สารพันสรรสาระ และข่าวสารเพื่อเพื่อนชาวหนี้ ปี 55-56

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #29441 โดย Champcyber99



ลดภาษีฉบับ'รากบุญ'

ถามน้องๆ ที่ทำงานว่า มีใครได้ดูละครเรื่อง “รากบุญ” ที่เพิ่งอวสานไปบ้าง บางคนบอกว่า ดูบ้าง แต่ไม่ได้ติดอกติดใจเหมือนกับ “แรงเงา” ที่ต้องเฝ้าหน้าจอรอดูการห้ำหั่นกันระหว่าง “นพนภา” กับ “มุนินทร์” (และมุตตา) ขณะที่บางคนบอกว่า หนูดูตลอด หนูชอบดู พอมีคนชอบดูและดูตลอด ก็เลยถามต่อว่า คิดว่า ประเด็นสำคัญของละคร “รากบุญ” ที่นำแสดงโดย "มาร์กี้" ราศรี บาเล็นซิเอก้า และ "ไมค์" พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล นั้นต้องการนำเสนอในเรื่องไหน
น้องคนสวยแฟนคลับ “รากบุญ” บอกว่า สิ่งที่ละครเรื่องนี้ต้องการสื่อสารอยู่ที่ ‘ถ้าคิดจะทำ “ความดี” ก็ไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทน’
สำหรับคนที่เคยชมละครเรื่องนี้มาแล้ว คงพอจะนึกออก แต่สำหรับคนที่ไม่เคยชม ขออนุญาตสรุปสั้นๆ เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาของละครว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับ “กล่องรากบุญ” ซึ่งเป็นกล่องที่พญามัจจุราชสร้างขึ้น โดยมีจุดประสงค์ให้ผู้ครอบครองกล่องประพฤติปฏิบัติดี ช่วยเหลือผู้อื่น โดยสามารถขออะไรก็ได้จากกล่องเป็นสิ่งตอบแทนการทำความดี
พญามัจจุราช ใช้ “ผลตอบแทน” เป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ครอบครองกล่องอยากทำความดี เพราะไม่อยากเห็นมนุษย์ล้นนรก ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ครอบครองกล่องแต่ละคนก็ทำแบบนั้น ทำแบบที่พญามัจจุราชต้องการ และสุดท้าย “ผลตอบแทน” ที่เป็นเหยื่อล่อให้มนุษย์ทำความดีก็หลอมรวมกลายเป็น “กิเลส” หรือความอยากได้ อยากมี ที่มีอำนาจเหนือกว่าความมุ่งมั่นตั้งใจจะคิดดีและทำดีจนกระทั่งกล่องรากบุญตกมาอยู่ในความครอบครองของ “เจติยา” ที่นำแสดงโดยมาร์กี้ หญิงสาวที่มุ่งมั่นกับความเชื่อที่ว่า ถ้าจะทำดี ไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทน และท้าทายพญามัจจุราชว่า ได้สร้างกล่องรากบุญ ด้วยความเชื่อผิดๆ
กล่องรากบุญจะไม่เกี่ยวข้องกับ “วันอาทิตย์คิดเรื่องเงิน” เลย หากไม่บังเอิญเห็นว่า ใกล้สิ้นปีแบบนี้ ใครๆ ต่างก็พากันพูดถึงเรื่องของการลดหย่อนภาษี และทุกคนดูเหมือนจะหาช่องลดภาษีภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด เพราะไม่มีใครอยากให้เงินที่หาได้จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองหมดไปกับภาษี ที่พูดได้ไม่เต็มปากว่า ถูกนำไปใช้กับการพัฒนาประเทศชาติครบทุกบาททุกสตางค์ที่เกี่ยวก็เพราะสรรพากรกระตุ้นให้ผู้มีเงินได้อยากทำ “ความดี” โดยมีผลตอบแทนเป็น “สิทธิลดหย่อนภาษี” เป็นเหยื่อล่อ
ไล่เรียงตั้งแต่รายการ “ลูกกตัญญู” ที่เลี้ยงดูพ่อแม่ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้คนละไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อปี สามารถนำค่าอุปการะเลี้ยงดูมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้คนละ 3 หมื่นบาท ภายใต้เงื่อนไขว่า ต้องเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง หรือหากเป็นลูกบุญธรรมก็ต้องเป็นบุตรบุญธรรมที่มีการจดทะเบียนรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วเท่านั้น ซึ่งในกรณีที่พ่อแม่มีลูกหลายคน ลูกจะใช้สิทธิลดหย่อนได้แค่คนเดียวเท่านั้น ห้ามใช้สิทธิลดหย่อนซ้ำกัน ดังนั้น ตอนที่ใช้สิทธิก็จะต้องมีหลักฐานรับรองการอุปการะเลี้ยงดู และต้องระบุบัตรประจำตัวประชาชนของพ่อแม่ที่นำไปใช้สิทธิในแบบแสดงรายการภาษีด้วย
