สารพันสรรสาระ และข่าวสารเพื่อเพื่อนชาวหนี้ ปี 55-56

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #27869 โดย Mommyangel
ต่อไป...ข้อลดหย่อน ข้อ 11. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม

ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม จากการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย โดยจำนองอาคารที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืมนั้น ให้ได้รับลดหย่อนและยกเว้นภาษีตามจำนวนเงินที่จ่ายจริงในปีภาษี 2554 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักกณฑ์ และวิธีการดังนี้

(1) เป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสำหรับการกู้ยืมจาก
(1.1) ผู้ประกอบกิจการในราชอาณาจักรดังต่อไปนี้
(ก) ธนาคาร
(ข) บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์
(ค) บริษัทประกันชีวิต
(ง) สหกรณ์
(จ) นายจ้างซึ่งมีระเบียบเกี่ยวกับเงินกองทุนที่จัดสรรไว้เพื่อสวัสดิการแก่ลูกจ้าง
(ฉ) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย
(1.2) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(1.3) กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(1.4) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ


ยังไม่จบ....

ขอเป็นเก้าอี้พักใจ....
ให้เธอได้พักพิง...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #27876 โดย Mommyangel
ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (ต่อ)

(2) เป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมตามสัญญากู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้ออาคาร อาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด หรือเพื่อสร้างอาคารใช้อยู่อาศัยบนที่ดินของตนเองหรือบนที่ดินที่ตนเองมีสิทธิครอบครอง

(3) ต้องจำนองอาคารหรือห้องชุดในอาคารชุดหรืออาคารพร้อมที่ดินเป็นประกันการกู้ยืมเงินนั้น โดยมีระยะเวลาจำนองตามระยะเวลาการกู้ยืม

(4) ต้องใช้อาคารหรือห้องชุดในอาคารชุดตาม (3) เป็นที่อยู่อาศัยในปีที่ขอหักลดหย่อนและยกเว้นภาษีแต่ไม่รวมถึงกรณีลูกจ้างซึ่งถูกนายจ้างสั่งให้ไปปฏิบัติงานของนายจ้าง ณ ต่่างถิ่นเป็นประจำ หรือกรณีอาคารหรือห้องชุดดังกล่าวเกิดอัคคีภัย ภัยธรรมชาติ หรือภัยอันเกิดจากเหตุอื่น ทั้งนี้ เฉพาะที่มิใช่ความผิดของผู้มีเงินได้จนไม่อาจใช้อาคารหรือห้องชุดนั้นอยู่อาศัยได้

(5) กรณีผู้มีเงินได้มีอาคารหรือห้องชุดในอาคารชุดตาม (3) เป็นที่อยู่อาศัยในปีที่ขอหักลดหย่อนและยกเว้นภาษีเกินกว่า 1 แห่ง ให้หักลดหย่อนและยกเว้นภาษีได้ทุกแห่ง สำหรับอาคารหรือห้องชุดในอาคารชุด ตาม (3)

(6) ให้หักลดหย่อนและยกเว้นภาษีได้ตลอดปีภาษี ไม่ว่ากรณีที่จะหักลดหย่อนและยกเว้นภาษีได้นั้นจะมีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่

(7) กรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมกันกู้ยืม ให้หักลดหย่อนและยกเว้นภาษี ได้ทุกคนโดยเฉลี่ยค่าลดหย่อนและยกเว้นภาษีตามส่วนจำนวนผู้มีเงินได้ แต่รวมกันต้องไม่เกินจำนวนที่จ่ายจริง และไม่เกิน 100,000 บาท

(8) กรณี สามีภริยา ร่วมกันกู้ยืมโดยสามีหรือภริยา มีเงินได้ฝ่ายเดียวให้หักลดหย่อนและยกเว้นภาษี สำหรับผู้มีเงินได้เต็มจำนวน ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

(9) กรณี ผุ้มีเงินได้ซึ่งมีสิทธิหักลดหย่อนและยกเว้นภาษีอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาได้สมรสกัน ให้ยังคงหักลดหย่อนและยกเว้นภาษี ดังนี้
(ก) ถ้าความเป็นสามีภริยามิได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ขอหักลดหย่อนและยกเว้นภาษี ให้ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนและยกเว้นภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
(ข) ถ้าความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ขอหักลดหย่อนและยกเว้นภาษี และสามีภริยายื่นรายการโดยรวมคำนวณภาษี ให้หักลดหย่อนและยกเว้นภาษีรวมกันตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
(ค) ถ้าความเป็นสามีภริยา ได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ขอหักลดหย่อนและยกเว้นภาษี และภริยายื่นรายการโดยแยกคำนวณภาษี ให้สามีและภริยาต่างหักลดหย่อนและยกเว้นภาษีได้กึ่งหนึ่งของจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท


(10) กรณีมีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้เงินกู้ยืมระหว่างผู้ให้กู้ตาม (1) ให้ยังคงหักลดหย่อนและยกเว้นภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าวข้างต้น ให้หมายความรวมถึงดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย หรือห้องชุดด้วย ทั้งนี้ เฉพาะดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้ยืมเพื่อชำระหนี้ส่วนที่ไม่เกินกว่าหนี้ที่ค้างชำระนั้น

ผู้มีเงินได้ต้องมีหนังสือรับรองตามแบบที่อธิบดีกำหนดจากผู้ให้กู้ยืม เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการจ่ายดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมเงิน เพื่อดำเนินการดังกล่าวนั้นด้วย

ขอเป็นเก้าอี้พักใจ....
ให้เธอได้พักพิง...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #27877 โดย Mommyangel
ค่าลดหย่อนข้อสุดท้าย....ข้อ 10. เงินสมทบกองทุนประกันสังคม

ในปีภาษี 2554 หักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 9,000 บาท ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม

กรณีสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ ซึ่งเป็นผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษีให้หักลดหย่อนได้ สำหรับเงินสมทบของสามีหรือภริยาที่จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม

ขอเป็นเก้าอี้พักใจ....
ให้เธอได้พักพิง...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, Pych, ntps, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #27878 โดย ntps
วันนี้ วันทำงาน วันเลขสวยจริงๆ 12.12.12 = 9 ใครๆก็พูดถึงกันทั้งวัน

มีจัดกิจกรรมเรียกลูกค้ามากมาย เช่น






ก็ถือว่า ลูกค้าได้อิ่มตา อิ่มใจ อิ่มท้องในราคาที่ถูกมากค่ะ น่าจะจัดทุกเดือน ^^

ในความเห็น แก้วจ๋า วันนี้ก็เป็นแค่วันๆหนึ่ง เมื่อคิดดี ทำดี อะไรก็ดีค่ะ ไม่จำเป็น

ต้องขวยขวายหมดเงินมากมายกับการสะเดาะเคราะห์ หรือ หาเครื่องคุ้มกันตัว

และวันนี้หรือวันที่ 21 ธ.ค ก็คงไม่ใช่วันสิ้นสุดของโลก โลกจะสิ้นสภาพก็เพราะ

มือคนค่ะ ช่วยกันรักโลกของเราอย่างถูกวิธีนะค่ะ ขอให้มีความสุขค่ะ




ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #27879 โดย ntps

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #27881 โดย Mommyangel
เรื่องค่ายกเว้น..และค่าลดหย่อน..ก็หมดแค่นี้..

ต่อไปก็เป็นการคำนวณภาษี....ก็ยังมีเงินที่ได้รับการยกเว้นอีก...ดังนี้

เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา ได้แก่ เงินที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนการศึกษา 2 เท่า ของจำนวนเงินที่จ่ายไปจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินคงเหลือตามข้อ 10 3. ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังนี้

1. ต้องเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดหาหรือจัดสร้างอาคาร อาคารพร้อมที่ดิน หรือที่ดิน ให้แก่สถานศึกษา เพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษา หรือจัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อการศึกษา แบบเรียน ตำรา หรือสือทางวิชาการ สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ให้แก่สถานศึกษาตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด หรือจัดหาครู อาจารย์ หรือผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษาหรือเป็นทุนการศึกษา การประดิษฐ์ การพัฒนา การค้นคว้า หรือการวิจัย สำหรับนักเรียน นิสิตหรือนักศึกษาของสถานศึกษา หรือจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็คทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่าน หรือบริจาคเงินให้แก่กองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคคลากรทางการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งขึ้น หรือเงินได้ที่จ่ายในการจัดให้คนพิการได้รับสิทธิประโยชน์ หรือเงินที่ได้จ่ายให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสารพากรประกาศกำหนด

2. ต้องเป็นโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ ได้แก่สถานศึกษาตามโครงการพระราชดำริ สถานศึกษาตามนโยบายที่จะระดมพลังเพื่อเร่งรับปรับปรุงคุณภาพและสถานศึกษาที่รองรับพัฒนาเด็กด้อยโอกาส เด็กพิการ

3. เป็นการบริจาคให้แก่สถานศึกษาตามรายชื่อสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศกำหนด

4. ผู้บริจาคต้องมีหลักฐานจากสถานศึกษาที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ

เงินบริจาค ได้แก่ เงินที่บริจาคให้แก่วัดวาอาราม สภากาชาดไทย สถานพยาบาลและสถานศึกษาของทางราชการ หรือองค์การของรัฐบาล สถานศึกษาเอกชน สถานสาธารณกุศลและกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ และกองทุน ฯลฯ หักได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินคงเหลือตามข้อ 10 5.

ขอเป็นเก้าอี้พักใจ....
ให้เธอได้พักพิง...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #27884 โดย Mommyangel
วิธีการคำนวณภาษีจาก 2 วิธี (แล้วให้ชำระภาษีจากยอดที่มากกว่า)

1. วิธีที่ภาษีคำนวณจากเงินได้สุทธิ ให้คำนวณตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

2. วิธีที่ภาษีที่คำนวณจากเงินได้พึงประเมิน หากเงินได้พึงประเมินมีจำนวนตั้งแต่ 60,000 บาท ขึ้นไป ให้นำผลลัพธ์ที่ได้จากการนำยอดรวมเงินได้พึงประเมินตาม ข้อ 1 ถึงข้อ 7 1. ถึง 3. และส่วนต่างเงินค่าขายหน่วยลงทุนคืนให้กองทุนฯ กรณีไม่ยกเว้นตาม 4. ถึง 5. (ถ้ามี) (ไม่รวมเงินได้พึงประเมินมาตรา 40(1) คูณด้วย 0.005 เว้นแต่คำนวณแล้วไม่เกิน 5,000 บาท ให้ชำระภาษีจากวิธีที่ 1.



เฮ้อ..ข้อกฎหมายนี้...งง...เนอะ..เอาแบบของพี่ลีนะ...

วิธีที่ 1 ไม่มีปัญหา...ส่วนใหญ่ใช้กับผู้มีเงินได้ มาตรา 40(1) เงินเดือน

วิธีที่ 2 ให้เอาเงินได้ ตั้งแต่มาตรา 40(2) ถึง (8) มารวมกัน แล้วก็คูณด้วย 0.005
แล้วเปรียบเทียบกัน...วิธีไหน..ภาษีมาก ให้จ่ายข้อนั้น...เว้นแต่


ถ้าวิธีที่ 2 ไม่เกิน 5,000 บาท ก็ให้ไปชำระด้วยวิธีที่ 1...โอเคมั๊ย

เอ้า..การบ้าน..

นายก. มีเงินเดือนอย่างเดียว....1,000,000 บาท
มีภรรยาไม่มีเงินได้
มีบุตรกำลังศึกษา 1 คน ยังไม่ศึกษา 1 คน
ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 25,000 บาท
ประกันชีวิต 40,000 บาท ภรรยา 20,000 บาท
จะเอาซื้อ R กับ L ด้วย..เดี๋ยว...สมองแตก...
ประกันสังคม 9,000 บาท
บริจาคให้วัด 5,000 บาท
บริจาคซื้อที่ดินให้โรงเรียน 50,000 บาท

มีภาษีหัก ณ ที่จ่ายซึ่งบริษัทหักไว้...100,000 บาท


นาย ก. จะต้องชำระภาษีเพิ่ม...หรือได้ภาษีคืน เท่าใด....

พรุ่งนี้ออกท้องที่...วันศุกร์มาเฉลย...ใครตอบได้มารับรางวัลที่พี่ลี

ขอเป็นเก้าอี้พักใจ....
ให้เธอได้พักพิง...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, ntps, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28141 โดย ntps
ยธ.เตรียมชงแก้ปัญหา "หนี้นอกระบบ" เป็นวาระแห่งชาติ

การแก้หนี้นอกระบบกลายเป็นวาระแห่งชาติ แล้วหนี้ในระบบมิกลายเป็น

วาระของโลก หรือ ในระบบตกกระป๋อง :ohmy:


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ธันวาคม ที่สถาบันวิทยาการตลาดทุน โครงการนอร์ธปาร์ค ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเสวนาเรื่อง “วิกฤตหนี้นอกระบบ-ทางออกของสังคมไทย?”



พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาหนี้นอกระบบรุนแรงและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประชาชน ซึ่งทุกหน่วยงานควรเร่งทบทวนบทบาทหน้าที่การทำงาน พร้อมระดมความคิดเห็นหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างครอบคลุมทุกมิติ ขณะเดียวกันสภาพความเหลื่อมล้ำทางสังคมเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้ชาวบ้านเกิดหนี้นอกระบบเป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงเร่งจัดทำเป็นนโยบายภาครัฐและจัดทำให้เป็นวาระยุทธศาสตร์แห่งชาติ



จากสถิติข้อมูลของกระทรวงการคลังพบว่า การลงทะเบียนหนี้นอกระบบ ปี 2552-2553 มีประชาชนมาลงทะเบียนทั้งหมด 1,181,133 ล้านราย มูลหนี้กว่า 122,406 ล้านบาท ธนาคารสามารถอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกหนี้ได้เพียง 448,449 ราย วงเงิน 42,549 ล้านบาท ยังเหลือลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออีกว่า 700,000 ราย





ด้านผลสำรวจประชาชนระหว่างวันที่ 22-26 มีนาคม 2555 ของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ภาระหนีครัวเรือนปี 2555 เทียบกับปี 2554 มีความใกล้เคียงกัน แต่มูลหนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 5.7% หรือ 168,517 บาท ต่อครัวเรือนต่อปี และสัดส่วนของการกู้หนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นจาก 45.8% เป็น 46.4% ขณะที่ผลสำรวจหนี้สินโดยรวมของเกษตรกรไทยในปัจจุบันพบว่าเกษตรกรมีหนี้สินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเป็นหนี้นอกระบบ

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, Ploylyly, Champcyber99, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28172 โดย Lyncns31
...555 พวกในระบบ..นิสัยไม่ดี ฟุ่มเฟือย..สุรุ่ยสุร่าย..ไม่ประมาณตน

จับเรียงแถวตีด้วยไม้เรียวหวายหน้าเสาธง.."แสน"ละโหล..

..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..จะได้หลาบจำ..

.......................... ^^ ^^ ^^

และแล้ว...หนี้ข้าก็สิ้นสุด..อิสรภาพมาถึงแล้ว.
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28392 โดย ntps
บทเรียนของคนซื้อรถคันแรก โดยไม่คิดยาวๆ


นึกแล้วว่าสักวันต้องมีแบบนี้ เพราะคนรอบตัว ทั้งเพื่อน ทั้งน้องที่ทำงาน รวมไปถึงช่างเงินเดือน หมื่นนิดๆ พากันออกรถกันใหญ่ เหตุผลเพราะได้คืนภาษีตั้ง แสนนึง

คงจะไม่มีปัญหาอะไรถ้า เขาซื้อของเขาเอง แต่ปัญหาคือ การที่เขาเงินเดือนน้อย เขาต้องหาคน ค้ำประกันให้ เพื่อที่จะได้รถมาเชยชม ซึ่งคนที่ซวยก็ตกไม่เพื่อน ญาติ คนที่ทำงาน

น้องคนที่มีปัญหานี้ ก็เป็นคนนึงที่เดินเข้ามาบอกผมว่า อยากซื้อรถ ค้ำให้ผมหน่อยสิ เดี๋ยว โครงการรถคันแรก หมด แล้วจะไม่ได้ คืนภาษี แสนนึง

ผมตอบไปอย่างไม่มีน้ำใจว่า "พี่ติดแบลคลิส" เพราะผมเห็นว่าน้องคนนี้ไม่มีทางผ่อน โตโยต้า วีออส ในเงินเดือน หมื่นเดียว ไหวอย่างแน่นอน ไม่มีคำอ้อนวอนต่อใดๆทั้งสิ้น หวยดันไปออกที่น้องที่ออฟฟิศ ใจอ่อน เงินเดือนหมื่นห้า เซ็นต์ค้ำไปแบบ งงๆ

ได้รถมา 2 เดือนเริ่มจ่ายช้า แล้วเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้น ไม่จ่าย...เอารถไปคืนไฟแนนซ์ นึกว่าเรื่องจะจบ แต่ไม่เคยรู้เลยว่า การนำรถไปคืนไฟแนนซ์ไม่ได้ทำให้เรื่องจบ คุณกำลังเริ่มเรื่องที่เลวร้ายที่สุดกลับมา

บอกไปแล้ว อธิบายไปแล้ว ก็ยังรั้น บอกว่าคืนรถเขาไปแล้ว ไม่มีอะไรหรอกพี่...เขาบอกมา(มั่วทั้งคู่)

อุตสาห์อธิบายไปแล้วว่า คุณผ่อนได้3งวด เงินต้นยังไม่ลดสักบาท ไฟแนนซ์เอาไปประมูลขายเป็นรถมือสอง ได้ราคาสักเท่าไหร่ ส่วนต่างเงินที่ผ่อนไม่หมดเขาจะมาเก็บกับนายนะ ไม่ฟัง....เถียง รั้น

ok ไม่เป็นไร สงสารแต่น้องที่ค้ำให้นายไปนั่นแหละ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ อุตสาห์ช่วยค้ำไป ต้องมาโดนไปด้วย(น้องเขามีแพลนจะซื้อบ้านให้แม่ เยี่ยมไปเลยไหมล่ะ)

งานมอเตอร์โชว์สิ้นปีนี้มีหลายคนตั้งใจจะจองรถเพราะ ภาษีที่คืน 1 แสน อยากให้คิดให้ดีก่อนนะครับว่า คุณผ่อนไหวไหม อย่ามองเห็นแต่เงิน 1แสน ผมอยากให้คุณมองสิ่งเหล่านี้ด้วยที่แฝงมากับรถของคุณ

1.ประกันชั้น1 ราคา 15000 บาท/ปี
2.พรบ+ภาษี ราคา 2500 บาท/ปี
3.เช็คระยะ ถ่ายน้ำมันเครื่อง 2000 บาท/6เดือน
4.น้ำมันรถ 3000 บาท/เดือน
5.เปลี่ยนยางทุก3-4 หมื่น กิโล ตก12000 บาท

และยังมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยอีกมากมาย

ผมไม่อยากให้ใครต้องมาตกอยู่ในสภาวะ หนี้ล้นพ้นตัว คิดให้ดีก่อนออกรถ เพื่อตัวคุณเอง

จากคุณ : อยาก_จะ_กิน_น้ำแข็งใส pantip.com

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, Ploylyly, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28393 โดย ntps

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28420 โดย june


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างมากทีเดียว สำหรับปรากฏการณ์ "วันสิ้นโลก" สร้าง

ความหวาดวิตกและสะพรึงกลัวให้กับคนทั่วโลกไม่น้อยทีเดียว และต่างพากัน

ตั้งคำถามว่า หรือนี่จะถึงกาลอวสานของมวลมนุษยชาติแล้ว?

และแม้ว่าจะมีนักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ ออกมาระบุแล้วว่า

"วันสิ้นโลก" ไม่มีจริง และวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ก็เป็นเพียงวันธรรมดาวันหนึ่ง

เท่านั้น แต่ก็ยังมีบางคนที่เชื่อและยังส่งต่อจดหมายลูกโซ่ ที่ระบุถึงเหตุการณ์ของ

"วันสิ้นโลก" อย่างมากมาย

และเพื่อตามกระแสของชาวโลก ในวันนี้กระปุกจึงขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับ

ปฏิทินชนเผ่ามายันมาให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกันค่ะ



จะเกิดอะไรขึ้นในวันสิ้นโลก 2012

คำถามนี้เป็นปัญหาโลกแตกจริง ๆ เพราะนอกจากจะเกี่ยวกับเรื่องวันสิ้นโลก

แล้ว ยังเป็นคำถามที่ไม่มีใครให้คำตอบที่แน่นอนได้ มีเพียงการคาดเดา การผูก

โยงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันสิ้นโลก เหตุการณ์ที่คาดเดา

กันว่าจะเกิดและเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องมีทั้งเรื่องของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

บนดวงอาทิตย์ที่จะเกิดผลกระทบยิ่งใหญ่กับระบบสุริยะ จักรวาล และโลกของเรา

ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นจนถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2012 การเปลี่ยนขั้ว

ของขั้วโลกเหนือใต้ ฯลฯ

คําทํานายเผ่ามายา กล่าวไว้ว่าอย่างไร

ชาวมายันไม่ได้เขียนชัดเจนว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2012 จะเป็นวันสิ้นสุด

ของโลก มีผู้คนจำนวนมากเชื่อว่า มันคือวันที่โลกจะเปลี่ยนแปลงจากยุคหนึ่งเป็น

อีกยุคหนึ่ง และเรามีหน้าที่ที่จะต้องเตรียมรับมือกับวันนั้นให้ได้ เพื่อความอยู่รอด

จากการเปลี่ยนแปลง และหลังจากวันนั้นโลกของเราจะมีสันติสุขอย่างแท้จริง

ปฏิทินชาวมายันโดยคร่าว

จากปฏิทินของชาวมายัน เรากำลังอยู่ในช่วงปลายของ 1 วันแห่งระบบ

จักรวาล หรือ End of a Galactic Day ซึ่งระยะเวลา 1 วัน แห่งระบบ

จักรวาลนั้นยาวนานถึง 25,625 ปี และแบ่งได้เป็น 5 ช่วง ช่วงละ 5,125 ปี และ

ขณะนี้เราอยู่ในช่วงปลายของช่วงที่ 5 แล้ว ชาวมายันบอกว่า นับจากปี 1999 เรา

จะมีเวลา 13 ปี ที่จะปรับเปลี่ยนทัศนคติและจิตสำนึกของการอยู่บนโลกใบนี้เพื่อ

ที่จะรอดจากการทำลายล้าง และในขณะเดียวกันก็ก้าวสู่เส้นทางที่จิตสำนึกใหม่ปู

ให้กับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

ตามศาสตร์ของชาวมายัน ทุก ๆ 5,125 ปี ดวงอาทิตย์จะเกิดปรากฏการณ์

บางอย่างที่สัมพันธ์กับศูนย์กลางทางช้างเผือกอันกว้างใหญ่ และจาก

ปรากฏการณ์นั้นเอง ดวงอาทิตย์จะได้รับประกายไฟ (Spark of light) ซึ่งทำ

ให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงและส่งผ่านความร้อนรุนแรงมากขึ้น อย่างที่นักวิทยา

ศาสตร์เรียกว่า Solar Flares และยังทำให้ขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์เปลี่ยน

แปลง ซึ่งส่งผลต่อมายังโลก เกิดการสับเปลี่ยนขั้วโลก และทำให้เกิดหายนะทาง

ธรรมชาติตามมามากมาย

ปรากฏการณ์เหล่านี้ ชาวมายันเชื่อว่าเป็นเพียงกระบวนการทางธรรมชาติ

กระบวนการหนึ่งที่จะเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสม่ำเสมอ เปรียบเหมือนการ

หายใจของคน และจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงหรือหยุดไป เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิด

ขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง (4 รอบแรกของปรากฏการณ์จากดวงอาทิตย์) และจะเกิดขึ้นอีก

เป็นครั้งที่ 5 เมื่อครบ 5,125 ปี ซึ่งก็คือวันที่ 21 ธันวาคม 2012 นั่นเอง



ทำไมต้องเชื่อปฏิทินชาวเผ่ามายัน

เป็นที่ยอมรับว่าปฏิทินของชาวมายันมีความเที่ยงตรงอย่างมาก เที่ยงตรง

กว่าปฏิทินระบบที่เราใช้กันในสากลมากมาย เพราะชาวมายันทำปฏิทินจากระบบ

ดวงดาว โดยปฏิทินนี้ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลยถึง 380,000 ปี

(ในขณะที่ปฏิทินที่เราใช้ต้องมี Leap Year ทุก ๆ 4 ปีเป็นต้น)

แต่ทั้งนี้ วันที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็น "วันสิ้นโลก" หรือไม่นั้น

มวลมนุษยชาติจะต้องเป็นผู้พิสูจน์เอง...[/color]

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

webboard.gg.in.th , วิทยาศาสตร์เชิงคำนวณ มหาวิทยาลัยวลัยกษณ์ , วิกิพีเดีย

รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28836 โดย Ploylyly


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เป็นที่รู้กันว่า ช่วงปีใหม่ที่หยุดต่อเนื่องนานหลายวันเช่นนี้ สภาพการจราจรในเส้นทางสายสำคัญของประเทศ เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะติดขัดเป็นอย่างมาก ดังนั้น กรมทางหลวง จึงได้แนะนำเส้นทางลัดเดินทางช่วงเทศกาล เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติด มาฝากกันค่ะ

สำหรับเส้นทางลัดในการเดินทางช่วงปีใหม่ ได้แก่










เส้นทางเลี่ยงไปภาคเหนือ

เส้นทางที่ 1 ทางด่วนแจ้งวัฒนะลงที่ด่านเก็บเงินบางปะอิน - ทางหลวง 9 (วงแหวนตะวันตก) - ซ้าย ทางหลวง 347 (สามโคก-บางปะหัน) - ทางหลวง 32 (เอเชีย) - มุ่งหน้าภาคเหนือ

เส้นทางที่ 2 ทางหลวง 9 (วงแหวนตะวันตก) - ต่างระดับบางบัวทอง - ทางหลวง 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) - สุพรรณบุรี - ชัยนาท (ทล.1) - อ.มโนรมย์ - มุ่งหน้าภาคเหนือ

เส้นทางที่ 3 ทางหลวง 305 (รังสิต-นครนายก) - อ.บ้านนา - ทางหลวง 33 (สุวรรณศร) - อ.หินกอง (ทางหลวง 1) - สระบุรี (ทางหลวง 21) - ลพบุรี - ชัยบาดาล - อ.วิเชียรบุรี - เพชรบูรณ์ - อ.หล่มสัก - ซ้าย ทางหลวง 12 - มุ่งหน้าไปพิษณุโลก

สำหรับเส้นที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาจจะเกิดปัญหาจราจรติดขัด ได้แก่...

ทางหลวง 1 (พหลโยธิน) บริเวณ กิโลเมตที่ 50 (ต่างระดับบางปะอิน) มุ่งหน้า ทางหลวง 32 (เอเชีย) เส้นทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ











เส้นทางเลี่ยงไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 1 ทางหลวง 305 (รังสิต-นครนายก) - ทางหลวง 33 (สุวรรณศร) - ปราจีนบุรี - อ.กบินทร์บุรี - ทางหลวง 304 - อ.วังน้ำเขียว - อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 2 ทางหลวง 304 หรือ ทางหลวง 7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี) - ฉะเชิงเทรา - อ.พนมสารคาม - อ.กบินทร์บุรี - ทางหลวง 304 - อ.วังน้ำเขียว - อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 3 ทางหลวง 304 หรือ ทางหลวง 7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี) - ฉะเชิงเทรา - อ.พนมสารคาม - แยกเขาหินซ้อน - ทางหลวง 359 - สระแก้ว (ทางหลวง 33) - อ.อรัญประเทศ - ซ้าย ทางหลวง 348 (อรัญประเทศ-นางรอง) - อ.โนนดินแดง - อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์


สำหรับเส้นที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาจจะเกิดปัญหาจราจรติดขัด ได้แก่...

1. ทางหลวง 1 (พหลโยธิน) ตั้งแต่ กิโลเมตรที่ 51 - 83 ขาออก อ.บางปะอิน - อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

2. ทางหลวง 2 (มิตรภาพ) กิโลเมตรที่ 17-35 โดยเฉพาะบริเวณโค้งซิกแซ็ก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

3. ทางหลวง 304 กิโลเมตรที่ 26 - 29 ต่อเนื่อง กิโลเมตรที่ 42 - 48 (ตอนกบินทร์บุรี-ปังธงชัย) ต.บุพราห์ม อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากช่องทางเดินรถจากสี่ช่องทางเหลือสองช่องทาง และเส้นทางลาดชัน

4. ทางหลวง 348 กิโลเมตรที่ 76-80 (อรัญประเทศ-โนนดินแดง) ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว

5. ทางหลวง 2 กิโลเมตรที่ 36-56 (มิตรภาพ) ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื่องจากเป็นทางลาดชัน

6. ทางหลวง 2 กิโลเมตรที่ 77-87 (มิตรภาพ) ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา


เส้นทางเลี่ยงไปภาคใต้

เส้นทางที่ 1 จาก กทม. - ทางหลวง 338 (บรมราชชนนี)-ขวา (ทางหลวง 4) เพชรเกษม-นครปฐม-ราชบุรี-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้

เส้นทางที่ 2 จาก กทม. - ทางหลวง 4 (เพชรเกษม)-นครปฐม-ราชบุรี-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้

เส้นทางที่ 3 จาก กทม. - ทางหลวง 35 (พระราม 2)-สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม-แยกวังมะนาว-ซ้าย ทล.4-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้


เส้นทางที่ถนนชำรุดได้แก่ ...

ถนนเอเชีย ช่วง จ.อ่างทอง คอสะพานชำรุดกำลังซ่อมแซม

ทางหลวงหมายเลข 11 ตากฟ้า-พิษณุโลก คอสะพานขาด ใช้สะพานแบริ่งแทน แต่จะทำให้รถติดมากเพราะรถเดินได้ทางเดียว แนะนำให้ประชาชนเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว อาจไปใช้สายเอเชียแทน วิ่งไป จ.ชัยนาท และวกกลับมายังถนนพหลโยธิน ในช่วงที่เลยคอสะพานไปแล้ว หากจะเดินทางไป จ.นครสวรรค์ จะผ่านสะพานเดชาติวงศ์ เจ้าหน้าที่จะไม่ให้รถบรรทุกวิ่งผ่านเนื่องจากทำให้การจราจรติดขัด

ทางหลวงหมายเลข 122 เป็นทางเลี่ยงเมือง จ.นครสวรรค์ สภาพผิวจราจรเสียหายค่อนข้างมากขณะนี้อยู่ในระหว่างซ่อมแซม
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28837 โดย Ploylyly


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เป็นที่รู้กันว่า ช่วงปีใหม่ที่หยุดต่อเนื่องนานหลายวันเช่นนี้ สภาพการจราจรในเส้นทางสายสำคัญของประเทศ เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะติดขัดเป็นอย่างมาก ดังนั้น กรมทางหลวง จึงได้แนะนำเส้นทางลัดเดินทางช่วงเทศกาล เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติด มาฝากกันค่ะ

สำหรับเส้นทางลัดในการเดินทางช่วงปีใหม่ ได้แก่










เส้นทางเลี่ยงไปภาคเหนือ

เส้นทางที่ 1 ทางด่วนแจ้งวัฒนะลงที่ด่านเก็บเงินบางปะอิน - ทางหลวง 9 (วงแหวนตะวันตก) - ซ้าย ทางหลวง 347 (สามโคก-บางปะหัน) - ทางหลวง 32 (เอเชีย) - มุ่งหน้าภาคเหนือ

เส้นทางที่ 2 ทางหลวง 9 (วงแหวนตะวันตก) - ต่างระดับบางบัวทอง - ทางหลวง 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) - สุพรรณบุรี - ชัยนาท (ทล.1) - อ.มโนรมย์ - มุ่งหน้าภาคเหนือ

เส้นทางที่ 3 ทางหลวง 305 (รังสิต-นครนายก) - อ.บ้านนา - ทางหลวง 33 (สุวรรณศร) - อ.หินกอง (ทางหลวง 1) - สระบุรี (ทางหลวง 21) - ลพบุรี - ชัยบาดาล - อ.วิเชียรบุรี - เพชรบูรณ์ - อ.หล่มสัก - ซ้าย ทางหลวง 12 - มุ่งหน้าไปพิษณุโลก

สำหรับเส้นที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาจจะเกิดปัญหาจราจรติดขัด ได้แก่...

ทางหลวง 1 (พหลโยธิน) บริเวณ กิโลเมตที่ 50 (ต่างระดับบางปะอิน) มุ่งหน้า ทางหลวง 32 (เอเชีย) เส้นทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ











เส้นทางเลี่ยงไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 1 ทางหลวง 305 (รังสิต-นครนายก) - ทางหลวง 33 (สุวรรณศร) - ปราจีนบุรี - อ.กบินทร์บุรี - ทางหลวง 304 - อ.วังน้ำเขียว - อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 2 ทางหลวง 304 หรือ ทางหลวง 7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี) - ฉะเชิงเทรา - อ.พนมสารคาม - อ.กบินทร์บุรี - ทางหลวง 304 - อ.วังน้ำเขียว - อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 3 ทางหลวง 304 หรือ ทางหลวง 7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี) - ฉะเชิงเทรา - อ.พนมสารคาม - แยกเขาหินซ้อน - ทางหลวง 359 - สระแก้ว (ทางหลวง 33) - อ.อรัญประเทศ - ซ้าย ทางหลวง 348 (อรัญประเทศ-นางรอง) - อ.โนนดินแดง - อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์


สำหรับเส้นที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาจจะเกิดปัญหาจราจรติดขัด ได้แก่...

1. ทางหลวง 1 (พหลโยธิน) ตั้งแต่ กิโลเมตรที่ 51 - 83 ขาออก อ.บางปะอิน - อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

2. ทางหลวง 2 (มิตรภาพ) กิโลเมตรที่ 17-35 โดยเฉพาะบริเวณโค้งซิกแซ็ก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

3. ทางหลวง 304 กิโลเมตรที่ 26 - 29 ต่อเนื่อง กิโลเมตรที่ 42 - 48 (ตอนกบินทร์บุรี-ปังธงชัย) ต.บุพราห์ม อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากช่องทางเดินรถจากสี่ช่องทางเหลือสองช่องทาง และเส้นทางลาดชัน

4. ทางหลวง 348 กิโลเมตรที่ 76-80 (อรัญประเทศ-โนนดินแดง) ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว

5. ทางหลวง 2 กิโลเมตรที่ 36-56 (มิตรภาพ) ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื่องจากเป็นทางลาดชัน

6. ทางหลวง 2 กิโลเมตรที่ 77-87 (มิตรภาพ) ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา


เส้นทางเลี่ยงไปภาคใต้

เส้นทางที่ 1 จาก กทม. - ทางหลวง 338 (บรมราชชนนี)-ขวา (ทางหลวง 4) เพชรเกษม-นครปฐม-ราชบุรี-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้

เส้นทางที่ 2 จาก กทม. - ทางหลวง 4 (เพชรเกษม)-นครปฐม-ราชบุรี-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้

เส้นทางที่ 3 จาก กทม. - ทางหลวง 35 (พระราม 2)-สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม-แยกวังมะนาว-ซ้าย ทล.4-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้


เส้นทางที่ถนนชำรุดได้แก่ ...

ถนนเอเชีย ช่วง จ.อ่างทอง คอสะพานชำรุดกำลังซ่อมแซม

ทางหลวงหมายเลข 11 ตากฟ้า-พิษณุโลก คอสะพานขาด ใช้สะพานแบริ่งแทน แต่จะทำให้รถติดมากเพราะรถเดินได้ทางเดียว แนะนำให้ประชาชนเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว อาจไปใช้สายเอเชียแทน วิ่งไป จ.ชัยนาท และวกกลับมายังถนนพหลโยธิน ในช่วงที่เลยคอสะพานไปแล้ว หากจะเดินทางไป จ.นครสวรรค์ จะผ่านสะพานเดชาติวงศ์ เจ้าหน้าที่จะไม่ให้รถบรรทุกวิ่งผ่านเนื่องจากทำให้การจราจรติดขัด

ทางหลวงหมายเลข 122 เป็นทางเลี่ยงเมือง จ.นครสวรรค์ สภาพผิวจราจรเสียหายค่อนข้างมากขณะนี้อยู่ในระหว่างซ่อมแซม
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #28952 โดย ntps
โฆษณาจากกระทรวงวัฒนธรรมที่น่าสนใจค่ะ เรื่อง พอเพียง เพิ่งรู่ว่า

ที่มุมหนึ่งของ ธนบัตร 1000 บาท คือ คำว่า เศรษฐกิจพอเพียง





2 พ.ย. 2555
"พอเพียง"...หลายครั้งที่เราอาจไม่เข้าใจคำนี้อย่างแท้จริง พอเพียง...ไม่ใช่ไม่กิน แต่กินให้พออิ่ม ไม่ใช่ไม่ซื้อ แต่อยู่ให้พอตัว ไม่ใช่ไม่เอากำไร แต่เหลือก็แบ่ง...

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 4 เดือน ที่ผ่านมา #29331 โดย ntps
บัตรเครดิตงัดแผนสร้างวินัยลูกหนี้ จ่ายคืนไวได้พอยต์เพิ่ม-ผ่อนดบ.0%ลดผิดนัดชำระ

แบงก์ คิดใหม่ทำใหม่ อัดแคมเปญสินเชื่อรายย่อย เน้นวินัยสร้างหนี้ ใช้จ่ายตามความจำเป็น กสิกรไทยนำร่องแคมเปญลดหนี้รับปีใหม่ให้พอยต์เพิ่ม กรุงศรีคอนซูเมอร์ลุยผ่อนดอกเบี้ย 0% เพิ่มทางเลือกบริหารเงิน

นาย ชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ธนาคารมีแผนจะปรับกลยุทธ์แนวทางการสื่อสารและกิจกรรมการตลาดในสินเชื่อบัตร เครดิตและสินเชื่อบุคคลโดยมุ่งให้เกิดวินัยทางการเงินที่ดี และใช้จ่ายตามความจำเป็นจริง ๆ หลังจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้ออกแคมเปญกระตุ้นให้ลูกค้าชำระเงินล่วงหน้า ก่อนกำหนดเพื่อลดหนี้รับปีใหม่ โดยเงินที่ชำระก่อนดีลทุก ๆ 25 บาท จะได้รับคะแนนสะสมพิเศษอีก 1 คะแนน

"เรามองว่าแคมเปญลักษณะนี้ กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่ดี โดยช่วง 7 วันโปรโมชั่นดังกล่าวมียอดชำระคืนกว่า 3,000 ล้านบาท ธนาคารจ่ายคะแนนไปประมาณ 120 ล้านคะแนน ผลตอบรับค่อนข้างดีมากและเราคงหยิบมาทำต่อเนื่องทุกปี รวมถึงในระหว่างปีก็คงมีกิจกรรมในแนวคิดนี้ออกมาเพิ่ม เช่น การให้ความรู้เรื่องวิธีคิดดอกเบี้ย สร้างความเข้าใจในการใช้จ่ายที่จำเป็น ในด้านการสื่อสารเราก็คงต้องระมัดระวังที่ไม่เป็นการกระตุ้นให้สร้างหนี้ เกินจำเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กังวลและขอความร่วมมือมา"

นายชาติชายกล่าวอีกว่า ประเด็นนี้ไม่ถือว่าเป็นแรงกดดันต่อธนาคารมากนัก เพราะในพอร์ตบัตรเครดิตของธนาคารจะเป็นลูกค้าที่ใช้แล้วชำระคืนเต็มจำนวน กว่า 60% ส่วนที่ผ่อนชำระจะน้อยกว่า ขณะที่

สินเชื่อเงินสดก็จะสื่อ สารชัดเจนว่าเป็นวงเงินสดฉุกเฉินไว้ใช้ยามจำเป็น ซึ่งพอร์ตปัจจุบันก็เป็นลักษณะนี้จริง ๆ เพราะลูกค้าจะใช้จริงเฉลี่ยประมาณ 40% ของวงเงินอนุมัติ เห็นได้จากพอร์ตสินเชื่อคงค้างประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท จากวงเงินอนุมัติรวมประมาณ 2.2-2.4 หมื่นล้านบาท

ด้าน นายฐากร ปิยะพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยาแคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด (กรุงศรีคอนซูเมอร์) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะโฟกัสเรื่องสิทธิประโยชน์ในการผ่อนชำระค่าสินค้าแบบดอกเบี้ย 0% เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ และแท็บเลต เพราะเป็นไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็เป็นทางเลือกให้ลูกค้าบริหารเงินได้ดีกว่าเดิมที่เคยต้องกู้ เงินจากสินเชื่อบุคคลเพื่อมาซื้อสินค้าเหล่านี้ซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง

การ ปรับตัวของกิจกรรมการตลาดปีนี้ นายฐากรกล่าวว่า บริษัทจะเน้นทำโปรโมชั่นณ จุดขายเพิ่มขึ้น เพราะตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความต้องการซื้ออยู่แล้ว ไม่ได้ไปกระตุ้นให้สร้างหนี้ ซึ่งโปรโมชั่น

ก็จะเป็นเรื่องดอกเบี้ย 0% เพราะเป็นเงื่อนไขที่ลูกค้าชอบ และช่วยให้ลูกค้าบริหารเงินได้ง่าย ที่ผ่านมาจึงพบว่าลูกค้ากลุ่มที่ใช้บริการส่วนนี้จะมีพฤติกรรมการชำระเงิน ที่ค่อนข้างดี ตรงเวลา

"สิ่งที่เราปรับให้ล้อกับสิ่งที่ ธปท.ขอความร่วมมือ ก็คงเป็นเรื่องถ้อยคำและเนื้อความของการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งหนักไปในทางสร้างแบรนด์มากกว่า คงไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อยอดสินเชื่อในปีนี้แน่นอน" นายฐากรกล่าว

ด้าน ธนาคารไทยพาณิชย์ อีกหนึ่งผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ซึ่งฐานลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง และใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและจะชำระคืนเต็มจำนวนอยู่แล้วเป็นสัดส่วนหลักถึง 70% จึงมองว่าไม่มีผลกระทบในการปรับกลยุทธ์การทำกิจกรรมการตลาดมากนัก

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, Champcyber99, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #29408 โดย ntps
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลสำรวจภาวะการครองชีพของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ.2555 ว่า รายได้ของครอบครัวข้าราชการทุกประเภทและทุกระดับตำแหน่งทั่วประเทศ มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 49,915 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 41,081 บาท และมีหนี้สินร้อยละ 83.2 โดยมีจำนวนหนี้เฉลี่ย 1,111,425 บาทต่อครอบครัวที่เป็นหนี้
นอกจากนั้นยังพบว่าข้าราชการประเภททั่ว ไปมีสัดส่วนของครอบครัวที่เป็นหนี้สูงสุด คือ ร้อยละ 86.3 รองลงมาคือข้าราชการประเภทวิชาการและอำนวยการ ร้อยละ 83.4 และ 65.5 ตามลำดับ ส่วนข้าราชการประเภทบริหารมีสัดส่วนที่เป็นหนี้ต่ำสุด คือ ร้อยละ 31.9 แต่จำนวนเงินที่เป็นหนี้กลับพบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามประเภทและระดับ ตำแหน่งที่สูงขึ้น กล่าวคือประเภทบริหารมีจำนวนหนี้สินเฉลี่ยสูงสุด คือ 1,511,645 บาท และข้าราชการประเภททั่วไปมีจำนวนหนี้สินเฉลี่ยต่ำสุด 996,931 บาท

นพ.ทศพรกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการเป็นหนี้ของครอบครัวข้าราชการ เป็นหนี้สินเพื่อที่อยู่อาศัยสูงที่สุดคือร้อยละ 54.7 รองลงมาเป็นหนี้เพื่อซื้อหรือซ่อมแซมยานพาหนะ ร้อยละ 16.5 เพื่อใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภค ร้อยละ 15.4 เพื่อการลงทุนในธุรกิจ

ของ ครอบครัว ร้อยละ 5.9 และหนี้สินเพื่อการศึกษา ร้อยละ 3.6 และพบว่าหนี้สินต่อรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 18.2 เท่า ในปี 2551 เป็น 20.0 เท่า ในปี 2553 และ 22.3 เท่า ในปี 2555

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #29409 โดย ntps
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์ค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ปี 2556 ว่า จะต้องไม่มีการคิดค่าบริการที่เกินกว่านาทีละ 99 สตางค์อีกต่อไป ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ ประกาศ กสทช. เรื่อง อัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ.2555

"ประกาศเรื่องอัตราขั้นสูงนั้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2555 โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่เก็บค่าบริการได้ไม่เกิน 0.99 บาทต่อนาที แต่ประกาศฯ ผ่อนผันว่าสำหรับค่าบริการตามสัญญาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นให้ดำเนินการต่อ ไปได้จนกว่าระยะเวลาสัญญาจะสิ้นสุด
แต่จะต้องไม่เกินกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2555 หมายความว่าพอเข้าสู่วันที่ 1 มกราคม หรือขึ้นปีใหม่บรรดารายการส่งเสริมการขายของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภท เสียงทั้งหมดจะต้องอยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 99 สตางค์ต่อนาที รวมถึงระบบเหมาจ่ายด้วย คือ จะเหมาก็ได้ ไม่ห้าม แต่เฉลี่ยตามช่วงเวลาเหมาจ่ายแล้วก็ห้ามเกินนาทีละ 99 สตางค์" นายประวิทย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายประวิทย์ยอมรับว่าจากการติดตามและกำกับดูแลอัตราค่าบริการในช่วงเวลาที่ ผ่านมา ภายหลังจากที่มีการออกประกาศดังกล่าวแล้ว พบว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงรายใหญ่ทั้ง 2 ราย คือ เอไอเอส และดีแทค ยังคงมีรายการส่งเสริมการขาย หรือโปรโมชั่นที่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งที่เป็นโปรโมชั่นเก่าและใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานภายในสำนักงาน กสทช. กำลังประสานงานกัน เพื่อให้มีการบังคับให้เกิดการปฏิบัติที่เป็นไปตามประกาศอย่างเคร่งครัดต่อไป

จึงอยากจะแจ้งให้ผู้บริโภคทั่วไปได้ทราบว่า ตามกฎหมายนั้น ราคาค่าโทรจะต้องต่ำกว่านาทีละ 99 สตางค์นับตั้งแต่ปีใหม่ไม่มีข้อยกเว้นแล้ว หากพบว่ามีการฝ่าฝืนแจ้งข้อมูลหรือร้องเรียนเข้ามาได้ทางหมายเลข 1200 หรือ 02-634-6000 ซึ่งจะช่วยให้สำนักงาน กสทช. มีหลักฐานสำหรับดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังอีกทางหนึ่ง

อยากตะโกนว่า ไม่มีผู้ให้บริการทำตามเลย เล่นกลมากกว่า เช่น A...วันนี้โทรไปถาม

ว่า ประกาศออกมาแล้ว จะทำเมื่อไร อย่างไร กลับได้รับคำตอบว่า ได้ส่งเรื่องไป

กสทช ให้ทบทวน อะไร ไม่รู้ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และ ณ วันนี้ ยังไม่มีนโยบายลง

มาให้ปรับค่าโทรสำหรับสมาชิกเดิมแต่อย่างไร (หน้าหนามาก) แต่ ปัจจุบัน ได้

ออกโปรให้สมาชิกโทรนาทีละ 99 สต. (ให้เปลี่ยนโปร คนละเรื่องไหม)

ถ้าเห็นว่า ไม่ยุติธรรม ท้าให้ร้องที่กสทช ถามว่า เก็บเกินคนละ 0.01 บาท

คิดเป็น 100 นาที/คน ก็ 1 บาทต่อคน ถ้าเป็นหมื่นเป็นแสนคน จะได้เงินนี้

เข้ากระเป๋าสักเท่าไร :เฮ้อ:

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, Champcyber99, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #29438 โดย Champcyber99
พิษ!ค่าแรง300กระทบนายจ้าง
พิษ! ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บ. กระทบผู้ประกอบการแม่สอด เผยเลิกกิจการแล้ว 8 แห่ง ค่ารวมกว่า 200 ล. ด้าน 'ปธ.สภาอุตฯตรัง' ชี้ส่งผลกระทบต่อ 'SME' ระยะยาว
5 ม.ค.56 นายชัยวัฒน์ วิฑิตธรรมวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก และสมาชิกสภาอุตสาหกรรม เพื่อประชุมหารือในกรณีที่สถานประกอบการต้องแบกรับภาระจ่ายค่าแรงงานเป็นวันละ 300 บาท ซึ่งมีสถานประกอบการจำนวนมากไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
ขณะเดียวกันต้องมีการแข่งขันระหว่างประเทศสูงขึ้น เพราะแต่ประเทศมีความต้องการใช้แรงงานราคาถูก นอกจากนี้ทางสภาอุตสาหกรรมได้รับรายงานว่า มีสมาชิกสภาอุตสาหกรรม ที่ประสบภาวะขาดทุนจากค่าแรงงานที่สูงขึ้น และเหตุผลอื่นเลิกกิจการไปทั้งหมด 8 แห่ง รวมมูลค่าทั้งหมด เกือบ 200 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การที่สถานประกอบการเลิกกิจการไปนั้น เนื่องจากประสบภาวะขาดทุน เนื่องจากค่าแรงงานที่สูงขึ้น และบางแห่งย้ายสถานประกอบการ เพราะผู้ประกอบการเห็นว่า เมื่อค่าแรงเท่ากัน จึงย้ายไปในพื้นที่ชั้นใน เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และคาดว่า อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีสถานประกอบการเลิกกิจการเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ตรัง-ชี้ค่าแรง300 ส่งผลกระทบต่อ 'SME' ระยะยาว

นายวิถี สุพิทักษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ผู้บริหารกลุ่มวู๊ดเวิรค์ โรงงานอุตสาหกรรมไม้ยางพารา กล่าวว่ามาตรการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.56 ที่ผ่านมา ในส่วนของจังหวัดตรังเองที่น่าจับตามอง กลุ่มผู้ใช้แรงงาน โรงงานเฟอร์นิเจอร์ โรงงานอาหารทะเล น่าจะมีผลจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท แต่ประเภทโรงงานน้ำยางพารา โรงงานยางแผ่นรมควัน น่าจะมีผลกระทบน้อยกว่า
ที่สำคัญสถานประกอบการที่เคยมีสวัสดิการแก่ผู้ใช้แรงงาน หลังจากนี้ไปน่าจะปรับลดไป หรืองดไปเลย หรือว่าเบี้ยขยัน เงินประจำตำแหน่ง ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมก็ต้องงดไป เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการและหลายสถานประกอบการ ก็หันไปใช้มาตรการลดจำนวนคน
นอกจากนั้นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ยังได้กล่าวว่า มาตรการการลดภาษี ที่รัฐบาลจะให้แก้ธุรกิจ sme หลังจากนี้ จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ตนเองเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์กับธุรกิจเอสเอ็มอี แต่ไปเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ บริษัทใหญ่ๆ ที่มีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีอยู่แล้ว มีการกำไร ที่ผ่านธุรกิจเอสเอ็มอี เขาก็มีกำไรแค่เล็กน้อย แต่พอรัฐบาลมาบังคับให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ที่สุดเขาก็ขาดทุน ต้องลดคนงาน หรือปิดกิจการไปในที่สุด หรือขอฝากไปยังรัฐบาล หน่วยที่รับผิดชอบ จะต้องเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
แต่ในส่วนของจังหวัดตรัง ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง กล่าวว่าถึงวันนี้จะต้องดูกันยาวๆ ว่าธุรกิจจะพบกับภาวะอะไรหรือไม่ แต่หักมีการป้องกันภาวการณ์ขาดทุน วันนี้จะต้องลดจำนวนแรงงานลง และแรงงานที่จ้างต่อ ก็จะต้องมีคุณภาพมากสุด แต่จะถึงขั้นปิดกิจการหรือนั้น เชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนจะต้องทนอย่างสุดๆ ก่อน อยู่ที่ใครจะขาดทุนมากแค่ไหน และฟื้นตัวได้เร็วที่สุด ซึ่งจะมีผลให้เห็นในช่วง 6 เดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในจังหวัดตรัง ที่น่าจับตามากที่สุด คือ ธุรกิจไม้ยางพาราแปรรูป คือ ว่าหลังจากนี้จะมีคำสั่งซื้อจากประเทศจีนมากน้อยแค่ไหน เพราะเมื่อปีที่แล้วไตรมาสแรก ยอมรับราคาไม้ยางพาราอยู่ในช่วงขาลง แต่ตนยังมั่นใจลึกๆ อยู่ว่าธุรกิจไม้ยางพาราน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว แต่จะดีเหมือนเมื่ออดีตหรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก
แต่เชื่อว่าไม่มีโอกาสที่จะฟื้นอย่างรวดเร็ว และปีที่แล้วผู้ประกอบการไม้ยางพาราหลายรายต้องประสบกับปัญหาการขาดทุน จากการลดการสั่งซื้อจากจีนและภาวะเศรษฐกิจของโลก ปีนี้ช่วง 6 เดือนผู้ประกอบการจะต้องประคองตัวเอง ก่อนที่ทุกอย่างจะสามารถปรับตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้

ลำปาง-แนะรัฐจ่ายเงินช่วยเหลือแรงงานหลังปรับค่าแรง 300

นายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง และกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากความวุ่นวายภายในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสิ่งที่ฉุดความเข้มแข็งขององค์กร ที่จะต่อรอง และร้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ หลังจากนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศ ประกาศใช้ ซึ่งถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคนในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะผนึกกำลังกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และไปต่อรองกับรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ
สำหรับปัญหาที่แท้จริงของแต่ละพื้นที่นั้น ไม่เหมือนกัน การเยียวยาช่วยเหลือ จึงต้องรับฟังเสียงจากผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่โดยตรง แล้วนำมาช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่ ที่ต่างกันไป โดยแนวทางมาตรการช่วยเหลือ ในเบื้องต้น จากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีเงินได้ให้กับผู้ประกอบการนั้น ถือว่าจะส่งผลดีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เท่านั้น ส่วนผู้ประกอบการ SME จะไม่ได้ประโยชน์ อย่างก็ตาม ขณะนี้ ผู้ประกอบการใน จ.ลำปาง ที่มีทั้งอุตสาหกรรมเซรามิก ไม้แปรรูป สิ่งทอง เหมืองแร่ และเกษตรแปรรูปกว่า 500 แห่ง ยังมองไม่เห็นฝัน ที่รัฐบาลจะเยียวยาช่วยเหลือ แต่ยังคงเดินหน้าแบกรับภาระต่างค่าใช้จ่าย ๆ ที่เกิดขึ้น ให้อุตสาหกรรมของตนเองอยู่รอดต่อไปได้ โดยต้องทยอยลดแรงงานในระบบลงอย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลควรที่จะชดเชยส่วนต่างค่าแรงที่ปรับขึ้นแบบก้าวกระโดดนี้ ทั้งที่ รัฐบาลจะไม่เห็นด้วยก็ตาม การโยนภาระให้ผู้ประกอบการเพียงด้านเดียว เพื่อสนองนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ถือว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการ และแรงงานในระบบอยู่ดี อ ตนในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการเซรามิกใน จ.ลำปาง ชื่อ มีศิลป์เซรามิก ส่วนตัวแล้วมองว่า ปัญหาตกไปอยู่กับแรงงานทั้งสิ้น เพราะจากเดิม ที่มีแรงงานในระบบมาก แต่ก็ต้องปรับลดลง และจะลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเดิมตนมีแรงงานในโรงงาน100 คน แต่วันนี้เหลือ 45 คน เท่านั้น ทั้งจากปัจจัยราคาก๊าซ LPG ที่สูงขึ้นมาโดยตลอด และจากผลกระทบค่าแรง 300 บาท จึงต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรแทนคนงาน ส่วนคนงานที่มีอยู่ก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น แล้วจ้างแบบเหมางานผลิตเป็นชื้นแทน
นายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง และกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากความวุ่นวายภายในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสิ่งที่ฉุดความเข้มแข็งขององค์กร ที่จะต่อรอง และร้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ หลังจากนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศ ประกาศใช้ ซึ่งถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคนในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะผนึกกำลังกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และไปต่อรองกับรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ
สำหรับปัญหาที่แท้จริงของแต่ละพื้นที่นั้น ไม่เหมือนกัน การเยียวยาช่วยเหลือ จึงต้องรับฟังเสียงจากผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่โดยตรง แล้วนำมาช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่ ที่ต่างกันไป โดยแนวทางมาตรการช่วยเหลือ ในเบื้องต้น จากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีเงินได้ให้กับผู้ประกอบการนั้น ถือว่าจะส่งผลดีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เท่านั้น ส่วนผู้ประกอบการ SME จะไม่ได้ประโยชน์ อย่างก็ตาม ขณะนี้ ผู้ประกอบการใน จ.ลำปาง ที่มีทั้งอุตสาหกรรมเซรามิก ไม้แปรรูป สิ่งทอง เหมืองแร่ และเกษตรแปรรูปกว่า 500 แห่ง ยังมองไม่เห็นฝัน ที่รัฐบาลจะเยียวยาช่วยเหลือ แต่ยังคงเดินหน้าแบกรับภาระต่างค่าใช้จ่าย ๆ ที่เกิดขึ้น ให้อุตสาหกรรมของตนเองอยู่รอดต่อไปได้ โดยต้องทยอยลดแรงงานในระบบลงอย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลควรที่จะชดเชยส่วนต่างค่าแรงที่ปรับขึ้นแบบก้าวกระโดดนี้ ทั้งที่ รัฐบาลจะไม่เห็นด้วยก็ตาม การโยนภาระให้ผู้ประกอบการเพียงด้านเดียว เพื่อสนองนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ถือว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการ และแรงงานในระบบอยู่ดี อ ตนในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการเซรามิกใน จ.ลำปาง ชื่อ มีศิลป์เซรามิก ส่วนตัวแล้วมองว่า ปัญหาตกไปอยู่กับแรงงานทั้งสิ้น เพราะจากเดิม ที่มีแรงงานในระบบมาก แต่ก็ต้องปรับลดลง และจะลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเดิมตนมีแรงงานในโรงงาน100 คน แต่วันนี้เหลือ 45 คน เท่านั้น ทั้งจากปัจจัยราคาก๊าซ LPG ที่สูงขึ้นมาโดยตลอด และจากผลกระทบค่าแรง 300 บาท จึงต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรแทนคนงาน ส่วนคนงานที่มีอยู่ก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น แล้วจ้างแบบเหมางานผลิตเป็นชื้นแทน

คมชัดลึก
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #29440 โดย Mommyangel
เมื่อวาน 9 ม.ค.56 ไปอบรมเรื่องกฏหมายใหม่เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา...

มีหลักเกณฑ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงมากมาย..ล้วนแต่เป็นประโยชน์สำหรับผู้เสียภาษีทั้งสิ้น...

แล้วพี่ลีจะมาเล่าให้ฟังนะคะ..

ขอเป็นเก้าอี้พักใจ....
ให้เธอได้พักพิง...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Champcyber99, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.598 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena