมินิสเน๊อะ...อาร์ตตัวแม่เลย อิ...อิ...
เป็นกำลังใจให้พี่น้ำมนต์ คนดี...ที่อยากกอดตัวเป็นๆสักวัน...รักนะคะ...

วันแห่งความรักแม่กำลังมามัง ช่วงนี้เลยถือวิสาสะพูดเรื่อง
ของความรักมากหน่อย ขอมาร่วมแชร์บ้างค่ะ

เห็นดีด้วยกับกรอบของคุณน้ำมนต์ และเห็นพ้องกับคุณกอบัวค่ะ
ใครๆ ก็อยากเป็น อยากได้คู่ที่ดี ทั้งถูกต้อง และถูกใจ แต่ไม่ง่าย
และไม่ยาก จริงไหมค่ะ สำหรับคนในปัจจุบัน หาก
มีแต่เหตุผลมากไป คำนวนบวกลบคูณหารว่า ใช่ ก็อยู่กัน เดี๋ยว
ก็รักกันเอง แต่หากใจคนมันร่ำร้องหาความรักและอบอุ่น จะทำ
ฉันใด

แต่หากมีแต่อารมณ์รักมากไป ดันทุลังจะอยู่กันให้ได้ ไม่สนใจสิ่ง
แวดล้อมใดๆ วันๆ คงต้องนั่งรับปะทาน Sara เป็นแน่ หากวันใด
ที่เจออุปสรรค จะก้าวข้ามกันได้หรือ?

คนที่เราคิดจะใช้ชีวิตร่วมด้วย คงไม่สามารถกำหนดได้ว่า ต้องเป็น
คนดี ถึงจะรอด หรือเป็นคนเลวแล้วไม่รอดนะค่ะ ขอแค่เขามีปัจจัย
ในบางเรื่องที่ยอมรับกันได้น่าจะพอค่ะ

คน เราต่างที่มา ต่อให้มาจากครอบครัวเดียวกัน นิสัยใจคอยัง
แตกต่างกันเลยค่ะ อย่าได้คิดที่จะเปลี่ยนให้เค้าทำตามคุณในทุกๆ
เพียงแค่เว้นช่องว่างระหว่างกันบ้างก็พอค่ะ อย่าได้ลุกล้ำก้าวเข้าไปสู่
โลกส่วนตัวของเค้า เพราะคุณเองก็คงไม่ชอบเหมือนกัน ถ้าหากว่า
เค้าทำเหมือนคุณบ้าง ให้ใช้ ความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน
เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อทำให้ชีวิตคู่ของคุณนั้น มีความสุขค่ะ

…..ความรู้สึกดีๆ ที่ คุณและเค้าต่างฝ่ายต่างมอบให้กันนั้น เป็นสิ่งที่สวยงาม
มากที่สุดของชีวิตคู่ค่ะ เพราะถ้าคุณและเค้าอยู่ด้วยกัน ด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี
ไม่อบอุ่นเหมือนเคยแล้วล่ะก็ นั่นหมายถึงสัญญาณที่จะทำให้รู้ว่า ชีวิตคู่ของ
คุณอาจจะจบลงได้

…..ขอโทษ หาก คุณและเค้าทำผิดต่อกัน การรู้จักขอโทษ
มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนะคะ หากเค้าทำผิดคุณก็ควรให้โอกาศเค้าได้พูดและอธิบาย
ได้พูดขอโทษคุณบ้าง อย่าใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินปัญหาทั้งหมดค่ะ ความโกรธแค้น
มาเร็ว แต่จะฝังใจอยู่กับเราไปนานแสนนาน ถ้าหากว่าคุณหรือเค้าก้าวพลาด ทุกอย่าง
ที่คุณและเค้า ก้าวเดินด้วยกันมามันก็จะจบลงอย่างง่ายดาย

…..ความรู้สึก ของคนทั้งคู่ ชีวิตคู่ จะอยู่ได้ต้องให้เกียรติกัน เคารพในการตัดสินใจของ
กันและกัน

อยากเห็นสังคมไทย รักกันจนแก่เฒ่า แบบนี้ค่ะ รักเราไม่มีวันเก่าเลย

สวัสดีค่ะ พี่ๆ เพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน

โอ้โห... พิมพ์ตั้งนาน ไฟดับ เซ็งเลย พิมพ์ใหม่...

กลับมาจากวัดตั้งแต่วันที่ ๑๒ นำบุญจากการทำกรรมฐานมาฝากทุกๆ ท่าน ได้อนุโมทนาค่ะ..

เพิ่งจะมีเวลาเข้าบอร์ด หยุดงานไป ๗ วัน กลับมาอีกที งานเท่าภูเขา (ดีที่ยังมีงานเนอะ)...

เดือนนี้เข้ากรรมฐาน ๒ รอบ เพราะเป็นเดือนเกิดของหลวงพ่อ อีกทั้งยังเป็นเดือนเกิดของคุณแม่

และ ตัวเราด้วย

อาทิตย์ที่จะถึง ก็จะไปปฏิบัติอีก ๗ วัน (เลยต้องสะสางงานล่วงหน้า) แอบเข้าบอร์ดมาอ่านเรื่องราว

ของเพื่อนสมาชิกให้หายคิดถึง...โดยเฉพาะ บ้าน คุณบัว... เห็นภาพ meeting ครอบครัว.....หมูกะทะ

น่าอร่อย enjoy จริงๆ ...น่ารักมากๆ ค่ะ ครอบครัวนี้....

น้ำมนต์เห็นด้วยกับข้อคิดของ คุณบัว และ พี่แก้วจ๋า ค่ะ ......

แต่กว่าน้ำมนต์จะเข้าใจถึงชีวิตของครอบครัว อย่างเช่นทุกวันนี้.....ก็ทะเลาะกัน ๓ เวลาหลังอาหาร

อยู่บ่อยๆ (ไม่เกี่ยวกับหนี้นะคะ)

น้ำมนต์เป็นคนดื้อ....เอาแต่ใจตนเอง....ตัวกูใหญ่เหลือเกิน.... อีโก้สูงมาก....

เคยไม่คุยกันนานถึง ๗ วัน (ทั้งๆ ก็เห็นหน้ากันทุกวัน ขอบอก อึดอัดมากๆๆๆๆๆ) แฟนต้องง้อตลอด

ไม่งั้น เรื่องยาวเป็นสุไหงโกลก... จะหนีไป shopping ซื้อเครืองสำอางที ไม่ต่ำกว่าหมื่น (นิสัยไม่ดีมาก

คิดย้อนดู เหมือนคนบ้า ขาดสติ ไม่รู้ค่าของเงิน)

แต่พอได้ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า ได้ฟังคำเทศนาของหลวงพ่อ .... โอ้ โห.... น่าอัศจรรย์จริงหนอ...

พระพุทธองค์ไม่ทรงสอนให้คนเชื่อ แต่ทรงบอกให้เราพิสูจน์....โดยการปฏิบัติดู.... แล้วเราจะรู้ว่า ...

ความสุข สงบ อีกทั้งปัญญา ที่เกิดจากการปฎิบัติธรรมเป็นอย่างไร ......

ย้อนกลับมาดูเรื่องหนี้บัตรค่ะ เช้านี้ Central Card โทรมาให้ส่วนลด ที่ ๕๐% จากยอด ๑๑๐,๐๐๐

เหลือ ๕๕,๐๐๐ แบ่งจ่าย ๓ ถึง ๔ งวด แต่มีข้อแม้ว่า ต้องชำระงวดแรกวันนี้.......ก็เลยบอกว่า

วันนี้ไม่ทัน ขอเป็นต้นเดือนได้ไหม เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้ เลยวางสายไป.....เพราะต้นเดือนจะได้เงิน

ค่าแชร์มา (ส่งงวดสุดท้ายแล้ว)....เสียดายเหมือนกัน...แต่ก็ต้องรับสภาพให้ได้.....

ไม่เป็นไร เดี๋ยวอุทิศบุญจากการทำพระกรรมฐานให้ เผื่อจะสงสารและเมตตาเราก็ได้....

กะว่า ถ้าโทรมาอีกจะขอที่ ๔๕,๐๐๐ แบ่งจ่าย ๔ งวด ไม่รู้ผ่านหรือเปล่า.....

โอมมมมม เพี๊ยงงงงง...ผ่านเถอะ...ลูกหนี้ขอร้อง... สาธุ ๆๆ

พี่อัง..ขออวยพรให้คุณน้ำมนต์ได้ส่วนลดตามที่หวังและตั้งใจนะ..และจะส่งกำลังใจไปให้เสมอ
พี่อัง สวยประหาร (ผู้หญิงที่งามที่สุดในชมรม)

Angsuu เขียน: พี่อัง..ขออวยพรให้คุณน้ำมนต์ได้ส่วนลดตามที่หวังและตั้งใจนะ..และจะส่งกำลังใจไปให้เสมอ
พี่อัง สวยประหาร (ผู้หญิงที่งามที่สุดในชมรม)

สวัสดึค่ะ พี่อัง (ผู้หญิงที่งามที่สุดในชมรม)

ขอบพระคุณค่ะ......พี่อังสบายดีนะคะ ขอให้ความเมตตาจิตของพี่อัง ส่งผลให้พี่อัง มีสุขภาพกาย และ ใจ

ที่มีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ




เปรียบเสมือนจิตใจที่ใสเย็นชุ่มฉ่ำของพี่อังค่ะ

ธรรมมะวันละนิด จิตแจ่มใส

คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จรัญ ฐิตธัมโม ค่ะ

คิดถึงพี่น้ำมนต์เช่นกันค่ะ
แต่รู้ว่าไปปฏิบัติธรรมมา ก็ได้แต่ส่งใจร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้
บัวก็เป็นผู้หญิงที่เอาแต่ใจตัวเองมากๆ
แม้จะเป็นคนลุยๆ เอาการเอางาน แต่กับคนที่รักแล้ว ขี้งอน วีน เหวี่ยง มากๆเลยค่ะ
เป็นแบบพี่น้ำมนต์พูดเปี๊ยบ...ทิฐิมานะแรง อีโก้สูง ปากพูดว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แต่โน้น...คิดไปถึงดาวอังคาร
เรื่อง shopping ทุกวันนี้กอบัวยังเป็นอยู่เลย...
หนี้ก็หมดแล้ว เงินทองยังเก็บไม่ค่อยได้ อ้างแต่ว่า ค่าใช้จ่ายลูกๆเยอะ จริงๆแล้ว ซื้อตลอด
ชุดทำงานจนล้นตู้ เสื้อสูทมีสีดำยังไม่พอ มีดำน้อย ดำมาก เทานิดๆ เทาหน่อยๆ สีครีม สีขาว สีโน้นสีนี้ บ้าที่สุด
รองเท้าก็มีจนล้นกล่อง
ที่นี่...เวลาจะใช้ก็เสียดาย อันนี้เอาไว้ก่อน อันนั้นเอาไว้ใช้งานหน้า มาอีกที เปื่อย ผุ เนื้อผ้าพรุน 555++
บางทีก็สงสารคนที่มารักเรา...ช่างน่าสงสารจริงๆ
ทนเราได้ไงก็ไม่รู้ อิ...อิ...
บัวอยากคุยมากกว่านี้ แต่งานช่วงนี้เหนื่อยและเยอะมากเลยค่ะ
ทั้งงานประจำ งานบริษัทของนายที่ออกมาตั้งบริษัทเอง แล้วก็งานวิจัยของเยอรมัน...
ตาจะปิดแล้วค่ะ พรุ่งนี้ถ้าหายยุ่ง จะมาคุยใหม่นะคะ

เดี๋ยวอุทิศบุญจากการทำพระกรรมฐานให้ เผื่อจะสงสารและเมตตาเราก็ได้....

กะว่า ถ้าโทรมาอีกจะขอที่ ๔๕,๐๐๐ แบ่งจ่าย ๔ งวด ไม่รู้ผ่านหรือเปล่า.....

มีส่งบุญ แผ่เมตตาถึงเจ้าหนี้ให้ใจอ่อนด้วยหรือเปล่าค่ะ

ถ้าเป็นชายนะ แก้วจ๋าว่าคุณน้ำมนต์ต้องสละทางโลก ไปออกบวชแน่ๆ
อย่าหายไปนานนะค่ะ ไม่อยากเป็นมารศาสนาหรอกค่ะ แต่
คิดถึง เดี๋ยวปลาย่างที่บ้านจะหายไป เพราะคุณน้ำมนต์ไม่อยู่เฝ้า คอย
ดูแลใส่ใจ

เห็นด้วยค่ะ ผู้หญิงเวลาอารมณ์ไม่ดี มักหาเรื่องละลายทรัพย์ของตัวเอง
พอหายงอน กลับนั่งเศร้ากับความบ้าที่ซื้ออะไรมาก็ไม่รู้มากมาย ทั้งที่
อยากได้และไม่อยากได้ แต่ที่ได้คือความปลดปล่อย ผู้ชายเขาไม่รู้สึก
รู้สมอะไรเลย แก้วจ๋าบ้าซื้อรองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า และพลาสติก
แต่พอถึงเวลาเป็นหนี้ ของพวกนี้ก็ช่วยชีวิตได้ไม่มากก็น้อย นึกว่า
จะเป็นแค่ขยะรกบ้านเสียอีก

ขออนุโมทนาบุญให้เซ็นทรัลหวนกลับมาลดเหมือนเดิมนะค่ะ
ของที่นี่มีขึ้นและลงค่ะ แต่ที่แน่คือ ลด 50% ชัวร์ แต่อยู่ที่ช่วง
เวลาค่ะ

"ความรัก" มีทั้งวันดี ๆ มีวันที่แสนธรรมดา
มีวันทะเลาะ และมีวันร้ายๆ เกิดขึ้นได้เสมอ
แต่..ไม่ว่าจะเจอบททดสอบความรักหนักหนาแค่ไหน
เชื่อเถอะว่า คนสองคนจะก้าวผ่านไปได้
ถ้าในหัวใจ มี...รักแท้ ... ต่อกัน..

สวัสดีค่ะพี่น้ำมนต์ เล็กว่าจากการเจริญภาวนาของพี่นั้น เหล่าบรรดาเจ้าหนี้ที่กำลังคิดให้ส่วนลดคงลดได้ตามที่พี่มุ่งหวังแน่ค่ะ (แต่ถ้าไม่ได้เราก็ปล่อยไปก่อน...แฮะๆ)

เห็นพี่ได้ไปเจริญภาวนาบุญแล้ว คิดคิดคิด ตัวเล็กเองก็อยากมีโอกาสไปมั่งจัง แต่เนื่องจากยังตัด "ห่วง" ไม่ค่อยได้น่ะค่ะ ตัวเล็กเองก็เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือน เช้าส่งลูกไปโรงเรียน-เย็นก็ต้องรีบกลับไปรับลูกกลับบ้าน, ปัดกวาดเช็ดถูบ้าน, ซักผ้าตากผ้า, ทำกับข้าวให้ลูก เก็บกวาดล้างจานชาม ฯลฯ อุ๊ยย..สารพัดที่ต้องทำ 5555 แบบนี้แหละค่ะ "เหนื่อย..แต่...สุข" เพราะได้เจอลูกทุกวัน อยู่กับเค้าทั้งวันถึงจะยุ่ง แต่ก็มีความสุขค่ะ

แต่ก็มีแอบคิด ๆ ไว้รอให้ลูกชายโตกว่านี้อีกสักหน่อย ขอแบบเราวางใจว่าเค้าช่วยเหลือตัวเองได้ และเอาตัวเองรอด จะขอไปฝากไว้ที่บ้านพี่สาว หรือไม่ก็หนีบเค้าไปด้วยกันสองแม่ลูกเลยน่ะค่ะ

ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ของตัวเอง เล็กก็คงต้องใช้วิธี "แก้ไปทีละขั้น" พยายามเก็บเงินเพื่อรอจังหวะ h/c อีกครั้ง (ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเจ้าหนี้รายไหนต่อไป)

ยังงั้ยก็ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้ำมนต์ค่ะ เล็กว่าแบบพี่น้ำมนต์ต้องแก้ไขปัญหาไปได้ด้วยดีแน่นอนค่ะ...

mlek เขียน: สวัสดีค่ะพี่น้ำมนต์ เล็กว่าจากการเจริญภาวนาของพี่นั้น เหล่าบรรดาเจ้าหนี้ที่กำลังคิดให้ส่วนลดคงลดได้ตามที่พี่มุ่งหวังแน่ค่ะ (แต่ถ้าไม่ได้เราก็ปล่อยไปก่อน...แฮะๆ)

เห็นพี่ได้ไปเจริญภาวนาบุญแล้ว คิดคิดคิด ตัวเล็กเองก็อยากมีโอกาสไปมั่งจัง แต่เนื่องจากยังตัด "ห่วง" ไม่ค่อยได้น่ะค่ะ ตัวเล็กเองก็เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือน เช้าส่งลูกไปโรงเรียน-เย็นก็ต้องรีบกลับไปรับลูกกลับบ้าน, ปัดกวาดเช็ดถูบ้าน, ซักผ้าตากผ้า, ทำกับข้าวให้ลูก เก็บกวาดล้างจานชาม ฯลฯ อุ๊ยย..สารพัดที่ต้องทำ 5555 แบบนี้แหละค่ะ "เหนื่อย..แต่...สุข"

สวัสดีค่ะ น้อง Mlek

จริงๆ แล้ว สิ่งที่น้องได้ทำอยู่นั้น เช่น ปัดกวาดเช็ดถูบ้าน......ล้วนแล้วแต่เป็นการเจริญภาวนา กรรมฐานได้

ทั้งสิ้น......เพราะการเจริญภาวนา มิใช่แต่จะปฏิบัติขณะที่อยู่ที่วัดเท่านั้น....

หากแต่สามารถกระทำได้ในทุกที่ทุกสถาน แม้แต่ขณะที่เราทำภาระกิจในห้องน้ำ......

เพราะหัวใจของการเจริญภาวนา กรรมฐาน นั้น เราแค่เอาใจไปผูกกับสิ่งหรืออารมณ์ที่มากระทบ...

และรู้ตัวอยู่ว่าเรากำลังทำอะไร.....รู้สึกอย่างไร....เช่น ดีใจ...ไม่พอใจ... สุข....ทุกข์..... เหนื่อย...

เบื่อ....หรือ เฉย ๆ....

หมายถึง รู้เท่าทันปัจจุบันอารมณ์ (เค้าเรียกว่า กำหนดอิริยาบทย่อย)

หากเราสะสมกำลังการเจริญสติไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้เรามีสติที่เข้มแข็ง ว่องไว รู้เท่าทันกิเลสต่างๆ......

ซึ่งมีมากมายเหลือเกินในโลกปัจจุบัน และที่สำคัญที่สุด เราจะรู้เท่าทันเจ้าหนี้ทั้งหลาย และ มีสติที่จะ

วางแนวทางของชีวิตให้เดินไปในทางที่ถูกต้อง และ เหมาะสมกับเวลาค่ะ.....

และถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว เราก็ไม่ต้องเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถือว่ามันคือกรรมที่เราต้องชดใช้...

เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องติดตัวเราไปในภพหน้า......

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน

วันนี้มีเรื่องแปลกๆ จากเจ้าหนี้รายหนึ่งมาเล่าให้ฟังค่ะ

เจ้าหนี้: สวัสดีครับ คุณ....ตอนคุณสมัดรบัตร และ สินเชื่อ คุณ...บอกว่าเป็นเจ้าของบริษัท และ
เป็นกรรมการด้วย แต่ตอนนี้ ทำไม ถึงไม่ได้เป็น

ลูกหนี้: อ้าว....ก็ตอนนั้นเป็นอยู่ แต่ตอนนี้เปลื่ยนแปลงแล้ว

เจ้าหนี้: คุณ...ทำอย่างนี้ถือว่าโกหก แล้วก็บ่นอะไรอีกยืดยาว

ลูกหนี้: ทำไมอ่ะ มีกฏข้อบังคับหรือ ว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหน้าที่การงาน และ ชีวิตส่วนตัวได้

เจ้าหนี้: ยังคงบ่นอะไรอีกมากมาย.........ในขณะที่เราวางสาย

เออ.....อย่างนี้ก็มีด้วย ไม่ยอมให้เรามีการเปลี่ยนแปลงสถานะ

.......555

.......เข้ามาช่วยขำ....ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า...

......".พี่โกหกคุณน้องตรงไหนจ๊ะ....?" เมื่อก่อนพี่น่ะ..ร๊วย..รวย นะคุณน้อง...

แต่ตอนนี้..จนอ่ะ...เป็นหนี้เยอะ..เลยโดนลดขั้น..ปลดออกจากการเป็นเจ้าของไง...

แล้วในสัญญา..(ที่พี่อ่านไม่หมด..โดยเฉพาะเรื่องวิธีการคิดดอกเบี้ยแบบ"สากลโลก")

ก็ไม่น่าจะมีข้อห้ามเรื่องการลดสถานะ..อะไรนั่นนะ...ส่วนใหญ่พี่เห็นมีแต่ว่า..

ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่แจ้งโง้นงี้นะ...อย่าต่อว่าพี่เลย...เดี๋ยวจะจ่ายให้นะจ๊ะ..

ต่อว่าพี่มากๆ เดี๋ยวเกิดโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาละก็..ไม่ได้จ่ายคุณน้องพอดีเลย...ขอเหอะ...

.....................................