ส่วนลูกกตัญญูที่พ่อแม่ยังไม่เข้าวัยเกษียณและมีเงินได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทในปีภาษีนั้นๆ แม้ไม่เข้าเกณฑ์หักลดหย่อนได้ แต่ก็สามารถซื้อ “ประกันลูกกตัญญู” ซึ่งเป็นประกันสุขภาพคุ้มครองพ่อแม่ในเวลาเจ็บป่วย โดยสามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้ โดยลดหย่อนได้ตามจริง แต่รวมเบี้ยประกันของพ่อและแม่แล้วต้องไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท
แต่กรณีของประกันลูกกตัญญูนั้น ลูกหลายคนสามารถร่วมกันทำประกันให้กับพ่อหรือแม่ได้ โดยเฉลี่ยเบี้ยประกันไปตามส่วนของผู้มีเงินได้ ตามที่จ่ายเบี้ยไปจริง แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทเช่นกัน
จบจากเรื่องลูกที่ดี ก็เป็นเรื่องของ “คนใจดี” ที่อุปการะเลี้ยงดูผู้พิการที่มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทในปีภาษี ไม่ว่าผู้พิการคนนั้นจะเป็นพ่อแม่ของเรา พ่อแม่ของคู่สมรส คู่สมรส ลูก หรือแม้แต่คนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ก็สามารถหักค่าลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพได้คนละ 6 หมื่นบาท แต่ผู้พิการนั้นจะต้องมีบัตรประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และมีชื่อของผู้ที่มีสิทธิลดหย่อนภาษีเป็นผู้ดูแลในบัตรประจำตัว
ส่วนที่ฮอตและฮิตมากๆ ต้องยกให้รายการ “เงินบริจาค” ให้แก่สาธารณกุศล ถ้าสนับสนุนการกีฬา สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เท่ากับจำนวนที่จ่ายจริง แต่ถ้าเป็นบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษาสามารถหักลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่ได้จ่ายไปจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินคงเหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้ว
โดยเงินบริจาคเพื่อการศึกษาที่เข้าเงื่อนไขหักลดหย่อนได้ 2 เท่า จะครอบคลุมกรณี 1.เงินบริจาคเพื่อจัดหาหรือจัดสร้างอาคาร พร้อมที่ดินหรือที่ดินให้แก่สถานศึกษาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษา 2.เงินบริจาคเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อการศึกษา แบบเรียน ตำรา หนังสือวิชาการ สื่อหรือเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และ 3.เงินบริจาคในการจัดหาครู อาจารย์หรือผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา การประดิษฐ์ การพัฒนา การค้นคว้า หรือการวิจัย สำหรับนักเรียน นิสิตหรือนักศึกษาของสถานศึกษา
นอกจากนี้ ยังมีเงินบริจาคให้แก่มูลนิธิที่ได้รับการรับรอง เงินบริจาคให้แก่วัด ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
ดูๆ ไปแล้ว เหมือนสรรพากรเป็นพญามัจจุราช ที่สร้างกล่องรากบุญ ตามประมวลรัษฎากร ปล่อยให้กิเลส คือ สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี เป็นเหยื่อล่อให้ผู้ครอบครองกล่อง คือ ผู้มีเงินได้พยายามทำความดี ทั้งดูแลพ่อแม่ (ซึ่งดูแลจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ บางบ้านพี่น้องแทบจะทะเลาะกัน เพราะแย่งกันเอาค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ไปลดหย่อนภาษี ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วต่างก็ไม่เคยดูดำดูดี) ทั้งดูแลคนพิการ รวมถึงเงินบริจาค ที่บางคนใช้วิธีซื้อใบบริจาคจากมูลนิธิ จากวัด จากสถานศึกษา
เห็นแล้วนึกถึง “เจติยา” ในรากบุญ ที่บอกว่า ตราบเท่าที่มนุษย์เอาความอยากได้ อยากมีเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ใช้ความดีเป็นที่ตั้ง ก็เหมือนกับสะสมกิเลสให้พอกพูน ลองคิดกลับข้าง ให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี เป็นแค่ผลพลอยได้ จากความตั้งใจทำดี ดูแลพ่อแม่ จากการอุปการะผู้พิการหรือจากการบริจาค
สิ่งตามมา ย่อมได้มากกว่าแค่ถูกกฎหมายและถูกต้องในสิทธิที่พึงมีพึงได้เท่านั้น
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #29552 โดย Champcyber99



สรรพากร แนะขอคืนภาษีผ่านเน็ตได้เงินเร็วกว่า ขยายถึง 9 เม.ย.
สรรพากร แนะยื่นแบบขอคืนภาษีผ่านเน็ตเร็วกว่ายื่นแบบกระดาษ ได้รับเงินคืนภายใน 15 วัน หากไม่ติดปัญหาเอกสาร ขยายเวลาถึง 9 เม.ย. ตั้งเป้ายื่นผ่านเน็ตเพิ่มเป็น 7-8 ล้านคน
เมื่อวันที่ 11 มกราคม นางจิตรมณี สุวรรณพูล ที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี กรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปีภาษี 2555 นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหลายรายการ เพราะมีการอนุญาตให้สามีภรรยาแยกกันยื่นภาษีได้ ดังนั้น ทางกรมสรรพากรจึงจะเปลี่ยนแบบ ภ.ง.ด. ใหม่ ทั้งแบบฟอร์มที่ยื่นทางกระดาษ และการยื่นแบบทางอินเทอร์เน็ต แต่จะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อป้องกันความสับสน
ทั้งนี้ นางจิตรมณี ยังได้แนะนำด้วยว่า อยากให้ประชาชนยื่นแบบขอคืนภาษีทางอินเทอร์เน็ตมากกว่าแบบกระดาษ เพราะสะดวกและแม่นยำในการคำนวณภาษีมากกว่า อีกทั้งยังจะได้รับเงินคืนเร็วกว่าด้วย โดยหากไม่ติดปัญหาเรื่องเอกสาร เพียง 15 วันก็จะได้รับเงินคืนแล้ว แต่หากยื่นแบบกระดาษจะต้องรอถึงเดือนกุมภาพันธ์ เพราะต้องจัดพิมพ์แบบยื่นภาษีรูปแบบใหม่ให้เสร็จก่อน จะทำให้ได้รับเงินคืนล่าช้าไปด้วย
อย่างไรก็ตาม การยื่นภาษีเงินได้ในปีนี้ วันสุดท้ายจะตรงกับวันที่ 31 มีนาคม ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ดังนั้น นางจิตรมณี จึงชี้แจงว่า ทางกรมสรรพากรจะยืดระยะเวลาการยื่นภาษีออกไปอีก 1 วัน ไปสิ้นสุดวันที่ 1 เมษายนแทน แต่หากยื่นภาษีทางอินเทอร์เน็ตจะสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 9 เมษายน เพื่อจูงใจให้คนยื่นภาษีผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยตั้งเป้าว่า ปีนี้จะมีผู้ใช้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต 7-8 ล้านคน จากจำนวนฐานภาษีทั้งหมดเกือบ 10 ล้านคน
สำหรับกรณีที่บางคนอาจต้องชำระภาษีเพิ่มนั้น กรมสรรพากรได้แจ้งให้สามารถชำระผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพได้ ซึ่งมีระยะการปลอดดอกเบี้ยและจ่ายเงินจริงอีก 45 วัน
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #29753 โดย ntps

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Champcyber99, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #30169 โดย Champcyber99
อย่าชะล่าใจ กับภัยบัตรเครดิต
“บัตรเครดิต” ไม่ว่าจะแบบไหน นิยามจริงๆ คือเป็น “บัตรเงินกู้” ที่ผู้ถือมีเครดิตสามารถ
กู้เงินมาหมุนได้ก่อนแล้วค่อยชำระคืนที่หลัง แต่ถ้าชำระช้ากว่ากำหนดแล้วล่ะก็.....ทั้งต้นทั้งดอกเบี้ยทบ
ทวีคูณ!
อันที่จริงบัตรเครดิตมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ “ใช้เป็ น” เพราะช่วยอำนวยความสะดวกในการ
ซื้อสินค้าต่างๆ โดยไม่ต้องพกเงินสดทีละมากๆ เสี่ยงภัยกับโจร ผู้ร้าย ที่สำคัญเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อ
เดินทางไปต่างประเทศเพราะไม่ต้องคอย “แลกเงิน” แถมสลิปบัตรเครดิตยังเป็นบัญชีค่าใช้จ่ายประจำเดือน
ที่ตรวจสอบได้ง่าย ทว่า โทษของบัตรเครดิตก็มีเช่นกัน หากคุณใช้เงินเพลินมือ ดอกเบี้ย 0 % ที่เห็นใน
โปรโมชั่นสินค้า ร้านค้าต่างๆ อาจทำให้คุณต้อง “ลมจับ” เพราะ “ดอกเบี้ยล้มทับ” ก็เป็นได้
“ภัยบัตรเครดิต” ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับเรื่อง
ร้องเรียนมีอยู่ด้วยกันหลายเรื่องคือ
1. คนเดียวถือบัตรเครดิตหลายใบ ทำให้ไม่สามารถผ่อนชำระคืนได้ ปัญหาอื่นๆ จึงเกิด
ตามมา ไม่ว่าจะเป็นการติดตามทวงหนี้ มีการหักหนี้จากบัญชีเงินเดือนโดยไม่แจ้งให้ทราบ
2. บัตรเครดิตถูกขโมยไปใช้ ทำให้มียอดเรียกเก็บโดยที่ผู้ถือบัตรไม่รู้ตัว
3. มีรายการค่าใช้จ่ายปรากฏโดยที่ผู้บริโภคไม่ได้ใช้ และถูกเรียกเก็บเงินจากสถาบันการเงิน
4. มีการร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลเครดิต ถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะได้ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว แต่ก็
ไม่สามารถทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินอื่นๆ ได้ รวมถึงมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
ดังนั้น...เพื่อประโยชน์ของตนเอง เราต้องรู้จักคุ้มครองสิทธิของตนเองก่อน...
จากประกาศเรื่อง “ธุรกิจบัตรเครดิตเป็ นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2542” ของ
คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา จะช่วยแก้ปัญหาการถูกเอารัดเอาเปรียบของผู้บริโภคทั่วไปได้
การคุ้มครองแรกมีสิทธิขอระงับการใช้บัตรเครดิตชั่วคราวทางโทรศัพท์หรือแจ้งมายัง
ศูนย์บริการลูกค้า โดยสถาบันการเงินจะต้องระงับการให้บริการบัตรเครดิตแก่เจ้าของบัตรทันทีหรือไม่เกิน 5
นาทีหลังจากที่ได้รับแจ้ง และที่สำคัญ ผู้บริโภคไม่ต้องรับผิดชอบภาระหนี้ใดๆ ภายหลังจากการแจ้ง หรือ
ภายใน 5 นาที เว้นแต่สถาบันการเงินพิสูจน์ได้ว่าภาระหนี้ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของผู้บริโภคจริง
อีกประการ หากผู้บริโภคไม่ได้เป็นผู้สั่งซื้อสินค้า หรือรับบริการจากผู้ขาย สามารถทักท้วงขอ
ระงับการเรียกเก็บเงินจากสถาบันการเงินได้ทันที เว้นแต่สถาบันการเงินจะพิสูจน์ได้ว่าหนี้ที่เกิดขึ้นนั้นเป็น
การกระทำของผู้บริโภคจริง จึงสามารถเรียกเก็บหนี้ย้อนหลังได้
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #30175 โดย Lyncns31
ขอขอบคุณท่านเชาวเลิศ..และทุกๆท่านที่สรรหาเรื่องราวดีๆมาฝากเพื่อนสมาชิกอยู่เนืองๆ

ผมหวังว่า เพื่อนๆทุกท่าน..น่าจะได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย..

และอีกเรื่องคือสำหรับกระทู้นี้เราไม่ได้ปิดกั้นอะไร..เป็นกระทู้เปิด.

ท่านสามารถร่วมแบ่งปันด้วยได้ ตามสบาย มีอะไรดี หรือเตือนภัยอะไรก็เอามาลงในนี้ไ้ด้

อีกเรื่องนึงก็อยากให้ท่านกด Like ให้ผู้ที่เอาเรื่องมาลงสักหน่อย เพื่อเป็นแนวๆว่าท่านมีความสนใจ

ในเรื่องราวอะไร หรืออาจเสนอหัวข้อ หรือประเด็นอะไรขึ้นมาก็ได้.เพื่อที่พวกเราก็จะได้ไปสรรหามา

นำเสนอให้ทราบ เท่าที่จะทำได้.จะได้เกิดประโยชน์แก่ทุกคนอย่างกว้างขวางยิ่งๆขึ้นไป..

...........................................................ขอบคุณครับ...

และแล้ว...หนี้ข้าก็สิ้นสุด..อิสรภาพมาถึงแล้ว.
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #30604 โดย Champcyber99
ครม. ไฟเขียว ลดส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคม ร้อยละ 1




ครม. ไฟเขียว ลดส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้างและลูกจ้าง ในอัตราเท่ากันร้อยละ 1 ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายจ่ายร้อยละ 4 ตลอดปี 56 บังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่เดือน ม.ค. 56 เป็นต้นไป


วันนี้ (29 มกราคม) นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ในเรื่องของการลดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้างและลูกจ้าง ในอัตราเท่ากันคือ ร้อยละ 1 โดยจะส่งผลให้ทั้ง 2 ฝ่าย ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนร้อยละ 4 ตลอดปี 2556 ทั้งนี้ก็เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท


นายเผดิมชัย กล่าวต่อว่า ในเรื่องนี้จะมีการประกาศราชกิจจานุเบกษาภายใน 30 วัน ถึงจะมีผลบังคับใช้ แต่ทางที่ประชุมเห็นว่า ในช่วงสิ้นเดือนต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนฯ อยู่แล้ว จึงให้เริ่มบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่เดือนมกราคมนี้เป็นต้นไป
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #30684 โดย ntps
บทความสอนใจ คุณ "กำ" อะไรอยู่ ?

ครอบครัวที่น่ารักอยู่ครอบครัวหนึ่งมี พ่อ แม่ และบุตรชายวัย 5 ขวบ กำลังน่ารักเลยทีเดียว เจ้าหนูเป็นเด็กที่ซนอย่างร้ายกาจและขี้สงสัยอย่างมาก อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูก ไปคว้าเอาแจกันหยกแกะสลักต้นราชวงศ์หมิง ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามันราคาแพงมากนำมาเล่นพลิกคว่ำพลิกหงาย สักพักก้อล้วงมือเข้าไปในแจกัน

ทันใดนั้นเจ้าหนูก้อทำตาโตเท่าไข่ห่านดูเหมือนจะดีใจที่ล้วงเข้าไปเจออะไรสักอย่าง แต่ปัญหาหาอยู่ที่ว่าเจ้าหนูจะดึงมือออกมาได้อย่างไร เจ้าหนูเริ่มกระสับกระส่ายพยายามดึงมือออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ จนต้องใช้ไม้ตายคือ "ทำไม่ได้ร้องไห้ไว้ก่อน" เสียงเอ็ดอึงเป็นผลให้พ่อและแม่ต้องวิ่งมาดู เมื่อมาพบเข้าต่างก็พยายามช่วยกันดึงมือของเจ้าหนูออกจากแจกันด้วยวิธีต่าง ๆ น้ำมันก็แล้ว น้ำสบู่ก็แล้ว ทำอีท่าไหนก็ไม่ออก จนสุดท้ายผู้เป็นพ่อต้องตัดใจทุบแจกันหยกราชวงศ์หมิงทิ้ง เพื่อรักษามือของลูกชายเอาไว้ เมื่อมือของเจ้าหนูหลุดจากแจกันแล้วพ่อและแม่ก็พบว่ามือเจ้าหนูกำอะไรบางอย่างจนแน่น

ผู้เป็นแม่จึงถามลูกชายว่า "หนูกำอะไรอยู่จ๊ะลูก ?" เจ้าหนูตอบพร้อมทำสีหน้าขึงขัง "ผมปล่อยมันไม่ได้หรอกครับ"

"แล้วมันคืออะไรจ้ะลูก?" ผู้เป็นพ่อเริ่มสงสัย

"มันเป็นสตางค์ครับ" เจ้าหนูตอบพร้อมกับค่อย ๆ แบมือออกอย่างทนุถนอม ปรากฏว่าในมือของเจ้าหนูมีเพียงเหรียญสลึงอยู่สองเหรียญ เจ้าหนูหารู้ไม่ว่าการที่เขาพยายามกำเหรียญเอาไว้ ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียของมีค่ากว่าเป็นพัน ๆ เท่า

แล้วคุณล่ะ...ขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ คุณกำลัง "กำ" อะไรไว้ในชีวิตบ้าง เงิน ? ชื่อเสียง ? หน้าตาทางสังคม ? ทิฐิ ?

แล้วสิ่งที่คุณกำอยู่ทำให้คุณสูญเสียอะไรที่มีค่ามหาศาลไปบ้าง เวลา, ครอบครัว, พ่อแม่, คนที่รักเรา



ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Champcyber99

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #30687 โดย น้ำมนต์
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #30949 โดย ntps
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า จากข่าวที่ปรากฏเรื่องหนี้เสียบนหนังสือพิมพ์เช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 ว่า มีหนี้เสีย 16 ล้านบัญชีนั้น เป็นข้อมูลที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงมาก โดยจุดที่ผิดคือตัวเลขหนี้เสียที่ระบุนั้นไม่ได้ใส่จุดทศนิยมระหว่างเลขหนึ่งกับเลขหก ข้อมูลที่ถูกต้องคือ 1.6 ล้านบัญชีเท่านั้นที่เป็นหนี้เสีย



เครดิตบูโรขอเรียนว่าย้ำว่าข้อมูลดังกล่าวผิดจากข้อเท็จจริงไปมากที่ถูกต้องคือ มีบัญชีสินเชื่อที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไปจำนวน 1.6 ล้านบัญชีจากจำนวนบัญชีสินเชื่อที่บุคคลธรรมดามีอยู่ทั้งหมดประมาณ 44 ล้านบัญชี สถานการณ์ดังกล่าวนี้อยู่ในภาวะที่สถาบันการเงินสามารถกำกับดูแลและบริหารจัดการได้ เพราะมีความเข้มงวดในการคัดกรองและพิจารณาสินเชื่ออยู่แล้ว ในส่วนที่ต้องระมัดระวังคือ การสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ตระหนักว่าการก่อหนี้ใหม่นั้นต้องอยู่บนเหตุผล อยู่บนความสามารถในการชำระหนี้ ไม่สร้างภาระหนี้ให้กับตนเองมากเกินไปจนกลายเป็นปัญหาครอบครัวและกลายเป็นปัญหาสังคมในท้ายที่สุด



ถามว่าจะดูอย่างไรว่าตัวเรามีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ ให้ดูอย่างนี้คือ เอาภาระหนี้ทั้งหมดที่เราจะต้องจ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ผ่อนบัตรครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่กู้เป็นก้อนผ่อนเป็นงวดในแต่ละเดือนเป็นตัวตั้งหารด้วยรายได้ที่เข้ามาของตัวเราในเดือนเดียวกันแล้วดูว่าเกิน 40% หรือไม่ หากเกินไปในระดับ 50-60% แล้วก็เข้าข่ายไฟเหลือง หากไปถึง 70-80% ก็คือไฟแดงแล้วไม่ควรคิดก่อหนี้เพิ่มอีก เพราะหลักพื้นฐานทั่วไปในเงิน 100% ที่เป็นรายได้เข้ามาแต่ละเดือนนั้นโดยทั่วไปคนเราก็ต้องกินต้องใช้ประมาณ 30% ที่เหลือ 70% คือการเอาไปออมเป็นลำดับแรก ต่อด้วยการลงทุนหรือการชำระหนี้สินในแต่ละเดือนที่ครบกำหนด” นายสุรพลกล่าวในที่สุด

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, Champcyber99, june, Lyncns31

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #31031 โดย june
แจ้งข่าวให้สมาชิกได้ทราบว่าในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา

ท่านประธานชมรม คุณนกกระจอกเทศ

ท่านรองประธาน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คุณ chaowalert

กรรมการชมรม คณปูเป้

ได้เข้าร่วมประชุมร่าง พรบ.บัตรเครดิตที่รัฐสภา เพื่อผลักดันให้ท่านประธานคณะกรรมาธิการ

นโยบายการเงิน การคลัง และงบประมาณ พร้องทั้งคณะกรรมมาธิการ

เห็นสอดคล้องตามที่ทางชมรมเสนอ







รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, Champcyber99

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #31052 โดย Lyncns31
ไม่ได้อ้างอิง..หลุดหน้าอีกแล้ว..

........................................................................................

แจ้งข่าวให้สมาชิกได้ทราบว่าในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา

ท่านประธานชมรม คุณนกกระจอกเทศ

ท่านรองประธาน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คุณ chaowalert

กรรมการชมรม คณปูเป้

ได้เข้าร่วมประชุมร่าง พรบ.บัตรเครดิตที่รัฐสภา เพื่อผลักดันให้ท่านประธานคณะกรรมาธิการ

นโยบายการเงิน การคลัง และงบประมาณ พร้องทั้งคณะกรรมมาธิการ

เห็นสอดคล้องตามที่ทางชมรมเสนอ






...ได้ค่าข้าวรึเปล่า..ปูเป้....?

แล้วท่านประธานได้พูดอย่างที่ตั้งใจรึเปล่า.?.เล่าให้ฟังด้วย..

ตอนเราไปกับท่านเชาวเลิศ..ไม่ได้ถ่ายรูปกะเค้าเลย...เฮ้อ..เลยไม่ดัง..!!! :เฮ้อ:

...เอา..มีเวทีให้แล้ว..ต้องแสดงมั่ง...จะได้สำเหนียกกันนิดนึง....

...อุ๊ย.ล่าสุดเนี่ย.เค้าว่าคนแบบพวกเรามีแค่ล้านกว่าคนเองนะ..ไม่เยอะ..จริงป่ะ..??

................................... ^^ ^^ ^^

อ้อ..นิดนึง..จะไปงานใหญ่ทั้งที..ทำไมไม่ทาแป้งทาขมิ้นให้นวลๆหน่อย..ฮึ..???

และแล้ว...หนี้ข้าก็สิ้นสุด..อิสรภาพมาถึงแล้ว.
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Mommyangel, Ploylyly, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #31057 โดย june

devil angel เขียน: ไม่ได้อ้างอิง..หลุดหน้าอีกแล้ว..

........................................................................................

แจ้งข่าวให้สมาชิกได้ทราบว่าในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา

ท่านประธานชมรม คุณนกกระจอกเทศ

ท่านรองประธาน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คุณ chaowalert

กรรมการชมรม คณปูเป้

ได้เข้าร่วมประชุมร่าง พรบ.บัตรเครดิตที่รัฐสภา เพื่อผลักดันให้ท่านประธานคณะกรรมาธิการ

นโยบายการเงิน การคลัง และงบประมาณ พร้องทั้งคณะกรรมมาธิการ

เห็นสอดคล้องตามที่ทางชมรมเสนอ






...ได้ค่าข้าวรึเปล่า..ปูเป้....?

ค่าข้าวไม่ได้ ได้แต่ข้าวกล่องที่เขาแจกค่ะ

แล้วท่านประธานได้พูดอย่างที่ตั้งใจรึเปล่า.?.เล่าให้ฟังด้วย..

ได้พูดค่ะแต่พูดไม่ได้หมด เพราะเขาให้เวลาเรานิดเดียว

ตอนเราไปกับท่านเชาวเลิศ..ไม่ได้ถ่ายรูปกะเค้าเลย...เฮ้อ..เลยไม่ดัง..!!! :เฮ้อ:

...เอา..มีเวทีให้แล้ว..ต้องแสดงมั่ง...จะได้สำเหนียกกันนิดนึง....

...อุ๊ย.ล่าสุดเนี่ย.เค้าว่าคนแบบพวกเรามีแค่ล้านกว่าคนเองนะ..ไม่เยอะ..จริงป่ะ..??

................................... ^^ ^^ ^^

อ้อ..นิดนึง..จะไปงานใหญ่ทั้งที..ทำไมไม่ทาแป้งทาขมิ้นให้นวลๆหน่อย..ฮึ..???

โธ่...พี่เหนอ ตื่นแต่เช้าแต่งหน้าทาปากอย่างดี ง่วงก็ง่วง หิวก็หิว

ที่เห็นหน้าซีด ก็เพราะจะเป็นลมน่ะสิ


รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps, Champcyber99

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #31098 โดย ntps


ขนาดไปแบบรีบเร่ง ยังสวยธรรมชาตินะเนี่ย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ แต่ดูท่าคุณปูเป้ง่วงมากนะค่ะ แต่ท่าทาง

2 หนุ่มดูเป็นงานเป้นการมากค่ะ โดยเฉพาะ

พ่อเลิศ นึกว่า ท่าน ส.ส มา อยู่จังหวัดอะไรค่ะ ^^

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Champcyber99, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #31101 โดย jackhunter
ขอชื่นชมด้วยจิตคาราวะ ต่อการทำงานของพี่ๆทั้ง 3คน ที่เป็นกระบอกเสียงต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้กับพวกเราชาวลูกหนี้(ที่มีหลายแสนคน)

ปล.พี่เป้อย่าทำหน้าดุมากนะครับ ผมกลัว :laughing:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #31132 โดย Champcyber99

หนี้ครัวเรือน-ค่าแรง-ภัยแล้ง
ปัญหาระบบเศรษฐกิจของไทยทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ “เงินนอกทะลัก” หรือ “ค่าเงินบาทแข็งค่า” ที่บรรดา “กูรู” กำลังถกเถียงหน้าดำคร่ำเคร่งเท่านั้นที่น่าห่วง แต่ตอนนี้กำลังจะมีหลายๆ ปัจจัยที่เป็นโจทย์ใหญ่ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เร่งแก้อย่างเร่งด่วน

ปัญหาแรกที่อาจจะยึดโยงกับการแก้ปัญหา “ค่าเงินบาท” นั่นคือ “หนี้ครัวเรือน” ที่ตอนนี้แบงก์ชาติระบุชัดว่าหนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เรื่องนี้กำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะแนวโน้มที่ลูกหนี้จะค้างชำระเกินหนึ่งเดือนเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนทั้งหมด 1.6 ล้านบัญชีจาก 44 ล้านบัญชี สินเชื่อรถยนต์ค้างชำระมากที่สุดราวๆ 6% จากจำนวนรถทั่วประเทศ 5.5 ล้านคัน ในปีที่ผ่านมาสินเชื่อรถยนต์ขยายตัวสูงสุดถึง 30% บัตรเครดิต 25% ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่าหมื่นบาทต่อเดือนมีแนวโน้มค้างชำระเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่แบงก์ชาติกังวลที่สุด ยิ่งหากจะต้อง “ลดดอกเบี้ยนโยบาย” เพื่อแก้ปัญหาเงินนอกทะลักส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า เพราะเท่ากับกระตุ้นให้คนใช้จ่ายมากขึ้นหนี้ก็จะเพิ่มสูงขึ้นอาจจะกระทบถึงความสามารถในการชำระหนี้และความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจ
“ภัยแล้ง” เป็นปัญหาที่ไม่มีใครสนใจเหมือน “ปัญหาน้ำท่วม” เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วรัฐบาลสัญญาว่าเตรียมรับมือภัยแล้งไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จนถึงวันนี้นโยบายรูปธรรมในการแก้ปัญหากลับไม่คืบหน้า ขณะนี้มีพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งถึงขั้นประกาศเป็นเขตภัยพิบัตแล้ว 26 จังหวัดคาดว่าชาวนาชาวสวนได้รับผลกระทบ 3.1 หมื่นคน พืชผลการเกษตร ข้าว พืชไร่ ผักผลไม้เสียหายส่งผลกระทบการส่งออกสินค้าเกษตรอย่างหนัก รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการจ่ายเงินชดเชยซึ่งแก้ที่ปลายเหตุ

อีกเรื่องคือค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทจะดูเงียบๆ แต่ก็ทิ้งปัญหาๆ ไว้มากมาย ทั้งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการจนปิดกิจการ ย้ายโรงงานหนี ลอยแพพนักงาน และเลิกลงทุนในต่างจังหวัดหันมาลงทุนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือไปลงทุนต่างประเทศที่ค่าแรงต่ำ

สุดท้ายผู้ประกอบการต้องเลือกใช้วิธีปรับขึ้นราคาสินค้าอ้างว่าต้นทุนค่าแรงเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้แทนที่จะมาเถียงกันว่าจะคุมออย่างไรไม่ให้เงินนอกทะลัก ค่าบาทควรจะอยู่ตรงไหน ก็เอาปัญหาทั้งหมดนี้มาดูร่วมกันแล้วแก้แบบบูรณาการไปทีเดียวเลยไม่ดีกว่าหรือ
ข่าวสด
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, june, น้ำมนต์, jackhunter

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #31244 โดย ntps
ชีวิตที่พอเพียง





การออมเงินค่ะ



ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, Champcyber99, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #31246 โดย ntps

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, june, น้ำมนต์, jackhunter

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #31257 โดย ntps
เนื่องในวันตรุษจีนค่ะ หากพี่น้องใครที่ไหว้ ก็ลองอ่านดูนะค่ะ

ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้นค่ะ ไม่มีแค่ยกมือไหว้ ก็นับว่า ดีที่สุดแล้วเป็นมงคลแด่ตนเองค่ะ

ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ




ขึ้นอยู่กับความเชื่อ และศรัทธาของแต่ละคนค่ะ



ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Ploylyly, Champcyber99, june

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #31298 โดย อยากหลุดพ้น

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #31309 โดย june

devil angel เขียน: ไม่ได้อ้างอิง..หลุดหน้าอีกแล้ว..

........................................................................................

แจ้งข่าวให้สมาชิกได้ทราบว่าในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา

ท่านประธานชมรม คุณนกกระจอกเทศ

ท่านรองประธาน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คุณ chaowalert

กรรมการชมรม คณปูเป้

ได้เข้าร่วมประชุมร่าง พรบ.บัตรเครดิตที่รัฐสภา เพื่อผลักดันให้ท่านประธานคณะกรรมาธิการ

นโยบายการเงิน การคลัง และงบประมาณ พร้องทั้งคณะกรรมมาธิการ

เห็นสอดคล้องตามที่ทางชมรมเสนอ

แล้วท่านประธานได้พูดอย่างที่ตั้งใจรึเปล่า.?.เล่าให้ฟังด้วย

ได้พูดค่ะแต่พูดไม่ได้หมด เพราะเขาให้เวลาเรานิดเดียว

เป้ขออนุญาตขยายความนิดนึงค่ะ วันที่ไปประชุมที่รัฐสภา

ท่านประธานได้พูดถึง...

-การหยุดจ่ายหนี้ของลูกหนี้ ทางชมรมของเราไม่ได้ส่งเสริมให้ลูกหนี้หนีหนี้

แต่จะจ่ายให้ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อที่จะไม่ต้องหมุนเวียนบัตรนี้ไปจ่ายบัตรนั้น

ทำให้หนี้ยิ่งพอกเข้าไปอีก...

-การทวงหนี้ประจานไปยังบุคคลที่สาม เช่นโทรทวงในยามวิกาล

หรือทวงไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน...

-การติดเครดิตบูโร ในจำนวนเงิน 2,000.00 ถึง 5,000.00 ทำไมต้องติดด้วย

ซึ่งท่านประธานกรรมาธิการ ได้ให้ไปเก็บข้อมูลนี้ว่ามีเป็นจำนวนเท่าไหร่...

หากมีข้อมูลใดที่ตกหล่น เป้ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


รักษาเกียรติของคุณไว้
เมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สุภาพ...

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 1.446 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena